ทริป 3 วัน 2 คืน ตะลุย! เส้นทางสายไหมเมืองไทย สโลว์ไลฟ์ไปกับวิถีชีวิตชุมชน
9,038 ครั้ง
17 ธ.ค. 2562
9,038 ครั้ง
17 ธ.ค. 2562
ถ้าพูดถึงเส้นทางสายไหมหลายๆ คนคงนึกถึงเส้นทางสายไหมตามหนังสือสังคมที่เราเคยเรียนกันสมัยมัธยมอยู่แน่ๆ แต่ความจริงแล้วเมืองไทยเราก็มีเส้นทางสายไหมเหมือนกันนะ แต่เป็นเส้นทางผลิตผ้าไหมไทยที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาเพื่อนๆ มาตะลุยเที่ยวเส้นทางสายไหมในเมืองไทย ตามรูท 3 จังหวัดภาคอีสานทั้งจังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดเลย ลองเปิดใจมาเที่ยวเมืองรองตามรูทนี้กันสักครั้ง รับรองว่าได้รับความสุขกลับไปเต็มๆ
วันนี้เราเดินทางออกสนามบินดอนเมืองกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบินจังหวัดอุดรธานี ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าทริปนี้เราตั้งใจไปเที่ยวยังภาคอีสานซึ่งเป็นภาคที่มีความหลากหลายทางภูมิปัญญาและอยากลองไปใช้ชีวิตร่วมกับชุมชนสักครั้ง ซึ่งการเดินทางไปในครั้งยังสะดวกสบายอีกด้วย
เดินทางมาถึง จังหวัดอุดรธานี กันในช่วงสายๆ เลยไม่รอช้ารีบปักหมุดไปที่ ร้านคิงส์โอชา ร้านอาหารเก่าแก่ระดับตำนานของเมืองอุดร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยซึ่งในช่วงเช้าๆ แบบนี้ก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาลิ้มลองความอร่อยกันที่นี่ ตัวร้านก็หาไม่ยากตั้งอยู่ตรงข้ามสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี ร้านคิงส์โอชา เปิดตั้งแต่เวลา 04.00 – 10.00 น. โทร.042 343 481
สำหรับเมนูอาหารของร้านคิงส์โอชาจะเป็นอาหารสไตล์เวียดนาม ซึ่งเมนูเด็ดที่ต้องห้ามพลาดก็คือ ไข่กระทะและขนมปังยัดไส้ และยังมีเมนูอร่อยๆ ให้เลือกอีกมากมาย
หลังจากกินอิ่มแล้ว ทริปตะลุยเส้นทางสายไหมของเราก็เริ่มขึ้น เรามุ่งหน้าไปยัง ร้านพะแพง แหล่งผลิตผ้าไหมชนิดผืนและตัดเย็บ เป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและคุณภาพ และคงเอกลักษณ์ลวดลายความเป็นถิ่นอีสานไว้ในผืนผ้า
ถักทอด้วยเทคนิคชั้นสูงที่เรียกว่า “ผ้าทอลายขิด” หรือ “ผ้าไหมลายขิด” และย้อมด้วยสีจากธรรมชาติ โดยมีลวดลายที่โดดเด่นอย่าง ลายกระเช้ามาลี ลายบัวสวรรค์ และลายกระทงทอง ที่นำมาตัดเย็บเป็นชุดสวยๆ ที่รับรองว่าสวยถูกใจอย่างแน่นอน
และไปต่อกันที่ ศูนย์วัฒนธรรมไทย – จีน และ มูลนิธิศาลปู่ – ย่า อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดอุดรธานีที่จำลองเมืองจีนโบราณมาไว้ บรรยากาศภายในร่มรื่นและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบจีนๆ ที่ทำให้เราเผลอนึกว่าอยู่เมืองจีนกันจริงๆ มีทั้งโซน อาคารพิพิธภัณฑ์คุณธรรม ที่รวบรวมคำสอนของขงจื้อไว้มากมาย อีกทั้งยังมี ร้านน้ำชาผิงอัน ให้เราได้ดื่มด่ำความเป็นจีนจริงๆ
และยังมีโซน สวนคุณธรรมพันปี 24 กตัญญู เต็มไปด้วยไม้มงคลของจีน แถมยังมีบ่อปลาคาร์ฟจักรพรรดิให้เราได้ทำกิจกรรมป้อนนมปลาคาร์ฟอีกด้วย
ทั้งสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ออกแบบและสร้างตามแบบศิลปะของประเทศจีน ทำให้เป็นภาพที่สวยงาม แปลกตา และยังเป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่รับรองว่ามาถ่ายรูปที่นี่แล้วจะต้องได้รูปสวยๆ ไปอัพลงโซเชียลอย่างแน่นอน
และจะต้องไม่พลาดไปขอพรกันที่ศาลเจ้าปู่ย่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานีเคารพนับถือ ใครที่อยากสมหวังขอแนะนำให้มาขอพรกันที่นี่เลย
มาถึงจังหวัดอุดรธานีแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปลิ้มลองแหนมเนืองจากร้าน VT แหนมเนือง ซึ่งมื้อกลางวันนี้เราจะไปฝากท้องกันที่นี่ ภายในตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์สุดโมเดิร์นและมีที่นั่งให้เลือกมากมาย สำหรับเมนูของทางร้านจะเป็นเมนูอาหารเวียดนาม ซึ่งเมนูหลักที่จะต้องไม่พลาดนั่นก็คือ แหนมเนือง ที่รับรองเลยว่าอร่อยถูกปาก สมคำล่ำลืออย่างแน่นอน ร้าน VT แหนมเนือง เปิดให้บริการเวลา 09.00 – 21.00 น. โทร.042 111 111
กินอิ่มแล้วก็เลยแวะมาดูของฝากกันสักหน่อยซึ่งภายในตัวร้าน VT แหนมเนือง ก็มีร้านขายของฝากให้เราได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอีกด้วย
และไปต่อกันที่ กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านเชียงยืน ซี่งที่นี่มีความโดดเด่นโดยการย้อมสีผ้าไหมมัดหมี่ด้วยสีย้อมจากธรรมชาติ 100% โดยเป็นน้ำหมักเอ็นไซน์จาก คราม ขมิ้น เห็ดหลินจือ ดอกอัญชัญ ดอกจาน และสมุนไพรหรือดอกไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วิธีการทอผ้าไหมมัดหมี่ซึ่งผ้าไหมมัดหมี่ของที่นี่จะมีเนื้อแน่นแต่อ่อนนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็น และยังสวมใส่ได้แบบสบายๆ อีกด้วย
ที่สำคัญชาวบ้านของที่นี่ยังน่ารักและเป็นกันเองสุดๆ
ปิดท้ายทริปวันแรกด้วยการเช็คอินเข้าที่พักที่ โรงแรมเบลล์แกรนด์ โรงแรมหรูสไตล์โมเดิร์นที่โดดเด่นด้วยลวดลายผ้าทอที่ตกแต่งอยู่หน้าโรงแรม ภายในโรงแรมก็ตกแต่งได้อย่างหรูหราและทันสมัยสุดๆ แถมยังมีห้องพักให้เลือกมากมาย โรงแรมเบลล์แกรนด์ โทร.042 219 111
ในวันนี้เราเลือกนอนที่ห้อง Standard Twin Bed ภายในห้องตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและหรูหราโดดเด่นด้วยผนังสีน้ำเงินที่เพิ่มความทันสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องครบครัน
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยัง จังหวัดหนองบัวลำภู แต่ก่อนที่เราจะเดินทางก็ต้องมาเติมพลังด้วยอาหารเช้าจากทางโรงแรมกันก่อน ซึ่งทางโรงแรมจัดเป็นบุฟเฟ่ต์ให้เรากินกันแบบไม่อั้น
เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมแล้วเราไปต่อกันที่จังหวัดหนองบัวลำภูซึ่งเป็นรูทเส้นทางสายไหมและปักหมุดไปที่ วัดถ้ำกลองเพล เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดหนองบัวลำภู บรรยากาศภายในวัดเงียบสงบและร่มรื่นสุดๆ และที่สำคัญวัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐานของพระอาจารย์หลวงปู่ขาว อนาลโย
บริเวณพระอุโบสถมีลักษณะเป็นห้องโถงใหญ่ ประดิษฐานรูปปั้นของหลวงปู่ขาว และมีกลองโบราณสองหน้าชาวบ้านมักเรียกว่า “กลองเพล” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด
เมื่อเดินเข้าไปข้างในจะเจอกับหินก้อนใหญ่และต้นตะเคียนขนาดใหญ่ และห้องขนาดเล็กที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและไม้กลายเป็นหิน
ถ้าหากเดินลัดเลาะไปตามแนวป่าประมาน 2 กิโลเมตรก็จะถึง อนุสรณ์สถานของหลวงปู่ขาว ที่ประกอบด้วย พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ขาว กุฎิเก่าของหลวงปู่ขาว และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ขาว
ไหว้พระจนอิ่มบุญกันเสร็จแล้วเราไปตะลุยเส้นทางสายไหมจังหวัดหนองบัวลำภูกันที่ กลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง กลุ่มผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณ เป็นผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณและลายประยุกต์ ซึ่งท่ีนี่ใช้สีย้อมผ้าจากธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น เปลือกไม้และใบไม้ ซึ่งทำให้ผืนผ้ามีสีสันที่สวยงามและสีไม่ตก
อีกทั้งยังมีฝีมือในการทอที่บรรจง เนื้อผ้ามีความละเอียดนุ่มและใส่สบายสุดๆ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยลวดลายโบราณและลายประยุกต์ ทั้งลายนาคต้นสนและลายดอกบัว
ชมความงามของผ้าไหมกันจนเพลินเสร็จแล้วเราเลยไปต่อกันที่ ครัวปริญญา ร้านอาหารไทยและอาหารอีสานรสชาติสุดแซ่บที่ใครๆ มาถึงหนองบัวลำภูแล้วก็ต้องแวะมาลิ้มรสความอร่อยกันที่นี่ ครัวปริญญา เปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00-23.00 น. โทร.092 558 6442
กินอิ่มแล้วเราไปต่อกันที่ รัศมีผ้าไทย ที่นี่มีทั้งผ้าถุงลายโบราณ ผ้าขิดยกดอกลายโบราณ ซึ่งเป็นผ้าไหมและไหมแกมฝ้าย ถักทอด้วยลวดลายโบราณอันเป็นเอกลักษ์เฉพาะกลุ่ม และไปชมผ้าไหมหมักโคลนลายโบราณของ ร้านมูลมังผ้าไทย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งเป็นกระบวนการย้อมแบบดั้งเดิมคือการหมักโคลนและการใช้สีจากธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นอย่างมะเกลือ
ต้องบอกเลยว่าผ้าถุงลายยกดอกโบราณที่ผลิตจากผ้าไหมกำลังเป็นที่นิยมเพราะนอกจากจะมีลวดลายที่สวยงามแล้ว ยังดูแลรักษาง่าย เนื้อผ้าไม่หด ไม่ยุ่ย และสีไม่ตก เพราะย้อมด้วยสีธรรมชาติ
ชมความสวยงามและเรียนรู้วิธีการทอผ้าเสร็จแล้ว เรามุ่งหน้าต่อไปยัง อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายของทริปที่เรามาตะลุยเส้นทางสายไหม เมื่อมาถึงเชียงคานแล้วเราก็ไม่รอช้ารีบเช็คอินเข้าที่พักที่เราจะนอนกันในคืนนี้ โรงแรมวงศ์สายสิริ ศรีเชียงคาน ที่พักบรรยากาศดีติดริมแม่น้ำโขงและถนนคนเดินเชียงคาน ตัวที่พักยังคงสภาพเดิมของความเป็นเรือนไม้โบราณเอาไว้อย่างดี ภายในห้องพักยังตกแต่งได้อย่างเรียบหรูน่าพักผ่อนและครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โรงแรมวงศ์สายสิริ ศรีเชียงคาน โทร.081 843 9708
บริเวณโถงกลางโรงแรมยังมีที่นั่งชิลล์ๆ ให้ออกมานั่งทำกิจกรรมหรือซื้อของอร่อยๆ จากถนนคนเดินเชียงคานมากินได้อีกด้วย
ด้วยความที่ โรงแรมวงศ์สายสิริ ศรีเชียงคาน อยู่ติดทั้งแม่น้ำโขงและถนนคนเดินเชียงคาน ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำโขงกันพอสมควรแล้ว ช่วงค่ำเราก็ไม่พลาดที่จะออกมาหาของอร่อยๆ กินที่ ถนนคนเดินเชียงคาน ซึ่งเปิดทุกวันเริ่มตั้งแต่เวลาประมาน 18.00 – 22.00 กันเลยทีเดียว บรรยากาศของถนนคนเดินเชียงคานเต็มไปด้วยความคึกคักจากนักท่องเที่ยวที่ต่างพากันมาสัมผัสเสน่ห์กันที่เมืองแห่งนี้ แสงไฟจากบ้านและร้านต่างๆ ส่องสว่างไปทั่วทั้งถนนชายโขง
มาถึงถนนคนเดินเชียงคานแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะกินสตรีทฟู้ดที่มีเฉพาะที่ถนนคนเดินเชียงคานเท่านั้น ผมไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปลองชิมเมนู กุ้งน้ำโขง ซึ่งจะเป็นกุ้งเสียบไม้ปิ้งขายกันแบบง่ายๆ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งกุ้งตัวเล็กและตัวใหญ่ นอกจากกุ้งแล้วยังมีปูเสียบไม้อีกด้วย ที่สำคัญกุ้งและปูทุกตัวยังได้มาจากแม่น้ำโขงด้วยนะ ราคาไม้ละ 20 บาทเท่านั้นเอง
วันนี้เราตื่นตั้งแต่เช้ามืดมา ตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตของชาวเชียงคานที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบนี้ไว้จนถึงปัจจุบัน
หลังจากกินมื้อเช้าของทางโรงแรมเสร็จเราก็เลยออกมาเดินเล่นที่ริมโขงกันสักหน่อย บรรยากาศริมโขงในช่วงเช้าเป็นอะไรที่สวยงามสุดๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนและยังได้สัมผัสความหนาวและสายหมอกจางๆ อีกด้วย
และจุดเช็คอินที่เราจะไปต่อคือ แก่งคุดคู้ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาน 3 กิโลเมตร แก่งคุดคู้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครที่มาเชียงคานแล้วก็ต้องไม่พลาดแวะมาเช็คอินความสวยงามของแก่งคุดคู้ ซึ่งไฮไลท์ของแก่งคุดคู้คือแนวหินขนาดใหญ่ที่ทอดตัวยาวขวางลำน้ำโขงเอาไว้ตั้งแต่ฝั่งไทยจนถึงฝั่งลาวทำให้เกิดกระแสน้ำไหลเชี่ยวและแรง ซึ่งจะมีหาดทรายกว้างที่สามารถเดินลงไปเที่ยวชมและถ่ายรูปได้อีกด้วย
นอกจากความงดงามตามธรรมชาติแล้วยังมีเรื่องเล่าที่เป็นตำนานความเชื่อของแก่งคุดคู้คือ มีนายพรานจมูกแดงคนนึงได้พบควายตัวใหญ่มีอุจจาระเป็นสีเงินทำให้นายพราณเกิดความโลภ ไล่ล่าฆ่าควายตัวนั้นแต่ก็ไม่สามารถฆ่าได้สำเร็จเพราะเกิดจากเรือที่ล่องผ่านลำน้ำโขงได้ก่อกวนให้ควายวิ่งหนีไป นายพรานโมโหมากจึงแบกก้อนหินมาขวางแม่น้ำเอาไว้เพื่อจะกั้นเรือไม่ให้ผ่านไปได้จนเกือบสำเร็จ มีเณรองค์หนึ่งเห็นท่าไม่ดีจึงใช้กลอุบายหลอกให้นายพราณเหลาไม้ไผ่ให้คมแล้วแบกก้อนหินซึ่งมีน้ำหนักมาก เมื่อนายพรานแบกจึงทำให้ไม้ไผ่บาดจนคอขาด จึงเหลือทางน้ำไหลอยู่ที่ฝั่งไทยนั้นเอง
ที่ด้านหน้าแก่งคุดคู้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตริมแม่น้ำโขง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวไทดำได้เป็นอย่างดี
ช่วงเที่ยงวันนี้เราวาร์ปมาหาของอร่อยลงท้องกันที่ร้าน ครัวนุชา ร้านอาหารไทยที่โดดเด่นด้วยเมนูอาหารพื้นบ้าน ที่นั่งภายในร้านก็มีให้เลือกมากมายทั้งโซนห้องอาหารริมน้ำ โซนศาลาทรงไทย และโซนระเบียงริมน้ำ ซึ่งเมนูเด็ดที่มาถึงแล้วห้ามพลาดก็คือสารพัดเมนูปลาแม่น้ำโขง ที่รับรองว่าอร่อยถูกปากถูกใจอย่างแน่นอน ครัวนุชา เปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. โทร.081 860 8810
และไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์บ้านไทดำ บ้านนาป่าหนาด ซึ่งเป็นคนเชื้อสายไทดำ หรือไทชงดำ หรืออีกชื่อว่าไทโซ่ง ซึ่งพิพิธภัณฑ์บ้านไทดำยังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทดำ ทั้งบ้านเรือนไม้ การทอผ้า และงานหัตถกรรมที่เป็นภูมิปัญญาของชาวไทดำ
แถมยังมีชุดแบบชาวไทดำให้ใส่ถ่ายรูปอีกด้วย
และยังมีร้านขายของฝากและสินค้าที่ชาวไทดำทำขึ้นเองอีกด้วย
ปิดท้ายทริปกันที่ร้าน เฮือน อ้าย เอ๊ม แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาคนไทดำ แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาคนไทยดำ ที่มีผ้าลายนางหาญ ซึ่งเป็นผ้าที่มีตำนานเล่าขานมาตั้งแต่โบราณ
อีกทั้งยังได้ทำดอกไม้ไทดำ ตุ้มนก ตุ้มหนู เครื่องรางของชาวไทดำ ซึ่งชาวไทดำใช้ประกอบในพิธีแชปางไทดำ ผีฟ้า ผู้ปกป้องรักษาชาวไทดำให้อยู่เย็นเป็นสุข หลังจากเสร็จพิธีชาวไทดำจะนำดอกไม้ชาวไทดำมาแขวนไว้ที่บ้านของตนเอง เพื่อความเป็นศิริมงคลและจะได้นำพาความโชคดี และอยู่เย็นเป็นสุขมาให้ตัวเองและครอบครัว
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริป 3 วัน 2 คืน ตะลุยเส้นทางสายไหมเมืองไทยกับ 3 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งการเที่ยวในครั้งนี้นอกจากจะได้ความรู้สึกที่แปลกใหม่แล้วยังได้เห็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่สะท้อนออกมาให้เห็นถึงความงดงามตามแบบฉบับของแต่ละท้องที่ และเปลี่ยนความคิดที่เคยคิดว่าผ้าใหม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันผ้าไหมไทยได้พัฒนาตามยุคสมัยใส่แล้วไม่เชยอย่างแน่นอน ลองแหวกกระแสมาเที่ยวเมืองรองตามเส้นทางสายไหมกันดูสักครั้งรับรองว่าได้ความสุขกลับไปอย่างแน่นอน
เบอร์โทรติดต่อสถานที่ต่างๆ
จังหวัดอุดรธานี
ร้านคิงส์โอชา 042 343 481
ร้านพะแพง 082 396 5464 (คุณปนัดดา แก้วคำแจ้ง)
ศาลเจ้าปู่ย่า และศูนย์วัฒนธรรมไทย – จีน 042 242 444, 082 707 0666
ร้าน VT แหนมเนือง สาขาบ้านจั่น 042 111 111
กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านเชียงยืน หมู่ที่ 14 083 350 5977 (คุณสมภาร คำภาหม)
ร้านระเบียงพัชนี อุดรธานี 042 241 515
โรงแรมเบลล์แกรนด์ 042 219 111
จังหวัดหนองบัวลำภู
กลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง 086 757 6877 (คุณฉลาด หลอดแก้ว)
ครัวปริญญา 092 558 6442
ร้านรัศมีไหมไทย 063 954 7111 (คุณสรชนก สุกันหา)
ร้านมูลมังผ้าไทย 080 274 1778, 091 057 0581 (คุณนารีรัตน์ กรีโส)
จังหวัดเลย
ร้าน Smile @ ChiangKhan 088 563 6377
โรงแรมวงศ์สายสิริ ศรีเชียงคาน 081 843 9708
ครัวนุชา 081 860 8810
บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ 084 925 0771
ร้าน เฮือน อ้าย เอ๊ม แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาคนไทดำ 098 004 0823 (คุณสำลาน กรมทอง)