ทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ดื่มด่ำการพักผ่อนกับธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา!
26,103 ครั้ง
23 มิ.ย. 2565
26,103 ครั้ง
23 มิ.ย. 2565
“เขาใหญ่” จุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์การพักผ่อนในวันสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติ แน่นอนว่าหากมีโอกาสได้เดินทางไปใช้เวลาพักผ่อน ย่อมต้องมีกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินที่สามารถทำได้มาประกอบด้วยจึงจะครบรสชาติ และคุ้มค่ากับวันพิเศษที่นับได้ว่าเป็น “Once in a Lifetime” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคกลาง ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดทริปที่อัดแน่นไปด้วยความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพื่อมอบความประทับใจให้สมกับความเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตแด่ลูกค้า Top Spender บัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพ อย่างทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ดื่มด่ำการพักผ่อนกับธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา! นอกจากนี้บัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมาย และเพียงใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ก็มีโอกาสได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ดีๆ อย่างทริปนี้ได้เลย ความสวยงาม กิจกรรม และความพิเศษในทริปเขาใหญ่ครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกัน!
การเดินทางของทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นขึ้นที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ซึ่งเมื่อผู้เข้าร่วมทริปเดินทางมาถึงก็จะได้รับชุด Travel Kit เป็นกระเป๋าผ้าสีขาวที่สกรีนคำว่า “Once in a Lifetime” ที่ภายในกระเป๋ามีอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งร่มขนาดพกพา หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ และชุดตรวจ ATK และด้วยความที่นัดหมายกันในช่วงเวลาเช้าตรู่ ทางทีมงานก็มีชุดอาหารเช้าบริการให้อีกด้วย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวและทำกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงตลอดทั้งวัน ถือเป็นความประทับใจแรกและความพิเศษที่มอบให้ผู้เข้าร่วมทริปโดยเฉพาะ
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ด้วยพาหนะสุดพิเศษอย่างรถตู้ Hyundai H1 ที่สะดวกสบายและเป็นส่วนตัว ซึ่งภายในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เรียกได้ว่าครบครันสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ กระดาษทิชชู่ หรือผ้าเย็น และเจลแอลกอฮอล์ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีทีมงานประจำรถแต่ละคันที่คอยดูแล อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ผู้ร่วมทริปเหมือนมี Butler คอยดูแลตลอดทั้งการเดินทางกันเลยทีเดียว โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้อยู่ภายใต้มาตรการ D-M-H-T-T-A อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักในทริปนี้ยังได้รับมาตรฐาน SHA – SHA Plus และเป็น Covid Free Setting อีกด้วย
ออกจากกรุงเทพฯ มาได้ราวๆ 3 ชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงสถานที่แรกของทริป นั่นก็คือ โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ซึ่งในจุดแรกนี้เราก็จะไปชมทัศนียภาพของผืนน้ำกว้างไกลที่ตัดกับแนวเขาสีเขียวที่มีเหล่าต้นไม้ขึ้นอยู่ขนัดตา เมื่อแสงแดดส่องลงมากระทบกับผืนน้ำที่มีลมทำให้เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ก็จะเห็นเป็นประกายระยิบระยับพร้อมกับเงาสะท้อนภาพท้องฟ้า ถือเป็นภาพความสวยงามเปิดการท่องเที่ยวในครั้งนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
ชมความสวยงามของทิวทัศน์พออิ่มใจกันแล้ว เราก็มารับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านครัวตาตีบ ร้านอาหารที่โดดเด่นและนำเสนอนานาเมนูที่มีวัตถุดิบหลักเป็นปลาเขื่อน โดยร้านครัวตาตีบตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงไฟฟ้า ภายในร้านเป็นโถงโปร่งที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ริมน้ำ จึงทำให้บรรยากาศเย็นสบายด้วยลมอ่อนๆ ที่พัดเข้ามา เรียกได้ว่าสามารถนั่งรับประทานอาหารพร้อมกับรับลมชมวิวได้แบบสบายๆ ไปพร้อมกัน
เมนูอาหารของทางร้านครัวตาตีบ เรียกได้ว่าคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่มาปรุงอาหารแสนพิถีพิถันให้ได้ลิ้มรสชาติความอร่อยกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปลานิลเผาเกลือ ที่เนื้อปลาขาว รสชาติหวานฉ่ำหอมกลิ่นสมุนไพร ต้มยำปลาคังรสชาติจัดจ้าน เนื้อปลาเด้งเต็มคำ ผัดฉ่าทะเลเอาใจสายแซ่บ เครื่องผัดฉ่าแบบเน้นๆ ทอดมันปลากรายชิ้นพอดีคำ เพิ่มเมนูผักด้วยผัดผักรวมน้ำมันหอย และเสิร์ฟขนุนเป็นผลไม้ปิดท้ายมื้อ
หลังจากพักผ่อนช่วงกลางวันกันไปแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มกิจกรรมสุดอันซีนที่เรียกได้ว่าหากไม่มีโอกาสพิเศษจริงๆ ก็ยากที่จะได้เข้าชม นั่นก็คือ การเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ถือเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้แหล่งน้ำธรรมชาติผลิตกระแสไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยสอดคล้องกับชื่อของโรงไฟฟ้าที่ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่ง โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา มีความหมายว่า โรงไฟฟ้าลำตะคองเป็นที่พัฒนาแสงสว่างด้วยสายน้ำนั่นเอง
ก่อนที่จะเดินทางลงไปสู่โรงไฟฟ้าใต้ดิน ทางเจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงระเบียบและขั้นตอนการเข้าชมอย่างละเอียด พร้อมทั้งแจกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้าชม โดยมีหมวกนิรภัยและหมวกคลุมผม เมื่อเตรียมความพร้อมกันแล้วทางโรงไฟฟ้าก็จะมีรถตู้บริการนำเราลงสู่อุโมงค์ใต้ดินที่มีความยาวราว 1 กิโลเมตรสู่เมืองใต้พิภพ สถานที่สุดอันซีนของเราในวันนี้ และเมื่อเดินทางมาถึงบริเวณทางเข้าโรงไฟฟ้า เราก็จะพบกับจุดไฮไลต์อีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือแนวอุโมงค์ที่มีภาพกราฟฟิตีอาร์ตๆ หรือที่เรียกว่า Underground Graffiti ให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ โดยมีฉากหลังเป็นส่วนโค้งของอุโมงค์ที่ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในสถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปเลยทีเดียว
เมื่อเข้าสู่ภายในโรงไฟฟ้า ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายให้ความรู้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นประวัติ ความสำคัญ รวมทั้งกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า ในระหว่างที่นำเดินชมตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถแวะถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ในพื้นที่ของโรงไฟฟ้าที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้อีกด้วย ถือว่าเป็นภาพเอาไว้อัพลงโซเชียลแบบไม่ซ้ำใครแน่นอน
หลังจากลงไปท่องโลกแห่งโรงไฟฟ้าใต้ดินที่มีความลึกกว่า 350 เมตรกันแล้ว เราก็เดินทางไปกันต่อที่อ่างพักน้ำตอนบนของโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของผืนน้ำและแนวเขาได้แบบพาโนรามา และภาพความสวยงามที่ถือเป็นอันซีนอีกแห่งหนึ่งของที่นี่ก็คือเสากังหันลมยักษ์ที่มีความสูงถึง 90 เมตร ตั้งเรียงกันเป็นแนวระนาบตระหง่านตัดกับภาพของทุ่งกว้าง เหลี่ยมเขา และท้องฟ้า จากจุดนี้สามารถทำกิจกรรมชิลๆ อย่างนั่งรถกอล์ฟ หรือปั่นจักรยานตามถนนที่ขนานไปกับผืนน้ำ ชมวิวรอบๆ รับลมสบายๆ ได้อีกด้วย
ไปทำกิจกรรมกันต่อที่จุดชมวิวผายายเที่ยง โดยเราต้องเดินผ่านเนินเขาขึ้นไป บอกเลยว่าภาพวิวปลายทางริมหน้าผาที่รอเราอยู่ช่วยสลายเอาความเหนื่อยระหว่างการเดินขึ้นมาหายลับไปในทันใด เพราะภาพที่เราเห็นคือผืนน้ำสลับกับพื้นที่โล่งสุดกว้างไกล พร้อมกับเห็นแนวเขาเป็นฉากตัดกับท้องฟ้า ถือเป็นจุดอันซีนวิวหลักล้านที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก
บริเวณหน้าผายายเที่ยงก็มีกิจกรรมพิเศษที่ยากจะมีโอกาสได้ทำอย่างการปลูกป่าลอยฟ้า ด้วยการยิงลูกไม้โดยใช้หนังสติ๊ก ให้ลูกไม้ตกลงสู่ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์เบื้องล่าง ถือเป็นการช่วยฟื้นฟูและเพิ่มพันธุ์ไม้ให้กับธรรมชาติ
เท่านั้นยังไม่พอยังมีกิจกรรมพร้อมเอาใจสายกาแฟ นั่นก็คือการนั่งดริปกาแฟชิลๆ พร้อมกับชมวิวไปพร้อมๆ กัน ราวกับว่าใช้เวลาอยู่ในคาเฟ่ของธรรมชาติ มีก้อนหินเป็นโต๊ะเก้าอี้ มีสายลมธรรมชาติเป็นเครื่องปรับอากาศ กลิ่นของธรรมชาติและความเขียวขจีของผืนป่าเป็นเหล่าของตกแต่ง ความสบายจากธรรมชาติแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
บอกเลยว่าโอกาสที่จะได้มาสัมผัสกับสถานที่พิเศษและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขแบบนี้มีได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพเพียงเท่านั้นเอง
หลังจากที่เราสัมผัสรสชาติความเข้มข้นของกาแฟและดื่มด่ำความงามของภาพทิวทัศน์กันแล้ว ก็ยังมีน้ำมะพร้าวให้ดื่มเพิ่มความสดชื่นกันอีกด้วย
ทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว เราก็เดินทางเข้าสู่ที่พักสุดหรูในค่ำคืนนี้ นั่นก็คือ Hotel La Casetta @Toscana Valley Country Club ที่พักที่ให้กลิ่นอายความเป็นอิตาลี ผ่านรูปแบบสถาปัตยกรรม โทนสี และบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ของเมืองแห่งศิลปะซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติที่เขียวขจีและสายหมอกในยามเช้า
เมื่อเดินเข้าสู่ภายในห้องพัก ก็จะพบกับความหรูหรา ที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย เฟอร์นิเจอร์ที่ครบครันและสะดวกสบาย ตอบโจทย์การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติในวันพิเศษเป็นที่สุด
ไฮไลต์สุดพิเศษสำหรับทริปนี้โดยเฉพาะนั่นก็คือ Dinner party ที่มาในธีม Gatsby night ที่เน้นความหรูหราและมั่งคั่งผ่านการใช้โทนสีขาว สีทอง และสีดำ รวมทั้งการตกแต่งด้วยผ้าที่มีกลิตเตอร์ระยิบระยับและตกแต่งด้วยขนนกเพื่อเสริมความมีระดับให้มากขึ้นไปอีก
เมนูอาหารรสชาติเยี่ยมที่รังสรรค์มาอย่างน่าประทับใจที่นำมาเสิร์ฟในค่ำคืนนี้มีทั้งปีกไก่เหล้าแดง ยำคะน้าฮ่องกงกุ้งสด บาร์บีคิวที่มีให้เลือกทั้งหมู ไก่ และเนื้อ น้ำพริกลงเรือที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด ผัดผักรวมมิตร เนื้อปลากะพงทอดน้ำปลา ต้มยำทะเล และปิดท้ายด้วยผลไม้ตามฤดูกาล
ความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะภายในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตจากนักร้องชื่อดังอย่างคุณวี วิโอเลต ที่มาร่วมขับร้องเพลงเพื่อเพิ่มอรรถรสและความสุนทรีย์เพื่อยกระดับการพักผ่อนให้กับผู้เข้าร่วมทริป รวมทั้งยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เรียกได้ว่าสนุกและตื่นเต้นอย่างการประกวดการแต่งกายตามธีมและการสุ่มแจกรางวัลสุดพิเศษอีกด้วย
และยังมีของขวัญพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมทริปในค่ำคืนนี้ก็คือของที่ระลึกอย่างน้ำองุ่นชีราส ที่ผลิตจากน้ำองุ่นสดๆ ของแบรนด์ Gran Monte บอกเลยว่าผลิตภัณฑ์นี้ใช้องุ่น 100% โดยไม่ผสมน้ำตาลหรือเจือจางแม้แต่น้อย ทั้งหมดนี้ถือเป็นการปิดท้ายวันเพื่อส่งให้ผู้ร่วมทริปเข้านอนอย่างประทับใจและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เช้าวันที่สอง หลังจากที่พักผ่อนและรับประทานอาหารเช้าจากทางที่พักแล้ว เราไปเช็คอินกันต่อที่ Green me organic farm ฟาร์มเล็กๆ ที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นทั่วทั้งพื้นที่ 27 ไร่ สถานที่ที่นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์แล้ว ยังเป็นสถานที่ที่มีทั้งความฝัน ความคิดสร้างสรรค์ และเรื่องราวมากมายพร้อมจะส่งต่อให้กับผู้ที่มาเยือน
ภายในฟาร์มมีกิจกรรมแสนน่ารักอย่างการนั่งรถแทรกเตอร์ชมพื้นที่สวนซึ่งเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและความรู้ นอกจากนี้ยังได้เก็บผักออร์แกนิคที่ผ่านการรับรองคุณภาพออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สดๆ จากแปลงกลับบ้านไปเป็นของฝากที่เต็มไปด้วยคุณค่าและประโยชน์
ทำกิจกรรมน่ารักๆ กันต่อกับการปลูกผักอย่างต้นลาเวนเดอร์ต้นจิ๋ว ระหว่างปลูกก็แอบถ่ายรูปสวยๆ ไว้อัพลงโซเชียลได้อีกด้วยนะ
ได้ทั้งผักที่ปลูกและเก็บเองกับมือ แถมยังได้ถุงผ้าสกรีนลายน่ารักๆ จากฟาร์มติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยนะ
เท่านั้นยังไม่พอยังมีกิจกรรมให้อาหารสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นแพะ วัว กระต่าย และไก่ให้ได้เพลิดเพลินไปกับความน่ารักของเหล่าสัตว์ในฟาร์มโดยทางฟาร์มก็ได้จัดชุดอาหารสัตว์ไว้เป็นเซ็ตให้อย่างดี
กระต่ายอ้วนแสนน่ารัก แถมเชื่องมาก สามารถอุ้มเอามาถ่ายรูปคู่กับน้องได้เลย!
แอบกระซิบเลยว่าสามารถเก็บไข่สดๆ จากฟาร์มกลับไปเป็นของฝากคุณภาพได้อีกด้วย
หลังจากได้เยี่ยมชมวิถีการเกษตรกรแล้ว ทางฟาร์มก็มีของว่างปิดท้ายด้วยผลไม้หวานฉ่ำ และน้ำผลไม้ที่ใช้ผลผลิตจากฟาร์มเองด้วย
ขอบอกว่านอกจากกิจกรรมและของว่างจากผลผลิตออร์แกนิคแล้ว ทางฟาร์มยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจำหน่ายให้กลับเอาไปเป็นของฝากอีกเพียบ ที่สำคัญที่นี่ยังสามารถจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพได้ด้วยนะ
มื้อกลางวันเรามาฝากท้องกันที่ ร้านอาหาร Midwinter Khaoyai ร้านอาหารแสนหรูหราที่จำลองปราสาททรงสูง สีขาวสง่าแบบยุโรปทางตอนเหนือ ซึ่งแนวคิดของที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมของเช็กสเปียร์ นั่นก็คือเรื่อง A Midsummer Night’s Dream
นานาเมนูอาหารสไตล์ต่างประเทศที่นำเสิร์ฟ ต่างก็เรียกน้ำย่อยและเต็มไปด้วยความพิถีพิถันผ่านรสชาติในแต่ละคำ โดยมีทั้งขาหมูสไตล์เยอรมัน เนื้อหมูสันนอกรมควันเสิร์ฟคู่กับมันบด กะหล่ำปลีดอง สลัด และซอสเห็ดแชมปิญอง แซลมอนย่างซิสเทอริยากิ เสิร์ฟคู่กับสลัดและข้าวผัดเนยกระเทียม ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว
พิซซ่าสูตรมิดวินเทอร์ คอหมูรมควันจิ้มแจ่ว ซีซาร์สลัดเบคอนกรอบ และไก่ชุบแป้งทอดสไตล์แม็กซิกัน
ของหวานปิดท้ายด้วยพานาคอตต้าซอสสตรอว์เบอร์รี่
ส่งท้ายความประทับใจของทริปเขาใหญ่ครั้งนี้กันที่ Gran Monte Vineyard & Winery ไร่องุ่นบรรยากาศดีที่มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ โดยภายในไร่แห่งนี้เต็มไปด้วยองุ่นนานาพันธุ์ที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์แปรรูปสุดขึ้นชื่อก็คือน้ำองุ่นชีราส และไวน์หลากรสชาตินั่นเอง เมื่อเดินทางมาถึงเราก็ร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่างการชิมไวน์รสชาติต่างๆ ที่ผ่านการบ่มด้วยระยะเวลาและจากองุ่นหลากหลายพันธุ์
หากใครถูกใจไวน์รสชาติไหนก็สามารถเลือกซื้อจากไร่กลับไปเป็นของฝากได้เลย และชำระค่าสินค้าได้ง่ายๆ เพียงใช้บัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพใบนี้ใบเดียว!
หลังจากสัมผัสรสชาติไวน์คุณภาพกันไปแล้ว ทางไร่ก็จะนำผู้เข้าร่วมทริปนั่งรถรางทัวร์บริเวณพื้นที่ของไร่องุ่น ให้ได้รับลมกันสบายๆ สุดเพลิดเพลิน พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์กันอย่างไม่รีบร้อน จากบริเวณไร่สามารถมองเห็นภาพความสวยงามของแนวเถาองุ่นโดยมีภูเขาสีเขียวขจีตั้งเป็นฉากหลัง ซึ่งตัดกับแนวของท้องฟ้าได้เป็นอย่างดี
ปิดทริปด้วยการเข้าชมโรงบ่มไวน์ สถานที่ผลิตไวน์คุณภาพชั้นนำระดับประเทศที่ได้รับรางวัลการันตีมากมาย พร้อมทั้งมีวิทยากรคอยสาธิตและบรรยายให้ความรู้ไปตลอดการเดินเยี่ยมชมอีกด้วย นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังมีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินคู่กับถังหมักไวน์ด้วย!
ทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ดื่มด่ำการพักผ่อนกับธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา! ในครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวที่อัดแน่นไปด้วยความประทับใจจากหลากหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของธรรมชาติที่สมบูรณ์ของไทย ทั้งผืนป่าที่เป็นมรดกโลกอย่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และผืนน้ำที่เป็นแหล่งพลังงานบริสุทธิ์อันทรงคุณค่า รวมทั้งความภูมิใจจากสถานที่อย่างฟาร์มและไร่ต่างๆ กิจกรรมมากมาย และผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกนับไม่ถ้วนที่สามารถบอกได้ว่าหากไม่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์แล้ว คงยากที่จะได้มาซึ่งคุณภาพ ความสุข และรอยยิ้ม ดังนั้นทริปเขาใหญ่ในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการท่องเที่ยวที่เป็น “Once in a Lifetime” ที่ไม่ควรพลาด และเพียงแค่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพตามเงื่อนไขที่ทางธนาคารกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างสม่ำเสมอ หรือมียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุดในแต่ละปี ก็มีโอกาสได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและประสบการณ์ล้ำค่าที่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะTop Spender ของบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพ แบบนี้ได้เลย และขอบอกว่าบัตรเครดิตใบนี้เพียงใบเดียว ยังมีสิทธิพิเศษอีกเพียบ คุ้มค่ากับการเป็นสมาชิกอย่างแน่นอน!
หวังว่าทุกๆ คนจะเต็มอิ่มไปกับประสบการณ์และสัมผัสได้ถึงความพิเศษของทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ดื่มด่ำการพักผ่อนกับธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา! ที่บอกเลยว่านอกจากจะได้ไปชมความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังได้ร่วมทำกิจกรรมกันแบบเน้นๆ กันอีกด้วย และถ้าใครสนใจอยากจะลองมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้อย่าลืมใช้บัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพกันนะ มาเขาใหญ่กันแล้วลองไปต่อกันอีกหน่อยกันกับ 30 ที่กิน – ที่เที่ยวเขาใหญ่ ใกล้กรุงเทพ ฟินครบทุกรสชาติ! และพักผ่อนกันชิลๆ ที่เขาใหญ่ยาวๆ กันไปเลยกับ 5 ที่พักพูลวิลล่าเขาใหญ่ นอนแช่น้ำฟิน ชมวิวขุนเขาได้จากหน้าห้อง!