tripgether.com

เที่ยวประจวบ ปราณบุรี ความรู้สึกดีๆ ใน 3 วัน 2 คืน กับเงินที่เสียไปแบงค์พันสองใบมีทอน!!

29,286 ครั้ง
19 เม.ย. 2560

เมษาหน้าร้อน.. และนี่คือบันทึกการเดินทางที่ได้ไปเที่ยวปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่จะพาคุณไปเที่ยวปราณบุรี พาไปกินลมทะเลที่หาดเขากะโหลก พาไปขึ้นถ้ำพระยานคร พาไปทางขึ้นจุดชมวิวเขาแดง พาไปพูดคุยกับชาวประมง.. และถ้าหากคุณต้องการความสงบ สบาย ๆ ไม่วุ่นวาย แนะนำที่นี่เลย ปราณบุรี.. 

วันแรก.. เช้าวันเสาร์ เวลา 5.00 น. นี่คงเป็นเช้าที่แสนสดใส อากาศเย็นพอสบาย เหมาะสำหรับเดินทาง อีกซักพักพระอาทิตย์คงขึ้นส่องแสงลงมา.. ทำให้สามารถอาบแสงอ่อนๆ จากพระอาทิตย์ได้ พร้อมกับการเดินทางด้วยความสดใส..

6.00 น. ขึ้นรถตู้ที่ Big C พระราม 2 ออกเดินทางประมาณ 6.30 น. ระหว่างทางฝนก็ยังตกอยู่เช่นเดิม.. ในใจก็คิด นี่ทริปจะล่มหรือเปล่านะ.. เพราะกรมอุตุยังบอกอีกว่าช่วงนี้มีพายุเข้าบริเวณภาคใต้ตอนบน.. แต่เอาว่ะ ตั้งใจจะไปแล้ว ยังไงก็ต้องไปให้ได้!! จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสี่แยกปราณบุรี.. ต้องเหมารถเข้าไปที่พักอีกหน่อย เพราะตอนนี้รถสองแถวไม่วิ่งแล้วครับ..

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง กับระยะทาง ประมาณ 25 กิโล ก็ถึงโรงแรมที่เราจองไว้ นั่นคือโรงแรมบ้านรักทะเล.. 

ด้านหน้าของโรงแรมมีหาดชื่อว่า หาดสามร้อยยอด อยากเล่นทะเลเมื่อไหร่ก็เดินออกมาก็เล่นได้แล้ว พี่ที่โรงแรมบอกว่าตอนเช้าๆ หรือ ดึกๆ ไม่แน่ใจ จะมีกิจกรรมหาปูหาปลาบริเวณชายหาดด้วยนะ..

เดินเล่นไปซักพัก ในส่วนของท้องก็ร้องออกมาเป็นเพลงว่า “ นี่แหละหิว ยิ่งกว่าหิว.. ” เราก็เลยแวะหาอะไรกินหน้าโรงแรม บริเวณชายหาด ซะเลย ..

ราคาอาหารที่นี่ไม่แพงมากครับ 40 ถ้าเป็นอาหารทั่วไป 50 บาท ถ้าเป็นอาหารทะเล เรียกว่าอิ่มได้ในราคาไม่แพง..

เข้าที่พักแล้ว เก็บของแล้ว กินข้าวแล้ว ก็จัดการออกเที่ยวสิครับ รออะไร.. คนพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ ออกเดินทางได้.. และที่ที่แรกที่เราจะไปคือ ปากน้ำปราณนั้นเอง! ขับรถมาเรื่อยๆก็ยิ่งเห็นเรือประมงเรื่อยๆ สวยมากๆเลย ก็เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย

ระหว่างทางก็เจอป้ากำลังทำอะไรแปลกๆ เหมือนพรวนดิน.. เราก็เกิดความสงสัยจึงเข้าไปถามว่าเขากำลังทำอะไร พอได้คุยกับป้า เราจึงรู้ว่าป้ากำลังหาหอย แถมป้าบอกว่าหามาตั้งแต่ตี 5 ป้าบอกว่าวันนี้หาไม่ค่อยได้เลย หอยหายากมาก

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอแวะถ่ายรูปอีกซักหน่อยละกัน…

พอคลายความสงสัยแล้วเราจึงเดินทางต่อ.. ระหว่างทางก็ยังคงเห็นบ้านเรือนเก่าๆอยู่เป็นระยะ ๆ

ใช้เวลาไม่นานในที่สุดเราก็มาถึงปากน้ำปราณแล้ว !!

ที่นี่เราจะพบกับเรือประมงจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่กำลังจอดอยู่ริมฝั่ง มองไปไกลๆเห็นลุงคนนึงกำลังทำอะไรกับเรือ.. รออะไรละ จู่โจมสิครับ.. พุ่งตรงไปถามลุงว่ากำลังทำอะไร.. 

พบว่าลุงกำลังซ่อมเครื่องเรืออยู่ครับ เราก็ถามไปเรื่อยว่าเป็นเรืออะไร จับอะไร และพบว่าเป็นเรือประมงหาหมึก ซึ่งที่ปราณนี่ก็เรื่องลือเรื่องหมึกไม่น้อยเลย..

สบายๆ ครับ อยากไปที่ไหน มีกัปตันเรืออยู่นี่แล้ว จากปากน้ำปราณก็เดินทางต่อไปที่ วนอุทยานท้าวโกษา หรือหาดเขากะโหลก ใช้เวลาอีกประมาณ15 นาที จากปากน้ำปราณก็ถึงที่หมาย..

ที่นี่คนเยอะมาก จะเยอะเป็นพิเศษ คนที่มาก็จะมีโต๊ะมีเก้าอี้ให้เช่า ถ้าไม่ติดทะเลก็ตัวละ 20 บาท ถ้าติดทะเลก็ตัว 30 บาท พวกผมก็เลยเช่าสุดเขตของ 20 บาท เอาให้ใกล้ทะเลมากที่สุด

น้ำทะเลที่นี่โอเคมาก เค็มเหมือนน้ำทะเลเลย (อ่าว…) มีถ้ำเล็กๆให้ศึกษา และยังมีทางขึ้นเขากะโหลกให้ไปชมวิวด้วย แต่ผมไม่ได้ขึ้นไป เสียดายเหมือนกัน เนื่องจากมีเวลาไม่มาก..

ที่นี่คุณจะได้พบกับน้องหมาที่ร่างท้วมอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

หลังจากที่นั่งกินลมชมวิว และอิ่มท้องไปกับส้มตำไก่ย่างของที่นี่แล้ว ก็เดินทางต่อไป.. สถานที่ต่อไปนั้นคือ ตลาดเก่าเมืองปราณบุรี.. ใช้เวลาไม่นานมากก็มาถึงตลาดเก่าเมืองปราณบุรี ซึ่งเป็นตลาดถนนคนเดิน ให้เดินแวะชม แวะซื้อ แวะกินกันได้เต็มที่

ที่ที่คุณจะพบกับบ้านเรือนแบบเก่าๆ สินค้าแบบเก่าๆ (แต่แบบใหม่ๆก็มีนะ) ใครสายถ่ายรูปแนวเก่าๆ ที่นี่คือแบบใช่เลย..

แถมมีของกิน ให้กินเล่นเยอะมาก ใครสายตะลุยๆ นี่คือเพลินเลย

มีร้านโปรดปราณครับที่น่านั่งชิวมาก แต่เราไม่ได้นั่งเนื่องจากมันเริ่มที่จะมืดแล้ว กลัวจะกลับที่พักลำบาก ก็เลยไม่ได้แวะ (เสียใจมาก ใครได้แวะก็ช่วยมารีวิวด้วยนะครับ)

ต้องบอกก่อนเลยว่าตลาดนี้จะเปิดให้เดินแค่วันเสาร์เท่านั้น ในช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. ถึง 21.30 น. นะ โอเค เที่ยวมาซักพักก็เริ่มมืดแล้ว เรากลับกันดีกว่า ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปกับเจ้าของตลาดหน่อยนะครับ

ผ่านไป 1 วัน ที่แสนจะรวดเร็ว.. แต่การเดินทางครั้งนี้พึ่งเริ่มก็เท่านั้น..


วันที่ 2 เวลา 4.30 น. ตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน แต่ไม่อาบน้ำกัน เพื่อที่จะรีบตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาแดง กะว่าคงเป็นวิวที่สวยมากแน่ๆ ขับรถไปเรื่อยๆ ตาม Google Map แต่ทำไมทางขึ้นมันแปลกๆ อยู่ในวัด? เราเลยตรวจสอบอีกครั้งนึง ทำให้เราพบว่า มาผิดทางครับ

ใครจะไปก็ระวังหลงมาผิดทางเหมือนผมนะครับ ฮ่าๆ โอเค เอาใหม่ ไปที่ทางขึ้นกัน.. แต่เมื่อมาถึง ก็พบว่า.. มืดครับ มืดโคตรๆ (ฮ่า) แถมไม่มีเจ้าหน้าที่ อาจเป็นเพราะไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เราก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะปลอดภัย เลยตัดสินใจไม่ขึ้นกัน งั้นขอดูอยู่ข้างล่างละกัน.. 

ได้แวะไปที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดมาด้วยครับ

มุ่งสู่สถานที่ต่อไปนั่นคือ ถ้ำพระยานคร.. แต่ระหว่างทาง มีอีกที่นึงที่น่าท่องเที่ยว คือ คลองเขาแดง ไหนๆก็ผ่านอยู่แล้วก็แวะถ่ายรูปซักหน่อยละกัน

ระหว่างทางมีพระบิณฑบาตด้วย สาธุๆ

โอเค พอใจแล้วเราก็เดินทางต่อ จุดเดินข้ามเขาเพื่อไปเข้าถ้ำพระยานครอยู่ที่เดียวกับหาดบางปู อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึง หาดบางปู.. 

แต่เดี่ยวๆๆๆ นั้นอะไร นั้นอะไร!!! เมฆครึ้มดำมาแต่ไกลเลย โอ้โหว ไม่น่าจะรอด แต่ไม่เป็นไร คงตกไม่นานหรอกกก

เช้าๆยังไม่ได้กินอะไร แถมเจ้าหน้าที่ขายบัตรยังไม่มา เราก็เลยตัดสินใจกินข้าวร้านๆนึงก่อน 

ร้านนี้เป็นร้านของป้าบุญมาครับ ป้าเขาใจดีมาก ชวนคุยโน่นคุยนี่ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ แถมอาหารก็โอเคเลยครับ ไม่แพง ใครสนใจก็แวะเข้าไปเยี่ยมเยียนได้นะครับ 
บอกป้าเขาว่ามาจากรีวิว ประจ๊วบมีปร๊าณ นะครับ แล้วป้าแกจะรับฟังครับ ไม่ได้ลดราคาอะไรหรอก

หลังจากที่เฟลกับการดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่พอ.. พี่น้ำฝนเขาก็เริ่มโปรยลงมา ค่อยๆหนัก ค่อยๆหนัก ตอนนั้นก็ทำได้เพียงร้องเพลงของพี่ติ๊กชีโร่.. “ฟ้ายังมีหม่นน ฝนยังมีวันแล้ง” แต่เมื่อไหร่จะแล้ง !!

ปาเข้าไป 11 โมงจ้า กว่าจะหยุดตก เมื่อฝนหยุดตกแล้ว จะรออะไร ลุยสิครับ! ซื้อบัตรก่อนขึ้นเขาด้วยนะครับ สามารถซื้อได้ตรงทางขึ้นเขาได้เลย

การจะเดินทางไปถ้ำพระยานครสามารถไปได้ 2 วิธี นั่นคือเดินทางโดยเรือ อ้อมภูเขา ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ก็ถึงหาดแหลมศาลา อีกวิธีนึงคือเดินข้ามเขา.. พวกผมตัดสินใจเดินข้ามเขากันเพราะอยากชมบรรยากาศรอบๆ

ในระหว่างทางเดินข้ามเขา.. คุณจะได้เห็นกับวิวทิวทัศน์ของหาดบางปูอย่างชัดๆ เลย ทางขึ้นไม่ชันมากครับ แต่จะมีโขดหินเยอะหน่อย เดินระวังๆนะครับ เพราะมันจะลื่นมากๆ

เดินต่อไป ชมธรรมชาติต่อไป.. แต่อย่าลืมนะครับ นี่แค่ข้ามเขา นี่เรายังไม่ถึงทางขึ้นถ้ำเลย

ฝนพึ่งตกหมาดๆ หยดน้ำยังเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ ใบไม้ บรรยากาศเย็นสบาย ถ่ายรูปเพลินสิครับ… 

อึ้บๆ อดทนอีกนิดครับ ตอนนี้เรามาถึงจุดเชื่อมแล้ว

เอาละครับ มองเห็นทางลงแล้ว ใกล้ถึงแล้ว.. ใกล้ถึงทางขึ้นถ้ำนะครับ ไม่ใช่ใกล้ถึงถ้ำ

ใช้เวลาในการข้ามเขาประมาณ 40 นาที ก็จะถึงหาดแหลมศาลา ที่นี่จะมีที่พักให้ด้วยนะ

มีร้านอาหารด้วยครับจะแวะกินก็ได้นะ ราคาไม่แพงมาก เพิ่มราคาจากเดิมนิดหน่อย อาจเป็นเพราะต้องนั่งเรือข้ามมาส่งวัตถุดิบ แต่ใครจะรู้เขาอาจใช้เครื่องบินโปรยวัตถุดิบลงมาก็ได้ ที่สำคัญ อย่าลืมแวะซื้อน้ำเปล่าขึ้นไปถ้ำด้วยละ ข้างบนถ้ำไม่มีขายนะ

เอาล่ะ มาถึงจุดเริ่มขึ้นถ้ำกันแล้ว.. เบาๆครับ 430 เมตร แต่อย่าลืมนะครับ ขึ้นเขานะครับ ไม่ใช่ให้เขาขึ้นเรา ขึ้นเขานะครับ ไม่ใช่เป็นทางราบเรียบ เรียกว่าน่าจะหอบใช้ได้เลย คนพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ เริ่มเดินขึ้นถ้ำกันเถ่อะ!!

ระหว่างจากจะมีจุดให้พักอยู่ ขอพักถ่ายรูปแปบนะครับ.. แต่เอาจริงๆ คือเริ่มหอบแล้วครับ ฮ่าๆๆ

เดินมาได้ซักพัก ความเหนื่อยล้าก็จะเริ่มเข้ามา.. ความรู้สึกมันต่างจากการข้ามเขาลูกก่อนหน้านี้มาก เพราะมันชันเหลือเกิน.. ต้องอึ้บเข้าไว้ ไม่ไหวก็นั่งพักแล้วไปต่อ เหนื่อยหน่อย แต่เชื่อว่าเมื่อไปถึงคือความคุ้มค่าแน่นอน

ในที่สุดก็.. ถึงแล้ว(โว้ย) ถ้ำพระยานคร กว่าจะถึง เล่นเอาหอบไม่ใช่น้อย สงสัยต้องไปออกกำลังกายบ่อยๆซะแล้วเรา

เดินลงถ้ำมานิดหน่อย สิ่งแรกที่จะเห็นคือ น้ำตกแห้ง ที่เกิดจากหินงอกหินย้อย แต่ก่อนหน้านี้เรียกว่า น้ำตกพระยานคร ครับ แต่ตอนนี้เรียกว่า น้ำตกแห้ง เพราะมันไม่มีน้ำแล้ว (อันนี้ได้ความรู้มาจากไกด์ตัวน้อย ที่พานักท่องเที่ยวมาเข้าชมครับ)

ข้างในก็ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มากครับ สบายมาก ยังมีน้ำฝนที่ยังหยดลงมาจากขอบเขาอยู่เลยครับ สวยมาก

เดินลงมาแล้วลัดเลาะไปตามทางอีกหน่อย คุณจะได้พบกับไฮไลท์ของที่นี่.. นั้นคือ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” ที่ตั้งตระง่ากลางถ้ำ พร้อมกับมีแสงส่องลงมา ข้างบนเป็นสะพานหินอยู่ทางปากปล่อง เรียกว่า “สะพานมรณะ” มันช่างเป็นอะไรที่เพลินตา จริงๆครับ แถมข้างในนี่เย็นสบายมากๆเลย ใครได้มาที่ปราณบุรีก็อย่าลืมแวะเข้ามาที่นี่นะครับ

ที่นี่ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายภายในถ้ำให้เราได้ค้นหาอีกเยอะครับ ไม่ได้มีเพียงพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เพียงอย่างเดียวนะครับ

ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปหมู่เก็บไว้หน่อย ว่าครั้งหนึ่งเคยมาที่นี่ เอ้า หนึ่ง สอง ซั่ม!!

เราใช้เวลาสำรวจที่นี่อยู่พักใหญ่ แล้วจึงเดินลงจากถ้ำ เพื่อที่จะไปในที่ต่อไป

ถึงข้างล่างก็ขออีกรูปนึงละกันครับ

ขากลับนี่ไม่ไหวครับ สมาชิกหมดแรง.. เราจึงต้องเหมาเรืออ้อมกลับ คิดซะว่าเอาบรรยากาศและให้รางวัลตัวเองที่เดินทางมาถึงที่นี่ละกัน.. ค่าเรือไม่แพงมากครับ ถ้าไปกัน 6 คน เขาจะมีจุดเรียกให้เรียกได้เลย


ก่อนกลับเข้าที่พัก ก็ยังมีอีกที่นึงที่เราจะไปครับ นั้นคือ หมู่บ้านประมงที่หาดบางปู เป็นที่ที่ป้าบุญมาแนะนำมา ป้าแกบอกว่าให้ไปหาผู้ใหญ่บ้าน พวกผมก็เลยขับรถกันไป ถามคนระหว่างทางว่าบ้านผู้ใหญ่อยู่ที่ไหน.. คนแถวนั้นก็อัธยาศัยดีมากครับ อาสาขับรถนำไปหาผู้ใหญ่บ้านเลย

โชคดีจริงๆที่ผู้ใหญ่บ้านกำลังปลดอวนอยู่ ทำให้เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวประมงไปในตัวเลยว่าเป็นอย่างไร

ตอนนี้เขากำลังปลดปูพลร่มออกจากอวนครับ เป็นปูที่นำไปใช้ทำอะไรไม่ได้ แต่ปลาอื่นๆ หรือปูนั้นมีคนรับไปเรียบร้อยแล้วครับ

ผู้ใหญ่บ้านและลุงๆป้าๆที่นี่ก็ใจดีมากครับ ให้ความรู้ต่าง ๆนา ๆมากมาย เกี่ยวกับการออกทะเล ผู้ใหญ่บอกว่ามารอบหน้าก็มาซักตี 5 นะ จะพาออกทะเล 

หลังจากเดินขึ้นเขาแล้ว เข้าถ้ำแล้ว รู้จักวิถีชีวิตชุมชนแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนครับ พวกเราตัดสินใจกันว่าจะจัดมีตติ้งเล็กๆกัน ทำอาหารกินกันเอง ทำให้เราได้แวะตลาดแถวนั้นครับ ผมไม่แน่ใจว่าชื่อตลาดอะไร แต่เป็นตลาดของหมู่บ้านระหว่างทาง…

ของที่นี่ถูกมากครับ อย่างขนมไทยกล่องละ 6 บาทเอง ปลาก็ถูกครับ เรียกว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว

ถึงที่พักแล้วก็จัดการพักผ่อนทำโน่นทำนี่ ย่างปลา ย่างหมึก ย่างหมู อย่างสบายใจ

ในวันนี้ก็เหนื่อยมากครับ ทั้งขับรถ หลบฝน เดินขึ้นเขา เมาทะเล แต่มันก็เป็นชีวิตที่มีความสุขนะครับ นานๆทีจะได้มาทำอะไรแบบนี้ เสร็จแล้วก็กลับมาให้รางวัลกับตัวเอง เฮ้อ เวลาก็ผ่านไปแล้วอีก 1 วัน~


วันที่3 เช้านี้ต่างคนต่างตื่นสายครับ ไม่มีใครรีบร้อน… เพราะต้องเช็คเอ้าท์ตอน 11 โมง หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็ออกมากินก๋วยเตี๋ยวหน้าโรงแรม ชมบรรยากาศ ก่อนที่จะเดินทางกลับ

ก่อนกลับก็ขอรีวิวโรงแรมให้เขาหน่อยครับ ที่นี่บริการดีในระดับนึงเลยครับ.. ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องความหรูหรามาก ก็โอเคครับ เจ้าของใจดีครับ แนะนำโน่นนี่นั่นต่างๆให้เยอะแยะเลย

ผมเข้าพักห้องแบบ 6 คน 2 คืนครับ มีเตาปิ้งย่างให้เช่าด้วยนะครับ จานฉามมีให้พร้อม สามารถเลือกได้เลยว่าจะนั่งที่หน้าห้องหรือที่ริมทะเล

ค่าห้องแบบ 6 คน คืนละ 1500 บาทครับ หารแล้วตกคนละ 250 บาทต่อคืน มีที่นอนแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกคือพาหนะในการเดินทางครับ ไม่มีปัญหา! เพียงแค่คุณเดินออกมาจากโรงแรมทางขวามือ คุณจะพบกับที่เช่ารถมอเตอร์ไซต์ครับ ราคาไม่แพงมาก มีรถซาเล้งให้เช่าด้วยนะ สามารถเช่าได้ 24 ชม. สมมติเช่า 11 โมงวันนี้ ก็คืน 11 โมงของพรุ่งนี้ คุณน้าที่ให้เช่าก็ใจดีมากครับ..

ความค่ารถมอเตอร์ไซต์ คันละ 250 บาท ครับ เช่าได้ 24 ชม. ไม่รวมค่าน้ำมันนะครับ เช็คเอ้าท์เสร็จแล้วก็ได้เวลากลับครับ เรากลับโดยรถสองแถมที่โรงแรมติดต่อให้ครับ
ราคาก็ไม่แพงเช่นเดิมครับ โทรคุยกับคุณลุงขับรถได้

เร็วนะครับ ผ่านไปเร็วมากๆ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องกลับซะแล้ว อยากจะอยู่ต่ออีก เพราะยังมีอีกหลายที่ ที่ยังไม่ได้ไปเที่ยวในปราณบุรี ไว้ถ้ามีโอกาสก็จะเก็บให้ครบ.. สุดท้ายนี้ก็ขอแนะนำคนที่จะมาเที่ยวปราณนะครับ.. ที่นี่คนไม่เยอะครับ ออกจะเป็นที่สงบๆ ผู้คนใจดีมากครับ ประทับใจมากๆ จริงๆเมื่อก่อนจะมีคนมาเที่ยวเยอะกว่านี้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงยังไง ผมก็ยังรู้สึกประทับใจอยู่ดีที่ได้มาที่นี่ ผมบอกไม่ได้หรอกครับว่าผมสนุกแค่ไหน แต่ผมบอกได้เต็มปากเลยครับ ว่าผม มีความสุขมาก..

สวัสดี

รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป รวม 6 คน
ค่ากิน 4070 บาท
ค่าที่พัก 3000 บาท
ค่าเข้าอุทยาน 120 บาท
ค่าเดินทาง+ค่ารถ 4360 บาท
รวม 11550 บาท
หารตกเฉลี่ยคนละ 1925 บาท

 

ขอบคุณทริปการเดินทางสนุกๆ จากสมาชิกพันทิปคุณขึ้นชื่อว่าความฝัน


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ