ทริป 3 วัน 2 คืน หัวหิน – ปราณบุรี ทริปเที่ยวเน้นกิน นอนฟินริมทะเล
76,564 ครั้ง
7 มิ.ย. 2562
76,564 ครั้ง
7 มิ.ย. 2562
เผลอแป๊บเดียวฤดูร้อนกำลังจะหมดไป ฤดูฝนกำลังจะเข้ามาแทนที่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกว่าเราเดินทางมาสู่ช่วงกลางปีแล้ว วันนี้เราเลยมีทริปเที่ยวทะเลส่งท้ายซัมเมอร์มาฝากเพื่อนๆ และทะเลที่เราจะเดินทางไปเที่ยวกันวันนี้ก็คือ หัวหินและปราณบุรี ซึ่งทั้งสองที่เป็นที่เที่ยวรูทเดียวกัน นอกจากนี้หัวหินและปราณบุรียังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางมาเพียง 2 – 3 ชั่วโมงก็ได้มาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองชายทะเลที่มีทั้งความคึกคักอย่างหัวหินและความเงียบสงบอย่างปราณบุรี
วันนี้เราออกเดินทางกันในช่วงสายๆ เรามุ่งหน้าไปทางถนนเพชรเกษมโดยรถยนต์ส่วนตัวและใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง เรียกได้ว่านั่งรถยังไม่ทันหลับก็มาถึงหัวหินแล้ว เมื่อมาถึงหัวหินเราก็ปักหมุดไปกันที่ นาวีภิรมย์ ที่พักที่เราจะพักกันในคืนนี้ซึ่งตั้งอยู่ในกองทัพเรือหัวหิน ท่ีเราเลือกมานอนที่นี่เพราะ นาวีภิรมย์ เป็นที่พักราคาประหยัดและยังอยู่ติดริมทะเลหัวหินแถมยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ให้เราได้ฟินอีกด้วย
สำหรับห้องพักของ นาวีภิรมย์ ก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบคือ ห้อง VIP, Deluxe และ Standard อย่างที่บอกไปว่าห้องพักของที่นี่ราคาไม่แพงมากเราเลยเลือกนอนห้อง VIP ห้องแบบสวีทที่แบ่งสัดส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอนได้อย่างลงตัว ซึ่งในส่วนของห้องนั่งเล่นก็มีโซฟาขนาดใหญ่ไว้ให้เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจและมีแอลซีดีทีวีจอยักษ์ให้เราได้ดูอย่างเต็มตา หรือถ้าเบื่อๆ ก็แค่ลุกไปเปิดม่านหน้าห้องออกก็สามารถมองเห็นวิวทะเลผ่านกระจกบานใหญ่ได้เลยล่ะ
ถัดเข้ามาที่ตัวห้องนอนก็ยังตกแต่งไปด้วยสไตล์เรียบหรูที่เน้นความสะดวกสบาย เตียงขนาด King Size ยังถูกจัดวางไว้ในสเปซที่พอเหมาะทำให้สามารถมองวิวทะเลได้จากบนเตียงเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอภายในห้องยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแบบที่เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคาสุดๆ ใครที่กำลังมองหาที่พักบรรยากาศดีติดริมทะเล แถมราคาน่ารักต้องมาที่นี่เลย
ช่วงบ่ายๆ เราก็เลยลงมาเล่นน้ำคลายร้อนกันที่สระว่ายน้ำของ นาวีภิรมย์ ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึงแม้ว่าไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเลแต่ก็ยังได้ฟีลลิ่งของความเป็นทะเลด้วยบรรยากาศรอบๆ สระว่ายน้ำที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและต้นมะพร้าว รอบๆ สระว่ายน้ำยังมีเตียงอาบแดดไว้ให้นั่งชิลล์อีกด้วย หรือใครที่อยากจะอัพรูปลงเฟซบุ๊กแบบชีวิตดี๊ดีต้องมาถ่ายกันที่มุมสระว่ายน้ำนี่เลย
และมาเที่ยวถึงทะเลหัวหินทั้งทีเราก็เลยไม่พลาดที่จะเลือกชุดว่ายน้ำแบรนด์ Coralist Swimwear คอลเลคชั่น Urban Jungle S/S 2019 ซึ่งเน้นสีสันและลวดลายที่ให้ความรู้สึกแบบ Wild Jungle และยังมีชุดว่ายน้ำแฟชั่นให้เลือกอีกมากมายหลายแบบ สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.coralistswimwear.com หรือ Fackbook : Coralist Swimwear และยังมี IG : coralist.swimwear ให้ดูรูปสวยๆ ได้ก่อนใครอีกด้วย หรือสาวๆ คนไหนที่สนใจสามารถแอดไลน์ได้ที่ line: @coralistswimwear
ว่ายน้ำเพลินจนเกือบลืมไปเลยว่าตั้งแต่มายังไม่ได้หาอะไรลงท้องเลย สำหรับใครที่มาพักที่นาวีภิรมย์ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวหรือจะต้องไปหาร้านอาหารที่ไหนไกล เพราะที่นี่มี DEELEK BISTRO HUAHIN คาเฟ่และร้านอาหารที่ตั้งอยู่ภายใน นาวีภิรมย์ พูดแล้วก็ไม่รอช้าเรามาสั่งเครื่องดื่มและเค้กอร่อยๆ ที่นอกจากความอร่อยแล้วบรรยากาศยังดีสุดๆ !!
อย่างที่บอกว่าทริปนี้เน้นเที่ยว เน้นกิน เราก็เลยจัดเต็มทั้งเครื่องดื่มและเค้ก ที่สำคัญราคาเค้กและเครื่องดื่ม 70 – 80 บาทเท่านั้นเอง จะมีร้านไหนที่มีครบทั้งวิวริมทะเล ทั้งรสชาติอร่อยๆ ในราคาสบายกระเป๋าแบบนี้อีก!!
สำหรับที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งโซนห้องแอร์ ที่นั่งในสวนและที่นั่งวิวทะเล สะดวกแบบไหนก็เลือกได้ตามสบายเลยจ้า รับรองว่าแต่ละมุมได้ถ่ายรูปแบบสวยๆ อย่างแน่นอน
และนอกจาก DEELEK BISTRO HUAHIN จะเป็นคาเฟ่แล้วยังเป็นร้านอาหารที่มีเมนูอร่อยๆ มากมายแบบที่เรียกได้ว่ามาพักที่ นาวีภิรมย์ ก็มีครบทั้งคาเฟ่และร้านอาหารแบบไม่ต้องออกไปหาที่ไหนเลยล่ะ และมื้อเย็นวันนี้เราก็ยังคงอยู่ที่นี่ ไม่รอช้ารีบเปิดสมุดเมนูดูรายการอาหารและแน่นอนว่ามาถึงทะเลทั้งทีเราก็เลยไม่พลาดสั่งเมนูซีฟู้ดมากินจนหนำใจ
ทั้ง ปลากระพงทอดกระเทียบกรอบ ราคา 420 บาท, ปลาทูทอดน้ำปลา ราคา 200 บาท, น้ำพริกปูหลนใบชะคราม ราคา 180 บาท, ห่อหมกทะเล ราคา 280 บาท, แกงส้มใบชะครามทอดกุ้ง ราคา 280 บาท , ไข่เจียวปูหอยนางรม ราคา 280 บาท และกุ้งราดซอสมะขาม ราคา 120 บาท
นั่งกินอาหารอร่อยๆ พร้อมนั่งมองวิวทะเลแบบชิลล์ๆ ยิ่งแสงช่วงเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินยิ่งฟินสุดๆ
กินอิ่มจนพุงกางก็ต้องหาที่เดินย่อยกันสักหน่อย เราเลยปักหมุดไปต่อกันที่ หัวหิน ซิเคด้า มาร์เก็ต ตลาดจั๊กจั่น ที่ตั้งอยู่ที่ สวนศรี เขาตะเกียบหัวหิน ซึ่งเป็นตลาดนัดยามเย็นที่มีของขายมากมายทั้ง ผลงานศิลปะรว่มสมัย งานแฮนด์เมด ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ หรือรวมไปทั้งสินค้ามือสองอีกด้วย และนอกจากนี้ยังมีการแสดงเปิดหมวกจากศิลปินให้เราชมกันด้วยนะ
นอกจากสินค้าแฮนด์เมดแล้วก็ยังมีของกินของทานเล่นให้เราได้ชิมอีกเพียบ เดินไป กินไป ดูของน่ารักๆ กับบรรยากาศสุดคึกคักบอกเลยว่าชิลล์สุดๆ เกือบลืมบอกไปว่า ซิเคด้า มาร์เก็ต เปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 16.00 – 23.00 น. เท่านั้นนะ มาหัวหินช่วงวันหยุดไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนลองมาที่นี่กันดู
ก่อนกลับไปที่นาวีภิรมย์เราเลยมาแวะต่อกันที่ หัวหินไนท์บาร์ซ่า หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ถนนคนเดินหัวหิน ซึ่งตัวตลาดอยู่ไม่ไกลจากที่พักเรามาก และที่สำคัญบรรยากาศคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติและเต็มไปด้วยของอร่อยเพียบ หรือใครที่อยากกินอาหารทะเลแบบสดๆ ที่นี่ก็มีร้านอาหารทะเลให้เลือกหลายร้าน เรียกได้ว่าเป็นสีสันยามค่ำคืนของหัวหินที่แท้ทรู ถนนคนเดินเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 17.00 ยาวไปจนถึง 24.00 น. เลยนะ
สำหรับทริปหัวหินวันแรกเราก็จัดเต็มเรื่องกินจนพุงแทบแตก เพราะที่หัวหินเป็นเมืองที่นีมีของอร่อยๆ มากมาย และที่สำคัญที่พักที่เรานอนกันในคืนนี้ยังสะดวกสบายอยู่ใกล้แลนด์มาร์คและจุดเช็คอินหัวหินอีกเพียบ นอกจากนี้หัวหินยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความคึกคักที่ช่วยให้ใจเราได้ครึกครื้นสุดๆ
เริ่มต้นเช้าวันใหม่กันที่ นาวีภิรมย์ บรรยากาศตอนเช้าก็ยังดี๊ดี มีเสียงคลื่นให้เราได้ฟัง ก่อนที่จะออกไปเดินทางกันต่อเราเลยต้องมาเพิ่มพลังกับมื้อเช้าของทางโรงแรมกันสักหน่อย อาหารเย็นที่ว่าอร่อยแล้ว อาหารเช้าก็ยังอร่อยไม่แพ้กัน ซึ่งอาหารมื้อเช้าก็จัดเต็มไปด้วยเมนูแบบไทยๆ และยังมีสลัดผัก และผลไม้สดให้รีเฟรชร่างกายในตอนเช้าด้วยนะ
หรือจะชงกาแฟมานั่งจิบชิลล์ๆ ที่ริมทะเล มองวิวเส้นขอบฟ้าพร้อมกับรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า
มาทะเลหัวหินที่ขึ้นชื่อว่ามีหาดทรายสีขาวทั้งที จะพลาดลงไปเดินเล่น ถ่ายรูป ได้อย่างไร เราเลยลงไปเดินเล่นรับลมทะเลกันสักหน่อยก่อนที่จะเดินทางไปกันต่อที่โซนปราณบุรี
หลังจากเช็คเอ้าท์ออกจาก นาวีภิรมย์ แล้ว เราก็ปักหมุดไปต่อกันที่ 1d+ Day Arttris คาเฟ่ริมทะเลโซนปราณบุรีสุดฮิปที่ให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ไมอามี่อย่างไงอย่างงั้น ด้วยความที่ตัวคาเฟ่ตั้งอยู่บนชายหาดทรายสีขาว ตัวคาเฟ่เป็นตู้คอนเทรนเนอร์ จัดวางโต๊ะและเก้าอี้กระจายอยู่ทั่งบริเวณชายหาด
และยังมีมุมถ่ายรูปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เปลตาข่ายสุดชิลล์ หรือจะเป็นที่นั่งซุ้มไม่ไผ่สุดชิค และเพิ่มความน่ารักด้วยของตกแต่งที่เอาสับปะรดจริงๆ มาตั้งไว้บนโต๊ะอีกด้วย
เมนูสุดสดชื่นที่มาแล้วห้ามพลาดก็คือ น้ำแตงโมปั่น ที่เสิร์ฟในแตงโตลูกโตๆ และ Red Seed Mocktail ที่จัดเต็มไปด้วยผลไม้สดๆ ทั้งบูลเบอร์รี่ ทับทิม สตอว์เบอร์รี่ ส้ม และสัปรดชิ้นโต ที่จะช่วยรีเฟรชร่างกายให้สดชื่นจากความร้อนได้เป็นอย่างดี
มุมเรือเป็นอีกหนึ่งมุมเท่ๆ ให้เรามาโพสต์ท่าถ่ายรูปกัน อีกอย่างที่อยากบอกก็คือไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหน ก็รับรองว่าได้ภาพสวยถูกใจวัยรุ่นอย่างแน่นอน
คาเฟ่ริมทะเลสไตล์ไมอามี่ดิบๆ จบไปแล้ว ก็ต้องไปต่อกันที่คาเฟ่ริมทะเลสไตล์ญี่ปุ่นมินิมอลอย่าง Eureka Beach Cafe Hua Hin อีกหนึ่งคาเฟ่ริมทะเลสุดชิลล์ ที่มีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนห้องแอร์และโซนเอ้าท์ดอร์
มาถึง ยูเรก้า บีช คาเฟ่หัวหิน ก็ต้องจัดเมนู ไข่เค็มลาเต้, Green Friendly Lemonede และ บูลเบอร์รี่ ชีสพาย ก่อนกินก็อย่าลืมถ่ายรูปกันคนละแช๊ะสองแช๊ะ
และยังมีเต็นท์สีขาวริมทะเลฮิปๆ ไว้ให้โพสต์ท่าถ่ายรูปอีกด้วยนะ
ทริปนี้กินจนพุงจะแตกแล้วเราเลยหาที่เที่ยวกันสักหน่อยและที่เที่ยวที่เราปักหมุดไปก็คือ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศ ป่าชายเลน สิรินาถราชินี ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่เดิมทีเคยเป็นบ่อกุ้งร้างและไม่มีต้นไม้สีเขียวขึ้นอยู่เลย ปัจจุบันได้ทำเป็นศูนย์การเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่นี่ เปิดตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.00 น.
บรรยากาศด้านในก็ร่มรื่นสุดๆ เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด แถมยังได้เห็นสัตว์ต่างๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ในป่าชายเลนซึ่งมีทั้งปูและปลาตีน นอกจากจะได้สัมผัสความร่มรื่นแล้ว ยังได้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์อีกด้วย
และที่เป็นไฮไลท์ห้ามพลาดของที่นี่เลยก็คือ หอสูงชมวิวใบชะคราม หอสูงเท่าตึกหกชั้นที่อยู่ท่ามกลางป่าชายเลน ถ้าขึ้นไปจนสุดก็จะสามารถเห็นวิวสีเขียวขจีจากต้นโกงกางได้แบบ 360 องศาอีกด้วย และนอกจากนี้ในฤดูที่มีน้ำเยอะยังสามารถพายเรือคายัคชมความสมบูรณ์ของป่าชายเลนได้อีกด้วย
กินอิ่มพุง เที่ยวอิ่มใจกันไปแล้ว เราเลยไปไหว้พระอิ่มบุญต่อกันที่ วัดเขากะโหลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมและโดดเด่นด้วยวิหารสีทองรูปทรงแปลกตาและแตกแต่งจากำวิหารที่อื่นๆ และยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติและภูเขาสามร้อยยอด
ไม่รอช้าเรารีบเข้ามากันที่ด้านในซึ่งมีประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธ์เอาไว้ ถ้าหากมาถึงปราณบุรีแล้ว เพื่อนๆ สามารถเข้ามากราบไหว้ขอพรที่นี่ได้ด้วยนะ
และใกล้ๆ กันกับวัดกะโหลกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ใครมาถึงปราณบุรีแล้วต้องมาเที่ยวสักครั้งก็คือ วนอุทยานท้าวโกษา ที่เป็นชายหาดทรายทอดตัวยาวและมีร้านอาหารทะเลสดๆ ให้เลือกซื้อมานั่งกินกันที่ริมชายหาด
และที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ เขากระโหลก ภูเขาหินลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมชายหาดและยังเป็นภูเขาหินรูปทรงแปลกตาที่สามารถมองทะลุไปยังท้องฟ้าด้านหลังได้
ท้องฟ้าใสๆ หาดทรายขาวๆ เป็นอีกหนึ่งภาพความสวยงามของที่นี่
ปราณบุรียังมีจุดเช็คอินและแลนด์มาร์คไว้ให้ถ่ายรูปมากมาย และที่ที่เราจะไปต่อกันคือเป็นจุดถ่ายรูปมะพร้าวสามต้นที่ตั้งอยู่ที่ถนนเรียบชายทะเลปราณบุรี ซึ่งเป็นต้นมะพร้าวที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ที่พิเศษก็คือต้นมะพร้าวทั้งสามต้นขึ้นเรียงกันและเอนเอียงอย่างเป็นระเบียบ
อีกหนึ่งที่ที่มาปราณบุรีแล้วพลาดไม่ได้ก็คือ ชาบาร์คอฟฟี่ คาเฟ่วิวทะเลปราณบุรีที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงแรมเอวาซอนปราณบุรี ที่นี่เป็นคาเฟ่สไตล์ชิคๆ ที่ตกแต่งตัวร้านด้วยไม้ให้ฟีลลิ่งแบบอาร์ตๆ แบบบ้านชายทะเลและยังเน้นสีสันสดใสที่ใครขับรถผ่านแล้วก็ต้องสะดุดตา
ภายในร้านก็ยังคงตกแต่งด้วยไม้และเพิ่มลูกเล่นด้วยการใช้สีสดใสและโดดเด่นด้วยตัวพนังและเพดานร้านที่ใช้ผ้าหลากหลายลวดลายมาตกแต่งด้วยเทคนิคแพทเวิร์คหรือการนำผ้าหลายๆ ชิ้นมาเย็นต่อกัน และยังมีผลงานศิลปะท่ีแขวนอยู่ที่ผนังให้เราได้ดูอีกด้วย
สำหรับที่นั่งก็มีทั้งที่นั่งแบบ Indoor ห้องแอร์ภายในร้าน หรือจะออกมานั่งรับลมทะเลที่โซน Outdoor ได้ที่ระเบียงหน้าร้านก็ได้ฟีลลิ่งไปอีกแบบ
และเมนูที่เราสั่งก็คือ เค้กอัญชัญลูกตาล กินคู่กับ ชาผลไม้แดง ที่เสริฟมาทั้งพอท และเพิ่มความสดชื่นด้วย สตอว์เบอร์รี่สมูทตี้ และนอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มและเบเกอรี่อีกมากมายให้เราได้เลือกอย่างจุใจ
และแล้วก็ถึงเวลาเข้าที่พักซึ่งที่พักที่เราจะนอนที่ปราณบุรีในคืนนี้ก็คือ ปราณบุรี ดีไลท์ รีสอร์ท ที่พักสุดสงบริมทะเลปราณบุรีที่เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อนในวันหยุด ตัวห้องพักก็มีให้เลือกถึง 4 รูมไทป์ ไม่ว่าจะเป็น Sunrise Villa, Beach Villa, Family Villa และ Standard & Superior ซึ่งแต่ละแบบยังตกแต่งด้วยด้วยสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนช่วยเพิ่มฟีลลิ่งในความเป็นบ้านชายทะเลได้เป็นอย่างดี
วันนี้เรานอนกันที่ห้อง Beach Villa บ้านวิลล่าวิวทะเลที่นอกจากจะสามารถมองเห็นวิวทะเลแล้ว ตัววิลล่ายังตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อยู่ใกล้ทะเลมากที่สุด ตัวบ้านถูกออกแบบให้เป็นทรงลูกเต๋าสีขาวแบบเรียบง่ายแต่ยังคงคอนเซ็ปต์ของกลิ่นอายความเป็นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนไว้อย่างลงตัว และรอบๆ ตัวบ้านยังรายล้อมไปด้วยต้นลีลาวดีที่ให้ความร่มรื่นและสบายตา
ภายในตัวบ้าน Beach Villa ยังคงตกแต่งด้วยสีสันสดใสและโดดเด่นด้วยการฉาบผนังสไตล์บ้านดิน และยังออกแบบเตียงนอนให้เป็นแบบ Built in พร้อมหน้าต่างและประตูบานใหญ่ที่อยู่ปลายเตียงแบบที่เรียกได้ว่านอนดูวิวทะเลได้จากบนเตียงกันเลยเดียว และนอกจากการตกแต่งสุดน่ารักแล้วภายในห้องยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็น แอลซีดีทีวี เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น โซฟา และเคเบิ้ลทีวี ตัวห้องน้ำตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟต์และมีพื้นที่พอเหมาะและยังมีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้อาบน้ำได้อย่างสบายตัวและสบายใจ
ด้านหน้าห้องยังมีพื้นที่ให้นั่งชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ จากทะเล
ช่วงเย็นๆ ก็สามารถไปนั่งรับลมแบบชิลล์ๆ หรือจะเดินไปถ่ายรูปที่สะพานไม้ไผ่ก็รับรองว่าได้ภาพสวยๆ ไปอวดพื่อนๆ เพียบ
และที่นี่ยังมีจักรยานให้ปั่นชมวิวทะเลอีกด้วย
มื้อเย็นก็ไม่ต้องออกไปที่ไหนไกลเพราะ ปราณบุรี ดีไลท์ รีสอร์ท มีร้านอาหารที่จัดเต็มทั้งปริมาณและรสชาติอยู่ทางด้านหน้า ซึ่งคนนอกที่ไม่ได้พักก็สามารถเข้ามาทานอาหารที่นี่ได้อีกด้วย และแน่นอนมาทะเลทั้งทีมื้อเย็นวันนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากอาหารทะเลสดๆ ที่ทางรีสอร์ทมีไว้ให้บริการไม่ว่าจะเป็น
ต้มยำกุ้งน้ำข้น ราคา 200 บาท, กุ้งอบเกลือ ราคากิโลกรัมละ 550 บาท, ปูนึ่ง ราคากิโลกรัมละ 600 บาท อาหารทะเลสดๆ ราวกับยกทะเลมาไว้บนโต๊ะ นอกจากความสดใหม่แล้วรสชาติก็ยังอร่อยสมคำล่ำลืออีกด้วย
สำหรับที่นั่งก็สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งในบริเวณร้านอาหารของรีสอร์ทหรือยกมานั่งกินแบบฟินๆ ที่ริมทะเล
หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เราเลยขอตัวไปนอนกันก่อน สำหรับปราณบุรีเป็นเมืองชายทะเลที่มีความสโลว์ไลฟ์สุดๆ มีทั้งความเงียบ สงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนสุดๆ ใครที่อยากเที่ยวทะเลแบบชิลล์ๆ เน้นพักผ่อนต้องลองมาปราณบุรีดูสักครั้ง
เช้าวันสุดท้ายของทริป วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้าเพราะออกมารับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้ากันที่ริมทะเล และที่สำคัญต้องเติมพลังด้วยมื้อเช้าของทางรีสอร์ทที่เป็นเซ็ตบุฟเฟ่ต์ที่จัดเต็มไปด้วยอาหารเช้าอร่อยๆ มากมายทั้ง ข้าวต้มหมู สลัดผัก และขนมปังปิ้ง ก่อนเช็คเอ้าท์และเดินทางกลับกรุงเทพฯ
หัวหินและปราณบุรีเป็นอีกหนึ่งรูทไม่ไกลกรุงเทพฯ ที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้แบบง่ายๆ ลองหาเวลามาเที่ยวกันดูสักครั้งกับเมืองสุดครึกคักอย่างหัวหินและเมืองสุดสงบอย่างปราณบุรี รับรองเลยว่าได้กลับไปครบทุกความรู้สึกอย่างแน่นอน สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ก็ยังอยู่ในงบที่ถือว่าไม่เยอะมากอีกด้วย
สรุปค่าใช้จ่ายทริปหัวหิน – ปราณบุรี
เติมน้ำมันรถยนต์ส่วนตัว ไป – กลับ 1,000 บาท (หารคนละครึ่ง = 500 บาท)
ค่าที่พักนาวีภิรมย์ 3,000 บาท (หารคนละครึ่ง = 1,500 บาท)
ค่าเครื่องดื่มและเค้ก DEELEK BISTRO 160 บาท (หารคนละครึ่ง = 80 บาท)
ค่าอาหารมื้อเย็น DEELEK BISTRO 1,480 บาท (จำนวนอาหารสามารถทานได้ 4 – 5 คน) (หารคนละครึ่ง 740 บาท)
ค่าเครื่องดื่มที่ 1d+ Day Arttris 290 บาท Z(หารคนละครึ่ง 145 บาท)
ค่าเครื่องดื่มที่ Eureka Beach Cafe Huahin 590 บาท (หารคนละครึ่ง 295 บาท)
ค่าเครื่องดื่มที่ ชาบาร์คอฟฟี่ 230 บาท (หารคนละครึ่ง 115 บาท)
ค่าที่พัก ปราณบุรี ดีไลท์ รีสอร์ท ราคา 2,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
ค่าอาหารเย็นที่ ปราณบุรี ดีไลท์รีสอร์ท 1,350 บาท (หารคนละครึ่ง 675 บาท)
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 300 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทริปนี้ คนละ 5,050 บาท (หากเอารถส่วนตัวมาแนะนำให้มา 3 – 4 คน ราคาจะถูกลง)