เที่ยว ดอยอินทนนท์ 3 วัน 2 คืน ฟินกันธรรมชาติสูงสุดแดนสยาม
1,117 ครั้ง
29 พ.ย. 2567
1,117 ครั้ง
29 พ.ย. 2567
มาเที่ยวเชียงใหม่หลายต่อหลายครั้ง ยังไงทุกครั้งที่มาเยือนเชียงใหม่ จะต้องเดินทางไปสัมผัสกับยอดดอยที่สูงที่สุดของไทย “ดอยอินทนนท์” มาที่นี่ทีไรอากาศดีต่อใจเสมอ มาช่วงหน้าร้อนถึงแดดจะแรงหน่อยแต่มีลมเย็นสบายพัดตลอดเวลา มาช่วงหน้าฝนอากาศเย็นสบายยิ่งถ้าท้องฟ้าเปิดก็เห็นได้ทั้งวิวทะเลหมอกและนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นสวยงาม และยิ่งได้มาช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นจนถึงติดลบ หมอกขาวปนความชื้นปกคลุมทั่วดอย ชมทะเลหมอกยามเช้าได้ฟีลสายแคมป์ปิ้งที่ต้องมาเยือนทุกปี วันนี้ทริปเก็ทเตอร์กลับมาเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้งกับทริป แบกเป้เที่ยว ดอยอินทนนท์ 3 วัน 2 คืน ฟินกันธรรมชาติสูงสุดแดนสยาม
เราเริ่มต้นการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ถนนเส้นทางถนนเชียงใหม่-ฮอด (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) ผ่าน อ.หางดง อ.สันป่าตอง เมื่อใกล้ตัวเมือง อ.จอมทอง แยกขวามุ่งสู่ถนนจอมทอง-อินทนนท์ (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009) เราวางแผนจะขึ้นไปดอยอินทนนท์ในวันที่ 2 ส่วนวันแรกของการเดินทางนี้ขอเก็บเกี่ยวธรรมชาติแถวทางขึ้นดอยอินทนนท์ก่อน เราเลยขอมาแวะยืดเส้นยืดสาย ถ่ายรูปสวยๆ กับ ที่เที่ยว ดอยอินทนนท์แห่งแรก ที่ น้ำตกวชิรธาร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
น้ำตกวชิรธาร เดิมชื่อ น้ำตกตาดฆ้องโยง ที่เที่ยว ดอยอินทนนท์ ที่แรกที่เราแวะสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด จากจุดจอดรถเราเดินทางไปตามเส้นทางเพียง 2-3 นาที เสียงน้ำตกเริ่มใกล้เข้ามาจนในที่สุดเราก็พบกับภาพน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงสู่หน้าผาสูงกว่า 70 เมตร เราเข้าไปยืนชิดริมราวกั้น เพื่อสัมผัสกับละอองเล็กๆ ที่ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ แถมเรายังมองเห็นสายรุ้งพาดผ่านน้ำตก เราใช้เวลาสักพักกับตรงนี้ ถึงตัวจะชื้นๆ ไปบ้าง แต่บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้ในเมืองใหญ่บ้านเราเลยล่ะ
หลังจากที่เรายืนเสพความงามของน้ำตกวชิรธารอยู่ครู่หนึ่งแล้ว สายกาแฟอย่างเราต้องไม่พลาดจิบกาแฟเมืองเหนือยามเช้า เพื่อนเราจึงพาไปต่อที่ ริมธารคอฟฟี่ จะบอกเลยว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในจุดเช็คอินในทริป ที่เที่ยว ดอยอินทนนท์ 3 วัน 2 คืน ของเรา ส่วนทำไมต้องมาที่นี่ เพื่อนของเราบอกว่าเดินเข้าไปดูแล้วจะรู้เอง พอเรามาถึงตัวร้านจะเป็นร้านกาแฟเล็กๆ กึ่งอิฐกึ่งไม้ ดูน่ารักอบอุ่นสไตล์บ้านน้อยปลายนา
แต่จุดที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ คือ ร้านกาแฟเล็กๆ จะอยู่ข้างลำธารแม่กลางหลวง ส่วนน้ำในลำธารใสจนเห็นฝูงปลาจำนวนมากแหวกว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนาน เราสามารถนั่งห้อยขาจิบกาแฟ เครื่องดื่ม หรือสั่งอาหารมานั่งกินอาหารพลางดูฝูงปลาว่ายน้ำ
หรือจะไปนั่งห้อยขาที่สะพานไม้ไผ่ ชมวิวไป เก็บภาพสวยๆ ไปก็ดีงามไม่น้อย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีวิวทุ่งนาขั้นบันไดสีเขียวกว้างใหญ่ เรียกได้ว่ามาที่นี่เหมือนนั่งอยู่กลางธรรมชาติรายล้อม ฮีลใจ ฟีลกู๊ดมาก รู้เลยว่าทำไมเพื่อนถึงพามาที่ ริมธารคอฟฟี่ เพราะบรรยากาศที่ดีสุดจริงเลยล่ะ
หลังจากที่เราเสพบรรยากาศธรรมชาติมาเพียงพอสำหรับเช้านี้แล้ว เราเดินทางกันต่ออีกประมาณ 10 นาทีไปยังที่พักดอยอินทนนท์สำหรับวันนี้ เราจองที่พักที่ชื่อ ดอยชัวร์ญ่า วิวสวย เป็นที่พักที่อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เพียง 2 กิโลเมตร เราจึงเลือกพักที่นี่เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปยังดอยอินทนนท์ในวันรุ่งขึ้น
พอเรามาถึงที่นี่บรรยากาศตรงปก วิวสวยมากแบบพาโนรามา เต็ม 10/10 โดยเฉพาะวิวน้ำตก “สิริภูมิ” ได้สวยงามมาก เราสามารถมองเห็นจากที่พักของเราได้เลยไม่ว่าจะเลือกบ้านพักรถบ้าน หรือลานกางเต็นท์ ก็สามารถเห็นวิวน้ำตกสิริภูมิได้ชัดเจนทุกหลังเลย
โดยวันนี้เราเลือกที่พักแบบรถบ้าน อยากได้ฟีลแกลมป์ปิ้ง เหมือนในหนังต่างประเทศเลย ภายในเป็นโทนไม้ดูอบอุ่น สบายตา ถึงจะเป็นรถบ้าน แต่สามารถรองรับได้ถึง 4 คนเลย แต่ถ้ามาเกิน 4 คน ก็สามารถกางเต็นท์หน้าระเบียงได้ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถบ้านมีครบครัน ทั้งทีวี ตู้เย็น กาน้ำร้อน แก้วน้ำ น้ำดื่ม กระดาษทิชชู่ ผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพู ไดร์เป่าผม ห้องน้ำในตัว เรียกได้ว่า สะดวกสบาย นอนฟินสุดๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเองเลยล่ะ
นอกจากรถบ้านที่เราพักกันในวันนี้แล้ว เรายังไปเดินดูรอบๆ ที่นี่ยังมีห้องพักแบบอื่นให้บริการอีกหลายแบบ ทั้งแบบบ้านพัก ลานกางเต็นท์ เราสามารถเอาเต็นท์มากางเองได้นะ หรือจะเช่าเต็นท์และเครื่องนอนจากทางร้านได้ และยังมีจุดจอดรถนอน รถเต็นท์หลังคา รถบ้าน ให้เลือกตามความชอบของเราเลย แต่ถ้าใครพาน้องหมาน้องแมวมาด้วย สามารถเข้าพักได้แต่ต้องเอาเต็นท์มาเองเท่านั้นน้า
ขอเก็บภาพวิวสวยๆ หน้าที่พักกันก่อน เห็นทั้งวิวน้ำตกสิริภูมิ วิวภูเขา แสงแดดยามเย็นเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ จะบอกว่าที่พักดอยชัวร์ญ่า วิวสวย เห็นวิวน้ำตกสิริภูมิได้สวยงาม ชัดเจนทุกหลังเลย
หลังจากที่เราเอาสัมภาระเข้าที่พัก พักผ่อนสักหน่อยแล้ว มื้อเย็นสำหรับค่ำคืนนี้ ก็ไม่ต้องออกไปไหนเลย เพราะทางที่พักมีอาหารให้บริการทั้งอาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว ชุดหมูกระทะ แถมบริการเสิร์ฟถึงหน้าที่พักของเราเลย ไม่รอช้าเราเลยสั่งทั้งข้าวผัดหมู ข้าวผัดกะเพราไก่พริกแห้งไข่ดาว ข้าวไข่เจียว และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ ชุดหมูกระทะเตาถ่าน เรียกได้ว่าสะดวกสุดไม่ต้องลุกไปไหน
สำหรับหมูกระทะจัดมาเป็นชุดมีทั้งเนื้อสัตว์ ผักสด น้ำจิ้มพร้อม อย่ารอช้า ลงมือปิ้งกันเลย จะบอกว่ามื้อเย็นสำหรับวันนี้เป็นอะไรที่ฟินมากอ่ะ เราเหมือนคีบหมูกระทะอยู่ท่ามกลางขุนเขา น้ำตก อากาศเย็นพัดผ่านตลอดเวลา แต่เราก็ยังได้ไออุ่นจากเตาถ่าน แสงไฟสีนวลจากที่ประดับประดาที่พักให้สวยงามแข่งกับดาวบนฟ้าเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าจะมีบริการเสิร์ฟอาหารถึงหน้าพัก แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากกินข้าวเย็นที่หน้าห้องพัก ที่นี่ก็ยังมีพื้นที่ส่วนกลางมีทั้งโต๊ะเก้าอี้พร้อมบรรยากาศธรรมชาติสวยๆ แบบนี้ไว้ให้บริการอีกด้วย และในส่วนของมื้อเช้า เราก็จะเดินมากินข้าวที่นี่เหมือนกัน
สำหรับใครที่ไม่ได้เข้าพักที่นี่แต่อยากเสพบรรยากาศสุดฟินที่หาได้ยากแบบนี้ เราแอบถามทางร้านมาแล้ว ใครที่ไม่ได้พักที่ดอยชัวร์ญ่า วิวสวย ก็สามารถแวะมานั่งชิลล์ๆ เสพบรรยากาศจิบกาแฟสดได้ที่ จุดชมวิวของดอยชัวร์ญ่า วิวสวยใต้ต้นสนใหญ่ได้นะ ยังไงวันนี้ขอกินอิ่มนอนหลับ เก็บแรงไปดอยอินทนนท์ในวันพรุ่งนี้ก่อน กู๊ดไนท์…
กู๊ดมอนิ่งสำหรับเช้าวันที่ 2 เราพากันออกมากินอาหารเช้าเติมพลังก่อนออกเดินทาง เมนูอาหารเช้าของที่นี่น่ากินมาก มีทั้งข้าวต้มหมูเห็ดหอมเครื่องแน่นมาก ไข้ต้ม ขนมปังสังขยา กาแฟร้อน และส้มเขียวหวาน มื้อนี้อิ่มท้องสุด มีอาหารเช้าเสิร์ฟ
ข้าวต้มหมูเห็ดหอมเครื่องแน่น น่ากินมากๆ ซดน้ำร้อนๆ ตอนเช้า สบายท้องสุด
วันนี้เราตื่นเช้ามานั่งเก็บบรรยากาศ สูดอากาศบริสุทธิ์บนดอยสักหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เช้านี้อากาศดี วิวทิวทัศน์ฟีลกู๊ดมาก แถมยังมีทะเลหมอกอ่อนๆ ลงมาปกคลุมบริเวณที่พักของเราด้วย แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราออกเดินทางไปกันที่ จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน
พอเรามาถึงที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน มีนักท่องเที่ยวมายืนรอชมความงามของทะเลหมอกยามเช้าจำนวนมาก ทะเลหมอกเวลานี้มีสีส้มอมแดงได้ฟีลอบอุ่น รับเช้าวันใหม่ เราจึงไม่พลาดที่จะขอโพสท่าสวยๆ พร้อมกับแสงแดดยามเช้าที่สดใส
จากนั้นเราขอแวะเติมพลังยามเช้าก่อนออกเดินป่าที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน บริเวณนี้มีอาหารขายหลายอย่างมาก เช่น ทั้งข้าวต้ม ขนมจีบ ซาลาเปา หมูปิ้ง รับรองว่าก่อนออกเดินทางอิ่มท้องพร้อมเดินป่าแน่นอน
จากนั้นเราจึงเดินทางไปยัง “กิ่วแม่ปาน” หรือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณ กม.ที่ 42 มีระยะเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติประมาณ 3 กิโลเมตร ต้องบอกก่อนว่ากิ่วแม่ปานจะเปิดให้เดินสำรวจธรรมชาติในช่วงเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคมของทุกๆ ปี ส่วนเดือนอื่นจะเป็นช่วงปิดพักฟื้นป่านั่นเอง โดยไฮไลท์ของที่นี่ เช่น น้ำตกลานเสด็จ กุหลาบพันปี กวางผา กิ่วแม่ปาน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปลุยป่ากันเลย
ระหว่างเส้นทางการเดินตลอด 3 กิโลเมตร เราจะพบกับความสวยงามและความสมบูรณ์ของธรรมชาติซ่อนอยู่ ทั้งน้ำตกลานเสด็จ ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ จุดชมวิวที่พอได้ยืนพักถ่ายรูป ผาแง่มน้อย แลนด์มาร์กถ่ายรูปของคู่รัก กุหลาบพันปี ดอกสีแดงสดที่จะออกดอกเพียงปีละครั้งในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
วิวทะเลหมอกบนนี้ มีสีขาวเหมือนปุยนุ่น ลอยสลับกับภูเขาสีเขียว เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก หากใครที่ชอบดูวิวทะเลหมอก ต้องมาที่นี่นะ
หลังจากที่เราออกมาจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแล้ว มานั่งพักดื่มน้ำพอให้หายเหนื่อยกันแล้ว เราไปลุยกันต่อที่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เช่นกัน แต่บรรยากาศของอ่างกาจะต่างจากกิ่วแม่ปานสักหน่อย เพราะธรรมชาติของที่นี่จะถูกปกคลุมด้วยความชื้นชุ่มฉ่ำ อากาศเย็นชื้นสดชื่น ส่วนเส้นทางการเดินนั้น เดินง่ายมาก เพราะมีทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาวไปตามจุดต่างๆ ระยะทางเพียง 300 เมตรเท่านั้น
ไฮไลท์ของที่นี่ ต้องมาเช็คอินที่ป้าย “สูงสุดแดนสยาม” จุดนี้เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดและเหนือจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,565 เมตร
อย่าลืมแวะมาสักการะสถูปบรรจุอัฐิของเจ้าอินทวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7
ระหว่างทางมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ไม่ต้องเตรียมพร็อพอะไรมาเลย แค่ธรรมชาติตรงหน้าก็สวยที่สุดแล้ว!
หลังจากที่เดินป่ากันจนเหนื่อยสุดๆ น่องตึงหน่อยๆ แล้ว เราออกเดินทางไปกินขนมนมเนยเรียกเพิ่มกลูโคสให้ร่างกายกันที่ เตญ่า ฟาร์มวิลล์ ที่นี่เป็นฟาร์มแกะเล็กๆ กลางหุบเขา ไอหมอก ดอกไม้ และยังมีน้องกระต่ายสีขาวขนฟูวิ่งเล่นทั่วฟาร์ม เห็นแล้วน่าไปเล่นกับน้องมาก ส่วนในเรื่องของสถานที่บรรยากาศเป็นสไตล์ญี่ปุ่น มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ เยอะมากแถมยังมีบ้านม้งเล็กๆ สำหรับถ่ายภาพ มาที่นี่เรียกได้ว่าถูกใจสายคอนเทนต์แน่นอน และที่สำคัญเรามาช่วงที่ดอกท้อสีชมพูสลับขาวกำลังเริ่มเบ่งบานได้ฟีลเมืองหนาวสุด
หลังจากที่ขอพักเติมพลังด้วยเครื่องดื่มและขนมกันแล้วขอลงไปจอยกับน้องแกะ น้องกระต่ายกันก่อน น้องๆ ที่นี่น่ารักมาก ต้อนรับอาคันตุกะอย่างเราๆ ได้เต็ม 100 เลยทีเดียว หลังจากที่เราเต็มอิ่มกับการป้อนอาหารและเล่นกับน้องๆ แล้ว ถึงเวลาเดินทางกันต่อไปยังที่พักคืนที่ 2 ของเรากัน
เราเดินทางกันจนถึงที่พักสุดท้ายของเราในวันนี้ที่ บ้านสวนอริยะ ที่พักดอยอินทนนท์ บรรยากาศที่นี่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ สวนดอกไม้ แถมยังมีสวนองุ่นที่สามารถเก็บกันได้สดๆ ฟีลแบบที่พักในไร่หลังบ้านโฮมมี่มาก
ในส่วนของที่พักมีหลายแบบ ทั้งบ้านพักชั้นดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวได้แบบพาโนรามา 360 องศา แคมป์ เต็นท์กระโจม บ้านเต็นท์ และเต็นท์บ้านกล่อง
วันนี้เราเลือกแบบแคมป์ และแบบเต็นท์กระโจมได้ฟีลแกลมป์ปิ้งเบาๆ แถมยังมีระเบียงนั่งเล่นหน้าแคมป์ จะนั่งจะนอนชมวิวก็ได้ฟีลผ่อนคลาย
แล้วที่ขาดไม่ได้สำหรับเย็นนี้คือหมูกระทะ จัดมากินหน้าที่พักฟินๆ อาหารอร่อย บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย เต็มสิบไม่หัก หลังจากกินอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราก็แยกย้ายกันเข้าที่พักหลังจากที่ลุยทริปมากันทั้งวัน
เช้าวันสุดท้ายที่สำหรับทริปดอยอินทนนท์ เราตื่นมารับอากาศที่สดชื่นถึงหน้าที่พัก เรารีบสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด แล้วเตรียมตัวไปทำกิจกรรมของที่พักนั่นก็คือ การเดินเก็บองุ่นและสตรอว์เบอร์รีกันสดๆ ไม่รอช้าเราสวมบทเป็นฟาร์ทเมอร์เดินเก็บองุ่นสดๆ เพลินและสนุกมากเลยล่ะ แล้วถึงเวลาที่เราต้องกลับกัน
เราเดินทางกลับในช่วงสายๆ ระหว่างทางขากลับ เพื่อนของเราชวนไปจิบกาแฟที่ 22 Aquarius Glamping Cafe’ ร้านนี้บอกเลยว่าฟีลดีมากเหมือนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ มองไปทางไหนก็มีแต่ดอกไม้บานสะพรั่งสวยงามหลายชนิด โดยเฉพาะสวนดอกไฮเดรนเยีย มุมถ่ายภาพสวยติดแกลม ไม่รอช้าเรารีบขอไปเก็บภาพสวยๆ ฟีลต่างประเทศแบบนี้ไว้ก่อน สำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพกับสวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ แนะนำให้มาที่นี่เลย มาในส่วนของขนมและเครื่องดื่ม เราสั่งพวกเบเกอรี่ กาแฟ ชาเขียวมาลองกิน รสชาติดีแถมถ่ายรูปออกมาสวยด้วย สำหรับใครที่ยังติดใจที่นี่ ทางร้านยังมีส่วนของที่พักส่วนแบบแกลมป์ปิ้งไว้ ไว้รอบหน้าจะลองมานอนที่นี่สักคืน
และแล้วที่เที่ยวดอยอินทนนท์สุดท้ายก่อนจบทริปในวันนี้ เราจะไปชื่นชมความงามของดอกไฮเดรนเยียที่ทุ่งไฮเดรนเยียอินทนนท์-สวนคุณทองดี สำหรับการเดินทางจะต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถของหมู่บ้านผาหมอนก่อน เพื่อนั่งรถของชาวบ้านซึ่งเป็นรถโฟวิล เพื่อขึ้นไปยังทุ่งไฮเดรนเยียอินทนนท์-สวนคุณทองดี ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ส่วนค่านั่งรถนั้นจะอยู่ที่ 350 บาทต่อคัน เมื่อเราไปถึงจะพบกับสวนดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่ง ไม่รอช้าเราเลยไปเก็บภาพสวยๆ คู่กับสวนดอกไฮเดรนเยียจนหนำใจเลยล่ะ
ไม่ว่าจะช่วงฤดูกาลไหน “ดอยอินทนนท์” ยังคงเป็นสถานที่ที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดเวลา อย่าลืมหาเวลาว่าง มาเปลี่ยนบรรยากาศให้ชีวิตได้เจอสิ่งใหม่ๆ เพราะเราเชื่อว่าการท่องเที่ยวยังคงทำให้ชีวิตเราสวยงาม มีสีสัน และอาจได้มิตรภาพและความทรงจำดีๆ กลับไปด้วยนะ ส่วนใครอยากวางแพลนเที่ยวเมืองเหนือสไตล์ธรรมชาติ เรามี 6 ไร่ชาภาคเหนือ พิกัดที่เที่ยวหน้าหนาวสุดฟิน หรือจะลองหาที่พักโฮมสเตย์กับ 5 โฮมสเตย์เมืองคอง เชียงใหม่ ราคาสบายกระเป๋า วิวสวยเกินต้านเต็มสิบไม่หัก!