tripgether.com

เที่ยวเหนือฤดูหนาว ณ แม่ฮ่องสอน นอนโฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่

4,685 ครั้ง
12 ธ.ค. 2560


ทริปนี้เป็นทริปขึ้นเหนือที่สุเพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง ตามโปรแกรมของทริปจริงๆ คือไปแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ รวม 5 วัน 4 คืน ซึ่งถ้าเอามาเขียนเล่าหมดก็คงจะยาวไกลเลยไปดาวอังคารแน่นอน จึงตัดมาแค่ตอนหนึ่งของทริป ซึ่งก็ตามหัวข้อกระทู้เลยค่า เลือกช่วงเวลานี้ของทริปมาก็เพราะนี่เป็นการไปนอนโฮมสเตย์แบบโฮมสเตย์จริงๆ ครั้งแรก ได้ไปนอนบ้านของชาวบ้าน กินอาหารที่ชาวบ้านทำแถมยังได้ช่วยทำด้วยอะไรประมาณนี้ จึงอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ชมกัน เกริ่นมาพอสมควรแล้ว สุว่าตามสุไปเที่ยวกันเลยดีกว่า วู้วววว!


Day 1 ไปอยู่บ้านเขา กินกับเขา ณ โฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่ | เช้ามืดวันศุกร์วาร์ปจาก กทม. มาเชียงใหม่ด้วยเวลา 9 ชั่วโมง (วาร์ปนานแบบนี้ ไปเรียนวิชามาใหม่นะ ฮ่าๆ) หลังจากที่หาอะไรใส่ท้องในยามเช้าแล้ว เราก็รอเวลาเพื่อขึ้นรถตู้ไปยังปาย สุจองตั๋วรอบ 6.30 น. 

จากเชียงใหม่ถึงปายใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รถตู้ส่งผู้โดยสารที่ท่ารถเปรมประชา ลงรถมาปุ๊บก็รีบไปหาร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ปั๊บ ได้เวลามุ่งหน้าไปบ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้ากันเลย

การขี่มอเตอร์ไซต์ไปบ้านจ่าโบ่ไม่ได้ลำบากมากมายนัก หนักสุดก็เรื่องเมื่อยก้นเท่านั้น อ้อ! ทางจะเลี้ยวลดคดเคี้ยวบ้างบางจุด แต่ถนนดีขี่ไม่ยาก (พูดได้ เพราะไม่ช่คนขี่ ฮี่ๆ) จะมีบางจุดที่ชันก็ต้องพยายามกระดึ๊บๆ ขึ้นไปให้ได้ อืดๆ ช้าๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ขี่ไปเรื่อยๆ รับลมชิลๆ บรรยากาศก็ดี๊ดี

ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ รวมเวลาแวะพัก ก็มาถึงบ้านจ่าโบ่ วันนี้คนมากินก๋วยเตี๋ยวเต็มเลย แต่สุยังไม่ได้แวะกินค่ะ อยากเข้าบ้านพักวางของนอนเหยียดขาก่อน จึงรีบโทรหาพี่ศรชัย และรอเจ้าของบ้านมารับเข้าที่พัก บ้านพักของเราอยู่เลยบ้านของผู้ใหญ่บ้านไปนิดเดียวเอง เจ้าของบ้านชื่อ “พี่นาสอ”

พี่นาสอจัดแจงเตรียมที่นอนหมอนมุ้งให้เรียบร้อย แถมเตรียมไว้ 2 มุ้งอีกต่างหาก บอกว่าเลือกเอาได้เลยจะนอนมุ้งไหน

จะบอกว่าวิวระเบียงบ้านพี่นาสอดีงามทำใจพองโตมากค่ะ พูดไปอาจจะไม่เชื่อ ไปดูให้เห็นกับตาเลยแล้วกัน

เป็นไงคะ? มันดีใช่ม๊าาา อยากจะให้ถึงตอนกลางคืนแล้ว จะนอนดูดาวตรงนี้เลย แต่ก่อนจะไปถึงเวลานั้น ตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า หิวแล้ว… เดินออกมาจากบ้านพักไม่ไกล เจอแม่เฒ่า 3 คนกำลังนั่งเย็บปักถักร้อยเสื้อผ้ากันอยู่ เลยแวะเข้าไปดู  และพูดคุยกับพวกท่าน แม่เฒ่าฟังและพูดภาษากลางได้นิดๆ หน่อยๆ เพราะปกติจะพูดภาษาท้องถิ่นซะมากกว่า ดีที่มีพี่ผู้ชายวัยกลางคนอยู่แถวนั้นจึงช่วยแปลให้ฟังช่วงแรกๆ พอเขาขับรถออกไป นี่ก็ยิ้มและพยักหน้าอย่างเดียวจ้า

แม่เฒ่าใจดีมาก เป็นกันเอง ยิ้มแย้มตลอดที่คุยกัน ท่านหยิบเสื้อและยื่นให้สุ บอกให้ใส่ถ่ายรูปใหญ่เลย

แล้วก็เดินมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยววิวดีที่ใครหลายคนอยากมา มื้อบ่ายฝากท้องไว้ที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่ จุดเช็คอินสุดฮิตนี่แหละ ช่วงบ่ายๆ เกือบเย็นแบบนี้คนน้อยดีนะ มาถึงแล้วก็ไม่รีรอ สั่งเล้ยยยย “มาม่าต้มยำ ใส่ไข่ต้ม”

เหมือนว่าร้านใกล้จะปิดแล้วเพราะเห็นเริ่มเก็บโต๊ะ แต่ก็ยังมีคนมานั่งอยู่ประปราย หนึ่งในนั้นก็คือฉันเอง กินก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ พร้อมชมวิวสวยๆ ดีอะไรเยี่ยงนี้ กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็แวะดูของกระจุกกระจิกจากร้านที่ตั้งขายบริเวณร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะมีพวกสินค้าฝีมืออย่างกระเป๋าใบเล็กใบน้อย เสื้อของชนเผ่า ด้วยความที่ชอบของแนวๆ นี้อยู่แล้ว ก็เลยได้กระเป๋ามาหนึ่ง ใบจนได้

ระหว่างนี้ก็ถือโอกาสเดินเล่นรอบหมูบ้านสักหน่อย เพื่อรอเวลาอาหารเย็น (เดี๋ยวก่อน ได้ข่าวว่าเพิ่งจะกินมามะ! ก็แหม ก่วยเตี๋ยวนั่นแบ่งกันกินกับแฟนไง ต้องเหลือกระเพาะไว้สำหรับมื้อเย็น เพราะรู้ว่ามื้อเย็นจะต้องจัดเต็ม ฮ่าๆ) ในหมู่บ้านเงียบสงบดี เจอชาวบ้านบางคนแบกตะกร้าเพื่อไปเก็บพืชผลกัน หรือเก็บแล้วเพิ่งกลับมาก็มีระหว่างทางเจอใครก็ยิ้มให้กันตลอดเลยค่ะ

เดินกลับมาถึงบ้านพัก ตอนนี้เพิ่งจะ 4 โมงกว่าๆ ก็เลยของีบหน่อย รู้สึกเพลียจากการนั่งรถติดต่อกันหายชั่วโมง เดี๋ยวมื้อเย็นจะมาช่วยพี่นาสอทำอาหารกัน อากาศเย็นสบายทำให้นอนเพลินไปหน่อยก็เลยตื่นช้า อุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ก็ยั๊งไม่ตื่น ฮ่าาา ดีที่แฟนมาปลุกไม่งั้นไม่ได้ช่วยทำอาหารแน่เลย เดินมาที่ครัวของบ้าน พี่นาสอกำลังทำอาหารเมนูแรกอยู่ คือ “ฟักทองต้ม” เป็นฟักทองดอยที่พี่นาสอปลูกเองด้วย

เมนูต่อมา เห็นวัตถุดิบมันคุ้นตาก็เลยถามพี่นาสอไปว่า “อันนี้ถั่วฝักยาวหรือเปล่าคะ” พี่นาสอก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า อันนี้คือถั่วดอย ซึ่งจะเอามาทำเมนูถัดไป ก็คือ “ผัดถั่วดอยใส่หมูสับ” คล้ายๆ ผัดผักนั่นแหละ เราแอบติดใจถั่วดอยมากค่ะ จะว่าคล้ายถั่วฝักยาวมันก็ใช่ จะว่าคล้ายถั่วหวานก็ไม่เชิง เพื่อนๆ คิดว่าไงคะ? มันก็คงตระกูลถั่วเหมือนกันอ่ะเนอะ

ระหว่างที่พี่นาสอผัดถั่ว นี่ถึงกับสูดลมหายใจเต็มปอด พร้อมพูดว่ากลิ่นหอมมากกกกก (นึกภาพตาม) พี่นาสอถึงกับขำ ฮ่าๆๆ

ผัดถั่วเสร็จแล้ว เริ่มทำเมนูถัดไป เมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลย ถ้าใครมาพักโฮมสเตย์แล้วไม่ได้ชิมถือว่ามาไม่ถึง! เมนูที่ว่านี้ก็คือ….“น้ำพริกมูเซอ” พี่นาสอบอกว่าเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้เลย ต้องมีกินกับข้าวทุกมื้อ เช้า สาย บ่าน เย็น มื้อไหนก็ต้องมีค่ะ

น้ำพริกมูเซอมีส่วนผสมพิเศษที่พวกเราชาวกรุงคงไม่เคยลิ้มรสกันแน่นอน สิ่งนั้นคือ “ถั่วเน่า” เราได้ยินแล้วก็หยุดชะงักนิดหนึ่ง ถั่วเน่า คืออะไร กินได้หรอ กลิ่นจะเป็นยังไง? หน้าตาสุคงดูมีความสงสัย พี่นาสอจึงพูดว่า “อร่อยนะคะ ต้องลองกินดูค่ะ”

เมนูนี้สุได้มีส่วนร่วมแล้วค่า สุอาสาเป็นคนช่วยตำน้ำพริก โดยพี่นาสอเตรียมวัตถุดิบให้ โดยเริ่มใส่ พริก ขิง หอมแดง ผักชี ตำไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเริ่มเนียนละเอียด ระหว่างนี้พี่นาสอก็จะย่างถั่วเน่า แล้วจึงนำมาใส่ ตามด้วยมะเขือเทศ และปรุงรสเป็นสิ่งสุดท้าย

จากการตำน้ำพริกครั้งนี้ บอกเลยว่าเมื่อยแขนเด้อออ ฮ่าๆๆ ปกติสุก็ทำกับข้าวนะคะ และช่วยคุณแม่ทำบ้างบางครั้ง แต่งานตำนี้ไม่ไหวค่ะ ขอบาย แต่สุดท้ายก็ตำจนเสร็จเป็นรูปร่างน้ำพริก กินได้นะจ๊ะ

มาถึงเมนูสุดท้ายคือไข่เจียวใส่มะเขือเทศ มีความหอมรุนแรงอีกแล้วววว (สูดลมหายใจเฮือกใหญ่)

 
บทสนทนาระหว่างทำอาหารเย็นนี้ก็คุยกันประมาณเรื่องวิถีชีวิต แต่จะเป็นเรื่องอาหารการกินซะมากกว่า เท่าที่คุยกันก็ถามว่าไปซื้อวัตถุดิบจากไหน ปกติกินอะไรกัน และพี่นาสอก็ตอบว่า พวกพืชผัก จะปลูกเอง ที่ซื้อก็จะมีพวกเนื้อสัตว์ เครื่องปรุงรสต่างๆ ส่วนหมูดำที่เห็นนั้นเอาไว้ทำพิธีจ้า มื้อเย็นพร้อมเสิร์ฟแล้ว พี่นาสอจัดโต๊ะให้ทานมื้อเย็นกันที่ระเบียงบ้านนี่แหละ อาหารอร่อย แถมวิวดีไปอี๊ก

ขอบอกว่าอร่อยทุกอย่างค่ะ อร่อยจริงจัง ฟักทองต้ม คือน้ำซุปรสหวานธรรมชาติจากฟังทองเลย ตัวฟักทองก็ดีมาก เนื้อเนียนแน่นหนึบหนับ ผัดถั่วดอยใส่หมูสับคือกรุบกรอบหอมกระเทียม ถั่วอร่อยอ้ะ สุว่ารสสัมผัสมันคล้ายๆ ถั่วหวานนะ กรอบหวานดีจริง ชอบ! ส่วนไข่เจียวคือแบบ เห้ย! มันอร่อยกว่าร้านข้าวไข่เจียวที่เคยกินๆ มาอีก ไข่เจียวทอดมาแบบฟู กรอบนอกนุ่มใน คือฟูเบา แบบทอดเสร็จแล้วก็ยังไม่แฟบ รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นไข่และกลิ่นไม้นิดๆ มันไม่เหมือนไข่เจียวทอดเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สอ่ะ ส่วนเมนูไฮไลท์ น้ำพริกมูเซอ นี่ก็อร่อย แต่จะออกเค็มนิดหน่อย สุไม่ค่อยชอบรสเค็มจึงกินไปไม่เยอะ แต่ก็อร่อยเลยแหละ รสชาติแปลกดี แอบเผ็ดพอประมาณ กินกับไข่เจียวยิ่งอร่อยบอกเลย!

สรุปว่ามื้อนี้กินไปเยอะมาก มากจนแน่น แน่นจนกางเกงเลคกิ้งที่ยืดได้ใส่สบายยังรู้สึกอึดอัด หลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย ตอนนี้อากาศก็เริ่มเย็นและฟ้าก็เริ่มมืด เลยรีบไปล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัว เพื่อเตรียมมานอนดูดวงช่วงกลางคืนกัน 

แต่ปรากฏว่า…. ฟ้ากลั่นแกล้งกัน ไม่มีดาวโผล่มาจ๊ะเอ๋สักดวง ฮื้ออออ วันนี้เมฆเยอะมาก ฟ้าปิดสุด แต่เนื่องจากเป็นวันลอยกระทงทำให้มีแสงจากดวงจันทร์สาดส่องเต็มท้องฟ้า ส่องแสงแทรกมากับกลุ่มเมฆ จึงทำให้ได้ภาพนี้มาแทน

คืนนี้อากาศเย็นจริงเย็นจัง แต่พออยู่ในผ้าห่มก็ช่วยคลายความหนาวได้เป็นอย่างดี คืนนี้นอนไวในรอบหลายปี (3 ทุ่ม) เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะตื่นไปชมหมอกที่จุดชมวิวกัน คืนนี้ราตรีสวัสดิ์


Day 2 ดูหมอก ก่อนกลับ | เอ้กอี้เอ้กเอ้กกกก….. ไก่ขันแบบนี้ เช้าแล้วสินะ ตื่นมาดูนาฬิกา ป่าวจ้า ตีสาม!!!!! โหวย น้องไก่ นอนต่อสิคะ ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด นาฬิกาปลุกดังนี่สิเช้าของจริง เราตั้งปลุกไว้ตอน 6 โมง เพราะสืบเวลาพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้วว่า จะขึ้นประมาณ 6 ครึ่ง เราจึงไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า อิอิ

เช้านี้อากาศหนาวเบาๆ แต่ก็มีแอบสั่นบ้างเวลาลมพัด จุดชมวิวยามเช้านี้ยังสงบไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ ยืนถ่ายรูปตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจนขึ้นพระอาทิตย์ หมอกที่ตั้งตารอคอยโผล่มาให้เห็นแค่นิดหน่อย แค่ให้รู้สึกว่า เอ้ออ ฉันมานะ TT ทำไมไม่เคยได้เห็นทะเลหมอกอลังการแบบใครเขาบ้างเลย ไปกิ่วแม่ปานก็แล้ว ดอยผาตั้งก็แล้ว เชียงดาวก็แล้ว ไม่เคยได้เห็นเลยจ้าาา (ขอวิธีที่จะให้หมอกมันออกมาหน่อยค่ะ ฮ่าๆ)

หลังจากที่เพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเช้าตรงจุดชมวิว ก็ถึงเวลากลับไปเก็บของเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อ…บอกลาและขอบคุณพี่นาสอเรียบร้อย ก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าเดิมอีกสักรอบก่อนกลับ 

จบทริปบ้านจ่าโบ่แม่ฮ่องสอน น่าจะไม่ยาวเกินไปเนอะ แฮ่ะๆ ถ้าใครอยากอ่านเรื่องราวในทริปนี้ต่อ ตามไปอ่านกันที่เว็บบล็อกสุได้นะคะ เดี๋ยวสุใส่ลิ้งค์ไว้ให้ (ถ้าชอบแบบยาวๆ พร่ำเพ้อเยอะๆ ไปเจอกันที่บล็อกเลยค่ะ Sukiiefav หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมกระทู้ ไม่ว่าจะมาชมภาพหรืออ่านเนื้อหาก็ตาม ขอบคุณมากเลยค่า

 

ขอบคุณรีวิวจากสมาชิกพันทิปคุณ Sukiiefav


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ