เขาค้อ-ภูทับเบิก 3วัน 2คืน รวมจุดเช็คอินสุดฮิต ที่กินสุดฮอต นอนเต็นท์ดูดาว สัมผัสอากาศหนาว 6 องศา
180,721 ครั้ง
7 พ.ย. 2561
180,721 ครั้ง
7 พ.ย. 2561
เขาค้อ-ภูทับเบิก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่อยู่ไม่ไกลกันมาก ยิ่งในช่วงหน้าเข้าหน้าหนาวแบบนี้ บอกได้เลยว่าฟินสุดๆ ทั้งอากาศที่บริสุทธิ์ ทั้งวิวของภูเขาที่งดงามและที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือบรรยากาศของทะเลหมอกยามเช้าที่จะพัดพามาให้คุณได้สัมผัสเพียงเอื้อมมือ เพียงแค่เปิดระเบียงหน้าห้องออกมาสูดโอโซนเข้าปอดก็รู้สึกดีเหมือนได้ชาร์จพลังให้ร่างกาย หากใครที่กำลังมองหาที่พักผ่อนดีๆ มีโอโซนบริสุทธิ์อยู่ละก็… ลองมานอนเขาค้อสักคืนและไปนอนภูทับเบิกกันสักคืน รับรองว่าหน้าหนาวนี้จะต้องฟินสุดๆ
ทริปนี้เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าเพื่อให้ไปถึง เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนเที่ยงวัน เพราะแพลนในทริปนี้เราจะไปเที่ยวเขาค้อกันแบบสโลว์ไลฟ์ เน้นพักผ่อน เน้นฟินกับอากาศหนาวจริงๆ เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานมานานแสนนาน ลมหนาวแรกพัดมากทั้งทีเลยอยากมาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสายหมอกสักหน่อย เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 06.00 เพื่อที่จะไปถึง เขาค้อ ก่อนเที่ยงวัน
ใช้เวลาเดินทางประมาน 5 ชั่วโมงครึ่งเราก็มาถึงเขาค้อเกือบเที่ยงวันพอดี เจ้าท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องเลยต้องหาร้านอร่อยๆ กันสักหน่อย เราเลยปักหมุดไปที่ร้าน โรงเตี๊ยมภูทับเบิก สาขาเขาค้อ ร้านอาหารสุดฮิตของ เขาค้อ ที่ตั้งอยู่ติดกับ รูท12 โรงเตี๊ยมภูทับเบิก สาขาเขาค้อ เป็นร้านอาหารสไตล์จีนที่ตกแต่งตัวร้านแบบจีนๆ มีที่นั่งให้เลือกหลายโซนไม่ว่าจะเป็นโซน อินดอร์ ในตัวร้าน และ โซนระเบียง ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาพร้อมรับลมเย็นๆ ได้เป็นอย่างดี
ที่นี่มีเมนูที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ขาหมูหมั่นโถวยูนนาน, กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา, เห็ดหอมทอดซีอิ้ว, ปลากระพงแปดเซียน และอีกหลายเมนูอร่อยๆ อีกเพียบ วันนี้เราเลยจัด ขาหมูหมั่นโถวยูนนาน ขาหมูนุ่มๆ รสชาติกลมกล่อมกินคู่กับหมั่นโถวหอมๆ บอกเลยว่าไม่มีอะไรฟินไปมากกว่านี้อีกแล้ว
พอกินอิ่มแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ อิ่มท้องกันแล้วก็เลยอยากอิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ กันสักหน่อย เราเลยปักหมุดไปที่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ของเขาค้อ ท่ีแวดล้อมไปด้วยป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ตัดกับพระสีขาว อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่ซ้อนเรียงกันลงมา ตั้งเด่นสง่ามองเห็นมาแต่ไกล
ด้านในเป็นอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป สามารถเข้าไปกราบไหว้และทำบุญขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
ข้ามมาอีกฝั่งทางด้านขวากับส่วน เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต อีกหนึ่งไฮไลท์สุดงดงาม
เมื่อมาถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแล้ว ก็ต้องห้ามพลาดที่จะไปร้านคาเฟ่เปิดใหม่สไตล์จีนๆ อย่าง ตั้กม้อ โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า ที่ขับรถขึ้นไปทางเดียวกันกับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วไม่ถึง 10 นาที เมื่อมาถึงจะเห็นรูปปั้นปรมาจาร์ตั๊กม้อตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าร้าน
ตัวร้านตกแต่งสไตล์จีน สีแดง ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของร้าน และที่สำคัญตัวร้านตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถมองเห็นวิวพระธาตุผาซ่อนแก้ว ล้อมรอบไปด้วยป่าสีเขียว และมีฉากหลังเป็นภูเขา ยิ่งเป็นช่วงที่มีหมอกด้วยรับรองว่าสวยจนต้องหยิบมือถือมาเซลฟี่เลยล่ะ
สำหรับที่นั่งภายในร้านก็มีหลายโซนทั้งโซน อินดอร์ ภายในร้านที่มีกระจกใสล้อมรอบสามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้ และ โซนเอาท์ดอร์ ที่เป็นระเบียงแบบจิบกาแฟพร้อมกับรับลมชมวิวได้แบบ 180 องศา
ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็มีหลากหลายทั้ง ชา กาแฟ เมนูโซดา เมนูสมูทตี้ และมีอาหารอีกด้วย
อิ่มท้อง อิ่มใจ อิ่มบุญ กันไปแล้วก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่พัก วันนี้เราจะไปพักกันที่ เดอะ เทอเรสวิว รีสอร์ท รีสอร์ทน้องใหม่ท่ามกลางขุนเขาของเขาค้อ ตั้งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวไปรษณีย์เขาค้อ ที่สำคัญช่วงเช้าสามารถชมทะเลหมอกได้จากบนเตียงเลยทีเดียว
วันนี้เราเลือกนอนห้อง Sweet Top View ภายในห้องมีขนาดกว้างขวาง และตกแต่งห้องเป็นสัดส่วนและยังมีความเป็นส่วนตัวสุดๆ ภายในห้องพักมีเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่สำหรับนอน 2 คน ตกแต่งในโทนสีขาวตัดเข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์ไม้ดูเข้ากัน ที่สำคัญครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย หน้าห้องมีระเบียงกว้างขวาง ที่มาพร้อมกับบาร์และที่นั่งให้หย่อนขาชมวิวกันแบบเต็มตา แถมยังมีเบาะนุ่มๆ และโต๊ะญี่ปุ่นไว้สำหรับทานอาหารได้อีกด้วย
วิวของห้องนี้จะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกในยามเย็นได้อีกด้วย
พอถึงตอนเย็นท้องก็เริ่มร้องอีกแล้ว สำหรับมื้อเย็นกับบรรยากาศหนาวๆ แบบนี้คงไม่มีอะไรที่เหมาะไปกว่าการนั่งกินหมูจุ่มที่ระเบียงพร้อมกับรับลมหนาวๆ อีกแล้ว ทางรีสอร์ทก็มีบริการทั้ง หมูจุ่ม และ หมูกระทะ ที่สามารถมานั่งกินได้ถึงระเบียงหน้าห้องเลยทีเดียว ในราคาเพียงเซ็ตละ 399 บาท หนึ่งเซ็ตสามารถรับประทานได้ 2-3 คนกันเลย
ยิ่งพอถึงกลางคืนอากาศก็ยิ่งหนาวลงทุกที เลยขอไปเอาตัวซุกลงในผ้าห่มบนเตียงนุ่มๆ ชาร์จพลังพร้อมไปลุยต่อกับ ภูทับเบิก ในวันพรุ่งนี้
วันนี้เราตื่นเช้าอีกเช่นเคย เพราะจะตื่นมารับลมหนาวๆ และดูพระอาทิตย์ขึ้น ต้องบอกเลยว่าอากาศในตอนเช้าที่นี่บริสุทธิ์และหนาวมากๆ หากใครมาจังหวะที่มีทะเลหมอก ก็สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้จากระเบียงเลยทีเดียว
เซตอาหารเช้าของทาง เดอะ เทอเรสวิว รีสอร์ท ก็มีทั้ง ข้าวต้ม และ เซ็ตเบรคฟาสต์ เราเลยจัดหนักก่อนออกเดินทาง
หลังจากเช็คเอ้าท์เสร็จ เราก็ปักหมุดไปที่ ทุ่งกังหันลมเขาค้อ หรือ ทุ่งเทเลทับบี้ อีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตที่มาเขาค้อแล้วต้องห้ามพลาด
เมื่อมาถึงก็ต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถกันก่อน เสียค่าฝากรถคันละ 20 บาท และไปซื้อตั๋วขึ้นรถเข้าชมทุ่งกังหันลม ค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่คนละ 60 บาท เด็กอายุ 1-10 ขวบเข้าชมฟรี นั่งรอไม่นานรถก็ออก
รถจะพาไปจอดทั้งหมด 2 จุดคือ จุดแรก Black Diamond คาเฟ่สุดน่ารักที่มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ และมีคาเฟ่อยู่ภายใน และจุดที่สองที่ห้ามพลาดไปโล้ชิงช้าและขับฟอร์มูล่าม้ง ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวิวกังหันลมที่ตั้งเรียงรายไปบนภูเขา
หลังจากที่ไปทุ่งกังหันลมเสร็จ ก่อนจะเดินทางไปยังภูทับเบิก เราเลยแวะกินข้าวกันที่ร้าน ครัวปั้นหยา อีกหนึ่งร้านอร่อยแห่งเขาค้อ วันนี้เราสั่ง แกงหอยขม, เห็ดหอมผัดน้ำมันหอย, ไข่เจียวหมูสับ และไม่พลาดที่จะสั่งของดีของที่นี่ ปลาส้มกำนัลจุลทอด แต่ละเมนูรับรองเลยว่าอร่อยสุดๆ
เมนูเด็ดปลาส้มกำนัลจุลทอด
และเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยัง ภูทับเบิก สำหรับใครที่จะเดินทางไปยังภูทับเบิกให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางหลัก เขาค้อ-ภูทับเบิก เนื่องจากถนนทรุดตัว ให้เปลี่ยนไปใช้เส้นทางเลี่ยง (หล่มสัก – บ้านแยง) ทางหลวงหมายเลข 12 และเลี้ยวขวาเข้าสู่ ทางหลวงหมายเลข 2013 (บ้านแยง-นครไทย) และมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2331 เข้าอุทยานภูหินร่องกล้าและภูทับเบิก (ข้อมูลวันที่ 7 พ.ย. 2561)
วันนี้เรานอนกันที่ ไร่ริมผา ภูทับเบิก ที่นี่มีทั้งบ้านพักเป็นหลังและมีพื้นที่กางเต็นท์ที่วิวดีที่สุด หรือใครที่ไม่มีเต็นท์มาก็สามารถมาติดต่อนอนเต็นท์ของทางที่พักได้เลย แต่วันนี้เราเอาเต็นท์มากางกันเองเสียค่าเช่าที่คนละ 100 บาท
ที่นี่สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นได้อย่างชัดเจน และยังสามารถฟินกับหมูกระทะกันได้ถึงหน้าเต็นท์ ที่นี่มีบริการสั่งหมูกระทะแบบไม่ต้องกลัวว่าจะอดกันเลยทีเดียว
ใครที่เอาเต็นท์มาเองขอบอกก่อนเลยว่าเตรียมผ้าห่มเสื้อกันหนาวหนาๆ มาด้วย เพราะอากาศหนาวเย็นมากๆ
วันนี้เราตื่นเช้ามาด้วยอุณหภูมิ 6 องศา ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ที่นี่มีระเบียงสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น เรียกได้ว่าเห็นวิวแบบ 180 องศากันเลย
ก่อนออกเดินทางเราเลยชาร์จพลังกันสักหน่อย
เราเดินทางออกจากภูทับเบิกในตอนเช้า และปักหมุดไปที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ก่อนกลับกรุงเทพฯ เพราะเป็นทางผ่านของเส้นทางที่เปิดใช้งานไปยังภูทับเบิก ระหว่างทางไปยังภูหินร่องกล้ามีจุดชมวิว ภูแผงม้า ให้ขึ้นไปชมอีกด้วย
และแล้วเราก็มาถึง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ใช้เวลาเดินทางประมาน 40 นาทีจากภูทับเบิก ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาตร์ที่จะต้องเดินชมเป็นจุดตามแผนที่ และที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ ลานหินปุ่ม สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามที่จะต้องห้ามพลาดมาถ่ายรูปกันที่นี่ ใช้เวลาเดินชมไป-กลับ ประมาน 2 ชั่วโมง และที่สำคัญเข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าประทับใจก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ นอกจากจะได้ชมวิวสวยๆ แล้วยังได้รูปสวยๆ กลับไปอวดเพื่อนๆ เพียบ
เป็นอย่างไงกันบ้างกับทริป 3 วัน 2 คืน เขาค้อ-ภูทับเบิก ที่ทริปเก็ทเตอร์ไปตะลุยมาเป็นทริปตัวอย่างให้เพื่อนๆ ไปเที่ยวกันในหน้าหนาวนี้ ทั้งที่กิน ที่พัก จุดเช็คอินโซน เขาค้อ-ภูทับเบิก-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เที่ยวครบทุกแบบทั้งนอนที่พักดีๆ เน้นพักผ่อนและนอนเต็นท์แบบสายลุย แต่รับรองเลยว่าได้สัมผัสบรรยากาศหนาวอย่างแน่นอน ใครที่กำลังวางแผนเที่ยว วางแพลนทริป ลองเอาทริปนี้ไปดูเป็นตัวอย่างได้นะ รับประกันความฟินโดย ทริปเก็ทเตอร์
***เนื่องจากเส้นทางหลัก เขาค้อ-ภูทับเบิก ชำรุดต้องใช้เส้นทางเลี่ยงจาก เขาค้อ-ภูทับเบิก โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-บ้านแยง) และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 (บ้านแยง-นครไทย) มุ่งหน้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 2331 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าและภูทับเบิก ตัวอย่างแผนที่การใช้เส้นทางเลี่ยง>> https://goo.gl/maps/r2c6LQtd4yF2
ตัวอย่างทริปความฟิน >> กรุงเทพฯ-เขาค้อ 3วัน2คืน
ที่พักเขาค้อน่านอน >> 5 ที่พักเขาค้อ ชมวิวทะเลหมอกได้จากปลายเตียง, 10 ที่พักสวยเขาค้อ บรรยากาศสุดชิลล์