7 เกาะน้ำใส เมืองไทยก็มี ไม่ต้องบินไปไกลถึงมัลดีฟส์
77,963 ครั้ง
14 ม.ค. 2563
77,963 ครั้ง
14 ม.ค. 2563
หลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปสัมผัสทะเลมัลดีฟส์ให้ได้สักครั้งแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที แต่ยังไม่ต้องเสียใจไปที่เมืองไทยก็มีทะเลสวยๆ น้ำใสสีมรกตไม่แพ้มัลดีฟส์เลยนะ อีกทั้งยังไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงมัลดีฟส์ก็ได้เล่นน้ำทะเลใสๆ นอนแช่ตัวพร้อมชมวิวสวยที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี อีกทั้งยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ได้มุมภาพเหมือนอยู่มัลดีฟส์ได้เหมือนกัน ตามมาดูกันเลยว่าเกาะสวยน้ำใสในเมืองไทยที่มีความสวยงามไม่แพ้มัลดีฟส์มีที่ไหนกันบ้าง ลุยโลด!!
เกาะขาม จ.ตราด เกาะสวยน้ำใสที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “มรกตแห่งท้องทะเล” เมื่อได้ไปสัมผัสแล้วก็เป็นดั่งคำที่ว่าจริงๆ ด้วยน้ำทะเลที่ใสราวกับมรกตและหาดทรายที่ขาวนวลเนียนละเอียดที่ทอดตัวยาวออกไปในท้องทะเลประมาณ 300 เมตร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศที่นี่เงียบสงบเหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะหมากมากนัก เป็นเกาะส่วนตัวเล็กๆ ซึ่งการจะมาเที่ยวที่นี่ได้ต้องเดินทางไปเข้าพักที่เกาะหมากก่อนจึงจะสามารถนั่งเรือข้ามไปเที่ยวที่เกาะขามได้ ไฮไลท์เด็ดของที่นี่คือ สะพานไม้ทอดตัวยาวออกสู่ท้องทะเลที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปมุมนี้เมื่อได้มาเยือนเกาะขาม
Location: ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด
Phone: 039 510 928, 082 625 0300 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง
เกาะกูด จ.ตราด เกาะขนาดใหญ่อันดับที่สองของจังหวัดตราดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวและหาดทรายขาวน้ำทะเลใสจนได้ขนามนามว่าเป็น “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกาะที่เหมาะแก่การไปนอนพักผ่อนหย่อนใจทิ้งตัวไปกับธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเกาะกูดสามารถท่องเที่ยวได้ 3 คือ ฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่อากาศดีเหมาะมาเที่ยวสวีทกับแฟนในช่วงวาเลนไทน์ ฤดูร้อนช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เป็นช่วงที่ทะเลน้ำใสมาก เหมาะมานอนอาบแดดเล่นเซิร์ฟในวันหยุดยาว และฤดูฝนช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม เป็นช่วงที่มีลมมรสุมซึ่งจะมีฝนตกเป็นบางวัน ข้อดีคือเป็นช่วงที่โรงแรมราคาเบาๆ มาพร้อมโปรโมชั่นหลากหลาย หากใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยวเกาะกูดอยู่ก็ลองเลือกบรรยากาศที่ชอบกันได้นะว่าอยากไปเที่ยวแบบไหน แต่บอกเลยว่าได้ไปสัมผัสแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน
Location: ต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด
Phone: 039 510 928, 082 625 0300 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง
เกาะพยาม จ.ระนอง แต่เดิมมีชื่อเรียกว่าเกาะพิยาม ซึ่งมากจากคำว่า “พอยาม” ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ฝั่งทะเลอันดามันรายล้อมไปด้วยภูเขาเป็นย่อมๆ มีป่าไม้เบญจพรรณซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของหมูป่า และนกนานาชนิด แต่นกเหงือกพบมากพอสมควรบนเกาะพยาม เกาะพยามมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้ง วัดเกาะพยาม โบสถ์กลางน้ำ อ่าวเขาควาย ซึ่งที่แห่งนี้มีหินทะลุเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนเกาะพยามแล้วจะต้องมาถ่ายรูปสวยๆ กับหินทะลุที่สามารถมองลอดหินเห็นวิวท้องทะเลสีมรกตสวยงามดีทีเดียว ซึ่งระนองเป็นจังหวัดที่ถูกเรียกว่า เมืองฝนแปดแดดสี่ มีช่วงเวลาท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เป็นช่วงเวลาที่อากาศดีมีกิจกรรมให้ทำมากกว่าฤดูอื่น สำหรับคนที่อยากจะมาเที่ยวเกาะพยามก็รีบวางแผนการเดินทางและจองที่พักที่ถูกใจไว้ล่วงหน้านะ เพราะยิ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวแล้วคนจะเยอะมากถ้าวางแผนไม่ดีจองที่พักไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ
Photo by: TheBlueSkyResort, เกาะพยาม
Location: ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง
Phone: 077 880 438 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง
เกาะหมาก จ.ตราด เป็นเกาะที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีความสวยงามและนักท่องเที่ยวนิยมไปท่องเที่ยวไม่แพ้ที่อื่น ซึ่งเกาะหมากมีลักษณะเป็น 4 แฉกหรือบางคนอาจจะมองเป็นเครื่องหมายบวก ที่เกาะหมากแห่งนี้มีที่พักไม่มากนักเป็นเกาะที่เงียบสงบเหมาะแก่การไปนอนพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งบนเกาะแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสวนมะพร้าวสวนยางพาราเป็นจำนวนมาก ฤดูกาลท่องเที่ยวยอดฮิตของเกาะหมากจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีคลื่นลมเงียบสงบ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศดีที่สุด ซึ่งหากใครอยากไปเที่ยวช่วงฤดูฝนก็สามารถเที่ยวได้เหมือนกันแต่จะมีฝนตกและคลื่นลมแรงการเดินทางข้ามเกาะอาจจะไม่สะดวกมากนัก ซึ่งอาจจะมีกิจกรรมให้ทำน้อยกว่าช่วงฤดูอื่น
Location: ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด
Phone: 039 510 928, 082 625 0300 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง
เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล อีกหนึ่งเกาะน้ำใสที่เป็น Unseen Thailand ของทะเลอันดามัน เป็นเกาะสวยอยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งไฮไลท์เด็ดของเกาะหลีเป๊ะคือน้ำทะเลที่ใสราวกับกระจกสามารถมองเห็นพื้นทรายและโขดหินที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีหาดทรายที่ขาวนวลเนียนละเอียด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติไม่แพ้ที่อื่นเลย โดยช่วงที่แนะนำให้ไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะก็คือช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่อากาศดีมีฝนน้อยที่สุด ซึ่งหากใครอยากมาเที่ยวในช่วงอื่นจะมีเรือบริการน้อยและยังเป็นช่วงมรสุมเที่ยวไม่สนุกอย่างแน่นอน ใครกำลังวางแผนมาเที่ยวหลีเป๊ะก็ควรหาที่พักวางแผนให้ดีและอย่าลืมเตรียมพร็อพถ่ายรูปมาให้พร้อมนะ เพราะวิวที่นี่สวยมาก เตือนแล้วนะ!!
Photo by: เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล
Location: เกาะหลีเป๊ะ หมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล จ.สตูล
Phone: 074 783 597 อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
Fee: ค่าธรรมเนียมท่าเทียบเรือปากบารา 20 บาท/คน
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
เกาะรอก มีเขตเชื่อมต่อทะเลตรัง ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ ประกอบไปด้วยเกาะรอกในและเกาะรอกนอก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางไปเที่ยวเกาะรอกจากภูเก็ตเนื่องจากอยู่ไม่ไกลกันมากนัก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. โดยเกาะรอกเป็นเกาะเล็กๆ ซึ่งมีหาดทรายทอดยาวโค้งเป็นรูปเกือกม้ามีทรายขาวละเอียด เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบอีกทั้งยังโรแมนติกมากอีกด้วย และถ้าใครได้ไปเยือนเกาะรอกแล้วจะต้องติดใจกับความน่ารักของปูเสฉวนที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรแห่งปูเสฉวนเลยก็ว่าได้ สำหรับคนที่ชื่นชอบการดำน้ำเกาะรอกก็เป็นอีกเกาะหนึ่งที่เหมาะแก่การมาดำน้ำ ซึ่งมีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์และมีสัตว์น้ำอย่าง ปลาการ์ตูน ปลาน้อยปลาใหญ่มากมายให้ชมความสวยงาม หากใครได้มาเยือนแล้วต้องติดใจอย่างแน่นอน
Photo by: เกาะรอก หมู่เกาะห้า
Location: อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่
Phone: 075 660 711-2 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา
Fee: อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท
เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่มากในอดีตจึงมีเต่ามาหาแหล่งวางไข่จำนวนมาก ซึ่งเป็นเกาะที่มีความเงียบสงบและไม่มีผู้คนมาอยู่อาศัย พอเริ่มมีผู้คนมาดำน้ำและค้นพบแนวปะการังรอบเกาะจึงได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและกลายมาเป็นแหล่งดำน้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งบนเกาะมีจุดดำน้ำที่น่าสนใจอยู่หลายจุด เช่น จุดดำน้ำกองหินชุมพร เป็นกองหินใต้น้ำมีความลึกสูงสุดอยู่ที่ 30-40 เมตร เหมาะกับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์สูง จุดดำน้ำหินใบ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเกาะเต่ากับเกาะพะงัน ซึ่งเป็นกองหินที่โผล่พ้นน้ำมีความลึกประมาณ 24 เมตร มีฝูงปลาหลายชนิดให้นักดำน้ำได้ศึกษา และจุดดำน้ำกองหินตุ้งกู เป็นกองหินใต้น้ำมีความลึกประมาณ 30 เมตร ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การไปเที่ยวเกาะเต่ามากที่สุด หากใครกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนสวยๆ บรรยากาศสบายๆ ก็ลองแวะไปชิลล์กันที่เกาะเต่าสักคืนสองคืนนะ
Photo by: Ko Tao Resort – เกาะเต่ารีสอร์ท
Location: ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
Phone: 077 288 818 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี