เที่ยวหัวหิน 2 วัน 1 คืน ทริปไม่มีอะไรมาก แค่อยากพักผ่อน
23,056 ครั้ง
21 ต.ค. 2565
23,056 ครั้ง
21 ต.ค. 2565
ไปเที่ยวกัน ถือว่าเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่กินข้าว เติมความสดชื่น ความผ่อนคลายให้กับชีวิตสักหน่อย ไปที่ที่ไม่ไกล เดินทางง่ายๆ อย่างหัวหินก็ดีนะ เมืองชายหาดสวยใกล้กรุงเทพฯ สถานที่ตากอากาศชิลล์ๆ เต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ คาเฟ่ และจุดเช็คอินมากมาย เอาเป็นว่าไม่รอช้า ตามไปดูกันเลยดีกว่ากับทริปเที่ยวหัวหิน 2 วัน 1 คืน ทริปไม่มีอะไรมาก แค่อยากพักผ่อน
เราเปิดทริปหัวหินด้วยความแซ่บในตำนานที่ร้านส้มตำถนนตก ร้านส้มตำที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยอีกแห่งหนึ่งของหัวหิน แต่เดิมที่เป็นเพียงร้านรถเข็นเล็กๆ ริมถนน แล้วย้ายมาเปิดร้านที่กว้างและรองรับลูกค้าได้มากกว่าเดิม ซึ่งโลเคชั่นก็จะตั้งอยู่ใกล้กับชายหาดหัวหินอีกด้วย การันตีความแซ่บด้วยระยะเวลาที่เปิดมายาวนานกว่า 30 ปีกันเลยทีเดียว
มาถึงร้านแล้วก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปหาที่นั่งแล้วก็สั่งเมนูอร่อยๆ มากินกันดีกว่า
เมื่อเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือหยิบเมนู พร้อมกับใบเขียนรายการอาหาร โดยทางร้านก็จะวางไว้ด้านหน้าก่อนถึงโซนที่นั่ง พอหยิบแล้ว ก็ไปเลือกโซนที่นั่งกันต่อได้เลย ซึ่งก็มีทั้งเป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำ โซนที่นั่งเปิดโล่งสบายๆ หรือจะเป็นที่นั่งด้านหน้าร้านบรรยากาศดีๆ และในครั้งนี้เราเลือกนั่งที่โซนเปิดโล่ง บอกเลยว่ามีที่นั่งให้เลือกเพียบ!
เมนูของร้านส้มตำถนนตก มีครบทุกรสชาติ แต่มาทั้งที เราก็ต้องจัดเมนูแนะนำของทางร้านกันไปเลย มีทั้ง คอหมูย่างฉ่ำๆ พร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว 80 บาท ลาบเป็ดหอมๆ แซ่บๆ ราคา 80 บาท พล่ากุ้ง ที่เนื้อเด้งๆ หอมเครื่องสมุนไพร 129 บาท รวมทั้งเมนูกินง่ายๆ อย่างตำไทย 40 บาท
ส่วนเมนูที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ เหลาปูม้าหอยแครง จานนี้เลย บอกเลยว่าทั้งปูม้า หอยแครง สดมากๆ เนื้อหวานฉ่ำ ยิ่งมีน้ำส้มตำเข้มข้นและจัดจ้านมาผสมแบบนี้ ฟินสุดๆ ราคาก็น่าตกใจ เพราะจานใหญ่ๆ แบบนี้ แค่ 199 บาทเท่านั้น!
จัดเต็มความแซ่บกันไปแล้ว เราก็มาใช้เวลาชิลล์ๆ กันต่อที่ DRIP RIMLAY ร้านกาแฟเล็กๆ ริมทะเลที่บรรยากาศดีแบบเกินร้อย แถมเมล็ดกาแฟของทางร้านก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพและความหลากหลาย ทั้งเมล็ดกาแฟของไทยและต่างประเทศมากกว่า 20 ชนิด นอกจากนี้ยังใช้ manual espresso machine ทำกาแฟอีกด้วย
ความโดดเด่นที่เป็นไฮไลท์ของ DRIP RIMLAY ก็คือเมนูกาแฟดริป ที่มีทั้งดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟอินเดีย เมล็ดนิการากัว (Nicaragua) รวมทั้งเมนูกาแฟอื่นๆ อย่าง Orange Yuzu Coffee และ Nutty Sweety Coffee ซึ่งทั้งสองเมนูนี้จะไม่ใส่ไซรัปเพิ่ม แต่จะใช้ความหวานจากน้ำผลไม้และนมแทน ตอบโจทย์สายสุขภาพคนสายหวานน้อยสุดๆ ซึ่งเราเลือกดริปเมล็ดนิการากัว (Nicaragua) ราคา 160 บาท
เท่านั้นยังไม่พอนอกจากเมนูกาแฟแล้ว ยังมีเมนูขนม ซึ่งจะมีวันละ 6 เมนูแตกต่างกันออกไปและส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูโฮมเมด อย่าง คุ้กกี้ มัฟฟิน และบราวนี มีให้กินคู่กับกาแฟฟินๆ ซึ่งเราสั่งเป็นคุ้กกี้นุ่มๆ ราคา 30 บาท
ที่นั่งในร้านส่วนใหญ่จะเป็นแบบเอาท์ดอร์ที่กระจายกันอยู่ตามพื้นที่ริมชายหาด ไม่ว่าจะเป็นบาร์ชิลล์ๆ ติดกับเคาน์เตอร์ร้าน ได้นั่งดูขั้นตอนการทำกาแฟได้แบบละเอียด หรือจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ใต้เงาไม้ ที่มีแสงรำไรส่องลงมา บอกเลยว่าถ่ายรูปเมนูที่วางบนโต๊ะสวยมาก หรือจะเป็นที่นั่งแบบเก้าอี้ชายหาดบนหาดทรายริมทะเล นอนดูทะเลไปชิลล์ๆ หรือจะอาบแดดสบายๆ จิบกาแฟคุณภาพดีไปด้วย รับรองความสุขล้นหาดทรายกันไปเลย
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของโซนแบบอินดอร์เปิดโล่งที่เห็นวิวทะเลและชายหาดแบบพาโนรามาเต็มๆ อีกด้วย ซึ่งจะเปิดให้นั่งหลัง 11.00 น. เป็นต้นไปนะ
มาเที่ยวกันต่อที่เขาตะเกียบ แลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของหัวหิน เขาตะเกียบเป็นภูเขาหินปูนที่ยื่นออกไปริมทะเลและตั้งอยู่ปลายสุดของชายหาดหัวหิน ที่ไม่ว่าใครที่เดินเล่นอยู่บนชายหาดหัวหินต่างก็สามารถมองเห็นได้อยู่ไกลๆ ซึ่งบริเวณเนินเขาก็จะมีพระพุทธรูปองค์สีทองหันพระพักตร์ออกสู่เวิ้งชายหาดและท้องทะเลหัวหินตั้งตระหง่านอยู่
เมื่อเดินทางมาถึงด้านบนของเขาตะเกียบก็จะพบกับพื้นที่ของวัดเขาตะเกียบที่มีวิหารขนาดเล็กเป็นทรงพระเจดีย์สีขาวตั้งอยู่บนยอด ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดไป โดยภายในเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวทั่วไป เชื่อกันว่าหากใครได้มากราบสักการะขอพระพระเขี้ยวแก้วแล้ว ก็จะสมปรารถนาในเรื่องที่ขอ
จากจุดที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว ยังสามารถชมวิวเมืองหัวหิน ชายหาด และท้องทะเลอ่าวไทยได้แบบพาโนรามา แถมยังเห็นเขาอีกลูกที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน อย่างเขาไกรลาศได้อีกด้วย
ด้านล่างของวัดเขาตะเกียบ ยังมีจุดไหว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ต้องลอดประตูนำโชคไป รวมทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆ และรูปเคารพของเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายองค์ให้ได้ปิดทองเพื่อความเป็นสิริมงคล
ออกจากเขาตะเกียบมาไม่ไกล ก็ถึงที่พักของเราในทริปนี้ นั่นก็คือ The Rock Hua Hin Beach Resort รีสอร์ทหรูติดริมทะเล สไตล์โมเดิร์นเน้นโทนสีขาว ฟ้า น้ำเงิน มาพร้อมกับการบริการและความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ความผ่อนคลายอย่างเต็มร้อยให้กับผู้เข้าพัก
ความโดดเด่นของที่นี่ก็คือมุมพื้นที่สระว่ายน้ำที่เป็นแบบ Infinite – edge pool ที่ขอบไม่สูงและสามารมองเห็นเป็นพื้นเดียวกับท้องทะเลได้แบบเต็มๆ อีกทั้งยังมีเก้าอี้หลากหลายรูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้อาบแดด โซฟาชายหาด รวมทั้งบาร์นั่งห้อยขาที่มองเห็นวิวชายได้ได้แบบ HD อีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ จากริมสระว่ายน้ำยังมีบันไดทางลงให้ได้มาเดินเล่นใช้เวลาสบายๆ รับลมทะเล เอาเท้าสัมผัสทรายกันริมชายหาดได้อีกด้วย มาทะเลทั้งที เดินเล่นริมชายหาดสักหน่อยละกัน!
ห้องพักของที่นี่มีให้เลือกถึง 6 รูมไทป์ แต่ห้องที่เราเลือกเป็นห้องไฮไลท์ที่มีเพียงห้องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ห้อง Zen Plus Jacuzzi Pool Terrace ภายในห้องเรียกได้ว่ากว้างขวางกว่า 76 ตร.ม. กันเลยทีเดียว ในด้านเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเตียงขนาดใหญ่ที่สามารถเลือกชนิดของหมอนได้เอง Smart TV ที่มาพร้อมกับ Netflix รวมทั้งการแบ่งสัดส่วนของห้องที่ลงตัวสุดๆ
ความพิเศษของห้องไทป์นี้ก็คือจะมีอ่างอาบน้ำพร้อมกระจกใสบานใหญ่ให้ได้นอนแช่น้ำอุ่นสบายๆ ซึ่งตรงกับตำแหน่งของอ่างจากุชชี่ด้านนอกอีกด้วย
ในส่วนของอ่างจากุชชี่นอกจากจะได้แช่น้ำสบายๆ แล้ว ยังห้อมล้อมไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้แนวโมเดิร์นทรอปิคอลอีกด้วย และยังมีชุดโต๊ะเก้าอี้ด้านนอก ให้ได้จิบกาแฟ ดื่มน้ำ ในบรรยากาศสวนหลังบ้าน
เช็คอินเก็บกระเป๋า พักผ่อนสบายๆ กันไปแล้ว เราก็ออกมาเดินเที่ยวตลาดโต้รุ่งหัวหินกันต่อ สถานที่เช็คอินในยามค่ำคืนของชาวหัวหิน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดทั้งถนนมีของขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งที่แบบเป็นร้านรถเข็น ร้านนั่งกิน ขนม รวมทั้งของฝากน่ารักๆ เพียบ!
มาเดินตลาดโต้รุ่ง หิวหิน ต้องแวะมาชิมร้านนี้เลย ขนมครกรถไฟไส้ทะลัก ร้านขนมครกเจ้าเด็ดที่เรียกได้ว่าต้องต่อคิว เพราะว่าขนมครกของร้านนี้ให้ไส้แบบเน้นๆ ให้แบบจัดเต็มไม่หวงกันเลยทีเดียว แถมยังมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งฟักทอง มันม่วง ข้าวโพด เผือก และต้นหอม แป้งกรอบนอกนุ่มในสุดๆ ชุดละ 40 บาทเท่านั้นเอง!
ได้เยอะแบบสุดๆ กินเพลินกันไปยาวๆ
เดินไปเรื่อยๆ ก็ได้ของกินเรื่อยๆ อย่างปลาหมึกย่าง น้ำจิ้มสุดจัดจ้าน ไม้ละ 35 บาท หรือจะเป็นโรตีกรอบๆ ฉ่ำเนย หอมหวาน ก็ราคาเพียงแค่ 30 บาทเท่านั้นเอง ทั้งอิ่ม ทั้งอร่อย จบวันแรกได้สุขสุดๆ
เช้าวันที่ 2 เราตื่นเช้ามาว่ายน้ำที่สระริมทะเล บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ ทะเลสีครามสงบนิ่ง มีลมอ่อนๆ พัดมา แถมยังได้รูปสวยๆ ไว้อัปลงโซเชียลอีกต่างหาก
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ก็มากินอาหารเช้ากันต่อ ไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าของที่พัก จัดเต็มเมนูอาหารเพียบ มีทั้งอาหารไทย อาหารนานาชาติ รวมทั้งของรองท้อง ทั้งขนมปังปิ้ง โยเกิร์ต สลัดผักผลไม้ หรือจะเป็นขนมปังชุบไข่ก็มี เติมพลังตอนเช้าก่อนออกไปเที่ยวกันต่อ
เช็คเอาท์เรียบร้อย เราก็แวะมาเช็คอินโลเคชั่นสุดเกาหลีใกล้ๆ ที่พัก ซึ่งตั้งอยู่ที่เนินเขาตะเกียบกันที่ท่าเรือเขาตะเกียบ ความสวยของที่นี่ก็คือทางเดินที่เป็นแนวหินสีขาวคุมโทนและมีหอสัญญาณเรืออยู่ตรงสุดทางเดิน จากบนแนวหินสามารถมองเห็นทั้งวิวทะเล ชายหาด รวมทั้งเขาตะเกียบได้ ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวย เหมือนอยู่เกาหลีสุดๆ
ได้รูปไว้อัปโซเชียลกันแล้ว เข้ามาเช็คอินอีกหนึ่งร้านอาหารเก่าแก่ของหัวหินกันต่อที่ร้านเจ๊กเปี๊ยะ ร้านอาหารที่มีอายุกว่า 70 ปีที่ตั้งอยู่กลางเมืองหัวหินตรงหัวมุมถนนพอดี ตัวร้านเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นที่ยังคงรักษารูปแบบบ้านเรือนในอดีตไว้ได้อย่างครบถ้วน
ภายในร้านเป็นแบบเปิดโล่ง มีลมพัดเข้ามาอยู่ตลอด ทำให้บรรยากาศภายในร้านเย็นสบาย นอกจากนี้ยังได้กลิ่นอายของความเก่าแก่และเสน่ห์ของวิถีชีวิตในอดีตอีกด้วย
เมนูอาหารมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งเมนูโจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวมันไก่ ต้มเลือดหมู ฯลฯ แถมยังมีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นร้านรวมอาหารเช้าเลย ซึ่งเมนูที่เราเลือกชิมก็จะเป็นต้มเลือดหมูคู่กับข้าวเปล่าร้อนๆ 60 บาท เมนูอร่อยอย่างหอยจ๊อกุ้ง 100 บาท และเมนูเครื่องดื่มโบราณอย่างโอเลี้ยงยกล้อ ราคา 30 บาท บอกเลยว่าอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ ทุกคน
ปิดท้ายทริปด้วยการใช้เวลาสบายๆ กันที่คาเฟ่สุดชิค ริมชายหาดอย่าง BAMP :Beach camp & Cafe คาเฟ่เปิดใหม่บรรยากาศดีริมทะเลปากน้ำปราณ ตกแต่งด้วยสไตล์ Beach camp โดยทางเข้าร้านจะเป็นทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกหญ้า บอกเลยว่าตอนที่ลมพัดผ่าน ดอกหญ้าจะพลิ้วไปตามลม สวยมากๆ
ตัวร้านจะเป็นแบบเอาท์ดอร์เปิดโล่ง ใช้วัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้ไผ่และหญ้าคา มีช่องวงกลมอยู่ตรงกลาง ตกแต่งด้วยผ้าสีเอิร์ธโทนห้อยระย้า เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน เสพความเป็นทะเลแบบสุดๆ และหากมองวิวตัวร้านจากชายหาด ก็จะสามารถเห็นแนวต้นตาลสีเขียวและภูเขาหินปูนเป็นฉากหลังอีกด้วย
โซนที่นั่งของร้านมีทั้งแบบใต้หลังคามุงจาก มีทั้งเก้าอี้แบบเอนหลังสบายๆ และเก้าอี้แคมป์เท่ห์ๆ นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้ชายหาดที่อยู่ด้านนอกพร้อมกับร่ม ให้ได้นั่งชิลล์ๆ มองวิวทะเลได้แบบ HD กันไปเลย
มาทั้งทีก็ต้องจัดเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Passion fruit & Mango เครื่องดื่มสุดสดชื่นที่มีทั้งเสาวรส มะม่วง และสับปะรด ราคา 170 บาท และ Choc Fudge Dome Cake ที่สายช็อคโกแลตจะต้องเลิฟ ช็อคโกแลตเน้นๆ เนื้อเค้กนุ่มละมุน มีเชอร์รี่และบลูเบอร์รี่ด้านบน ราคาเพียง 140 บาทเท่านั้น
บอกเลยว่าการเที่ยวหัวหินของเราในครั้งนี้ เต็มอิ่มการพักผ่อนเป็นที่สุด ทั้งได้ใช้เวลาสบายๆ ริมทะเล ให้ลมสัมผัสร่างกาย ได้กินของอร่อยๆ แถมยังได้นอนพักใช้เวลาเติมเต็มความผ่อนคลาย ถ้าใครกำลังมองหาการท่องเที่ยวและการพักผ่อนสบายๆ ไม่เร่งรีบ เดินทางไม่ไกล เราต้องขอแนะนำหัวหินเลย
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริปเที่ยวหิวหิน 2 วัน 1 คืน ทริปไม่มีอะไรมาก แค่อยากพักผ่อน
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้านส้มตำถนนตก 528 บาท
– ค่าเครื่องดื่มและขนมร้าน DRIP RIMLAY 190 บาท
– ค่าที่พัก The Rock Hua Hin Beach Resort 4,590 บาท
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มตลาดโต้รุ่ง 140 บาท
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้านเจ๊กเปี๊ยะ 190 บาท
– ค่าเครื่องดื่มและขนมร้าน Bamp: Beach camp & Cafe 310 บาท
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป 6,002 บาท
**ราคาไม่รวมค่าน้ำมันรถไป-กลับ และค่าของฝากต่างๆ**
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริปเที่ยวหิวหิน 2 วัน 1 คืน ทริปไม่มีอะไรมาก แค่อยากพักผ่อน ถ้าใครสนใจอยากไปทะเลหัวหิน ก็ลองเก็บไว้เป็นเรฟได้เลย ส่วนใครที่อยากมีแพลนเที่ยวหลายๆ ที่เก็บไว้ เราก็มีทริปมาแนะนำด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น ทริป 2 วัน 1 คืน เชียงราย-ดอยช้าง เที่ยวชิคๆ กลางธรรมชาติ สัมผัสทะเลหมอกสุดฟิน! และ ทริป 3 วัน 2 คืน ค้นหาอันซีนเมืองตาก สักครั้งในชีวิตที่ต้องไป!!