เที่ยว 3 วัดสวย ๆ ในกรุงเทพ ทำบุญสะสมกันไปในวันที่ฟ้าครึ้มฝน
50,975 ครั้ง
29 มิ.ย. 2560
50,975 ครั้ง
29 มิ.ย. 2560
เหนือสิ่งอื่นใด…ขอออกตัวก่อนเลยว่า เป็นคนกรุงเทพฯ ที่หลงเสน่ห์เมืองหลวงของตัวเองมาก จะเรียกว่าเห่อก็ไม่ผิด ! แม้จะเป็นเมืองที่วุ่นวาย รถติด มองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งก่อสร้างตึกรามบ้านช่อง แต่ถ้าได้ลองกวาดตามองดูดี ๆ ก็จะเห็นความสวยงามของศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ในนั้น รวมไปถึงสถาปัตยกรรมของวัดวาอารามกลางกรุงเทพฯ ที่มีความสำคัญและโดดเด่นไม่แพ้กัน เราและน้องชายเลยแพลนกันไว้ว่า ไหน ๆ ก็ชอบเที่ยวละ งั้นขอเก็บทริปในเมืองกรุงให้ครบก่อนแล้วกัน ค่อยปีกกล้าขาแข็งออกต่างจังหวัดและต่างประเทศ เอาความจริง…(เหตุผลที่แท้ทรูคือ ไม่มีเงิน 555)
ทริปนี้เราจะไปกันที่วัด 3 แห่งใจกลางกรุงเทพมหานคร นั่นก็คือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสุทัศนเทพวรามราชวรมหาวิหาร และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพราะเส้นทางของแต่ละวัดตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก จะเดินก็ได้แต่ต้องเดินเรื่อย ๆ (อดทนนะ) จะนั่งเมล์ก็มี แต่เรา 2 พี่น้องเลือกนั่งสามล้อดีกว่า 555 ฮิปไปอีกแบบ (แต่ก็นั่งแค่เส้นทางเดียวเอง นอกนั้นเดิน) อีกอย่างวันนั้นเป็นวันที่ฟ้าใสมาก แต่ผ่านไปไม่กี่นาทีเมฆฝนก็มาฟ้าก็ครึ้มเฉย เราเลยสะสมต้องสะสมแต้มบุญในวันฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ภาพที่ออกมามันก็จะครึ้ม ๆ ขรึม ๆ หน่อยนะ บวกการปรับสีภาพที่ฟาดครึ้มให้หนักหน่วงของเราเอง
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมคลองมหานาค เป็นวัดอารามหลวงสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวักสะแก แต่เมื่อรัชกาลที่ 1 ได้ทรงโปรดเกล้าให้ปฏิสังขรณ์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็นวัดสระเกศ มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมารัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าให้สร้างภูเขาทองขึ้นมา ระหว่างนั้นมีการปรับเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับภูเขาทอง จนมาเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 5
วัดนี้มีฉายาว่า แร้งวัดสระเกศ เพราะในสมัยก่อนเกิดอหิวาตกโรคหรือโรคห่าระบาดหนัก ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก ศพเลยถูกนำมากองรวมไว้ที่วัดเพื่อรอเผาแต่ก็เผาไม่ทัน แร้งเลยมารุมจิกกินศพจนกลายเป็นที่มาของตำนานแร้งวัดสระเกศ
วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่บนถนนตีทอง 1 ใกล้เสาชิงช้า รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าให้สถาปนาขึ้นมาเพื่อประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระราชทานนามเดิมว่า วัดมหาสุทธาวาส ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสุทัศนเทพวราราม นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชนุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
หลายคนอาจจะเคยได้ยินตำนาน เปรตวัดสุทัศน์ ซึ่งมาที่มาจากภาพจิตกรรมรูปเปรตบนผนังของพระอุโบสถ แต่ผู้ใหญ่บางคนก็มาเล่าให้เราฟังว่า เคยมีคนเห็นเปรตที่วัดนี้ (ความจริงจะเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้ แค่มาเล่าสู่กันฟังเฉย ๆ น้า)
วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนถนนบวรนิเวศน์และถนนพระสุเมรุ เป็นวัดอารามหลวงชั้นเอกที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ โปรดให้สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะทรงผนวช จึงเป็นวัดที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของพวกเราชาวไทย
ตั้งแต่แรกเริ่มที่เดินเข้าไปในวัดบวร เรารู้สึกได้เลยทันทีว่าสถานที่แห่งนี้สงบมาก ภายในมีการประดับประดาพระบรมมาฉายาลักษณ์ของในหลวง ร.9 ขณะทรงผนวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ เราสังเกตเห็นผู้คนมากมายเข้ามาสักการะทำบุญและนั่งสมาธิ แม้พวกเขาจะไม่ได้บอกว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แต่เราก็รับรู้ได้เอง
หลังจากอิ่มใจอิ่มบุญกันไปแล้ว เราก็ต้องอิ่มท้องด้วย ไม่งั้นไม่มีแรงกลับบ้าน…เรากับน้องเลยเสิร์ชหาคาเฟ่ชิลล์ ๆ จนไปเจอร้าน JAYWALK ที่ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งก็ไม่ไกลจากวัดบวรเท่าไร เรา 2 คนเลยเดินไปค่ะ ระหว่างทางก็เจอร้านดี ๆ เต็มไปหมด แต่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไปฝากท้องที่ JAYWALK ก็ต้องลากสังขารไปให้ถึง สุดท้ายไม่ผิดหวัง เพราะเจอเมนูปัง ๆ อย่าง Butterfly Pea Lemon Pop, (จำชื่อน้ำแก้วนี้ไม่ได้อ่ะ แต่มันก็เหมือนแก้วแรกนั่นแหละแค่เป็นรสสตรอเบอร์รี่แล้วมีเม็ด Pop) ปิดท้ายด้วยแพนเค้กช็อกโกแลต กล้วย และไอศครีมช็อกโกแลต (จำชื่อเมนูไม่ได้อีกเช่นเคย…ไหว้ย่อขออภัย) อร่อยค่ะ อร่อยมาก เนื้อแพนเค้กนุ่มเนียน ทุกวัตถุดิบคือดี หรือเราหิวมากไปก็ไม่รู้นะ รู้แต่อร่อย บรรยากาศร้านก็ชิคดี ไปกินซะ
ข้อมูลของวัดไม่ค่อยแน่นหนาสักเท่าไร แต่ก็เป็นข้อมูลที่เราหาก่อนออกทริปนี้บ้าง ไปอ่านเจอที่วัดบ้าง เจ้าหน้าที่วัดเล่าบ้าง บวกกับนำมาจัดเรียงให้เป็นภาษาที่เหมาะสม หากผิดพลาดประการใด…โปรดอภัยด้วยน้า ในส่วนของภาพประกอบนั้น…ไหน ๆ ก็เป็นวันฝนฟ้าครึ้มแล้วเราก็เลยลองปรับให้ดูเข้มขึ้นอีกนิด ก็เออ !!! ก็เท่ดีนะ ดูเข้มขรึมมีเรื่องราวยาวนานคล้ายประวัติของวัดทั้ง 3 แห่ง อีกอย่างช่วงนี้หลายวัดกำลังอยู่ในช่วงบูรณะซ่อมแซมก็อาจจะมีนั่งร้านให้เห็นบ้าง ถ่ายเลี่ยงมุมไปบ้างก็ดูเป็นความสวยงามไปอีกแบบนะคะ
ทริปเก็ทเตอร์