8 จังหวัด ทะเลหมอกสุดฟินที่น่าชวนคนข้างกายไปสัมผัส

ตื่นมายามเช้า หลายคนก็คงอยากจะเปิดหน้าต่างออกไปเจอกับอากาศที่เย็นสบายและสายหมอกที่โอบรอบตัวเรา นี่คงจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการดีท็อกซ์จิตใจตัวเองจากการทำงานมาเกือบทั้งปี แต่คำถามคือเราจะเดินทางไปรับไอหมอกจากที่ไหนดี ทางทริปเก็ทเตอร์ได้รวบรวม 8 จังหวัด ทะเลหมอกสุดฟินที่น่าชวนคนข้างกายไปสัมผัส เชื่อว่าทุกคนสามารถปักหมุดและตามกันไปได้ง่ายๆ บอกเลยว่าประเทศไทยเราสามารถดูหมอกได้ทุกที่จริงๆ ใครอยู่ที่ไหนก็ตามมาเช็คอินกันเลย!!

---

8 จังหวัด ทะเลหมอกสุดฟินที่น่าชวนคนข้างกายไปสัมผัส

---

1.จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์, เชียงใหม่

ภาคเหนือเป็นภาคแรกๆ ที่หลายคนเลือกไปสัมผัสทะเลหมอกกัน จังหวัดเชียงใหม่ ณ.จุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย เหนือจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ระยะทางกว่า 3.2 กิโลเมตร ที่จะพาให้นักเดินทางเพลิดเพลินไปกับนานาพรรณไม้ ผ่านเส้นทางแห่งขุนเขา มาบรรจบกับความเวิ้งว้างของทะเลหมอกที่ จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน พาให้เราสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ นอกจากทะเลหมอกแล้ว ในยามเช้าก็ยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้เช่นกัน

• Location: ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
• Open-Close: เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.10 – 15.50​ น.

---

2.ภูลังกา, พะเยา

มากันต่อที่จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่ธรรมชาติของพะเยาสวยไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ และจุดชมทะเลหมอกที่จะมาแนะนำนี้อยู่ที่ ภูลังกา เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาสันปันน้ำที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ ในยามเช้ารอชมแสงจากพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ส่องผ่านทิวเขา พร้อมวิวทะเลหมอกที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ภูลังกานี้เหมาะกับการมาพักผ่อน นั่งชิลล์ จิบกาแฟ ปล่อยกายและใจไปกับสายหมอกที่ลอยพัดผ่านรอบตัวเรา สำหรับช่วงเวลาท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาภูลังกาก็คือฤดูหนาวที่เป็นช่วงที่ทะเลหมอกกำลังงดงามและอากาศเย็นสบาย

• Location: ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา

---

3.ดอยเสมอดาว, น่าน

นอนท่ามกลางธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยแสงดาว และสัมผัสกับอากาศเย็นๆ ที่ ดอยเสมอดาว สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนสักครั้งของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน ดอยเสมอดาวเป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกับท้องฟ้า ในยามค่ำคืนนอนดูดาว แสงดาวราวกับเปร่งประกายอยู่รอบๆ ตัวเราที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็สามารถเห็นทะเลดาวเต็มท้องฟ้า พอตื่นมาในยามเช้าก็ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น สูดอากาศบริสุทธิ์ เพลิดเพลินไปกับทะเลหมอกที่ลอยละล่องอยู่ทั่วฟ้า ในขณะเดียวกันตอนเย็นก็รอดูพระอาทิตย์ตกดินกันต่อได้ที่นี่เลย เรียกได้ว่ามาดอยเสมอดาวทั้งที่ สามารถเที่ยวครบจบได้ในที่เดียวเลย

• Location: ต.ศรีษะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน

---

4.จุดชมวิวภูทอก, เชียงคาน เลย

หนีจากความเร่งรีบในตัวเมือง มาปล่อยชีวิตให้สโลว์ไลฟ์กันที่จังหวัดเลย สำหรับใครที่มาเที่ยวชมวิถีเมืองเก่าของเชียงคานแล้ว ต้องไม่พลาดไปรับแสงยามเช้าและสัมผัสสายหมอกกันที่ จุดชมวิวภูทอก จุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ที่นี่จะเห็นทะเลหมอกสีขาวตัดกับแสงอาทิตย์สีส้มอ่อนๆ ที่กำลังส่องผ่านทิวเขาในยามเช้า รับกับอากาศเย็นๆ บนยอดเขา นอกจากชมทะเลหมอกแล้ว ภูทองยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงคาน ชมความงดงามแม่น้ำโขงที่กำลังสะท้อนประกายรับกับแสงตะวัน บรรยากาศแบบนี้ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ

• Location: ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย

---

5.ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน, นคราชสีมา

ผาเก็บตะวัน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็นที่สวยงามมากๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลาน ยิ่งในยามเช้าสามารถชมไอหมอกที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางพื้นที่ป่าสีเขียวของอำเภอวังน้ำเขียว พร้อมกับสูดรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด ปล่อยกายและใจไปกับทิวทัศน์เบื้องหน้า หลังจากชมหมอกยามเช้าเสร็จแล้วก็ไม่ต้องรีบกลับ แนะนำให้ทุกคนเตรียมเต็นท์มานอนพักผ่อนบนนี้สักคืนหนึ่งและรอดูพระอาทิตย์ตกยามเย็นต่อกันได้เลย โดยเราสามารถนำเต็นท์มากางเองหรือจะมาเช่าเต็นท์กับทางอุทยานฯ ก็ได้

ขอบคุณรูปภาพจาก: อุทยานแห่งชาติทับลาน – Thap Lan National Park

• Location: ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

---

6.จุดชมวิวเนินช้างศึก, กาญจนบุรี

มาต่อกันที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดยอดฮิตที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถเที่ยวได้ทั้งปีและยังมีธรรมชาติที่งดงาม ในส่วนของจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดในภาคตะวันตก ก็คงจะเป็น จุดชมวิวเนินช้างศึก หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกัน ก็คือยอดดอยปิล๊อก ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดนไทยกับพม่า เป็นที่ที่สามารถสัมผัสทะเลหมอกได้แบบ 360 องศา ในขณะเดียวกันในวันที่ไม่มีหมอก จุดชมวิวเนินช้างศึกก็เป็นอีกจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในที่เดียวกัน ซึ่งก็มีความงดงามที่ต่างกันกับวันที่มีหมอกปกคลุม บนเนินช้างศึกสามารถมองเห็นทิวเขาสีเขียวที่อยู่กันอย่างสลับซับซ้อนกัน หรือในวันที่ฟ้าเปิดมากๆ ก็สามารถมองเห็นถึงทะเลอันดามันจากฝั่งประเทศพม่าได้เลย

• Location: ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

---

7.จุดชมวิวภูแผงม้า อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า, เพชรบูรณ์

จุดชมวิวภูแผงม้า จังหวัดเพชรบูรณ์ ทะเลหมอกใกล้กรุงที่ต้องไปสักครั้ง ภูแผงม้าเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โดยอยู่ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,775 เมตร ทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่เป็นจุดชมทะเลหมอกงดงามที่สุดแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นหมอกได้แบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วย จากตรงนี้สามารถมองเห็นเส้นทางคดเคี้ยวของถนนที่ทอดผ่านแนวสันเขา วิวหุบเขากระหล่ำปลีจากภูทับเบิกและทิวเขาสลับซับซ้อน เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่ห้ามพลาดเลย

• Location: ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

---

8.ยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตย, สุพรรณบุรี

ยอดเขาเทวดา ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติพุเตยและเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี บนยอดเขาเทวดาสามารถมองเห็นทิวเขาหลายลูกที่วางเรียงสลับซับซ้อนกัน อยู่ท่ามกลางทะเลหมอก รัมชมพระอาทิตย์ยามเช้า สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นและกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ ในระหว่างการเดินทางไปยังยอดเขาเทวดานั้น จะผ่านผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติพุเตย อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และมรดกโลกห้วยขาแข้ง สำหรับสายเดินป่า รักธรรมชาติต้องมาเยือนสักครั้งหนึ่งเลย

ขอบคุณรูปภาพจาก: สำนักอุทยานแห่งชาติ- National Parks of Thailand

• Location: ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

---

ครบแล้ว 8 จังหวัด ทะเลหมอกสุดฟินที่น่าชวนคนข้างกายไปสัมผัส ใครอยู่ที่ไหนก็รีบตามไปเช็คอินเลย ยิ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ทะเลหมอกกำลังสวย เพิ่มเติมความฟินด้วยการชวนคนข้างกายไปด้วยกัน และถ้ายังไม่จุใจมาตามกันต่อที่ 5 คาเฟ่วิวเขาเคล้าสายหมอก นั่งจิบกาแฟฟินชมวิวสวยฉ่ำ! หรืออยากหาที่พักวิวหมอก 5 ที่พักนอนแช่อ่าง ชมวิวหมอก บอกเลยว่าไม่ควรพลาด!

---