tripgether.com

ทริปประจวบคีรีขันธ์ 3 วัน 2 คืน กิจกรรมเยอะ เช็คอินครบ ประทับใจแบบไม่รู้จบ

12,646 ครั้ง
9 ธ.ค. 2562

ทริปเก็ทเตอร์ได้มีโอกาสไปเปิดมุมมองใหม่ โดยเส้นทางที่มีแต่ความอัศจรรย์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยว เรื่องราวประวัติศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีชีวิต ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าจะต้องได้สัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจสุด unseen อย่างแน่นอน นั่นก็คือการได้เดินทางไปยัง เมือง 3 อ่าว หรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำหรับทริป 3 วัน 2 คืนในวันสุดสัปดาห์แบบนี้ จะน่าค้นหาขนาดไหน เริ่มออกสตาร์ทไปพร้อมกันเลย!


-Day 1-

เราใช้เส้นทาง พระราม 2 – สมุทรสาครสมุทรสงครามเพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ในวันแรกมุ่งหน้าไปสู่ เขาหินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ที่แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แต่ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญในหัวหินเลยก็ว่าได้ เพราะถือว่าเป็นจุดกำเนิดที่สร้างความเจริญให้แก่หัวหินมาจนถึงปัจจุบัน

Honlekfai_01

ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรัชกาลที่ 7 ในลักษณะหันพระพักตร์มองลงไปยังตัวเมืองหัวหินที่ทรงโปรด ด้วยประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จมาประทับ ได้ทรงนำความเจริญมาสู่หัวหิน ชาวหัวหินจึงได้ร่วมใจกันสร้างไว้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ

Honlekfai_01

โดยระยะทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ ค่อนข้างสูงและชัน ประมาณ 100 เมตรกว่าๆ เมื่อถึงแล้วจะได้พบกับภาพที่สวยงามจนต้องร้องว้าวเลยทีเดียว

Honlekfai_01

Honlekfai_01

Honlekfai_01

จากจุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ สามารถมองเห็นเมืองหัวหินได้แบบ 180 องศา ครอบคลุมทั้งทะเลหัวหิน สถานีรถไฟ และอีกหลากหลายจุดสำคัญ เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เรียกได้ว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางไปสุดๆ

Honlekfai_01

Honlekfai_01

Honlekfai_01

หลังจากชมวิวและถ่ายรูปอย่างหนำใจแล้ว ก็เดินทางต่อไปยัง ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี ศูนย์การเรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกในไทยและยังเป็นสถานที่ประวัติศาตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งอีกด้วย

pa chay len siri nath rachini-37

โดยมี 2 ต้นโกงกางประวัติศาสตร์ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเทพฯ ทรงปลูกให้เป็นไม้เด่นสัญลักษณ์ประจำป่าชายเลนแห่งนี้

pa chay len siri nath rachini-37

เดินไปตามสะพานเพื่อชมพื้นที่ป่าชายเลน บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ และยังมีมุมเซลฟี่เก๋ๆ อย่างเปลตาข่ายอีกด้วยนะ นอกจากจะได้รูปสวยๆ แล้วยังได้ศึกษาพันธุ์ไม้ต่างๆ อีกด้วย

pa chay len siri nath rachini-37

pa chay len siri nath rachini-37

pa chay len siri nath rachini-37

ได้เวลาเดินขึ้นไปชมป่าชายเลนจากมุมสูง บนหอคอยกันแล้ว 

pa chay len siri nath rachini-37

pa chay len siri nath rachini-37

pa chay len siri nath rachini-37

pa chay len siri nath rachini-37

หลังจากเดินทางกันมาก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ถึงเวลาของอาหารเที่ยงพอดี เราแวะมาเติมพลังที่ ร้านอาหารขันน้ำซีฟู้ดกันก่อน อาหารซีฟู้ดของที่นี่เรียกได้ว่าเลิศรสเลยทีเดียว

ran xahar khan na si fud-11

ran xahar khan na si fud-11

ran xahar khan na si fud-11

อิ่มท้องแล้วก็ลุยกันต่อ ที่ วัดเขาถ้ำม้าร้อง อ.บางสะพาน ที่นี่ไม่ใช่วัดธรรมดาเพราะนอกจากจะได้ไปไหว้พระขอพรแล้ว ยังมีหินงอกหินย้อย ให้ได้เดินเที่ยวชมความสวยงามตามแบบธรรมชาติ ที่น่าเก็บภาพไว้ทุกมุมเลย

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

และที่สำคัญ วัดเขาถ้ำม้าร้อง ยังเป็นแหล่งของ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นบ่อน้ำที่นำไปใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น งานพิธีครบรอบ 60 พรรษา และ 72 พรรษาของในหลวงรัชการที่ 9 และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10 อีกด้วย ที่น่าแปลกใจก็คือ บ่อน้ำแห่งนี้ไม่เคยมีวันแห้งเหือดเลย

wad khea tha ma rxng-1

เริ่มเย็นแล้ว อากาศกำลังดีเหมาะแก่การออกไปสัมผัสธรรมชาติ เราเดินทางไปต่อกันที่ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองปากปิด ชุมชนบ้านฝ่ายท่า เดินทางออกมาจากวัดเขาถ้ำม้าร้องแปปเดียวก็ถึงแล้ว

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

กิจกรรมสุดชิลล์ของที่นี่ต้องยกให้ การพายเรือคายัคชมบรรยากาศป่าโกงกาง เดินเล่นเลียบชายทะเล และในทุกวันเสาร์ที่นี่มีถนนคนเดินเล็กๆ ให้ได้เดินช้อปกันด้วยนะ

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

เก็บภาพแสงยามเย็นมาฝากแบบรัวๆ

wad khea tha ma rxng-1

wad khea tha ma rxng-1

ได้เวลาไปพักผ่อนเพื่อลุยต่อในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้เราพักกันที่ อุ่นไอทะเล รีสอร์ท บางสะพานน้อย ที่พักริมทะเลสุดชิลล์ มอบที่นอนสบายๆ และอาหารดีๆ ให้กับเรา

xun xi thale risxrth-33

xun xi thale risxrth-33

xun xi thale risxrth-33

xun xi thale risxrth-33


-Day 2-

ชาร์จแบตมาอย่างเต็มเปี่ยม เตรียมชุดให้พร้อมสำหรับแพลนในวันนี้เราจะได้ลงทะเลกันแล้ว! เริ่มเข้าสู่ความน่าอัศจรรย์ใจเข้ามาเรื่อยๆ กิจกรรมดำน้ำทะเลประจวบคีรีขันธ์ แบบ One Day Trip ไปกับ กิ๊ก ไดฟ์วิ่ง ทัวร์ โดยนั่งเรือไปเยือนเกาะทั้งสาม อย่างเกาะสิงห์ เกาะสังข์ และเกาะทะลุ

dana kik dif wing thawr_-6

dana kik dif wing thawr_-6

dana kik dif wing thawr_-6

จะได้ชมความสวยงามของทะเลอ่าวไทย น้ำทะเลใส สัตว์น้ำ และปะการังที่สวยอุดมสมบูรณ์ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว สำหรับใครที่ว่ายน้ำไม่ชำนาญก็ไม่ต้องกลัว เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยประกบดูแลพร้อมอุปกรณ์ว่ายน้ำ ให้เราได้ดื่มด่ำกับโลกใต้ทะเลแบบไม่ต้องหวาดระแวงใดๆ ทั้งสิ้น

dana kik dif wing thawr_-6

dana kik dif wing thawr_-6

นอกจากนี้ยังมีอาหารกลางวันให้บริการด้วย ซึ่งจะรวมอยู่ในแพ็คเกจดำน้ำอยู่แล้ว

dana kik dif wing thawr_-6

สนุกไปกับการดำน้ำแล้วก็บ่ายพอดี ได้เวลาไปตื่นเต้นกับกิจกรรม สปาทราย หรือ ห่ามทราย กันต่อที่ ชุมชนบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก เป็นกิจกรรมที่น่าสนและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านทุ่งประดู่เลยก็ว่าได้

dana kik dif wing thawr_-6

ว่าแล้วก็รีบพุ่งตรงไป ฟังลมห่มทราย สไตล์ทับสะแก แบบไม่รีรอ ก่อนอื่นจะต้องดื่มน้ำมะพร้าว เพื่อไปกระตุ้นตับในการขับสารพิษเสียก่อน แล้วนอนในหลุมสปาทราย หันหน้าไปทางทิศเหนือเพื่อสัมพันธ์กับแรงดึงดูดของโลก

dana kik dif wing thawr_-6

dana kik dif wing thawr_-6

การสปาทราย เป็นวิธีการของธรรมชาติบำบัด เพื่อฟื้นฟูร่างกาย คลายความเครียด โดยคุณลักษณะของทรายจะต้อง เม็ดใหญ่ หยาบ และมีเหลี่ยมมุมคล้ายคริสตัล เพราะเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการเหน็บชา และโรคอื่นๆ อีกมากมาย โดยขั้นตอนและวิธีการที่ละเอียดอ่อน และลักษณะทางกายภาพของทราย จะมีอยู่ที่บริเวณริมชายหาดบ้านทุ่งประดู่ หากใครอยากบำบัดร่างกายและคลายความเครียดแบบไม่ต้องเสียเงิน แวะมาที่นี่รับรองว่าได้ผ่อนคลายอย่างสมใจแน่นอน

dana kik dif wing thawr_-6

หลังจากห่มทรายจนตัวเบา ก็เริ่มหิวแล้ว เราแวะรับประทานอาหารเย็นกันที่ ร้านอาหารเพชรในรู ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารอันเก่าแก่ มีเมนูหลากหลาย ที่แนะนำเลยก็คือ กุ้งอบเกลือ และต้มยำปลาทู รสชาติเด็ด โดยใช้วัตถุดิบจากในชุมชน ที่สำคัญราคาไม่แพงอีกด้วย

ran xahar phechr ni ru-2

ran xahar phechr ni ru-2

แวะเอาสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมหาดทอง ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ ก่อนที่จะไปเดินชิลล์ๆ ให้อาหารย่อย แล้วหาของอร่อยๆ กินกันต่อที่ ถนนคนเดินเมืองประจวบคีรีขันธ์

rongraem had thxng-18

ถนนคนเดินของที่นี่จะมีเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 21.00 น. เรามุ่งมั่นตั้งใจว่าจะต้องลิ้มลองอาหารที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง จับหลัก ขนมไส้ไก่ และข้าวห่อใบบัว ให้ได้ นอกจากนี้ของกินอื่นๆ ก็มีเพียบจนอยากจะแวะชิมทุกร้านเลย

thnn khn dein pracwb-saphan sray withi-2

thnn khn dein pracwb-saphan sray withi-2

thnn khn dein pracwb-saphan sray withi-2

กินอิ่มแล้วก็ออกไปเดินเล่นสูดอากาศอันสดชื่น ที่สะพานสราญวิถี ที่เป็นเสมือนสะพานแห่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะได้รับพระราชทานชื่อสะพานสราญวิถี มาจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ให้ความหมายว่าสะพานแห่งความสุขสำราญนั่นเอง

thnn khn dein pracwb-saphan sray withi-10

บริเวณสะพานเลียบริมทะเล ในยามค่ำคืนสุดชิลล์

thnn khn dein pracwb-saphan sray withi-10

thnn khn dein pracwb-saphan sray withi-10


-Day 3-

ตื่นนอนในเช้าที่สดใส เรามุ่งหน้าไปตักบาตรยามเช้าที่ชุมชนหัวบ้าน ชุมชนแห่งแรกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม และตึกรามบ้านช่อง ที่คงเสน่ห์ไว้มาแต่ดั้งเดิม

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

โดยในยามเช้าชาวบ้านจะพร้อมใจกันแต่งชุดไทย พร้อมหน้าพร้อมตากันทำบุญตักบาตร เป็นภาพที่น่ารักและหาชมได้ค่อนข้างยากในปัจจุบัน 

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

เดินเล่นเยี่ยมชมชุมชนบนถนนสวยวัฒนธรรมสู้ศึกกันต่อ บนถนนสายนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่จะต้องตรงไปสักการะก่อนเลย เพราะเป็นศาลแห่งแรกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

ต่อด้วยเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชุมชน เป็นพื้นที่เก็บของเก่าและภาพถ่ายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพที่อ่าวมะนาว มาเยี่ยมชมชุมชนหัวบ้านหนึ่งครั้งได้ทั้งบุญและความรู้แบบเต็มเปี่ยม

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

chumchn haw ban-1

สถานที่ต่อไปสำหรับวันนี้ คือไปชมอุโบสถไม้สักทองทั้งหลัง ที่วัดอ่าวน้อย ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหินอ่อน ภาพแกะสลักไม้ลอยตัว รวมถึงศิลปะที่วิจิตรสวยงาม

Aoanoi_01

Aoanoi_01

Aoanoi_01

จากนั้นก็เดินไปสักการะพระนอนภายในถ้ำ ที่วัดพระนอน ภายในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งความสำคัญก็คือเป็นพระนอนที่เก่าแก่และมีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

Pranon_01

Pranon_01

เวลาเหลือก็ออกไปเดินเล่นชมวิวชายทะเลอ่าวน้อย ชมวิถีชีวิตชาวประมง เป็นช่วงเวลาของการเก็บภาพแบบรัวๆ

Pranon_01

Pranon_01

Pranon_01

ก่อนจะออกเดินทางต่อ ก็แวะไปสักการะหลวงพ่อชุมพร ที่บริเวณริมปากอ่าวก่อน

Pranon_01

สำหรับสถานที่ต่อไปที่เรากำลังจะไปเยือนนี้ คือบ้านไร่ดินไทย เป็นอีกหนึ่งความน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว โดยการนำผลไม้ขึ้นชื่อประจำชุมชนอย่าง สับปะรด มาสร้างเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือ เพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อตอบแทนที่พระองค์ทรงมอบความเจริญให้แก่ชุมชนอ่าวน้อย ให้มีรายได้จนถึงปัจจุบัน

Pranon_01

เราได้เดินชมไร่สับปะรดปลอดสารเคมีที่ ไร่ลุงถึก นอกจากจะได้เดินชมไร่สับปะรดแล้ว ยังได้เรียนรู้เรื่องราวของสับปะรด ทั้งวิธีการปลูก การดูแล ตลอดจนการเก็บเกี่ยว

Pranon_01

Pranon_01

Pranon_01

รวมถึงประโยชน์ในด้านอื่นๆ ของสับปะรดที่เราไม่เคยรู้มาก่อน อย่างใบและเปลือก สามารถนำไปทำเป็นกระดาษได้ ผลนอกจากจะนำมากินแบบสดๆ แล้วยังนำไปปรุงอาหาร หรือเพิ่มมูลค่าโดยการทำเป็นสับปะรดกวน น้ำที่คั้นจากผล ยังสามารถนำมาผสมเป็นน้ำยาอเนกประสงค์ต่างๆ ได้อีก เรียกได้ว่าสับปะรดหนึ่งผลได้ประโยชน์รอบด้านจริงๆ

Pranon_01

Pranon_01

หลังจากที่ตื่นตาตื่นใจกับประโยชน์ของสับปะรดกันไปแล้ว ก็ได้เวลาของกิจกรรมยั่วน้ำลาย คือ เรียนรู้การทำอาหารเมนูสับปะรด โดยเชฟชุมชน และที่พิเศษไปกว่านั้นคือมีเชฟกระทะเหล็ก เชฟชุมพล แจ้งไพร มาเป็นผู้ฝึกอบรมอีกด้วย

Pranon_01

Pranon_01

และแน่นอนว่าเมนูอาหารจากเชฟ ก็คืออาหารกลางวันของเรานั่นเอง มีทั้ง ซี่โครงหมูอบสับปะรดใบเตย ซึ่งได้รับรางวัล Local Chef น้ำพริกกระด้ง น้ำพริกกะปิ+ปลาทูทอด ต้มยำน้ำข้นไก่บ้าน ไข่เจียวออร์แกนิคสมุนไพร ยำหัวปลี และปิดท้ายด้วยของหวานอย่างสับปะรดกวนราดกระทิ

Pranon_01

Pranon_01

Pranon_01

Pranon_01

ได้ฟังบรรยายถึงที่มาที่ไปของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนอ่าวน้อยแล้ว เป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ เพราะได้ทำเพื่อในหลวงราชกาลที่ 9 รายได้ของสมาชิกบางส่วนจะถูกหักเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆ ในชุมชน และที่สำคัญเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใด้คนในชุมชนเองมามีส่วนร่วม เป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย 

Pranon_01

ทำให้เรารู้สึกชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่เราได้ไปสัมผัสบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ การได้เรียนรู้วิถีชุมชน ได้ร่วมทำกิจกรรมหลากหลาย ที่ไม่เคยทำมาก่อน ได้พูดคุยกับชาวบ้านที่มีรอยยิ้มและน้ำใจมอบให้เสมอ เป็นความประทับใจที่เรียกว่า รัก แลก พบ ในช่วงเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน คงยังไม่พอและจะกลับไปเที่ยวอีกหลายๆ ครั้งแน่นอน

Baanriadinthai_14


เบอร์โทรติดต่อสถานที่ต่างๆ
ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนสิรินาถราชินี 032 632 255, 086 607 7712
วัดเขาถ้ำม้าร้อง 081 292 8141 (นายประวิทย์ รัตนพงศ์ (ผู้ใหญ่บ้าน)) และ 062 954 5226, 032 691 207 (นายพินิจ ศรีจันทร์) (ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านม้าร้อง)
แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองปากปิด 085 425 3929
อุ่นไอทะเลรีสอร์ท 098 550 4161
กิ๊ก ไดฟ์วิ่ง ทัวร์ 032 510 714, 081 995 3787, 081 858 8573
ชุมชนบ้านทุ่งประดู่ กิจกรรมห่มทราย 081 572 9665 (คุณปิ่น)
ร้านอาหารเพชรในรู 089 996 7544 (ป้าไหม)
โรงแรมหาดทอง 032 601 050
พิพิธภัณฑ์ชุมชนหัวบ้าน 089 662 0929 (คุณจำลอง พรมแดง ประธานชุมชนสำหรับให้ข้อมูลเชิงลึก)
วัดอ่าวน้อย 032 603 979, 032 513 885
บ้านไร่ดินไทย 081 978 1577 (คุณนก)

 


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ