One day in รังสิต-ปทุมธานี เพื่อนซี้ติดกรุงวันเดียวเที่ยวครบ เอาใจคนมีวันหยุดน้อย

อ่านรีวิวก็เยอะ ตามเพจก็แยะ แต่ไม่มีเวลาออกไปตามรอยกันบ้างเลย เชื่อว่าตอนนี้หลายคนกำลังประสบปัญหาอยากออกไปพักผ่อน แต่ติดอยู่ที่ข้อเดียวก็คือ ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน มีวันหยุดกับเขาแค่วันเดียวจะเที่ยวไหนกับเขาก็ลำบาก กลัวจะเหนื่อยจนทำงานไม่ไหวกันอีก… วันนี้ทริปเก็ทเตอร์เลยมีทริปดีมาเอาใจคนวันหยุดน้อย กับโซนน่าเที่ยงใกล้กรุงกับทริป One Day in รังสิต-ปทุมธานี ให้ทุกคนได้มาทำความรู้จัก พักชม พักชิมกับของอร่อย ที่เที่ยวบรรยากาศดีที่บอกเลยว่าให้ความสุขแบบครบรสไม่แพ้โซนไกล ขอแค่เอื้อมกาย เอื้อมใจออกมาเท่านั้นเอง

---

เราออกเดินทางกันช่วงสายๆ ของวันอาทิตย์สุดคึกคัก เพื่อให้เวลาสำหรับทุกคนในการทำภารกิจส่วนตัวกันก่อน ล้อหมุนช่วง 9 โมงเช้า และจุดหมายแรกและมื้อเช้าของเราจะเริ่มกันที่ ตลาดระแหง ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว

ตลาดแห่งนี้ เป็นตลาดเล็กๆ บรรยากาศสุดเรียบง่าย ที่ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านไม้โบราณสองฝั่งที่ถูกคั่นกลางด้วยคลองระแหงสายเล็กๆ ซึ่งมีวิถีชีวิตมาอย่างยาวนานนับ 100 ปี

ภายในตลาดอาจจะไม่ค่อยคึกคักเท่าที่อื่นๆ แต่ก็มีข้อดีที่เราจะได้เห็นมุมของวิถีชีวิตที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ มีร้านขายอาหาร เครื่องใช้ ร้านเสริมสวยบรรยากาศเก่าๆ ที่ชาวบ้านต่างพึ่งพาและใช้อุดหนุนเกื้อกูลกันได้อย่างน่ารัก 

ถึงจะเป็นตลาดเล็กๆ แต่ก็มีมุมสวยให้ถ่ายรูปนะ  ที่สำคัญชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใสสุดๆ

และเมื่อมาถึงตลาดแห่งนี้ก็ต้องไม่พลาดมาสักการะกับ ศาลจ้างระแหง ซึ่งเป็นเทพเจ้าของจีน ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าท่านจะให้พรเรื่องการค้าขาย โชคลาภ รวมถึงสุขภาพ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนลุยกันต่อ

 ส่วนมื้อเช้าเราเก็บท้องไว้ชิมเมนูอร่อยที่นี่ เราเลือกกินก๋วยเตี๋ยวกันที่ ร้านเจ๊น้อง ซึ่งอยู่บริเวณปากตลาด เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวบรรยากาศบ้านๆ ติดริมคลอง

เมนูเด็ดต้องยกให้เมนู เย็นตาโฟร์ สุดเข้มข้น และก๋วยเตี๋ยวเส้นปลาน้ำใสชิ้นใหญ่ ที่สนนราคาเร่ิมต้นเพียง 30-50 บาทเท่านั้น รสชาติเข้มข้นคุ้มราคาสุดๆ

ตลาดระแหง 100 ปี ตั้งอยู่ที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ห่างจากตัวเมืองปทุมธานีไปทางอำเภอลาดหลุมแก้ว 13 กิโลเมตร เปิดให้เดินเที่ยวชมได้ทุกวัน แต่ร้านค้าจะเปิดบริการและคึกคักเป็นพิเศษในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. 

และถ้าหากพูดถึงปทุมธานี อีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญที่ไม่แพ้ที่ไหนก็ต้องยกให้กับวัด ที่มีทั้งวัดสำคัญ วัดสวย วัดน่าเที่ยวกันหลายแห่ง ส่วนวัดสวยไฮไลท์ที่แปลกไม่เหมือนใครก็ต้องยกให้กับวัดเจดีย์หอย สุดอันซีนที่ทำจากเปลือกหอยทั้งองค์เป็นแห่งเดียวในประเทศไทย

ขอเล่าประวัติที่มาของวัดกันสักหน่อย วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โดยพระคุณครูสุนทร ซึ่งในอดีตหลวงพ่อเคยออกธุดงค์ที่ประเทศพม่าและเกิดความประทับใจ วัดนี้จึงผสมผสานระหว่างศิลปะแบบไทยและพม่าเข้าด้วยกัน และระหว่างการสร้างวัดนั่นเอง ก็ได้ขุดพบกับเปลือกหอยนางรมยักษ์ อายุกว่าพันปี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าเมื่อก่อนพื้นที่นี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ซึ่งด้านบริเวณทางเข้าวัดจะโดดเด่นด้วยเจดีย์หอยองค์ใหญ่ 2 องค์ เด่นตระหง่าเป็นแลนด์มาร์ค

ส่วนอุโบสถและมุมสำหรับไหว้พระทำบุณจะอยู่ลึกทางด้านใน มากมายด้วยจุดพักผ่อน มีทั้งพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุ เครื่องใช้เก่าๆ มุมศาลาริมน้ำให้เพลิดเพลินกับเต่าและปลาน้อยใหญ่ และที่สำคัญขณะนี้กำลังสร้างเจดีย์หอยองค์ใหม่ขนาดใหญ่ที่สุดที่มีความสูง 59 เมตร และกว้าง 40 เมตร

มีมุมรูปปั้นปูยักษ์ให้ถ่ายรูปกันด้วยนะ

เที่ยวกันเพลินก็เลยช่วงเที่ยงกันมาแล้ว แวะหาอะไรกินรองท้องกันสักหน่อย ปทุมธานี ถือว่าเป็นจังหวัดที่มากมายตลาดน่าเที่ยวมากมายชื่อดัง ที่เรียกว่าเป็นสวรรค์ของสายชิมม์ สายช้อปเลยก็ว่าได้ ซึ่งเที่ยงนี้เราจะไปฝากท้องกันที่ ตลาดริมน้ำสามโคก ซึ่งอยู่ที่อำเภอสามโคก ใ้ช้เวลาเดินทางจากวัดราว 30 นาที

ตลาดอิงน้ำสามโคก เป็นอีกตลาดบรรยากาศค่อนข้างเรียบง่าย ที่ชาวบ้านก็ยังคงใช้วิถีชีวิตกับแบบปกติ แต่ถือว่าค่อนข้างคึกคัก มากมายด้วยร้านค้าที่แต่ละบ้านก็จะเปิดจำหน่าย ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก และรอยยิ้มของเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่ทักทายอย่างเป็นกันเอง

ส่วยของเด็ดต้องยกให้เหล่าขนมไทย ที่ทำแบบโฮมเมดที่ทั้งแบบดั้งเดิมและครีเอท คอของหวานบอกเลยว่าไม่ควรพลาด

 ใจกลางตลาดมีสะพานปูนข้ามคลอง ซึ่งเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหญ่ ที่จะมีเรือแล่นผ่านไปมาตลอดทั้งวัน 

มีมุมริมน้ำให้ชิลล์ถ่ายรูปกันด้วย

เดินหาของกินกันไปแบบเพลินๆ เราก็มาพบกับขุมทรัพย์กันแบบบังเอิญกับคาเฟ่เล็กๆ เปิดใหม่ บรรยากาศดีติดริมคลอง ชื่อว่า สุขถวิล คาเฟ่ ซึ่งร้านนี้มาในรูปแบบโอเพ่นแอร์ ตกแต่งในสไตล์วินเทจ มีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปกันมากมาย

 ส่วนเมนูร้านนี้จะเน้นเป็นเมนูสไตล์ยุโรป มีทั้งสเต็ก สปาเก็ตตี้ ของทานเล่น รวมถึงเครื่องดื่มสดชื่นๆ ทั้งกาแฟ ชา อิตาเลี่ยนโซดา และคราฟท์เบียร์รสชาติดีราคาถูกใจ

สเต็กไก่ 79 บาท

ถึงจะเข้าช่วงบ่ายอากาศไม่ร้อนมาก สำหรับร้านนี้ เปิดเฉพาะวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่ 10.30 – 21.00 น. เรียกว่ายิงยาวสัมผัสบรรยากาศตลาดแบบทั้งวันกันเลย

และถ้าหากมาถึงอำเภอสามโคกทั้งที ต้องไม่ควรพลาดแวะมาสักการะองค์หลวงพ่อโตกันที่ วันโบสถ์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ วัดหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วัดแห่งนี้เป็นวัดสำคัญที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2164 บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ บนโลเคชั่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในมากมายมุมสำคัญทั้ง พระพุทธรูปหลวงพ่อพุทธโสธรองค์ใหญ่ ท้าวจตุคามราวเทพ และรูปปั้นพระสีวลีให้สักการะกัน ส่วนไฮไลท์สำคัญต้องยกให้รูปั้นสมเด็จพุฒาจารย์โต พรมหารังสี ที่มีความสูงถึง 28 เมตร

นอกจากนี้ยังมีพิพิภัณฑ์และแพให้มาพักผ่อนหย่อนใจ ทำบุญโดยการให้อาหารปลา แถมยังมีตลาดของฝากให้ซื้อช้อปของฝากกันด้วย

ยังไม่จุใจกับของอร่อย เราไปชิลล์กันต่อกับคาเฟ่สุดจี๊ดดีไซน์สุดแจ๋ว ที่ตั้งอยู่บนเรือสีขาวโดดเด่นไม่เหมือนใครที่ On the River Cafe ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากวัด 20 นาที คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในซอยลึกติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวร้านเป็นเรือแพ 2 ชั้น ภายในชั้นล่างเป็นมุมอินดอร์แอร์เย็นฉ่ำ มีบาร์ส่งกลิ่นหอมและมุมนั่งที่ค่อนข้างเยอะและหลากหลาย

ส่วนเมนูจะเน้นเป็นของหวานและเครื่องดื่มซะส่วนใหญ่ เราเลยของลองกับเมนู Nutella Pancake 150 บาท และ Peach Black Tea 95 บาท สุดอร่อยที่เรียกว่าช่วยสู้กับความร้อนของอากาศได้เป็นอย่างดี

ส่วนมุมเอาท์ดอร์ก็ดีงามไม่เบา มากมายด้วยมุมถ่ายรูป รวมถึงยังมีเปลตาข่ายให้นอนฟินๆ ยามบ่ายกันด้วย

ชั้นสองเป็นดาดฟ้าเรือ มาพร้อมวิวสวยของแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ 180 องศา เพลินแบบลืมเวลากันถึงช่วงเย็นกันเลย สำหรับร้านนี้เปิดให้บริการกันทุกวันตั้งแต่ 11.00-21.00 น. จะมานั่งชิลล์ถ่ายรูป หรือยกงานมาทำก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย 

เข้าสู่ช่วงเย็นก็ต้องหาที่ไปชมแสงพระอาทิตย์ตกกันซะหน่อย ใครจะรู้หล่ะว่าตอนนี้ปทุมธานีก็มีจุดเช็คอินทุ่งดอกบัวให้พักผ่อนหน่อยใจกันด้วยนะที่ สะพานไม้ทุ่งรังสิต สะพานแห่งนี้พึ่งถูกสร้างในงาน ศิริเวชเดย์ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดเมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา และใจดีเปิดให้เป็นจุดพักผ่อนกันต่อ

สะพานแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสะพานไม้ไผ่ของวัดศรีมงคล จังหวัดน่าน และใช้ไผ่ที่อิมพอร์ทจากน่านมาออกแบบ ด้านหน้ามีซุ้มประตุ้มสวยในสไตล์ล้านนา มากมายด้วยทางเดินที่ลอยตัวอยู่กับบึงบัวหลากหลายสีสัน ทั้งม่วง ชมพู ขาว 

ประดับประดาด้วยตุง และร่มแบบเมืองเหนือ ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าเราหนีมาเที่ยวน่านอย่างแน่นอน มากมายด้วยมุมถ่ายรูป ทั้งชิงชา ศาลาหรือจะนั่งห้อยขาก็เก๋ไม่เบา ลงรูปได้ยันปี 63 กันไปเลยจ้า

สะพานนี้ตั้งอยู่บริเวณที่จอดรถตู้ตรงข้ามฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต สำหรับใครที่ไม่แน่ใจก็สามารถเสริช Google Map มาได้ ที่สำคัญเปิดให้เข้าชมทุกวันไม่มีค่าเข้าชม 

 

---

เป็นยังไงกันบ้าจ๊ะกับทริปเอาใจคนมีวันหยุดน้อย.. ที่ทริปเก็ทเตอร์เอามาฝากกันในครั้งนี้ เอาจริงแล้วทริปนี้เราถือว่อค่อนข้างชิลล์ ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก จบที่สุดท้ายก็ยังเหลือเวลาให้พักผ่อนกันอีกเยอะ เรียกว่าเป็นทริปทางเลือกที่ดีสำหรับคนมีเวลาน้อยอย่างแท้จริง หวังว่าจะเป็นไกด์ที่ดี ที่ช่วยกระตุ้นให้เพื่อนได้ออกไปพักผ่อน ใช้ชีวิตมองหาอะไรใหม่ๆ กันบ้าง ว่าแล้วก็อย่างรอช้า รีบมองหาปฏิทินวันหยุดของเรา นัดเพื่อนแล้วออกไปลุยกันเลย…

---