ไปจันท์กันมั้ย ไปกินปู ดูทะเล นอนโฮมสเตย์ แบบกินดีอยู่สบาย
84,581 ครั้ง
8 ม.ค. 2560
84,581 ครั้ง
8 ม.ค. 2560
“แกๆ พี่อยากกินปู ปูบุฟเฟ่”
“ห๊ะ ที่ไหน”
“จันทบุรี”
ประโยคสั้นๆ แค่นี้แหละค่ะเป็นที่มาของกระทู้นี้ เนื่องจากพี่ที่ทำงานคนนึงชอบกินปูมากๆ ประกอบกับช่วงนี้กระแสโฮมสเตย์ที่จันทบุรีกำลังมาแรง มีรีวิวรูปอาหารทะเลบุปเฟ่ยั่วน้ำลายมากมาย เลยเกิดการรวมตัวแก๊งค์บุฟเฟ่ (คือเจอหน้ากันทีไรต้องบุปเฟ่) พาพี่ไปกินปู คือตอนแรกไม่ได้สนใจสถานที่ท่องเที่ยวเพราะมิชชั่นคือกินปู แต่ไหนๆก็ไปแล้ว ต้องเที่ยวด้วย เอาให้คุ้ม เราเลยวางแผนกันคร่าวๆ ว่าผ่านอะไรก็เที่ยวอันนั้น คร่าวมาก สรุปคือมี น้ำตกพลิ้ว ชายหาดแหลมสิงห์ วันสุดท้ายเวลาเหลือเลยได้ไปอ่าวคุ้งวิมาน ดูวิวเนินนางพญา โบสถ์คาทอลิกด้วย
ทริปนี้ประกอบด้วยสาววัยรุ่นๆ 5 ชีวิต โสดบ้างไม่โสดบ้างปะปนกันไป เริ่มออกเดินทางจากบุรีรัมย์ ตั้งแต่ตี 4 สลึมสลือมาก ไปนอนต่อบนรถเพราะพี่ขับ อิอิ ระยะทางก็ไกลพอสมควร เกือบ 300 กม. แต่พี่เราใช้เวลาเพียง 3 ชมกว่าๆ ถึงน้ำตกพลิ้วประมาณ 8 โมงเช้า แดดร้อนมาก
เดินไปน้ำตกตามทางนี้เลย
ระหว่างทางก็จะเริ่มเจอปลาพลวง ธรรมชาติค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ปลาเยอะมากๆ
เราไม่เคยมา แต่ทราบว่าสมัยก่อนสามารถให้อาหารปลาได้ เช่นพวกถั่วฝักยาว แต่ปัจจุบันเค้าห้ามให้อาหารปลาแล้วนะคะ
เราว่าดีนะ ให้เค้าใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ตามสัญชาตญาณเค้าเอง ดูไปดูมาก็หิว
มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้วย แต่เราไม่ได้ไป ถ้ามีเวลาเยอะๆเราว่าน่าลองเดินนะ
นึกว่าจะไม่ค่อยมีคนเพราะมาแต่เช้า ที่ไหนได้…คนเพียบ อาจเป็นวันหยุดด้วย
น้ำยังไม่เยอะมาก
มีผีเสื้อด้วย น่ารักมุ้งมิ้ง แต่ไม่ค่อยอยู่นิ่งๆให้ถ่ายรูปเลย
ที่นี่มีเจดีย์ด้วย เราว่าเก๋อ่ะ อยู่ท่ามกลางป่าและน้ำตก ไปหาข้อมูลในเนตมาได้ความว่าชื่อ “อลงกรณ์เจดีย์” รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้างในปี 2419 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ในภาพคือการยืนชื่นชมความงามของเจดีย์
ลุยน้ำตกเสร็จ รู้สึกหิวมาก ยังไม่ได้กินอะไรแต่เช้า คิดไม่ออกว่าจะไปหาร้านอะไรกินดี เลยไปถามเจ้าหน้าที่น้ำตก แนะนำร้านชบา ติดชายหาดแหลมสิงห์ ไปถึงร้านกำลังเปิดพอดี สั่งข้าวผัดปูร้านตรงข้ามมากินด้วย น่าจะเป็นเจ้าของเดียวกัน
ข้าวผัดปู 40 บาท ถูกมาก อร่อยมากด้วย ส่วนโทสอันนี้เราว่าขนมปังแข็งไปหน่อย แต่น้ำปั่นอร่อยดี คึอตอนแรกคุยกันว่ากินเบาๆพอ เพราะเดี๋ยวเข้าที่พักก็มีมื้อเที่ยงรออยู่แล้ว สุดท้ายคือ… อิ่มจุก
ร้านตกแต่งน่ารักตามท้องเรื่อง
โฮมสเตย์ที่เราเลือกกันวันนี้คือ “รัตนสร้อยโฮมสเตย์” ราคาต่อหัว คนละ 1500 บาท ประกอบด้วย อาหารและน้ำดื่มไม่อั้น 3 มื้อ กับ พาล่องแพเปียกตอนเย็น บ้านพักสีสันสดใส ตั้งอยู่ในคลองน้ำ เวลาเดินต้องมีสตินิดนึง เดี๋ยวตก
คือเนื่องจากกิจกรรมมันไม่มีอะไรเยอะ กิจกรรมหลักของพวกเราคือการติวคณิตคิดเลขเร็ว (คล้ายๆเปลี่ยนที่เล่นเฉยๆ) และก็รอๆๆเวลากิน มื้อเที่ยง(ซึ่งห่างจากมื้อเช้าไม่ถึงชั่วโมง) เป็นบุฟเฟ่ สั่งเติมได้ไม่อั้น แต่เอาเข้าจริงก็กินแทบไม่หมดอยู่แล้ว ยกเว้นเมนูปูที่จะขอเติมบ่อยหน่อย ปลากะพงทอดราดพริก อร่อยดี ปลาตัวใหญ่
น้ำพริกไข่ปู เปรี้ยวไปหน่อย หรือมันต้องรสชาดแบบนี้ เราไม่เคยกิน
ทอดมันกุ้ง
ปูผัดผงกระหรี่ อันนี้ฟิน ปูสดมากๆ เติมไปหลายจานเลย
มีต้มจืดอีกอันนึงแต่ไม่ได้ถ่ายมา มีน้ำแข็ง น้ำเปล่า น้ำอัดลมเติมได้ไม่อั้นเช่นกันค่ะ ประมาณ 5 โมงเย็นเค้าก็จะพาขึ้นรถกระบะไปล่องแพเปียก ซึ่งอยู่ใกล้ๆที่พักนั่นแหละค่ะ
ตอนแรกว่าจะเล่นน้ำ แต่พอดูสีน้ำแล้วเปลี่ยนใจ กลับไปเล่นคลองบ้านเราดีกว่าเนอะ นั่งเรือไปเรื่อยๆ จะมีเหยี่ยวแดงให้ดูด้วย เป็นไฮไลท์อย่างนึงของที่นี่ แต่น้องโกโปรไม่สามารถถ่ายให้สวยๆได้ เลยไม่มีภาพมาให้ชมกัน อีกกิจกรรมหลังแพเปียกเสร็จคือปั่นเป็ดค่ะ คือคนอื่นเค้ากลับมาอาบน้ำ เรากลัวไม่คุ้ม ต้องไปปั่นเป็ดก่อน
แถวๆนี้ส่วนใหญ่เป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ปู ปลา บรรยากาศก็เรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรให้ดูเท่าไหร่
หลังจากนั้นก็อาบน้ำอาบท่า เตรียมพร้อมสำหรับมื้อเย็น มื้อที่ตั้งตารอคอย พอไปถึงปุ๊บอาหารก็มา ไม่ต้องรอให้เสียเวลาเลย รวดเร็วมาก เต็มโต๊ะ
ปูไม่อั้น สดมาก อร่อยดี แต่ขี้เกียจแกะ เป็นคนโสดก็ต้องแกะเองต่อไป คือจานแรกเค้าจะเอาตัวใหญ่ๆ เบ้งๆแบบนี้มาเลย แต่พอขอเติมจานต่อๆไปตัวก็จะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ แต่รสชาดโอเคเหมือนเดิม
กุ้งนี่ก็ตัวใหญ่มาก เนื้อแน่นมาก ส่วนตัวเราชอบกุ้งแม่น้ำมากกว่า เพราะเราชอบกินหัวกุ้ง กุ้งพันธุ์นี้มันไม่มีมันในหัวกุ้งเลยอ่ะ และเซ็งสุดคือ ตะกละไปกินตัวใหญ่ที่สุด ขนาดเท่าฝ่ามือเลย พอกินตัวเดียวอิ่มจุก กินอย่างอื่นต่อไม่ได้ เพลียตัวเอง
นังกุ้งตัวนี้แหละ ทำให้เรากินไม่คุ้มเลย
หอยนางรมก็มา สดพอสมควร
เครื่องครบ เติมได้เรื่อยๆ
ต้มยำ หวานไปนิด แต่ก็ยังอร่อยอยู๋
มีกุ้งแช่น้ำปลา กับพล่าปลาอะไรซักอย่าง ไม่ได้ถ่ายมา อันนี้ผ่านไปครึ่งทาง ทีมเรายังสตรองค่ะ เติมต่อเรื่อยๆ
มีผลไม้ตบท้ายเป็นเงาะ หมดไปเป็นกิโลเหมือนกัน โอ้ยเพลีย กินเยอะมาก อิ่มหนำสำราญก็กลับไปเข้ากิจกรรมนับเลขกันต่อ เป็นอันว่าจบหนึ่งวัน
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารที่เติมไม่อั้นเช่นเดิม โอ้ยย อยู่ดีกินดี มีข้าวต้มทะเลมาเป็นหม้อ
เส้นจันท์ผัดปู อร่อยดี พึ่งเคยกิน รสชาดออกเปรี้ยวๆ หวานๆ แต่กินเยอะจะเลี่ยนไปหน่อย
ปาท่องโก๋ นมสด กาแฟ โอวัลติน ตามชอบเลย
ความรู้สึกเหมือนมานอนร้านอาหารบุฟเฟ่ กินๆๆนอนๆ แต่ก็ได้พักผ่อนกินอิ่มนอนหลับ ถือว่าโอเคเลยนะคะ มาเปลี่ยนบรรยากาศ หาที่เม้ามอยกับเพื่อนฝูง… เดี๋ยวเราจะเปลี่ยนโหมดไปเที่ยวแล้ว รู้สึกเหมือนตั้งกระทู้ผิดห้องเลย ควรไปก้นครัวดีกว่ามั้ย “จุดชมวิวเนินนางพญา” เห็นภาพตามเพจรีวิวต่างๆมานานแล้ว อยากไปมาก โฉบผ่านไปผ่านมาก็บ่อย ครั้งนี้ได้ไปจริงๆแล้ว จากแหลมสิงห์ ลัดเลาะไปตามถนนเลียบทะเล เรามาถึงช่วงสายๆ คนเริ่มเยอะ แต่วิวยังสวยอยู่
วิวสวยดีจริง
นี่เลย ถนนที่ได้ชื่อว่าสวยเป็นอันดับต้นๆของไทย
อันนี้ไม่รู้เกี่ยวยังไง มีล็อกแม่กุญแจ มีมินเนี่ยนถูกทิ้งด้วย น่าสงสาร
ลืม ก่อนไปเนินนางพญามีแวะคุกขี้ไก่กับตึกแดงด้วย ลองเซิร์ชหาประวัติ เล่ากันว่าทหารฝั่งเศสสร้างคุกขี้ไก่เอาไว้ขังนักโทษและคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 เป็นคุกที่ทรมานมากเพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา
ไอ้เราก็ถ่ายกันไปค่ะ ไม่ได้รำลึกถึงความโหดร้าย
เที่ยงเล้วค่ะ ถึงเวลากินอีกแล้ว มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองจันทบุรี ไปกินเย็นตาโฟชื่อดัง “เจ๊เพ็ญเย็นตาโฟ” ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆค่ะ เพราะบางรีวิวว่าไม่โอเค แต่ด้วยความอยากลอง มาทั้งทีเอาให้รู้กันไปเลย เริ่มจานแรก เต้าหู้ทอด โอ้ย อร่อย เต้าหู้กรอบนอกนุ่มใน จิ้มน้ำจิ้มรสชาดพอดี กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ แต่ต้องหยุดไว้ก่อน เดี๋ยวอิ่มก่อนเย็นตาโฟ
ตามมาติดๆ ด้วยหมูสะเต๊ะ อันนี้ก็โอเคค่ะ อร่อย
แล้วก็รอๆ รอค่อนข้างนาน อาจเป็นเพราะคนเยอะด้วยค่ะ เต็มทุกโต๊ะ รอเกือบๆ ชั่วโมง ก็ได้มา เราสั่ง เย็นตาโฟกั้งปูต้มยำ ธรรมดา ชามละ 100 บาท ตอนแรกไม่แน่ใจราคา เพราะชามใหญ่ ให้เครื่องเยอะมาก ปูกั้งจัดเต็ม มองหน้ากัน ชามละ 200 ป่าววะ แต่พอคิดตังชามละร้อยจริงๆ สรุปคือดีค่ะ คุ้ม อร่อย ปรุงเพิ่มนิดหน่อยแล้วแต่คนชอบ
สถานีสุดท้าย “โบสถ์คาทอลิก” อยู่ในตัวเมืองจันทบุรีค่ะ ตอนไปถึงนี่พายุมาเต็ม ฝนกำลังจะตก เลยต้องรีบกดชัตเตอร์รัวๆ ได้มาเท่านี้ค่ะ
อารมณ์แบบ ฮอกวอร์ตไม่ปลอดภัยอีกต่อไป คิดไปนู่น วันที่ไปเหมือนเค้ามีพิธีในโบสถ์เลยไม่ได้เข้าข้างในค่ะ จากนั้นก็เดินทางกลับ บรรยากาศฝกตก กับวิวสองข้างทางเมืองจันท์นี่มันดีจริงๆ แวะซื้อผลไม้กันก่อนกลับด้วย อิ่มหนำสำราญไปอีก เป็นอันว่าจบทริปด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นคนละโลสองโลค่ะ ทริปนี้ค่อนข้างประหยัดมาก รวมค่าที่พัก ค่ากิน ค่าน้ำมัน หมดคนละไม่ถึงสามพัน อิ่มใจ อิ่มท้อง สบายกระเป๋าสุดๆ
ขอบคุณรีวิวและการเดินทางพร้อมภาพสวยๆ จากสมาชิกพันทิปหมูว๊านหวาน