สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ญาติสนิท มิตสหาย วันนี้เราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำกัน ที่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่มากเท่าไหร่ สำหรับคนที่ต้องการความเงียบสงบ หนีจากเมืองที่วุ่นวายมาพักท่ามกลางหุบเขาติดเขาใหญ่ วันนี้เราจึงพามาที่ อ่างเก็บน้ำวังบอน นครนายกกันครับ
มาสาระกันนิดนึงนะครับ อ่างเก็บน้ำวังบอนตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แค่นี้แหละครับ ซึ่งรีวิวนี้ก็จะมาพูดกันแบบสั้นๆ เข้าใจง่าย ไม่ต้องอะไรมากมาย เพราะสถานนี้ที่นี้มันมีเสน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้วเนอะ
ถ้าพูดถึงจังหวัดนครนายก หลายๆคนคงนึกถึงน้ำตก ไม่ก็ เขื่อนขุนด่านปราการชล อย่างที่รู้กันว่าช่วงเทศกาลตั้งแต่ตัวเมืองนครนายกรถจะติดมากพอๆ กับกรุงเทพเลย เพราะคนมาเที่ยวแต่น้ำตกกัน แล้วถ้าถามว่า ทำไมแนะนำที่นี่ อย่างแรกเลยคือคนไม่ค่อยไม่เที่ยวกัน เพราะส่วนมากคนต่างจังหวัดจะไม่ค่อยรู้จักครับ อย่างที่บอกไว้ตอนแรก คือที่นี่จะเหมาะกับคนที่เคร่งเครียดกับการทำงานต้องการมาพักผ่อนกลางธรรมชาติ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
สำหรับเรื่องการเดินทางถ้ามาจากกรุงเทพมุ่งหน้าเข้ามาตัวเมืองนครนายก ขับต่อมาทางไปปราจีนบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาบริเวณซอยก่อนที่ว่าการอำเภอปากพลี (สังเกตซอยจะอยู่ทางโค้งพอดี) ขับตรงมาตามทางประมาณ 10 กม. ก็จะเห็นป้ายนี้
เมื่อถึงจุดนี้ให้เลี้ยวขวาแล้วตรงตามทางมาอีกประมาณ 6 กม. ก็จะถึงอ่างเก็บน้ำเลยครับ ใช้เวลาเดินทางจากกทม.ประมาณ 2 ชม. แต่ถ้าตรงขึ้นไปก็จะเป็นน้ำตกวังม่วง ซึ่งช่วงนี้ฝนไม่ค่อยตกน้ำก็จะน้อยหน่อย สำหรับเส้นทางที่กล่าวมานี้ก็สามารถไปยังทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ ซึ่งจะมีป้ายบอกตลอดทาง มาไม่ยากครับ
ถ้ามาตามทางที่บอกก็จะวิ่งขึ้นมาบนอ่างเก็บน้ำเลยครับ ถึงจุดนี้เลี้ยวขวามาก็เป็นบริเวณสันเขื่อน อ้อออ ลืมบอกไปนะครับว่า เส้นทางนี้จะไม่มีรถประจำทางผ่าน ต้องมีรถส่วนตัวมาเท่านั้นนะครับ รถประจำทางก็จะผ่านแค่ถนนสุวรรณศรหรือบริเวณที่ว่าการอำเภอปากพลีเท่านั้น
บริเวณสันเขื่อนก็จะมีดอกหญ้าขึ้นเล็กน้อยพอที่จะเอาไว้ถ่ายรูปเล่นกันได้
ช่วงกลางคืนบริเวณนี้ก็สามารถมานั่งเล่น ดูดาวเก็บบรรยากาศกันได้ครับ เพราะว่าตรงนี้จะมืดมาก และถ้าที่กางเต้นท์ในอุทยานเต็มก็สามารถมากางบริเวณนี้ได้ เรามาเข้าไปในอุทยานกันดีกว่า
ถึงแล้วไม่ไกลเลยใช่มั๊ย
อุทยานจะเปิดเวลาประมาณ 06.00น. และปิดเวลา 18.00 น. ไม่เสียค่าเข้า ถ้านอกเวลาจะไม่ให้คนนอกเข้า แต่หากมาถึงช่วงที่อุทยานปิด ถ้าจะมากางเต็นท์ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ครับ เขาจะให้เข้าเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ใจดีและก็คอยดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
ถึงแล้วก็หาที่จอดรถได้เลยครับ มีที่จอดรถมากพอสมควร
ถ้าต้องการที่จะกางเต้นท์ก็สามารถมาลงทะเบียนได้ที่จุดนี้เลยครับ กรณีถ้าไม่ได้นำเต้นท์มาเอง ทางอุทยานมีให้เช่านะครับ เต็นท์ เล็ก-ใหญ่ ราคาจะอยู่ที่ 200-300 บาท ถ้าพร้อมเครื่องนอนราคาจะอยู่ที่ 250-350 บาท
ถ้ามีเต็นท์มาแต่ไม่มีเครื่องนอน ก็สามารถเช่าแยกกันได้ครับ แต่ที่นี่ไม่มีรีสอร์ทให้พักนะครับ มีเพียงแค่จุดกางเต้นท์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ช่วงเทศกาลคนก็น่าจะเยอะพอสมควร พื้นที่กางเต้นท์มีไม่มากนะครับ ถ้ามาช้าก็อดไป ทางที่ดีแนะนำให้โทรมาสอบถามกับทางอุทยานก่อนดีกว่าครับ
ส่วนเรื่องอาหารการกินให้เตรียมเครื่องครัวมาทำกินกันได้เลยครับ เพราะว่าในอุทยานมีของขายน้อย จะมีพวก ขนม น้ำ กาแฟ ของว่างเล็กๆ น้อย หรืออีกทางเลือกหนึ่งบริเวณข้างล่างที่เป็นทางผ่านมาทีแรกจะมี มินิมาร์ท ร้านขายของชำอยู่ครับ สามารถลงมาหาซื้อกันได้หรือซื้อขึ้นไปเลยก็ได้ครับ มีร้านค้ามากอยู่พอสมควร
และในอุทยานก็จะมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการอยู่ครับ เดินข้ามถนนมาก็เจอเลย
สำหรับในส่วนของกิจกรรมที่นี่มีไม่มากนะครับ แต่สามารถทำได้ทั้งวัน อากาศดีตลอดทั้งวัน
กิจกรรมช่วงกลางวันก็มีพายเรือคายัค (มีให้เช่า) ตกปลา (นำอุปกรณ์มาเอง) หรือว่าจะมาปั่นจักรยานออกกำลังกายก็ได้ครับ และยังมีกิจกรรมที่แนะนำคือ… แน่นอนครับ พายเรือ
สำหรับค่าบริการในส่วนนี้ก็จะอยู่ที่ 50 บาท/ชั่วโมง/คนครับ จริงๆ ชั่วโมงเดียวก็เมื่อยแขนแล้ว สามารถพายได้ลำละ 2 คนนะครับ ถ้าพายคนเดียวก็จะเมื่อยหน่อย
ในส่วนนี้ก็จะเป็นน้ำตก สามารถพายเรือข้ามไปเล่นน้ำบริเวณนี้ได้ แนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพไว้ตลอดนะ
อันนี้เป็นวิวบริเวณที่กางเต้นท์นะครับ วันที่ไปฟ้าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแล้วอ่ะครับ ที่แนะนำที่นี่ในช่วงนี้เพราะว่า หลายๆ ที่ คนเยอะมากๆ ไม่ต้องไปแย่งกันหายใจ ฝากที่นี่ไว้เป็นอีกตัวเลือกนึงนะครับ มาวันเดียวก็คุ้มแล้ว ส่วนตัวไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับที่นี่นะครับ เพียงแต่ใกล้บ้านแค่นั้น และเห็นว่าคนน้อย ติดเขาใหญ่ คนไม่ค่อยรู้จักกัน ที่สำคัญอากาศดีมากครับ เย็นตลอดทั้งวัน ก็อยากจะแนะนำให้พี่ๆ น้องๆ มาเที่ยวกันเยอะๆ
สุดท้ายนี้ ผมก็อยากจะฝากเรื่องของความสะอาดไว้นิดนึงนะครับ เพราะว่าที่นี่มีเจ้าหน้าที่ดูแลไม่มาก ช่วยๆ กันรักษาความสะอาด วันที่ไปก็มีกลุ่มพี่ๆ จักรยานมาช่วยกันเก็บขยะครับ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพไว้ ชื่นชมจากใจจริงๆ
ถ้ามาไม่ถูกยังไงแนะนำให้เปิด Google map ครับ ลืมไปเรื่องนึง สัญญาณโทรศัพท์ในอุทยานจะไม่ค่อยมีนะครับ จะมีช่วงบริเวณสันเขื่อน เข้าไปข้างในจะมีน้อยมาก