ทริปแสมสาร 2 วัน 1 คืน ปะทะทะเล กายดำดิ่ง ใจลอยฟุ้งไปกับหมู่ปลาและสายน้ำ
59,722 ครั้ง
7 ม.ค. 2565
59,722 ครั้ง
7 ม.ค. 2565
สถานที่เที่ยวยอดนิยมตลอดการคงหนีไม่พ้นทะเลแน่นอน เพราะใครต่อใครต่างก็เอาความเหนื่อยล้าไปลงทะเล ให้สายลม แสงแดด เสียงคลื่นชะล้างไป และแสมสารเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะอยู่ใกล้กรุงและใช้เวลาเดินทางไม่นาน ในวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาเพื่อนๆ ไปดำดิ่งลงสู่โลกใต้น้ำ ชิมอาหารทะเลสดๆ สัมผัสผืนทรายละเอียด กับทริปแสมสาร 2 วัน 1 คืน ปะทะทะเล กายดำดิ่ง ใจลอยฟุ้งไปกับหมู่ปลาและสายน้ำ ที่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการพักผ่อนสุดๆ
เราตั้งต้นออกเดินทางกันจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ตะวันออกที่มีจุดหมายปลายทางคือ แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยเราแวะพักรถและหาอะไรรองท้องกันที่ จุดพักรถมอเตอร์เวย์บางปะกง ซึ่งเป็นครึ่งทางของการเดินทางครั้งนี้พอดี และจะบอกว่าภายในจุดพักรถมีร้านอาหาร ร้านของฝาก และห้องน้ำบริการอย่างครบถ้วนกันเลยทีเดียว
เมื่อขับมาตามเส้นทางมาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็พบกับชุมชนชาวประมงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกับริมท้องทะเลที่เรียกกันว่า อ่าวแสมสาร
สถานที่แรกของทริปนี้ก็คือ วิหารหลวงพ่อดำ สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวแสมสาร ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาด้านตะวันออกสุดของชุมชน โดยทิวทัศน์ด้านบนจะเห็นภาพวิวของท้องทะเลแบบ 280 องศาที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าสถานที่นี้อยู่บนสรวงสวรรค์ยังไงอย่างงั้นเลย
พระพุทธรูปที่ถูกติดทองจนอร่ามทั่วทั้งองค์ นั่นก็คือหลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารที่มีลวดลายจิตรกรรมที่เขียนไว้อย่างประณีตงดงามทั้ง 4 มุม ทองคำเปลวทั้งหมดที่ติดแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาของผู้ที่แวะเวียนเข้ามาได้เป็นอย่างดี
ด้านนอกของวิหารจะมีจุดชมวิวทะเลที่สามารถมองเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งอ่าวแสมสารได้ บอกเลยว่าเป็นบรรยากาศดีๆ ที่อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งใจ
หลังจากที่เรากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่แสมสารไปกันแล้ว เราก็เข้ามาเช็คอินที่พักที่เราจะเอนกายพักผ่อนกัน ยาหยี & ยี่หวา โฮมสเตย์ ที่พักสุดชิลล์บรรยากาศดีติดริมทะเล ผืนน้ำที่นี่ใสมากและเห็นเป็นสีเขียวมรกตเลยทุกคน อีกทั้งยังมีทางเดินยาวพาดกลางน้ำไว้ให้เดินชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน รวมทั้งซุ้มรังนกบาหลีที่อยู่ริมน้ำให้ได้นั่งดื่มด่ำบรรยากาศแบบสบายๆ ดีต่อใจมากจริงๆ
เราเลือกพักห้องฉลาม ห้องพักบรรยากาศหลักล้าน เพราะด้านหน้าของห้องมีกระจกใสบานใหญ่ที่เราสามารถมองออกมาเห็นภาพท้องทะเลและแสงอาทิตย์ช่วงตกดินได้จากภายในห้องเลย ไม่ว่าจะนั่งเล่นบนเตียงหรือนอนเล่นชิลล์ๆ ก็ไม่พลาดภาพบรรยากาศสุดท้ายของวันแน่นอน อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ในห้องยังครบครันและสะดวกสบายสุดๆ เตียงหลังใหญ่ ผ้านวมนุ่มๆ พื้นที่ห้องที่โล่งสบาย และห้องน้ำที่กว้างขวาง ซึ่งห้องนี้สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ตั้งแต่ 2 – 4 คน
นั่งพักผ่อนสักพัก เราก็ได้เวลาทำกิจกรรมที่รอคอย! ดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเป็นแพคเกจที่ทางที่พักมีให้บริการ โดยเราเลือกรอบเวลาช่วง 14.00 – 17.00 น. จัดเต็มกันไปยาวๆ 3 ชั่วโมง และที่สำคัญค่าใช้จ่ายถือว่าคุ้มมาก เพราะราคาเพียงแค่ 4,000 บาท ซึ่งรองรับได้มากถึง 6 คนเลยทีเดียว และในแพคเกจมีทั้งดำน้ำตื้น ดำน้ำดูปะการัง ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบถ้วน แถมยังมีจอดถ่ายภาพตามจุดต่างๆ รวมทั้งภาพใต้น้ำซึ่งพี่ๆ ทีมงานคอยบริการถ่ายภาพให้อีกด้วย
แต่ละจุดที่แวะสวยทั้งนั้นเลย น้ำก็ใสมาก ได้รูปสวยๆ ฝีมือพี่ๆ ทีมงานมา บอกเลยว่าน่าประทับใจสุดๆ
จุดแรกของการดำน้ำ คือการดำน้ำตื้น และแน่นอนว่าก่อนที่เราจะลงน้ำ พี่ๆ ทีมงานก็จะสาธิตและสอนวิธีการใช้อุปกรณ์ดำน้ำตื้นอย่างละเอียด และถ้าใครว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ต้องกังวลไป เพราะจะมีเสื้อชูชีพให้ใส่ และมีพี่ๆ คอยดูแลอยู่ไม่ห่างเลย ลองมองดูจากมุมนี้สิทุกคน! น้ำใสมาก ใสจนเห็นผืนทรายด้านล่างหมดเลย
ใต้น้ำปลาเยอะมาก ว่ายกันเต็มไปหมด ผืนทรายใต้น้ำก็เป็นรอยระลอกคลื่นที่ซัดมาเบาๆ จะแอบกระซิบว่าภาพใต้น้ำนี้เป็นฝีมือของพี่ๆ ทีมงานแหละ สวยใช้ได้เลยใช่มั้ยล่ะ
อ้าแขนโอบกอดหมู่ปลา เก๊กท่าถ่ายรูปสักหน่อย แต่ละตัวสวยๆ และตัวใหญ่มากๆ
นั่งเรือต่อมาอีกสักพัก ก็มาถึงจุดดำน้ำจุดที่สอง นั่นก็คือ ดำน้ำดูปะการังสีทองและปลาการ์ตูน ซึ่งจุดนี้มีความลึกมากกว่าจุดแรก อยู่ใกล้แนวโขดหินกลางทะเล บอกเลยว่าจุดนี้พี่ๆ จัดระบบเซฟตี้ได้อย่างดีมาก ดำน้ำได้หายห่วงและปลอดภัยแน่นอน
เมื่อดำดิ่งลงสู่ใต้ผืนน้ำสีคราม เราก็จะพบกับโลกแห่งทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับหมู่ปลานานาชนิดนับร้อยๆ ตัว และไฮไลท์ของจุดนี้คือบ้านปลาการ์ตูนตัวจิ๋วสีส้มสดใสที่ว่ายทักทายเรา เป็นภาพที่น่ารักมาก คุ้มค่ากับการดำลงมาดูสุดๆ
ไฮไลท์อีกจุดที่พลาดไม่ได้เลยก็คือปะการังสีทอง ที่เมื่อกระทบกับแสงแล้วเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณ และมีหมู่ปลาน้อยใหญ่คอยว่ายเฉียดตัวเราไปมา เหมือนกับว่าตรงนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประชากรใต้ทะเลยังไงอย่างงั้น
ดำน้ำได้สักพัก ท้องก็เริ่มหิว พี่ๆ ทีมงานก็เลยตกปลาเอามาทำซาชิมิให้กินกันแบบสดๆ เลย เรียกได้ว่าปลาขึ้นจากทะเลปุ๊บ เอามาแล่ปั๊บเลย สดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เนื้อปลาทั้งหวาน ทั้งฉ่ำ และที่สำคัญไม่คาวเลยสักนิด! ยิ่งกินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดนะ ฟินสุดๆ
นอกจากการดำน้ำแล้ว ยังมีบริการซัพบอร์ด ให้ได้พายเล่นชิลล์ๆ ในราคา 300 บาท/ชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งไม่รวมในแพคเกจดำน้ำนะ ออกกำลังแขน ฝึกการทรงตัวสักหน่อย เป็นทริปที่ได้ทำหลายๆ อย่างมาก ดูสิ! น้ำใสมาก
ดำน้ำท่องโลกท้องทะเลจนอิ่มใจกันแล้วก็กลับมาอาบน้ำล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า พักกันสักหน่อย จากนั้นเราก็ไปเดินช้อปอาหารทะเลสดๆ ที่จะเอามาเป็นมื้อเย็นสุดเทสตี้กันที่ตลาดอาหารทะเลช่องแสมสาร สถานที่รวบรวมกุ้ง หอย ปู ปลา และเหล่าอาหารทะเลที่ชาวประมงในพื้นที่หามาให้ได้เลือกซื้อกันแบบจุกๆ ไปเลย ซึ่งทางที่พักมีบริการเตาปิ้งย่างให้ยืมฟรี แต่ถ้าใช้เสร็จแล้วเราก็ช่วยพี่ๆ เก็บล้างทำความสะอาดด้วยนะ
กลับจากตลาดระหว่างรอทางที่พักตั้งเตาปิ้งย่างให้ เราก็มานั่งชมวิวแสงพระอาทิตย์ตกชิลล์ๆ สวยมากท้องฟ้าเป็นสีส้มพาสเทลสะท้อนลงบนผืนน้ำที่ขยับตามแรงลมอ่อนๆ
นี่ไง! ยิ่งใกล้ค่ำยิ่งสวย คุ้มค่าเหมือนได้เสพงานศิลปะจากจิตรกรเก่งๆ เลย
อีกกิจกรรมระหว่างรอเตา เราก็มานั่งตกหมึกกัน บอกเลยว่าที่นี่ตกได้จากหน้าที่พักเลย โดยคันเบ็ดตกปลาคันละ 100 เดียวเท่านั้น
ได้หมึกสดๆ มาทำซาชิมิแล้วทุกคน!
เตาพร้อม คนพร้อม ของทะเลพร้อม ก็ลุยกันเลย กลิ่นมันกุ้งจากกุ้งเผาหอมมาก นั่งกินของอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลชิลล์ๆ นี่แหละความสุข
บอกเลยว่ามากันทั้งทะเล แน่นเต็มตะแกรงย่างไปหมด
บรรยากาศที่พักตอนกลางคืนก็สวยสุดๆ กินข้าวอิ่มๆ แล้วมานั่งพักรับลมเย็นๆ คืนนี้รับรองฝันดีชัวร์!
เช้าวันที่สองของเรา อากาศดีมาก มีทั้งสายลมและแสงแดดอ่อนๆ มาปลุกเราแต่เช้าเลย สงบมาก
เติมพลังก่อนลุยต่อกับเมนูที่ทางที่พักจัดให้นั่นก็คือข้าวต้มทะเล ที่มีกุ้งตัวเป้งเป็นพระเอก และยังมีปาท่องโก๋ที่มาคู่กับนมข้น ขนมปังปิ้งกับแยม ขนมถ้วยที่รสชาติกลมกล่อมสุดๆ เครื่องดื่มก็มีทั้งน้ำส้มสด ชา กาแฟให้ชงแบบเต็มที่กันเลย บอกเลยว่ายาหยี&ยี่หวาโฮมสเตย์ เป็นที่พักที่คุ้มค่ามากๆ บรรยากาศดี พี่ๆ ทีมงานก็เทคแคร์สุดๆ
ก่อนเดินทางออกจากที่พัก แวะถ่ายรูปคู่กับมุมสวยๆ กันสักหน่อย โถงทางเดินเข้าสู่โฮมสเตย์ก็ตกแต่งได้ชิคมากๆ เพราะใช้ไม้แล้วทาสีขาว แขวนด้วยห่วงยางสลับกัน มีเซิร์ฟบอร์ดวางเรียงกันตรงโค้งทางเดิน และถ้ามองไปจนสุดเราก็จะเห็นซุ่มรังนกบาหลีที่ตั้งอยู่ริมน้ำพร้อมกับวิวทะเลด้วย
ด้านข้างทางเดินมีภาพวาดผนังสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินกันด้วยแหละ
นี่ไงซุ้มรังนกบาหลีกับเปลริมน้ำ แล้วยิ่งถ้าเป็นช่วงเย็นนะ ถ่ายรูปสวยมาก บรรยากาศดีสุดๆ เพราะทั้งท้องฟ้าและน้ำจะเป็นสีส้มอ่อนๆ ไปหมด
ตู้โทรศัพท์สีแดงสุดคลาสสิคก็มีนะ บอกเลยว่าที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะมากจริงๆ
ออกจากที่พัก เราก็มาเดินเล่นในชุมชนกันต่อ บรรยากาศดีมากๆ ผู้คนในชุมชนอัธยาศัยดีและคึกคักมาก บ้านเรือนก็ชิคมาก
แวะไหว้ศาลจ้าวแม่กิมบ่อเนี้ยวในชุมชนเพื่อความเป็นมงคลกันสักหน่อย
เดินมาเรื่อยๆ ในชุมชมเราก็จะเจอซอยที่เป็นท่าเรือวราสินธุ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เดอะชาร์คคาเฟ่ คาเฟ่สุดชิลล์ ที่เห็นวิวทะเลแบบ เต็มๆ และที่สำคัญแถวนี้สวยมาก เพราะมีเรือประมงสีสันและลวดลายต่างกันของชาวบ้านจอดอยู่ เหมือนกับงานประกวดเรือสวยงามเลยทุกคน
มาทั้งทีก็สั่งเมนูแนะนำของร้านไปเลย แก้วสีชมพูสดใสคือเมนู เกิร์ล พาราไดซ์ และเมนูกาแฟสุดลงตัวก็คือ อัลมอนด์ คาราเมล มาพร้อมกับขนมหวานรสชาติเยี่ยมอย่าง ครัวซ็องค์ อัลมอนด์
ดื่มน้ำ กินขนม สายตาก็มองวิว ร่างกายก็รับบรรยากาศสุดสบายจากลมทะเลไป บอกเลยว่าชิลล์มากๆ
ชั้นล่างของคาเฟ่ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เหมือนกัน เป็นซุ้มประตูโค้งสุดมินิมอล ที่มีภาพฉากหลังเป็นน้ำทะเลสีฟ้ากับเรือประมงที่สีสันสลับกัน ลงตัวมากๆ
จากกลุ่มชุมชนแสมสารมาไม่ไกลเราก็จะเข้าสู่เขตของกองเรือยุทธการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหาดทรายสุดสงบ นั่นก็คือหาดน้ำใส ทรายสีขาวละเอียดตัดกับสีของท้องทะเลฟ้าใส เสียงคลื่นที่กระทบเป็นจังหวะ ลมเบาๆ ที่มาสัมผัสกาย บอกเลยว่าฟินมาก เหมาะกับการมาเดินเล่นชิลล์ๆ ตอนเช้าสุดๆ
มีมุมชิงช้าให้นั่งเหม่อมองทะเลแบบสบายใจใต้ต้นสน สงบและสวยแบบนี้นั่งได้ทั้งวันเลยนะเนี่ย
หลังจากเดินเล่นจนอิ่มใจกันแล้ว เราก็มาเติมความหวานให้กับร่างกายสักหน่อยกันที่ เคิร์ฟ บีช คาเฟ่ ที่ตั้งอยู่บนเนินตรงปลายหาดนางรำพอดี บอกเลยว่าร้านนี้วิวดีมาก เพราะมองเห็นทะเลได้แบบเต็มๆ อีกทั้งยังมีที่นั่งหลายแบบให้เลือกตามใจชอบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มไม้ที่มุงด้วยหญ้าคา บีนแบ็คสีชมพูสดใส หรือจะเป็นบาร์ไม้ขนาดกำลังดีให้ได้นั่งสบายๆ ไปยาวๆ
เมนูไฮไลท์ของที่นี่ก็คือนมสดบราวน์ชูการ์และกาแฟลิ้นจี่ กินคู่กับเค้กมะพร้าวหอมๆ ที่ท็อปด้วยทองหยอดลูกจิ๋ว อร่อยสุดๆ
แอบกระซิบว่าร้านนี้มุมถ่ายรูปสวยๆ วิวดีๆ เยอะมาก
รองท้องด้วยขนมหวานไปแล้ว มาต่อกันกับมื้อใหญ่ที่ร้านอาหารสโมสรหาดนางรำ บอกเลยว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่ติดทะเลแบบสุดๆ ติดชนิดที่ว่ากินข้าวเสร็จแล้วลงเล่นน้ำได้เลย บรรยากาศที่ร้านก็สุดร่มรื่น และเย็นสบาย เพราะนอกจากจะมีต้นสนที่ให้ร่มเงาแล้วยังมีสายลมอ่อนๆ จากทะเลพัดมาเป็นพัดลมธรรมชาติอีกด้วย
เมนูกลางวันของเราก็คือยำถั่วพูที่มาพร้อมกับกุ้งตัวใหญ่ ราคา 180 บาท ต้มข่าไก่รสกลมกล่อม ราคา 120 บาท และหมึกทอดกระเทียมที่หอมฉุย ราคา 180 บาท และข้าวโถละ 60 บาท มื้อนี้สวรรค์สุดๆ อาหารอร่อยรวมกับบรรยากาศดีๆ
ก่อนจบทริปเราแวะมาเดินเล่นผ่อนคลายกันอีกหน่อยที่หาดนางรำ ชายหาดที่น้ำทะเลไล่ระดับสีได้สวยมาก และมีกิจกรรมทางน้ำให้ได้เล่นกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นบานาน่าโบ๊ท พายเรือคายัค และห่วงยางให้เช่า อีกทั้งยังมีเก้าที่ เปลนอน และพื้นที่ให้ได้นั่งกินบรรยากาศแบบเย็นสบายใต้เงาของต้นสน ยิ่งช่วงบ่ายที่แสงกระทบกับผืนน้ำเป็นเงาระยิบระยับคือภาพที่น่าประทับใจสุดๆ
เดินเล่นได้สักพักชักอดใจไม่ไหว เลยต้องขอลงเล่นน้ำกันสักหน่อย ให้ร่างกายปะทะทะเล รับความสดชื่นก่อนกลับกรุงเทพฯ
ทั้งหมดนี้ก็คือความสุขที่ได้จากทริปแสมสาร 2 วัน 1 คืน ปะทะทะเล กายดำดิ่ง ใจลอยฟุ้งไปกับหมู่ปลาและสายน้ำ บอกเลยว่ากลับจากทริปนี้ได้พลังงานและกำลังใจอย่างเต็มที่ เพราะเราได้ให้สายลม แสงแดด และท้องทะเลฮีลให้แล้ว ที่สำคัญทริปนี้ใช้เวลาเดินทางน้อยมาก เหมาะกับทุกๆ คนที่อยากจะพักผ่อนในวันหยุดสั้นๆ และแม้ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่สั้น แต่ความประทับใจและความรู้สึกจะติดอยู่ในความทรงจำเราไปอีกนานแน่นอน
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริปแสมสาร 2 วัน 1 คืน ปะทะทะเล กายดำดิ่ง ใจลอยฟุ้งไปกับหมู่ปลาและสายน้ำ (สำหรับ 2 คน)
– ค่าที่พักยาหยี&ยี่หวาโฮมสเตย์ 2,000 บาท (1,000 บาท/คน)
– ค่ากิจกรรมดำน้ำดูปะการังแบบเหมาลำ 3,500 บาท (1,750 บาท/คน)
– ค่าซัพบอร์ด 300 บาท (150 บาท/คน)
– ค่าเบ็ดตกปลา 200 บาท (100 บาท/คน)
– ค่าอาหารทะเลจากตลาดฯ 2,000 บาท (1,000 บาท/คน)
– ค่าเครื่องดื่มและขนมเดอะชาร์คคาเฟ่ 250 บาท (125 บาท/คน)
– ค่าบำรุงหาดน้ำใส 30 บาท ( 15 บาท/คน)
– ค่าเครื่องดื่มและขนมเคิร์ฟบีชคาเฟ่ 235 บาท (118 บาท/คน)
– ค่าอาหารร้านอาหารสโมสรหาดนางรำ 540 บาท (270 บาท/คน)
– ค่าบำรุงหาดนางรำ 20 บาท (10 บาท/คน)
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป 9,075 บาท
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปตกประมาณคนละ 4,538 บาท
**ราคาไม่รวมค่าน้ำมันรถไป-กลับ และค่าของฝากต่างๆ**
หวังว่าทุกๆ คนจะได้รับแรงบันดาลใจจากทริปแสมสารของเรา และถ้าใครอยากจะท่องเที่ยวกันต่อแบบยิงยาวภาคตะวันออก เราขอแนะนำ15 จุดเช็คอินระยอง – จันท์ ดื่มด่ำความงามเมืองตะวันออก และทริปที่จะพาไปลงทะเลกันต่อกับหนีร้อนไปเกาะล้าน 2 วัน 1 คืน เที่ยวครบ กินคุ้ม กิจกรรมแน่น คนละไม่เกิน 5,000 บาท