tripgether.com

จันทบุรี 2 วัน 1 คืน นอนโฮมสเตย์สไตล์คันทรี กินบุฟเฟ่ต์ปู กุ้ง ไม่อั้นจ่ายเบาๆ งบไม่เกิน 2,500 บาท

216,342 ครั้ง
20 ก.ค. 2560

จันทบุรี เมืองนี้มีแต่ของอร่อยๆ ด้วยความที่มีวันหยุดน้อย พอมีวันว่างทั้งทีเลยรีบเก็บกระเป๋าชวนเพื่อน หาคนหาร ชวนกันไปเที่ยวจันท์ นอนกลางทะเลสักคืน แล้วเน้นกินบุฟเฟ่ต์กันแบบเน้นๆ กันที่หมู่บ้านไร้แผนดิน ใครที่กำลังมองหาทริปน่าเที่ยวสำหรับวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ จันทบุรีเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เที่ยวได้แบบชิลล์ๆ ไม่มีเบื่ออย่างแน่นอน


Day: 1 เราออกเดินทางกันแต่เช้า ด้วยรถส่วนตัวมุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี เมื่อเข้าเขตจังหวัดจันทบุรี ก็มุ่งหน้าต่อไปยังท่าเรือขลุง เปิด Google Map ไปที่ ทรัพยาการป่าชายเลนที่ 3 จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง เมื่อมาถึงที่ท่าเรือขลุง จะมีเรื่อจากที่พักมาจอดรอรับไปยังที่พัก สหรับเรื่อ ทางเราได้จองไว้ล่วงหน้าเป็นเรือสองตอน เปิดประทุนในราคาแบบเหมาลำ 1,000 บาท นั่งได้ 6 คน ซึ่งในส่วนของเรือสามารถสอบถามกับทางที่พักได้ เพราะจะมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน เราใช้เวลานั่งเรือกันประมาณ 15 นาที ก็มาถึงที่พักแล้วค่ะ

เวลาเช็คอินที่พักคือตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป ซึ่งก่อนจะมาถึงที่พักแนะนำว่าไม่ต้องกินอะไรเข้ามา เพราะทางที่พักจะมีอาหารกลางวันไว้ให้บริการโดยมีเมนูส้มตำปูม้า ผัดผักรวมมิตร ซีฟู้ดต้มยำน้ำข้น ปลากระบอกทอดกร๊อบกรอบ ซึ่งแต่ละเมนูเด็ดมากๆ เติมได้ไม่อั้นอีกด้วยค่ะ

ซึ่งระหว่ารอทำกิจกรรมกับทางที่พัก เราไปดูบรรยากาศภายในห้องนอน และบรรยากาศภายรอบๆ ที่พักกันสักหน่อย ว่าจะนอน น่าอยู่ขนาดไหน

บรรยากาศภายในห้องพัก แบบนอนรวมสำหรับกลุ่มใหญ่ ตั้งอยู่ริมทะเล ติดกับป่าชายเลน บรรยากาศดีสุดๆ

ประมาณสี่โมงเย็นทางรีสอร์ทจะพาออกไปล่องแพเปียก ชมวิวทะเลสวยๆ

โดยจุดแรกที่พาไปแวะจะเป็นทะเลแหวก เป็นอีกหนึ่งจุดให้เราได้ลงเล่นน้ำทะเล และเล่นทราย ถ่ายรูปเล่นกันแบบเพลินๆ 

เราใช้เวลาถ่ายรูป เล่นน้ำกันที่ทะเลแหวกสักพัก ก็ขึ้นแพเพื่อล่องกลับไปยังที่พัก ซึ่งระหว่างทาง แพจะจอดให้เราได้เล่นน้ำทะเล และชมเหยี่ยวคอแดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องชมเมื่อมาเที่ยวที่หมู่บ้านไร้แผนดิน

แพเปียกใช้เวลาล่องประมาณ 2 ชั่วโมง ก็พาเรากลับมายังที่พัก ซึ่งใครอยากจะเล่นน้ำต่อที่บริเวณหน้าที่พักก็สามารถทำได้ เพราะยังมีเวลาให้เหลือๆ ให้เราได้ชิลล์ และฟินไปกับสายน้ำ

จนถึงเวลาประมาณ 1 ทุ่มจะเป็นช่วงเวลาอาหารเย็น ที่หลายๆ คนรอคอยกับบุฟเฟ่ต์ ปู กุ้ง หอย หมึก ที่เติมได้แบบไม่อั้น!

นอกจากบุฟเฟ่ปู กุ้ง หมึก หอยนางรมแล้ว ยังมีเมนูอื่นๆ อย่างปลากระพงนึ่ง ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ เป็นต้น ซึ่งเมนูจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล หรือขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นออกทะเลได้วัตถุดิบอะไรเยอะ เพื่อมาประกอบอาหาร ซึ่งรับรองได้ว่าเมนูอาหารของที่นี่สดใหม่อย่างแน่นอน

สำหรับคืนนี้ขอลาไปด้วยเมนูอาหารพร้อมวิวฟินๆ ที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าเกินราคาอย่างแน่นอน


Day: 2 สำหรับเช้านี้เราตื่นมาเจอฝน เลยไม่ได้ออกไปเดินเล่นที่ไหน ได้แต่นั่งนับเลขรอฝนหยุด และรับประทานอาหารเช้า ซึ่งในมื้อเช้าที่นี่จะมีเมนูที่แตกต่างจากที่อื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะเสิร์ฟข้าวต้ม แต่ที่นี่เป็นเมนูน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ ข้าวไข่เจียวหอยนางรม น้ำพริกปลาทูสับ กินคู่กับผักสด ซึ่งในส่วนของน้ำพริกพี่เจ้าของได้ดัดแปลงมาจากเมนูปลาร้าสับนั้นเอง 

หลังจากฝนเริ่มซา เราก็นั่งเรื่อกลับไปยังท่าเรือขลุง แล้วขับรถไปหาของอร่อยๆ กินกันที่ตลาดริมน้ำจันทบูร

ซึ่งมื้อนี้เราขอตามรีวิวไปกินเมนูก๋วยเตี๋ยวกั้ง ก๋วยเตี๋ยวซีฟู้ดที่ร้านป้าอี๊ด ซึ่งรอคิวนานใช้ได้เลย โดยเมนูแนะนำที่เราสั่งมารับประทานเป็นเมนูบะหมี่ต้มยำซีฟู้รวม และข้าวหน้าซีฟู้ดรวม จานละ 70 บาท

กินคาว แล้วต้องกินหวาน กับไอติมเจ้าเก่า ที่ต้องลองมีให้เลือกหลายรสกับ ไอติมตราจรวด

หลังจากกินข้าวกลางวันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเล่นซื้อของกันเพลินๆ ก่อนจะรีบเดินหนีฝนกลับไปที่รถ เพื่อเดินทางไปต่อที่เนินนางพญา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยของถนนเลียบริมทะเลที่สวยที่สุดในประเทศไทย

สำหรับคู่รักที่เดินทางมาที่นี่จะนิยมคล้องกุญแจคู่กัน ซึ่งน่าจะได้ไอเดียความรัก สุดน่ารักแบบนี้มาจากเกาหลีก็ว่าได้

ถ่ายรูปเล่นกันสักพัก นั่งรับลมกันสักหน่อย ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้วค่ะ ซึ่งระหว่างทางก็มีชาวสวนน้ำผลไม้ มาวางขายให้เราได้แวะซื้อ แวะเลือกกันตลอดทาง เอาเป็นว่าใครที่ชอบกินทุเรียนมาที่นี่ได้ขนซื้อกลับบ้านกันแบบเต็มท้ายรถอย่างแน่นอน 

 

สำหรับทริปเที่ยวจันท์ (เน้นกิน) เป็นอีกหนึ่งทริปวันหยุดที่เหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อน และอยากใช้วันหยุดไปกับการกินอะไรอร่อยๆ แนะนำเลยว่ามาเมืองนี้ไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน แถมยังได้เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อีกหลายที่อีกด้วย และที่สำคัญทริปนี้เราใช้จ่ายกันไม่เกิน 2,500 บาท เรียกว่าคุ้มและเต็มอิ่มแบบสุดๆ

 

สรุปรายค่าใช้จ่าย

ค่าที่พักโรงไม้ ณ บางชัน คันทรีโฮม 1,800 บาท/คน
ค่าอาหารกลางวันที่ตลาดจันทบูร 70 บาท
ค่าน้ำมันรถหารกันกับเพื่อน 300 บาท
ค่าทุเรียน 2 โล (แวะซื้อระหว่างทาง) 250 บาท และค่ากินจุ๊บจิ๊บที่ไม่ได้นับที่ตลาด 150 บาท
รวมประมาณ 2,580 บาท

 

Story: ทริปเก็ทเตอร์


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ