ทริปเสาร์ – อาทิตย์ ลุยสวนผึ้ง 2 วัน 1 คืน เช็คอิน กิน เที่ยวแบบจัดเต็ม ไม่ต้องง้อรอช่วงหยุดยาว
154,708 ครั้ง
28 ส.ค. 2561
154,708 ครั้ง
28 ส.ค. 2561
ช่วงกลางปีแบบนี้แทบจะไม่มีเดือนไหนมีวันหยุดยาวๆ ให้ไปพักไปเที่ยวกันเลย ขอบอกว่าอย่าไปแคร์และไม่ต้องรอ เพราะมีเที่ยวมากมายที่ใกล้กรุงเทพ สามารถเที่ยวช่วงเสาร์อาทิตย์ได้แบบสบายๆ จัดเต็ม แถมยังไม่เหนื่อยมาก สามารถไปทำงานต่อได้แบบชิลล์ๆ ส่วนทริปนี้เราจะไปลุยกันที่ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อีกหนึ่งจังหวัดกรีนๆ ที่ครบครันด้วยที่พักสวยและกิจกรรมชิคๆ มากมาย จะมาเป็นคู่หรือยกมาครอบครัวก็สุขสันต์วันสุดสัปดาห์อย่างแน่นอน ว่าแล้วอย่าช้าไปลุยกันเลยจ้า…
อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อีกหนึ่งโซนท่องเที่ยวสุดฮิต ที่ยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญที่หลายคนเลือกมาพักผ่อน ด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบด้วยขุนเขา อากาศเย็นสบาย แถมยังมากมายด้วยที่พักสวยๆ สไตล์ฝรั่ง เรียกว่ามาพักผ่อนที่นี่ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนไปนอนสวิสเซอร์แลนด์กันเลย นอกจากนี้ยังมีจุดเช็คอินเก๋ๆ ให้แวะ ช้อป ชิม ชิลล์ กับเพียบ
ทริปเสาร์อาทิตย์แบบนี้ คนอาจจะเยอะหน่อยแต่ก็ไม่เหงา เราออกเดินทางช่วงสายวันเสาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงกับรถติด การเดินทางจากกรุงเทพมา อำเภอสวนผึ้งมีด้วยกัน 3 เส้นทาง ถนนหมายเลข 4 ยิงตรงไปราชบุรี หมายเลข 35 ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร-สมุทรสงคราม และหมายเลข 346 ผ่านจังหวัดกาญจนบุรี ลองศึกษาเส้นทางเพิ่มเติม เผื่อมีเวลาอาจได้แวะเช็คอินกันเพิ่ม
ส่วนเราเดินทางแบบยิงยาว มาถึงสวนผึ้งราวๆ เที่ยงวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ขอเปิดทริปกันด้วยการกินก่อนเลย เราตะลุยไปกินกันที่ร้าน ครัวม่อนไข่ ที่นี่จะตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ เส้นสวนผึ้ง-ผาปก เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 20.00 น.
ด้านหน้ามีลานจอดรถกว้างขวาง ภายในร้านบรรยากาศดีร่มรื่น มีโต๊ะมากมาย จะมาแบบครอบครัวหรือหากแวะสัมนาก็คิดว่าน่าจะจุได้ครบ
ในส่วนของเมนู ที่นี่จะเสริฟเน้นอาหารไทย โดดเด่นด้วยเมนูพื้นบ้านวัตถุดิบสดใหม่ รสชาติดีออกหวานนิดๆ ที่สำคัญราคาไม่แพงได้เยอะเกินราคา
เมนุเด็ดต้องยกให้กับ ลาบหมูกรอบ และยำผักกูดทรงเครื่อง จานละ 150 บาท
อิ่มท้องกันแล้วขอไปลุยเช็คอินกับมุมเก๋ๆ อัพรูปเช็คอินให้เพื่อนอิจฉากันก่อน เราไปต่อกันที่ บ้านหอมเทียน ที่นี่เป็นชุมชนศิลปะสุดน่ารักที่ตกแต่งประดับประดาด้วยของวินเทจ โดดเด่นด้วยการนำเทียนหอมมาทำเป็นงานอาร์ต จนเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ที่สำคัญยังมี workshop เทียนหอมให้ร่วมสนุกกันอีกด้วย
ด้านหน้าทางเข้าจะมีซุ้มสำหรับซื้อตั๋ว ราคาค่าเข้าคนละ 60 บาท ที่สำคัญได้ของที่ระลึกด้วย แต่ต้องไปแลกด้านในรอลุ้นกันว่าจะเป็นอะไร….?
ภายในตกแต่งน่ารัก ประดับประดาด้วยธงรำวงที่ทำจากผ้าขาวม้า มีร้านจำหน่ายของโบราณมากมายทั้ง ขนม ผ้าขาวม้า และอุปกรณ์เครื่องใช่ต่างๆ
ด้านในขอบอกว่าพื้นที่กว้างขวางกว่าที่คิด มีมุมวินเทจให้เลือกถ่ายรูปเยอะมาก แต่งตัวมาแน่นๆ รับรองว่ายอดไลค์พุ่งกระฉูด เดินขึ้นมาตามเนินมีจุดแลกของที่ระลึก และร้านขายเทียนหอมดีไซน์หลากหลายให้เลือกช้อป ที่สำคัญด้านในสุดมีคาเฟ่เล็กๆ และจุดชมวิวเทือกเขาตะนาวศรีอีกด้วย
นี่ไง…ของที่ระลึกที่แถมจากตั๋ว
ช้อปกันเต็มอิ่มจนลืมเวลากันเลย ขอเช็คอินเข้าที่พักกันเลยดีกว่า สำหรับคืนนี้เราจะนอนกันที่ Swiss Valley Hip Resort ที่พักบรรยากาศกรีนๆ สไตล์สวิสเซอร์แลนด์ ท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก มีกิจกรรมและมุมน่ารักให้เพลิดเพลินมากมาย (อ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิ๊ก)
สำหรับห้องพักที่เรานอนคืนนี้คือห้อง Semilon เป็นบ้านหลังเล็กเหมือนโรงนาฝรั่ง บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ที่สำคัญอยู่กับใกล้กับลานกว้าง ที่เอาไว้ให้น้องแกะวิ่งเล่น
ภายในตกแต่งได้อย่างน่ารัก แบ่งเป็นโซน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำได้อย่างลงตัว ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีอ่างอาบน้ำให้แช่กันแบบฟินๆ
ที่สำคัญยังมีสระว่ายน้ำขนาดกระทัดรัดสีสันสดใส มาในแบบโอเพ่น ให้รับลมชมวิวรีสอร์ทกันแบบ 180 องศา
ในส่วนของอาหารเย็น เราสั่งมากินแบบดินเนอร์ ชมวิวพระอาทิตย์ตกกันที่ดาดฟ้าของห้อง เมนูที่นี่มีให้เลือกมากมายทั้งไทยและอินเตอร์
เมนูเด็ดแนะนำ สปาเก็ตตี้น้ำมันมะกอกเสริฟกับมะกอกดำ 220 บาท และพิซซ่าฮาวาเอี้ยนแป้งบางกรอก 350 บาท
ตื่นเช้ามารับตะวันอันสดใส ในส่วนของห้องอาหารมาในรูปแบบบุฟฟเฟ่บาร์ มีทั้งเมนูเบรคฟาสแบบไทยและนานาชาติ กินกันแบบแน่ๆ ไม่อั้น
กินกันแบบเต็มอิ่มแล้ว ขอพาไปทำกิจกรรมและชมบรรยากาศรอบรีสอร์ทกันหน่อยดีกว่า ขอบอกว่ามุมน่ารักเยอะสุดๆ สายเซลฟี่รับรองว่ามีเมมเต็ม
เช็คเอาท์แล้วรีบไปลุยกันต่อดีกว่า สำหรับทริปนี้เราบอกแล้วว่าจัดเต็ม ขอไปลุยกับจุดเช็คอินเก๋สไตล์ฝรั่งเพิ่มเติมกันหน่อย ที่ The Scenery Vintage Farm ที่นี่นอกจากจะมีรีสอร์ทให้พักแล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายที่คนภายนอกสามารถเข้ามาร่วมชมได้ มีทั้งการป้อนอาหารแกะ ร้านคาเฟ่ ซุ้มเกมส์ต่างๆ
ขอบอกว่ามีมุมน่ารักๆ เพียบเลย ถูกใจกันทุกวัยอย่างแน่นอน
ขากลับต้องผ่านตัวเมืองราชบุรีกันอยู่แล้ว เลยขอแวะทานอะไรอร่อยๆ แบบบรรรยากาศริมน้ำที่ ธาราคอฟฟี่ ที่ตั้งจะอยู่ในถนนค่อนข้างลึก แนะนำให้มาตาม GPS รับรองว่าถึงที่หมายชัวร์ ด้านหน้าร้านมีลานจอดรถกว้างขวาง ส่วนร้านตั้งอยู่บนแพริมแม่น้ำแม่กลอง มีที่นั่งทั้งในโซนห้องแอร์และโอเพ่น มีลมเย็นๆ พัดผ่านตลอด
เมนูที่นี่จะเน้นไปทางเมนูฟิวชั่นแบบอินเตอร์ และเครื่องดื่มเย็นๆ เมนูเด็ดต้องยกให้ สปาเก็ตตี้ขี้เมาหมู 120 บาท และสเต็กหมูพริกไทยดำ 155 บาท
รสชาติขอบอกว่าแซ่บถึงทรวง เข้ากับบรรยากาศริมน้ำสุดๆ
เดี๋ยวก่อนจ้า….ยังมีอีกหนึ่งเซอร์ไพรซ์ เรารู้มาว่าแถวๆ นี้ยังมีอีกหนึ่งที่เที่ยวสวยแบบอันซีนให้เที่ยวกันด้วย ห่างจากร้านธาราคอฟฟี่ไม่ไกล นั่นก็คือ อุทยานเขาหินงู
ที่นี่ขอบอกว่าอันซีนมาก เดิมที่เป็นแหล่งระเบิดหินสมัยรัตนโกสินทร์นู้น เป็นภูเขาหินลูกใหญ่ ล้อมรอบบึงน้ำธรรมชาติ ที่สำคัญยังมีสะพานแขวนให้เก็บถ่ายกัน
ข้ามสะพานมาจะมีทางเดินเลียบน้ำ ด้านในมีพระพุทธรูปปางลีลาแบบนูนต่ำขนาดใหญ่ ให้ได้สักการะเป็นการปิดท้ายก่อนกลับ..
เป็นยังไงกันบ้างกับทริป สวนผึ้ง-ราชบุรี 2 วัน 1 คืน เก็บกันแบบแน่นๆ มาทีเดียวต้องเก็บให้คุ้ม แต่ขอบอกว่าจังหวัดราชบุรี ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่งที่น่าไปพัก ไปเช็คอินกันอีกมากมาย ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม หรืออ่านรีวิวอัพเดทเรื่องเที่ยวได้ที่เว็บไซต์ของทริปเก็ทเตอร์ได้เลย หวังว่าทริปนี้จะช่วยเป็นไกด์ให้กับทุกคนได้บ้าง นับว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวน่าประทับใจ รับรองว่าครั้งเดียวไม่พอ…