1 Day เที่ยวสุพรรณบุรี ใช้งบหลักร้อย!! อัปเดตอะไรใหม่ๆ ครึ่งปีหลัง 2023
8,304 ครั้ง
9 ต.ค. 2566
8,304 ครั้ง
9 ต.ค. 2566
วันหยุดมีน้อยก็ต้องเน้นเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ไว้ก่อน วันนี้ทริปเก็ทเตอร์ปักหมุดไปเที่ยวสุพรรณบุรี พาเที่ยวแบบจุกๆ ตลอดทั้งวัน พร้อมเช็คอินแลนมาร์กที่ห้ามพลาด บอกเลยว่าทริปนี้มีหลายสไตล์มาก สามารถเที่ยวได้ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ รวมถึงได้รูปสวยๆ กลับไปแน่นอน ตามมาดูกันว่า 1 Day เที่ยวสุพรรณบุรี ใช้งบหลักร้อย!! อัปเดตอะไรใหม่ๆ ครึ่งปีหลัง 2023 จะสนุกฉ่ำขนาดไหน~
ก่อนจะเริ่มทริปก็ต้องมา fitting ชุดกันสักหน่อย! เชื่อว่าก่อนไปเที่ยวก็ต้องมีหาชุดมามิกซ์แอนด์แมทช์กันบ้าง และไอเทมที่เข้าได้กับทุกสถานที่ก็คงต้องเป็นกางเกงยีนส์ เพราะสามารถจับคู่กับเสื้อผ้าได้ง่ายและครีเอทลุคได้หลายแบบ สำหรับกางเกงยีนส์ในทริปนี้เราเลือก Bearbeary ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย มีให้เลือกหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นทรงกระบอก สลิม สกินนี่ แต่ละตัวก็มีดีไซน์ที่ต่างกันไป นอกจากดีไซน์สวย คุณสมบัติก็จัดเต็มด้วยวัสดุอย่างดี ทั้ง Cotton, Lycra, T-400 ทำให้กางเกงนุ่มและยืด ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี
ลองเอากางเกงทั้ง 5 รุ่นของ Bearbeary มาแมทช์สักหน่อย ชอบลุคไหน รุ่นไหนรีบมาตำตาม บอกเลยว่าต้องมีติดตู้สักหนึ่ง
ใส่แล้วเข้าทรงพอดี!
หลังจากลองชุดเรียบร้อยก็เลือกชุดที่ทะมัดทะแมงพร้อมตะลุยเที่ยว ปักหมุดมาที่แรก หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวนาสมัยก่อน รวมถึงเป็นที่อนุรักษ์ควายไทย ซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับเกษตรกรไทยมาอย่างยาวนาน ภายในหมู่บ้านมีการจำลองบ้านของชาวนาเพื่อสะท้อนวิถีชิวิตและการทำนา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นให้อาหารควาย ดูการแสดงความสามารถพิเศษ ดำนา นวดข้าว เรียกได้ว่ามาเที่ยวก็สนุก พร้อมกับได้ความรู้กลับไปเต็มๆ ส่วนราคาค่าเข้าเพียง 30 บาทเท่านั้น
ในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยมีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่นมาก
ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของเกษตรกรรม วิถีชีวิตชาวนาในอดีตที่นำควายมาช่วยในการทำนาแบบนี้ถือว่าเป็นภาพที่หาได้ยากมากๆ และเป็นครั้งแรกที่ได้ดูใกล้ชิดขนาดนี้ แถมได้รูปสวยๆ อีก!
มาถึงไฮไลท์ของหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยก็คือ การมานั่งชิลล์และให้อาหารควายที่ กินแฟ ดูฟาย เป็นคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน ตัวร้านเป็นครึ่งวงกลมล้อมรอบบ่อน้ำขนาดใหญ่ ใครที่มาห้ามพลาดการให้อาหารควายอย่างใกล้ชิด เพียงแค่เราถือหญ้าไว้ในมือ น้องๆ ควายก็จะว่ายน้ำตรงมาหาเราทันที เอาจริงๆ น้องน่ารักมากและดูเชื่องสุดๆ
สำหรับอาหารควายจะเป็นหญ้าราคากำละ 20 บาท เป็นตัวล่อชั้นดีเลย ถือไว้สวยๆ ได้รูปคู่กับน้องควายชัวร์
ทริปนี้เราใส่กางเกงยีนส์ Bearbeary รุ่น LDM 504 เป็นกางเกงกระบอกขาเต่อ 5 ส่วนสีดำ ทรงเข้ารูปทำให้ดูหุ่นเพียว ไม่อึดอัด ใส่สบายสุดๆ แถมเนื้อผ้านุ่ม ยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดี
กางเกงแต่ละรุ่นจะมีดีเทลและป้ายที่ต่างกันไป อย่างรุ่นที่เราใส่ชื่อแบรนด์จะเล่นกับแสงดีมาก เวลาถ่ายรูปหันหลังคือสวยสุดๆ ทำให้กางเกงดูมีลูกเล่นเก๋ๆ นอกจากนี้กางเกงยังเต็มไปด้วยความประณีต งานตัดเย็บเนี๊ยบมากๆ
เมนูของทางคาเฟ่ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องดื่ม มีให้เลือกทั้ง coffee, non-coffee, ชา และสมูทตี้ ราคาอยู่ที่ 40 – 70 บาท นอกจากนี้ยังมีพุดดิ้งวัวน่ารักๆ ราคา 50 บาท
มาต่อที่การแสดงความสามารถของควาย ราคาเข้าชม 20 บาทโดยตรงนี้จะมีการแนะนำให้รู้จักกับน้องควายแต่ละตัว รวมถึงมีการพูดถึงความสำคัญและให้ความรู้เกี่ยวกับควายที่เป็นส่วนหนึ่งของเกษตรกรรมไทยสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทำนา การบรรทุกของ หรือแม้แต่การออกศึก นอกจากนี้ใครที่คิดว่าควายเป็นสัตว์ที่โง่ บอกเลยว่าต้องลองมาดูโชว์ควายที่นี่ น้องสามารถสวัสดี ยกขาตามคำสั่ง การเดินขึ้นที่สูง และที่น่ารักมากคือควายยิ้ม เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ทำให้เราเปิดโลกและเห็นมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับควาย
ควายยิ้มหนึ่งกรุบ เดินอวดตัวพร้อมโชว์ฟันอย่างน่ารัก
รอบการแสดงจะมีทุกวัน วันจันทร์ – ศุกร์มีรอบ 11.00 และ 15.00 น. ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์มีรอบ 11.00, 13.30 และ 15.00 น. โดยการแสดงแต่ละรอบใช้เวลา 30 นาที
มาแล้วต้องลองขี่ควายสักครั้ง เอาจริงๆ ตอนแรกก็แอบกลัวเหมือนกัน น้องตัวใหญ่มาก แต่ดีที่มีพี่เจ้าหน้าที่คอยช่วย บวกกับน้องเชื่องและยืนนิ่งๆ ทำให้เราได้รูปเริ่ดๆ แบบนี้
ขับรถมาไม่ไกลจากหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย มาเดินเล่น กินข้าวกันที่ ตลาดสามชุก 100 ปี ตลาดเก่าแก่ริมแม่น้ำท่าจีนที่มีมีอายุนานกว่า 100 ปี ที่นี่มีกลิ่นอายความเป็นชุมชนเก่า มีบ้านไม้โบราณและร้านขายขนมไทยหายาก บรรยากาศคลาสสิกชวนให้คิดถึงช่วงวัยเด็กสุดๆ นอกจากนี้ยังมีขายของฝาก ของเล่น เสื้อผ้า ของใช้ แถมราคาก็ไม่ได้แพงเลย เพียงหลักสิบเท่านั้น เรียกได้ว่าสามารถมาเดินช้อปปิ้งกันได้ยาวๆ และด้วยความที่ตลาดเปิดมายาวนาน ทำให้มีร้านเด็ด ร้านดัง และร้านในตำนานเพียบ สายตะลุยกินถูกใจแน่นอน
ของกินในตลาดมีให้เลือกเยอะมาก จะกินเล่น ของคาว ของหวานมีครบทุกสิ่ง
มีกราฟฟิตี้สวยๆ ที่ผ่านมาแล้วต้องเช็คอินสักหนึ่ง
เดินช้อปปิ้งมาสักพัก ก็ได้เวลาของมื้อเที่ยงจริงจัง เราแวะมาร้าน เจ็กอ้าว บะหมี่-เกี๊ยว เป็นร้านบะหมี่ สูตรแต้จิ๋วในตำนานที่ส่งต่อความอร่อยมากกว่า 80 ปี ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน บรรรยากาศสบายๆ มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาด เห็นแบบนี้ก็เชื่อได้ว่าอร่อยแน่นอน
ความพิเศษของทางร้านคือเส้นสดทำเอง เส้นยาวเหนียวนุ่ม
เมนูในร้านเป็นก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่ สำหรับมื้อนี้เราสั่ง บะหมี่เกี๊ยวต้มยำ ราคา 40 บาท เสริฟ์มาให้อย่างจุกๆ ปริมาณที่ให้มาเกินราคาไปมาก! ในจานจะมีหมูแดง หมูก้อน และเกี๊ยวหมู แถมยังให้เส้นมาเยอะ บอกเลยว่าจานเดียวอิ่มได้ถึงเย็นเลย ไฮไลท์ก็คือเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่มกำลังดี กินคู่กับน้ำซุปกลมกล่อม สามารถซดได้เรื่อยๆ แต่ถ้าใครชอบรสจัดจ้านอาจจะต้องปรุงเพิ่มหน่อย
เปิดวาร์ปไปแลนด์มาร์กสุดอลังที่ วัดเขาดิน อ.เดิมบางนางบวช ตัววัดตั้งอยู่บนเขา มาพร้อมกับการตกแต่งที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและไทยได้อย่างลงตัว สำหรับคอนเซปต์ของที่นี่ คือ มาเนคิเนโกะแลนด์ หรือดินแดนแมวกวัก โดยแมวกวักนี้มาจากความเชื่อของญี่ปุ่นที่จะเรียกโชคลาภและดึงดูดผู้คน และยังมีดารุมะ เทพเจ้าแห่งความหวังให้ได้อธิษฐานขอพรด้วย นอกจากนี้ทางขั้นไปยังวิหารบนเขาจะต้องผ่านซุ้มเสาโทริอิคู่กับพญานาค ตรงนี้ให้ฟีลเหมือนอยู่ญี่ปุ่นมาก พิชิตบันไดกว่า 83 ขั้นก็จะเจอกับวิหารสีทองอร่ามและจิตรกรรมฝาผนัง รูปวาดการ์ตูนญี่ปุ่น บอกเลยว่าสวยแปลกตาสุดๆ
เสาโทริอิสีแดงเป็นตัวบ่งบอกว่าปลายทางที่เรากำลังจะไปเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า
บนเขาจะมีวิหารสีทองอร่าม ข้างในมีพระประธาน หลวงพ่อหร่ำ และรอยพระพุทธบาทให้ได้กราบไหว้กัน แอบกระซิบว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรได้สมใจหวัง มีคนเคยมาขอเลข ขอโชคลาภก็ถูกรางวัลเพียบ!
รอบวิหารมีรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากหลายๆ วัดให้ได้กราบสักการะด้วย และใครที่เติมแต้มบุญเสร็จแล้วก็อย่าลืมเดินดูภาพวาดฝาผนัง ซึ่งภาพที่นี่ไม่ได้เป็นเรื่องราวพุทธประวัติเหมือนกับวัดอื่นๆ แต่เป็นรูปการ์ตูนญี่ปุ่น ภาพวาดทิวทัศน์ ภาพองค์เทพต่างๆ บอกเลยว่าสวยงาม สามารถเดินดูได้เพลินๆ เลย
ใครเป็นแฟนอนิเมะญี่ปุ่น ลองมาเช็คอินดูกันหน่อยว่ารู้จักเรื่องไหนบ้าง
อีกมุมที่มาแล้วต้องเช็คอินก็คือบริเวณด้านนอกวิหาร ตรงนี้มีจุดให้ถ่ายรูปฟีลญี่ปุ่นเยอะมาก ตั้งแต่ซุ้มดอกซากุระที่มีฉากหลังเป็นวิหาร บอกเลยว่าสวยมาก นอกจากนี้ยังมีกำแพงไม้ไผ่ รูปปั้นตุ๊กตาญี่ปุ่น โปสเตอร์หนัง โคมไฟญี่ปุ่น ธงปลาคาร์ป เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอยู่ในทุกๆ ส่วน
การออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นและสถาปัตยกรรมแบบไทยเมื่ออยู่รวมกันแล้วก็ดูเข้ากันอย่างสวยงาม
ไปย้อนวันวานที่เที่ยวสุพรรณบุรีในวัยเด็กที่ บึงฉวาก หรือสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ ภายในมีการแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ โซนปลาน้ำจืด โซนบ่อจระเข้ โซนปลาทะเลและฉลาม เมื่อมาถึงเราจะต้องซื้อตั๋วค่าเข้า 30 บาทสำหรับโซนปลาน้ำจืดและบ่อจระเข้ เดินมาอาคาร 2 จะเป็นส่วนจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด โดยที่นี่รวบรวมพันธุ์ปลาน้ำจืดทั้งไทยและต่างประเทศไว้กว่า 50 ชนิด แถมยังมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงเข้ามาโซนแรกก็ตื่นตาตื่นใจและได้รู้จักปลาแปลกๆ มากมาย
ถัดเข้ามาจากโซนปลาน้ำจืดจะเป็นโซนปลาทะเลและฉลาม ตรงนี้จะเสียค่าเข้าเพิ่มอีกคนละ 150 บาท ด้านในได้จำลองโลกใต้ท้องทะเลไว้อย่างสวยงาม รวมถึงมีไฮไลท์เด็ดๆ ตามจุดต่างๆ เริ่มที่แรกเปิดโลกใต้ทะเลด้วยอุโมงค์แนวเฉียงที่ลึกที่สุดในประเทศไทย จุดนี้จะเป็นบันไดเลื่อนที่ค่อยๆ เลื่อนลงช้าๆ ให้เราได้ดื่มด่ำกับท้องทะเลและเหล่าปลานานาชนิด อีกทั้งยังเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตสุดๆ
เดินกันต่อจะเป็นอุโมงค์ปลาที่ยาวกว่า 75 เมตร ตลอดทางรู้สึกเหมือนหลุดไปใต้ทะเลจริงๆ มีแนวปะการังที่สวยงามและฝูงปลาสีสันต่างๆ ทำให้เราเดินไปพลางก็ต้องหยุดดูไปพลาง มันมีสิ่งที่น่าสนใจเต็มไปหมด บวกกับอากาศเย็นๆ และมีเสียงคลื่นน้ำเบาๆ ช่วยเสริมบรรยากาศเข้าไปอีก บอกเลยว่าเป็นมุมที่เลิฟมาก
กางเกงยีนส์ของ Bearbeary ใส่สบายและทรงเข้ารูปเป๊ะ เตรียมถ่ายรูปสวยๆ อัปลงโซเชียลโลดดด
เชื่อว่าหนึ่งในสัตว์ทะเลที่เป็นขวัญใจของทุกคนก็คือฉลาม และที่นี่เราจะได้เห็นฉลามตัวใหญ่ๆ แบบใกล้ชิดกับ อุโมงค์ปลาฉลามที่กว้างสุดในเอเชีย ในส่วนนี้เราจะได้เห็นฝูงฉลามว่ายวนเวียน โดยฉลามที่อยู่ในตู้ก็จะมี ฉลามเสือทราย ฉลาดเสือดาว ฉลามครีบดำ ฉลามมะนาว บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นฟันฉลามแบบชัดๆ ขนาดนี้ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆ
อีกพิกัดที่เที่ยวสุพรรณบุรียอดฮิต ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีหรือพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร มีไฮไลท์อยู่ที่มังกรตัวใหญ่ตั้งโดดเด่นอลังการ ของจริงคือยิ่งใหญ่มาก ใครมาอย่าลืมไปถ่ายรูปกันด้วยนะ และข้างๆ กับศาลหลักเมืองมี หมู่บ้านมังกรสวรรค์ ที่จำลองเมืองลี่เจียง ประเทศจีน ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ควรค่าแก่การมาสักครั้งจริงๆ และถึงแม้เราจะไม่ได้ไปถึงจีน แต่ขับรถมาเที่ยวสุพรรณบุรีก็ได้ฟีลดีไม่แพ้กัน
หมู่บ้านเป็นสถาปัตยกรรมจีนโบราณ มีการตกแต่งและประดับประดาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นเมืองจีน รวมถึงมีสายน้ำไหลผ่านตัวหมู่บ้าน บรรยากาศชิลล์มากจริงๆ นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านขายของฝาก และมีโรงเตี๊ยมขายอาหารและบริการต่างๆ
บรรยากาศเหมือนหลุดมาจากหนังจีนเลย
อีกหนึ่งจุดที่มาหมู่บ้านมังกรสวรรค์แล้วต้องเช็คอินก็คือ หอชมวิว เมื่อเดินขึ้นมาบนนี้จะเห็นวิวทิวทัศน์และหมู่บ้านได้แบบ 180 องศา ส่วนหน้าหอชมวิวจะมี เสามังกรฟ้า ที่ส่งตรงมาจากเมืองฉงอู่ ตัวเสาเป็นประติมากรรมมังกรที่พันอยู่รอบๆ เสา มีความวิจิตรงดงามมาก
ปิดทริปนี้ด้วยอันซีนสุดยิ่งใหญ่ของสุพรรณบุรี วัดเขาทำเทียม มีไฮไลท์ก็คือ พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือหลวงพ่ออู่ทอง เป็นพระพุทธรูปแกะสลักบนผาหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงถึง 108 เมตร เพียงเดินมาเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความใหญ่โตและความสวยงาม นอกจากนี้ด้านหลังพระพุทธรูปยังมีอุโมงค์ถ้ำขนาดใหญ่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้กราบสักการะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแก้วมรกต
ด้านข้างของหลวงพ่ออู่ทองจะมีสวนสาธารณะให้ได้นั่งพักผ่อน มีทัศนียภาพที่สวยงาม ทำให้หลายคนมานั่งปิกนิก นั่งอ่านหนังสือ หรือพาเด็กๆ มาวิ่งเล่น และถ้ามาแนะนำเป็นช่วงเย็นๆ อากาศจะไม่ร้อนมาก แถมบรรยากาศชิลล์สุด นอกจากนี้ใกล้ๆ กับสวนจะมี สกายวอล์ค ริมผาที่ไร้เสาค้ำที่ยาวสุดในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังสร้างและคาดว่าจะเสร็จในปีพ.ศ. 2568 บอกเลยว่าในอนาคตที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์กที่ใครมาเที่ยวสุพรรณบุรีต้องมาเช็คอิน
พื้นที่สวนกว้างและร่มรื่น เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนยามเย็น
หลังจากที่ใส่กางเกงยีนส์ Bearbeary ตลอดทั้งทริป รู้สึกว่าใส่สบายมาก ระบายอากาศได้ดี ต่อให้เจอฝน เจอแดดก็ไม่อึดอัดสักนิด และที่สำคัญผ้านุ่มและยืดได้เยอะมาก ทำให้เราทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว บวกกับดีไซน์เรียบสวย เอาไปแมทช์กับชุดไหนก็รอด! เรียกได้ว่าเป็นกางเกงยีนส์ที่ตอบโจทย์สายท่องเที่ยวมาก
และทั้งหมดนี้คือ 1 Day เที่ยวสุพรรณบุรี ใช้งบหลักร้อย!! อัปเดตอะไรใหม่ๆ ครึ่งปีหลัง 2023 ใครที่ยังไม่เคยมาสุพรรณบุรีจะเที่ยวตามทริปนี้หรือปรับแพลนเที่ยวได้ตามใจชอบ บอกเลยว่าเที่ยวตามได้จริงและใช้เงินไม่เยอะ ในทริปนี้เราได้สัมผัสเสน่ห์ชุมชนเก่าและเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ได้ลองขี่ควายครั้งแรก ได้ดื่มด่ำความงามของโลกใต้ท้องทะเลอย่างใกล้ชิด และเปิดวาร์ปที่เที่ยวฟีลต่างประเทศ เหมือนบินไปประเทศจีนและญี่ปุ่น แถมได้รูปสวยๆ กลับมาอัปลงโซเชียลเพียบ และแน่นอนว่ากางเกงยีนส์ Bearbeary ช่วยให้ทริปนี้สมบูรณ์มากขึ้น เราชอบที่กางเกงใส่สบายและยืดหยุ่นมาก จะโดดขึ้นควายหรือวิ่งขึ้นบันไดก็ชิลล์สุดๆ และทรงกางเกงสวยเป๊ะ โพสท่าไหนก็เริ่ด! เอาเป็นว่าขอป้ายยาตรงนี้ ของมันต้องมีแล้วไหม จิ้มลิงก์ข้างล่างด่วน! หรือดูช่องทางสินค้าเพิ่มเติมได้ที่: Bearbeary
รวมค่าใช้จ่ายตลอด 1 Day เที่ยวสุพรรณบุรี ใช้งบหลักร้อย!! อัปเดตอะไรใหม่ๆ ครึ่งปีหลัง 2023
-ค่าเข้าและชมการแสดงที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย 50 บาท
-ค่าอาหารควาย 20 บาท
-ค่าขนมและเครื่องดื่มกินแฟ ดูฟาย 120 บาท
-ค่าของกินเล่นตลาดสามชุก 100 ปี 40 บาท
-ค่าอาหารร้านเจ็กอ้าว บะหมี่-เกี๊ยว 65 บาท
-ค่าเข้าบึงฉวากโซนปลาน้ำจืดและปลาทะเล 180 บาท
-ค่าของฝาก 100 บาท
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป 575 บาท/คน
**ราคาไม่รวมค่าน้ำมันรถไป-กลับ**
วันหยุดนี้ใครอยากเที่ยวชิลล์ๆ ต้องมาตาม 1 Day เที่ยวสุพรรณบุรี ใช้งบหลักร้อย!! อัปเดตอะไรใหม่ๆ ครึ่งปีหลัง 2023 บอกเลยว่าเที่ยวสนุก มีหลายบรรยากาศมาก นอกจากนี้ยังมีทริปใกล้กรุงเทพฯ ที่จะมาแนะนำกันอย่าง One Day Trip สระบุรี เปิดวาร์ปน้ำตกฮิต พาเช็คอินคาเฟ่ฟีลเมืองนอก! และ One Day Trip เที่ยวลพบุรี แจกพิกัดจุดเช็คอินฟีลต่างประเทศ ใครมีเวลาน้อยแต่ยังชอบเที่ยว วันเดย์ทริปแบบนี้ตอบโจทย์สุดๆ