2 วัน 1 คืน นครสวรรค์ – ชุมแสง บุกตลาดเก่า เล่าเรื่องอดีต ย้อนวันวานแบบสโลว์ไลฟ์

นครสวรรค์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่หลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นแค่จังหวัดทางผ่านแต่จริงๆ แล้ว นครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งในตัวเมืองนครสวรรค์และยังมีอีกหนึ่งอำเภอที่เรียกได้ว่าถ้าพูดชื่อแล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักนั่นก็คือ อำเภอชุมแสง อำเภอเล็กๆ ที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต และเป็นดินแดนที่มีเรื่องราวมากมาย จนเกิดเป็นละครยอดฮิตอย่างเรื่อง กรงกรรม ลองตามมาดูกันว่าวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะไปเที่ยวที่ไหนในนครสวรรค์และชุมแสงกันบ้าง จะได้ไปเจอ แม่ย้อย อาใช้ อาตง อาซา อาสี่ แม่เรณู หรือไม่ อย่ารอช้ารีบตามมากันเล้ยย..

---

Day1

วันนี้เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ กันในช่วงสายๆ เพราะจังหวัดนครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่เดินทางง่ายและที่สำคัญขับรถแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเรียกได้ว่าหลับแค่ตื่นเดียวก็ถึงนครสวรรค์แล้ว และเมื่อมาถึงนครสวรรค์ในช่วงเที่ยงๆ ที่แรกที่เราปักหมุดในจีพีเอสก็คือ tissue papers cafe คาเฟ่สุดชิคสไตล์อินดัสเทรียลแบบเท่ๆ ด้วยชื่อร้านสุดน่ารัก ทิชชู เปเปอร์ กระดาษชำระที่อยากให้ทุกคนมาชำระความทุกข์และเอาความสุขกลับไป

ภายในร้านก็ยังมีบรรยากาศเท่ๆ โต๊ะไม้และเก้าอี้โชว์ความดิบๆ แบบสไตล์อินดัสเทรียล ผนังสีขาวเป็นแบล็คกราวน์ให้ถ่ายรูปสวยๆ ได้เป็นอย่างดี 

วันนี้เราเลยไม่พลาดสั่งเมนูเครื่องดื่มสุดสดชื่นอย่าง ชาพีช และเบเกอรี่อร่อยๆ อย่าง เฮเซลนัท โกโก้ แพนเค้ก

กินอิ่มแล้วเราก็ไปต่อกันที่ จุดชมวิวพาสาน สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของนครสวรรค์ที่เพิ่งเปิดเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยความที่โลเคชั่นของจุดชมวิวพาสานตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านที่ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาจนเกิดเป็นแนวคิดของสถาปัตยกรรมพาสาน

พาสาน มาจากคำว่า ผสาน เป็นแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมของตัวอาคารที่ออกแบบให้เป็นเส้นสายเหมือนแม่น้ำยมและแม่น้ำปิงที่ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา และยังเป็นเหมือนสื่อกลางที่ให้นักท่องเที่ยวมาชมการผสานกันของแม่น้ำที่ไหลมารวมกันอีกด้วย

มุมด้านบนเป็นอีกหนึ่งมุมที่สามารถมองเห็นวิวของตัวเมืองนครสวรรค์ได้ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ หรือที่ชาวนครสวรรค์เรียกว่าปากน้ำโพ

บรรยากาศตอนเย็นจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พากันมาถ่ายรูปและมาพักผ่อนชมแม่น้ำสองสีที่ไหลมาบรรจบกันซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก

ชมวิวกันแบบอิ่มใจพร้อมกับได้ภาพสวยๆ อัพลงเฟซบุ๊กไปแล้ว เราก็ไม่รอช้ารีบหาร้านอร่อยกันทันที และปักหมุดไปกันต่อที่ร้าน ไก่ย่างนิภาภรณ์ นครสวรรค์ สาขา 3 ร้านอาหารอีสานสุดแซ่บที่ยกเมนูสุดซี้ดมากมายมาให้เราเลือกชิม ตัวร้านตั้งอยู่ริมหนองสมบูรณ์ และสามารถสังเกตป้ายหน้าร้านได้ง่ายๆ

สำหรับที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งโซนหน้าร้านซึ่งเป็นที่นั่งแบบโอเพ่นแอร์และที่นั่งโซนห้องแอร์

และภายในตัวร้านก็มีโต๊ะให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะมากันเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนก็สามารถเลือกนั่งได้ตามสบาย

และเราก็ไม่พลาดสั่งเมนูเด็ดประจำร้านอย่าง ไก่ย่างพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ตับหวาน ส้มตำและยำหมูยอ ต้องบอกเลยว่าแต่ละเมนูอร่อยจนวางช้อนไม่ลงเลยทีเดียว

หลังจากอิ่มพุงกันไปแล้ว ก็ได้เวลาเข้าที่พัก วันนี้เราจะไปพักกันที่ บ้านไม้หอม โฮมสเตย์ โฮมสเตย์สุดชิลล์ที่ให้ฟีลเหมือนกลับมาพักผ่อนที่บ้าน และที่ตั้งของ บ้านไม้หอม โฮมสเตย์ ยังอยู่ระหว่างตัวเมืองนครสวรรค์และอำเภอชุมแสงซึ่งเป็นเส้นทางที่เราจะไปเที่ยวกันในวันพรุ่งนี้อีกด้วย 

---

Day2 

เช้าวันที่ 2 ของทริปวันนี้เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันที่ บ้านไม้หอม โฮมสเตย์ โฮมสเตย์สไตล์บ้านๆ ที่ให้อารมณ์เหมือนได้กลับมาพักผ่อนที่บ้านกลางสวน บรรยากาศรอบๆ ที่พักเต็มไปด้วยธรรมชาติ และความสงบ และอีกหนี่งเสน่ห์ของที่นี่คือความเป็นกันเองของเจ้าของโฮมสเตย์ที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น

สำหรับตัวบ้านพักที่นี่มีบ้านพักทั้งหมด 2 หลัง ซึ่งเป็นบ้านไม้ยกสูง และมีระเบียงให้นั่งเล่นที่หน้าบ้าน และที่สำคัญมีความเป็นส่วนตัวสุดๆ 

ภายในตัวบ้านก็ตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่ายเน้นการพักผ่อน พื้นที่ภายในตัวห้องก็มีพื้นที่พอเหมาะ และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ แอลซีดีทีวี ตู้เย็น พร้อมทั้งยังมีห้องน้ำบนตัวบ้านอีกด้วย

ด้านล่างบ้านยังมีใต้ถุนให้เอาไว้ทำกิจกรรมสังสรรค์ หรือจะมาทำอาหารปิ้งย่างกันที่ใต้ถุนตัวบ้านทางที่พักก็มีเตาถ่านและอุปกรณ์ไว้ให้บริการอีกด้วย

ด้านหลังบ้านก็ยังติดกับแม่น้ำน่านและมีศาลาไว้ให้นั่งเล่น

บรรยากาศรอบๆ ตัวบ้านที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ และยังมีดอกไม้สวยๆ ให้ชมอีกด้วย 

เท่านั้นยังไม่พอด้านหน้าทางเข้า บ้านไม้หอม โฮมสเตย์ ยังมี บ้านไม้หอมกาแฟ คาเฟ่ที่เน้นบรรยากาศและรสชาติของกาแฟที่ใครผ่านมาทางถนนสายนี้ก็ต้องแวะ

วันนี้เราออกจากที่พักกันในช่วงสายๆ และปักหมุดไปกันที่ วัดเกยไชยเหนือ วัดเก่าแก่ของอำเภอชุมแสงที่ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน และยังมีตำนานความเชื่อของ “ไอ้ด่างเกยไชย” จระเข้ตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำน่านและเคยอาละวาดกินคนจนเลื่องลือเป็นตำนาน และในตำนานยังเล่าไว้ว่าไอ้ด่างเกยไชยมีขนาดตัวที่ใหญ่สามารถนอนขวางลำน้ำจากอีกฝั่งถึงอีกฝั่งหนึ่งได้

และที่วัดเกยไชยยังมีรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดให้นักท่องเที่ยวได้มาขอพรโดยการเดินลอดใต้ขาจระเข้ให้ครบทั้งสี่ขาเพื่อสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา หรือตีระฆังให้ครบ 13 ใบ ก็จะมีชื่อเสียงโด่งดัง การงานก้าวหน้า และโยนเหรียญ 5 หรือเหรียญ 10 ให้เข้าปากจระเข้ก็จะสามารถอธิษฐานขอพรได้อีกด้วย

ด้านล่างยังมี พิพิธภัณฑ์ราชาจระเข้ยักษ์ “พญาด่างเกยไชย” ที่มีประวัติบอกเล่าเรื่องราวของวัดเกยไชยเหนือและตำนานจระเข้ยักษ์

ภายในตัววัดยังมีองค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ ทรงลังกาคว่ำ ฐานแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาและยังมีอุโบสถเก่าแก่ที่ร่มรื่นและสงบสุดๆ 

ไหว้พระจนอิ่มบุญอิ่มใจกันไปแล้วมาเที่ยว อ.ชุมแสง ทั้งทีก็ต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยว ตลาดชุมแสง ตลาดเก่าแก่ที่อยู่คู่กับ อ.ชุมแสง มานานนับร้อยปี ด้วยเสน่ห์ที่เก่าแก่และวิถีชีวิตของผู้คนที่ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ทำให้ ตลาดชุมแสง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำละครชื่อดังเรื่อง กรงกรรม และในละครยังเล่าเรื่องสะท้อนชีวิตของ อ.ชุมแสง ในอดีตที่มีความเจริญรุ่งเรือง

มาถึง ตลาดชุมแสงแล้ว ก็ต้องไม่พลาดหาของอร่อยๆ กินอย่าง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟที่ร้านมุมแดง ตรงข้ามสถานีรถไฟชุมแสง ที่เปิดขายมานานนับ 60 ปี และยังเป็นเย็นตาโฟที่ต่างจากที่อื่นคือที่นี่จะใส่ไก่กรอบเพิ่มความอร่อยไปด้วย

และอีกหนึ่งร้านที่แนะนำว่ามาถึงตลาดชุมแสงแล้วต้องห้ามพลาดก็คือ ขนมจีนแม่บุญเลิศ ร้านขนมจีนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนนบริเวณสามแยกของตลาดชุมแสงและเปิดขายมานานกว่า 40 ปี ที่สำคัญราคาเพียง 20 บาทเท่านั้น

ขนมจีนถ้วยใหญ่น้ำยาปลาเนื้อแน่นๆ 

เดินไปอีกสักหน่อยก็ไปเจอร้าน หมูสะเต๊ะ ขนมปังหน้าหมู สี่พี่น้องชุมแสง ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามที่ทำการนายตรวจทางชุมแสงและเปิดมาแล้วกว่า 50 ปี 

หมูสะเต๊ะเนื้อแน่นๆ พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดจากทางร้าน 

เท่านั้นยังไม่พอยังมี ผัดไทป้าเหลียว ร้านตั้งอยู่ในตลาดสดตรงข้ามอนุเสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ขอบอกเลยว่าใครที่มาถึงตลาดชุมแสงแล้วต้องห้ามพลาดเพราะผัดไป้าเหลียวมีรสชาติที่อร่อยแตกต่างจากที่อื่นและยังมีผัดไทเส้นมาม่าอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีโซนเปิดใหม่อย่าง ตลาดร้อยปีชุมแสง ที่รวบรวมของอร่อยไว้มากมายทั้งขนมไทยโบราณและของอร่อยหากินยากมากมาย

และยังมีมุมถ่ายรูปมากมายที่โซนด้านหน้าตลาดร้อยปีชุมแสง และยังมีแกลลอรี่ที่สะสมของเก่าและรูปภาพของตลาดชุมแสงในอดีตอีกด้วย 

กินของอร่อยกันอิ่มแล้วเราเลยมาชมบรรยากาศของ สถานีรถไฟชุมแสง ที่เป็นบรรยากาศสุดคลาสสิค ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ของชุมแสงได้เป็นอย่างดี

ด้านหน้าสถานีรถไฟก็มีรถสามล้อรับส่งสุดเท่ เราก็เลยไม่พลาดที่จะมารัวชัตเตอร์กันที่มุมนี้

และใกล้ๆ กันยังมี สะพานหิรัญนฤมิต สะพานข้ามแม่น้ำน่านเพื่อให้ผู้คนจากสองฝั่งแม่น้ำได้สัญจรข้ามไปมา มาแวะชมวิวและถ่ายรูปกันที่มุมนี้ก็ได้ภาพสวยไปอีกแบบ

และยังมีมุมสตรีทอาร์ตเท่ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆ อีกด้วย

ใช้เวลาอยู่ที่ชุมแสงเกือบทั้งวันจนเกือบลืมเวลากลับ เพราะที่ตลาดชุมแสงมีของกินอร่อยๆ และมุมถ่ายรูปชิคๆ เพียบ รับรองว่าถูกใจสายกินอย่างแน่นอน ก่อนกลับกรุงเทพฯ วันนี้ มาถึงนครสวรรค์ทั้งทีจะไม่แวะบึงบอระเพ็ดได้อย่างไร เราเลยปักหมุดไปที่บึงบอระเพ็ด ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก อ.ชุมแสง และยังเป็นทางผ่านเข้าเมืองนครสวรรค์อีกด้วย

เมื่อมาถึง บึงบอระเพ็ด เราก็มุ่งหน้าไปที่อุโมงค์ปลาน้ำจืดทันที เพราะที่นี่ได้รวบรวมพันธุ์ปลานำ้จืดไว้มากมาย ที่สำคัญเสียค่าเข้าเพียงคนละ 49 บาทเท่านั้นเอง

ภายในก็มีตู้โชว์ปลาน้ำจืดหลากหลายชนิด ที่หาดูแบบใกล้ๆ ได้ยาก 

และที่เป็นไฮไลท์ก็คือ อุโมงค์ปลาน้ำจืด ที่รวบรวมพันธุ์ปลาน้ำจืดตัวน้อยใหญ่ไว้มากมายและยังได้เห็นปลาราหู ปลาบึก ปลาสวายและอีกหลากหลายชนิดราวกับว่าเราอยู่ใต้นำ้อย่างไงอย่างงั้น

มุมถ่ายรูปสวยๆ ที่อุโมงค์ปลาน้ำจืดมุมนี้ รับรองว่าได้ภาพสวยๆ กลับไปอวดเพื่อนๆ อย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริป 2 วัน 1 คืน นครสวรรค์ – ชุมแสง ที่เป็นทริป เน้นเที่ยว เน้นกิน เน้นพักผ่อน ในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ซึ่งจังหวัดนครสรรค์เป็นอีกหนึ่งจังหวัดน่าเที่ยวที่เดินทางง่ายและไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ลองมาเที่ยวที่นครสวรรค์ดูสักครั้งแล้วจะรู้ว่าเมืองรองแห่งนี้ไม่ได้เป็นลองใครอย่างแน่นอน

---

 

---