ทริปเที่ยวนครนายก 2 วัน 1 คืน ยกแก๊งค์นอนพูลวิลล่าเหมาหลังริมน้ำ เช็คอินจุดอันซีนใกล้กรุง
26,723 ครั้ง
30 พ.ย. 2565
26,723 ครั้ง
30 พ.ย. 2565
ใครกำลังมองหาแพลนเที่ยวชิลล์ๆ ในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ลองขับรถมา จ.นครนายก ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็จะได้สัมผัสกับความกรีนของธรรมชาติแบบเต็มๆ และเที่ยวคราวนี้เราไปกันแบบเป็นแก๊งค์เพื่อน เพราะในทริปนี้เรามีที่พักสุดชิลล์ที่ตอบโจทย์การเที่ยวของเราได้แบบเต็มๆ แถมแต่ละที่ที่เราจะพาไปเช็คอินนั้น บอกเลยว่าทั้งสุดอันซีน และถ่ายรูปสวยด้วย! ว่าแล้วก็ไม่รอช้าตามไปดูกันเลยดีกว่ากับทริปเที่ยวนครนายก 2 วัน 1 คืน ยกแก๊งค์นอนพูลวิลล่าเหมาหลังริมน้ำ เช็คอินจุดอันซีนใกล้กรุง
เราเริ่มต้นเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กันแต่เช้าด้วยรถยนตร์ส่วนตัว เดินทางมาเรื่อยๆ ผ่านถนนรังสิต – นครนายก ได้ราวๆ 40 นาที มาจนถึงช่วงคลอง 8 เราก็แวะสถานที่แรกของเราในทริปนี้ นั่นก็คือ Tree Story Cafe’ ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ปทุมธานีน้องใหม่ที่มาพร้อมกับความกรีนแบบเน้นๆ ทั่วทั้งร้านเต็มไปด้วยร่มเงาของเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย รวมทั้งไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็จะพบกับความสดชื่นของต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย
โซนที่นั่งของร้านมีทั้งโซนอินดอร์ ที่เป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำๆ และโซนที่เราเลือก นั่นก็คือเอาท์ดอร์ที่ห้อมล้อมไปด้วยเหล่าต้นไม้ อีกทั้งยังมีน้ำตกจำลองให้ได้นั่งฟังเสียงน้ำคลอเบาๆ ระหว่างมื้ออาหารอีกด้วย
เมนูอาหารของที่นี่ก็มีให้เลือกเพียบ ทริปนี้มากันหลายคน เราก็เลยจัดเต็มแบบจุกๆ กันไปเลย ไม่วาจะเป็นเมนูเอาใจสายแซ่บ สายนัวอย่างตำแซ่บสตอรี่ ที่มีทั้งปูม้าสด เนื้อฉ่ำๆ กุ้งสดตัวใหญ่ หอยแมลงภู่ ราคาเพียง 250 บาทเท่านั้น
สลัดผลไม้กุ้งทอด ที่มีผักหลากหลายชนิด พร้อมทั้งผลไม้ที่มีทั้งฝรั่ง แก้วมังกร แอปเปิ้ล และอื่นๆ อีกเพียบ เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่ กรอบนอกนุ่มใน เนื้อกุ้งหวานฉ่ำ ราคา 180 บาท เมนูปลาทับทิมฟูที่เสิร์ฟมาแบบทั้งตัว มีเนื้อฟูกรอบ มาพร้อมกับน้ำยำสุดแซ่บ ราคา 300 บาท
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะเราสั่งเมนูไฮไลท์อย่างพิซซ่าหน้าแซลมอน เสิร์ฟมาร้อนๆ ชีสยืดหนึบ ตัวแป้งทั้งหอม ทั้งกรอบ เข้ากันได้ดีกับแซลม่อนชิ้นพอดีคำ ฟินมากบอกเลย ราคาถาดละ 329 บาทเท่านั้น
เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ขับรถยาวๆ ตรงมาที่นครนายก เพื่อมาชมความสวยงามสุดอันซีนกันต่อที่วัดเลขธรรมกิตติ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ปกโพธิ์ โบสถ์ที่มีอายุเก่าแก่นับหลายร้อยปีที่ถูกปกคลุมไปด้วยรากโพธิ์ขนาดใหญ่ โดยไฮไลท์ก็คือซุ้มประตูด้านหน้าของโบสถ์ที่เป็นเหมือนกับประตูแห่งกาลเวลา ถือเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตเลยก็ว่าได้
ในบริเวณโบสถ์ปกโพธิ์จะมีพระวิทยากรที่คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ คำแนะนำ และวิธีการไหว้พระ โดยก่อนที่จะข้ามสู่ประตูโบสถ์เข้าไป ให้รวบรวมสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐาน จากนั้นเมื่อเดินผ่านประตูโบสถ์ให้ใช้มือข้างใดก็ได้แตะเหนือช่องประตูผ่านเข้าไป และเดินตรงไปกราบสักการะองค์พระประธานได้เลย แอบกระซิบว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของสุขภาพและการงานนะ
นอกจากจะเป็นสถานที่ที่สวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยความสงบและความร่นรื่นของเหล่าต้นไม้ใหญ่อีกด้วย
ด้านข้างของโบสถ์ปกโพธิ์ก็จะเป็นที่ตั้งของพระวิหาร ที่มีสถาปัตยกรรม ลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เหมาะกับการถ่ายรูปเช็คอินที่สุด
ก่อนกลับเราเข้ามาที่ศาลาด้านหน้าของวัดเพื่อกราบสักการะรูปเคารพของหลวงปู่เผื่อน พระเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และพระเกจิอาจารย์องค์อื่นๆ เท่านั้นยังไม่พอมาวัดทั้งที นอกจากได้ทำบุญแล้ว ยังต้องเสี่ยงเซียมซีด้วยถึงจะครบสูตร
ไหว้พระอิ่มบุญ และได้ชมความงามของอันซีนกันแล้ว เราก็มานั่งพักชิลล์ๆ ผ่อนคลายกันต่อที่น้ำตกสาริกา สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของนครนายก ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว เราสามารถจอดรถที่ลานจอดของอุทยานได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่าย จากนั้นก็เดินเข้ามาไม่ไกล ก็จะพบกับจุดจำหน่ายตั๋ว โดยค่าเข้าอุทยานสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 40 บาท/คน เท่านั้น
น้ำตกสาริกาแบ่งออกเป็นหลายชั้น และแต่ละชั้นสามารถลงเล่นน้ำ นั่งเอาเท้าแช่น้ำสบายๆ ได้ แต่จุดมุ่งหมายของเราก็คือน้ำตกสาริกาที่เป็นช่วงที่น้ำตกไหลจากหน้าผาสูง (เป็นชั้นบนสุดที่เปิดให้เข้าชม) ที่ต้องเดินขึ้นไปสักหน่อย
เดินตามธารน้ำตกมาเรื่อยๆ เราก็จะพบกับภาพความสวยงามของสายน้ำที่ไหลจากหน้าผาสูง ลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง อีกทั้งทั่วพื้นที่ของแอ่งน้ำยังเป็นโขดหินสีครามสลับกับเทา รูปร่างแตกต่างกันออกไปให้ได้ยืนถ่ายรูป นั่งพักผ่อน หรือจะเอนหลังนอนรับลมและละอองน้ำได้แบบฉ่ำๆ อีกด้วย บอกเลยว่าคุ้มค่าการเดินขึ้นมาเป็นที่สุด
มาถึงทั้งทีก็ต้องนั่งพัก เอามือสัมผัสน้ำใสๆ เย็นฉ่ำกันสักหน่อย เท่านั้นยังไม่พอ จะให้ครบก็ต้องถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ไว้อัปลงโซเชียลด้วย!
ออกจากน้ำตกมาไม่ไกล ก็ถึงที่พักของเราในทริปนี้ นั่นก็คือ บ้านสาริกาวอเตอร์ฟอลวิว ที่พักแบบพูลวิลล่าที่ตอบโจทย์การเที่ยวแบบกลุ่มเพื่อนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีห้องพักขนาดใหญ่และหลากหลายห้องที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้มากถึง 44 คนแล้ว ยังมีพื้นที่ส่วนกลางและกิจกรรมให้ได้ทำกันแบบเน้นๆ อีกด้วย
ในบ้านพักจะแบ่งสัดส่วนของห้องต่างๆ ไว้ได้อย่างลงตัว โดยเมื่อเข้าสู่ตัวบ้านเราก็จะพบกับห้องรับแขก ที่มาพร้อมกับโซฟาให้ได้นั่งเล่นอีกด้วย บอกเลยว่าให้บรรยากาศและความรู้สึกเหมือนกับอยู่ที่บ้านเลย
นอกจากนี้ตามโถงทางดินก็จะมีโซฟา กรอบรูปที่ตกแต่งอย่างสวยงามประดับไว้ทั่วทั้งหลัง
ห้องพักของบ้านสาริกาวอเตอร์ฟอลวิว มีให้เลือกอยู่ทั้งหมด 6 ห้อง แบ่งเป็นห้องเล็กจำนวน 4 ห้อง ที่สามารถรองรับได้ 4 คน และห้องใหญ่อย่างห้อง Family room ซึ่งเป็นห้องที่เราเลือกพัก สามารถรองรับได้มากถึง 14 คนกันเลยทีเดียว โดยในห้องใหญ่มีเตียงทั้งหมด 7 หลัง อีกทั้งยังมีพื้นที่กลางห้องกว้างขวาง สามารถปาร์ตี้ได้แบบสบายๆ มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศถึง 2 ตัว รวมทั้งทีวีขนาดใหญ่ และบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเรื่องห้องน้ำ เพราะนอกจากภายในห้องพักจะมีให้พร้อมแล้ว ด้านนอกยังมีห้องน้ำส่วนกลางให้บริการกันอีกด้วย
ภายในห้องน้ำก็แบ่งโซนเปียกและแห้งไว้อย่างดี อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
นอกจากนี้ในบ้านพักยังมีห้องอาหารสุดชิลล์ ที่มาพร้อมกับโต๊ะไม้ เครื่องปรับอากาศ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกาน้ำร้อน แก้วหลากสีสัน จานอาหาร ให้บริการเพียบ
เก็บกระเป๋ากันเรียบร้อย เราก็ออกมาเดินเล่น รับลมและบรรยากาศกาศสบายๆ ริมน้ำกันสักหน่อย ทั่วทั้งบ้านสาริกาวอเตอร์ฟอลวิว ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และสนามหญ้าสีเขียว อีกทั้งยังมีชิงช้าให้ได้นั่งมองวิวฝายน้ำที่มีแนวเขาเป็นฉากหลังได้แบบ HD
มีชิงช้าริมลำธารให้นั่งสบายๆ ด้วย
ตรงกลางของสนามหญ้ามีสระว่ายน้ำที่มาพร้อมกับพร็อพถ่ายรูปสวยๆ อย่างลูกบอลหลากสี ห่วงยางเป็ด แอบกระซิบเพิ่มอีกหน่อยว่าสระว่ายน้ำยังเป็นสระระบบสปาจากุชชี่อีกด้วย และเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยมาก นอกจากจะได้ทั้งมุมสระว่ายน้ำแล้ว ยังมองเห็นลำธารและแนวเขาที่อยู่ด้านหลังในภาพเดียวอีกด้วย
เดินสำรวจรอบที่พักเสร็จแล้วก็ได้เวลาของกิจกรรมสุดสนุกกันแล้ววว โดยทางที่พักก็มีกิจกรรมไว้มากมาย เราเริ่มกิจกรรมแรกกันด้วยการปั่นจักรยานชิลล์ๆ แถวที่พัก ถือว่าเป็นการเรียกเหงื่อสักเล็กน้อยก่อนไปกิจกรรมถัดไป
ต่อด้วยการพายเรือคายัคในลำธาร รับความเย็นฉ่ำของน้ำ พายเรือไป สูดอากาศเย็นๆ ชมวิวริมลำธารไป ฟินมากทุกคน
พายเรือกันจุใจแล้ว ก็มาเติมความฉ่ำ เติมความสดชื่นด้วยการเล่นน้ำเบาๆ ที่ริมลำธาร ต่อด้วยแช่น้ำสบายๆ ในสระว่ายน้ำ เย็นนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มความสนุก ฟินสุดอะไรสุด!
ทำกิจกรรมหนักขนาดนี้ก็ถึงเวลามื้อเย็นของเรา มื้อนี้เป็นแพ็คเกจที่รวมมากับราคาที่พักแล้ว นั่นก็คือเมนูบาร์บีคิว แบบจัดเต็ม 15 ไม้ แต่ละไม้ให้เนื้อไก่ มะเขือเทศ พริก หัวหอม และสับปะรดกันแบบเน้นๆ ย่างบาร์บีคิวไป ยืนพูดคุยกับเพื่อนๆ ไป บอกเลยว่าเป็นมื้อที่สุขที่สุดจริงๆ อีกทั้งในพื้นที่ที่เป็นโต๊ะอาหารกลางแจ้ง ยังประดับไฟสีเหลืองนวล ที่ทั้งสวยและอบอุ่น แถมยังถ่ายรูปออกมาสวยสุดๆ นั่งกินข้าว ปาร์ตี้กันได้แบบยาวๆ กันไปเลย
บรรยากาศในช่วงกลางคืนก็สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันเลย
นอนพักกันเต็มอิ่มแล้ว เราก็ตื่นเช้ากันสักหน่อย เพื่อมาสูดอากาศดีๆ ดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นและแสงแรกของวันที่ส่องกระทบแนวเขาในช่วงเช้า บอกเลยว่ากำไรชีวิตมากๆ
เดินเล่นชิลล์ๆ เรียบร้อย อาหารเช้าก็พร้อมเสิร์ฟพอดี โดยชุดอาหารเช้าก็จะมีทั้งเช็ตข้าวต้ม และเซ็ต American Breakfast ที่มีทั้งกาแฟ โอวัลติน นมสด น้ำส้ม ขนมปังปิ้งพร้อมเนยและแยมผลไม้ และสำหรับใครที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ ก็จะมีไลน์อาหารแบบบุฟเฟต์ให้บริการ
เช็คเอาท์ เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เราก็เติมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตกันหน่อยด้วยการมาเยี่ยมชมพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ สถานที่ที่ได้จำลองเหตุการณ์สำคัญในพุทธกาลอย่างเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาต หรือที่รู้จักกันในเหตุการณ์ที่พระสงฆ์มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายถึง 1,250 รูป โดยมีพระพุทรูปองค์ใหญ่ ที่มีความสูงถึง 13.5 เมตรเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยรูปเคารพของสาวกทั้ง 1,250 รูปเรียงกันเป็นแนว เป็นภาพที่สื่อถึงความศรัทธาและความขลังเป็นอย่างมาก
ในพื้นที่ของพุทธอุทยานฯ สามารถเดินชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ได้ทั่ว อีกทั้งยังสามารถ่ายรูปเก็บไว้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพระธาตุประจำปีนักษัตรจำลอง และศาลาที่มีประติมากรรมและโลหะฉลุลาย ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดให้ได้กราบสักการะกันอีกด้วย
จากนั้นเราก็เดินทางมายังเขื่อนขุนด่านปราการชล สถานที่ท่องเที่ยวสุดขึ้นชื่อของเมืองนครนายก เพื่อขึ้นเรือไปยังจุดเช็คอินสุดกรีนอย่างน้ำตกช่องลม ซึ่งในทริปนี้เราเลือกเหมาเรือหางยาวบริการของ ส.โชคร่ำรวย (081 152 3483) ราคาเหมาจะอยู่ที่ 1,500 บาท/รอบ โดยปกติแล้วใน 1 รอบเหมา เรือก็จะพาเราไปจอดตามจุดไฮไลท์ทั้งหมด 3 จุด คือน้ำตกช่องลม น้ำตกผางามงอน และคลองคราม แต่ในทริปนี้ เราเลือกไปเพียง 2 จุด นั่นก็คือน้ำตกเขาช่องลม และน้ำตกผางามงอน
ติดต่อนัดหมายกับคนขับเรือเรียบร้อย เราก็มาขึ้นเรือที่ท่าเรือบริเวณสันเขื่อนได้เลย จากท่าเรือใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที เราก็เดินทางมาถึงน้ำตกช่องลม ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเรามาในช่วงที่น้ำในเขื่อนมีปริมาณมาก เพราะอยู่ในช่วงหลังฤดูฝนที่เขื่อนจะเก็บน้ำไว้ จึงเยี่ยมชมได้เพียงในส่วนของน้ำตกเท่านั้น
บริเวณน้ำตก เราจะได้ยินเสียงของน้ำที่ไหลก้องทั่วทั้งบริเวณ และยังมีภาพความสวยงามของโขดหินขนาดใหญ่ รวมทั้งเหล่าใบไม้ที่มีสีสันแตกต่างกัน โดยเรือจะไปจอดใกล้กับแนวโขดหิน สามารถนั่งถ่ายรูปในเรือสวยๆ ได้ หรือจะออกไปยืนบนโขดหินก็สวยปังไม่แพ้กัน
ได้รูปเช็คอินเก๋ๆ ที่น้ำตกช่องลมกันอย่างจุใจแล้ว เราก็นั่งเรือไปกันต่อที่น้ำตกผางามงอน น้ำตกที่สวยงามและเป็นน้ำตกสายแอดเวนเจอร์ เพราะการเข้าไปที่น้ำตกแห่งนี้จะต้องปีนป่ายตามแนวหินและดึงเชือกขึ้นไปสู่เวิ้งน้ำตกด้านบนสุด ระหว่างที่เดินตามหินขึ้นไปเรื่อยๆ เราก็จะพบกับความเขียวขจีของมอส เฟิร์น และเหล่าต้นไม้ รวมทั้งสายน้ำที่ไหลเป็นสายมากมายตามแนวซอกหิน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทพนิยายยังไงอย่างงั้นเลย
ไฮไลท์ก็คือชั้นบนสุดของน้ำตก ที่เป็นสายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูง และมีละอองน้ำและลมอ่อนๆ พัดมาสัมผัสผิวอยู่เสมอๆ และยังสามารถมองเห็นชั้นของแนวหินที่ลดหลั่นกันลงไปได้อีกด้วย
ระหว่างนั่งเรือกลับไปยังสันเขื่อน บอกเลยว่าชิลล์มากๆ เพราะนอกจากจะได้รับลมเย็นๆ แล้ว ตามแนวเขายังมีเมฆหมอกมาปกคลุมให้ได้ชมความสวยงามกันอีกด้วย
นอกจากน้ำตกต่างๆ ในเขื่อนแล้ว ที่แนวสันเขื่อนก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน เพราะสามารถมองเห็นเวิ้งน้ำ และแนวหุบเขาสุดกรีน พร้อมกับหมอกที่ปกคลุมได้แบบ HD
ก่อนกลับเราแวะมาพักผ่อน จัดเต็มมื้ออาหารกันที่ครัวริมธาร มีน้ำมีปลา ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ติดกับริมลำธาร ด้านหน้าของร้านก็จะมีมุมถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ให้ได้โพสต์ท่ากันก่อนเดินเข้าสู่ตัวร้าน อีกด้วย
โซนที่นั่งของร้านมีให้เลือกทั้งโซนอินดอร์ห้องแอร์ฉ่ำๆ นั่งกันได้แบบสบายๆ หรือจะเป็นโซนไฮไลท์อย่างโซนเอาท์ดอร์ริมน้ำ ที่ทอดยาวขนานกับลำธาร สามารถรองรับได้มากถึง 250 คนเลยทีเดียว
ตามแนวที่นั่งก็จะมีเปลตาข่ายให้ได้นอนฟังเสียงน้ำสบายๆ ด้วย
ความพิเศษของเมนูร้านครัวริมธาร ก็คือเมนูอาหารจะเน้นเป็นเมนูอาหารไทยและอาหารอีสานสุดกลมกล่อมและครบเครื่อง โดยเมนูที่เราสั่งก็มีทั้งแกงคั่วหอยขม ที่รสชาติกลมกล่อมตามแบบฉบับของแกงคั่ว หอยชิ้นโตพอดีคำ กินกับข้าวสวยร้อยๆ อร่อยมาก ราคาเพียง 230 บาท
ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน ที่เสิร์ฟมาในลูกมาะพร้าวขนาดใหญ่ หอมกรุ่นกลิ่นเครื่องสมุนไพรและกลิ่นหอมละมุนของมะพร้าวอ่อน ของทะเลก็มีทั้งกุ้งและหมึกคำโต ราคา 250 บาท เมนูผัดฉ่าปลาคัง ที่ร้อนแรงจัดจ้าน มาพร้อมกับเนื้อปลานุ่มละมุน ชิ้นพอดีคำ บอกเลยว่าอร่อยมาก ราคาอยู่ที่ 200 บาท
มาต่อกันที่ปลากะพงราดพริกสด ปลาตัวใหญ่ เนื้อขาวแน่น เติมความจัดจ้านกำลังดีด้วยน้ำราดพริกสด ราคา 390 บาท และเมนูกุ้งคั่วพริกเกลือ ที่เต็มไปด้วยกุ้งตัวใหญ่ หอมกลิ่นพริก กระเทียม ราคาอยู่ที่ 300 บาท
นอกจากส่วนของร้านอาหารแล้ว ครัวริมธาร มีน้ำมีปลา ยังมีส่วนของคาเฟ่ชิคๆ สุดน่ารักให้ได้นั่งสั่งเครื่องดื่มฟินๆ อีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอทางร้านยังมีจุดไฮไลท์อย่างที่นั่งกลางลำธาร ที่สามารถถือแก้วเครื่องดื่มลงไปนั่งจุ่มเท้า ถ่ายรูปสวยๆ กลางลำธารได้แบบเก๋ๆ หรือจะเล่นน้ำคลายร้อนให้ชุ่มฉ่ำ (ทางร้านยังมีห้องอาบน้ำให้บริการสำหรับผู้ที่ลงเล่นน้ำอีกด้วยนะ)
ทั้งหมดนี้ก็คือทริปเที่ยวนครนายก 2 วัน 1 คืน ยกแก๊งค์นอนพูลวิลล่าเหมาหลังริมน้ำ เช็คอินจุดอันซีนใกล้กรุง ที่เต็มอิ่มทั้งความสุขจากการพักผ่อนพูลวิลล่าสุดสบายท่ามกลางธรรมชาติ ความประทับใจที่ได้จากการเที่ยวชมสถานที่อันซีนทรงคุณค่า และความสนุกสนานที่ได้ร่วมใช้เวลาในวันพิเศษกับแก๊งค์เพื่อนๆ เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาทริปเที่ยวสบายๆ ไปง่าย วางแพลนง่าย เดินทางสะดวก เราขอแนะนำให้มาเที่ยวนครนายกเลย
สรุปค่าใช้จ่ายทริปเที่ยวนครนายก 2 วัน 1 คืน ยกแก๊งค์นอนพูลวิลล่าเหมาหลังริมน้ำ เช็คอินจุดอันซีนใกล้กรุง
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้าน Tree Story Cafe’ 1,059 บาท
– ค่าเข้าน้ำตกสาริกา รวม 200 บาท (คนละ 40 บาท)
– ค่าที่พักบ้านสาริกาวอเตอร์ฟอลวิว ห้อง Family room 9,000 บาท
– ค่าเรือหางยาว 1,500 บาท (ราคาเหมา)
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้านครัวริมธารฯ มีน้ำมีปลา 1,370 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปอยู่ที่ประมาณคนละ 2,626 บาท (ราคาหาร 5 คน)
** ราคาไม่รวมค่าน้ำมันและของฝาก**
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริปเที่ยวนครนายก 2 วัน 1 คืน ยกแก๊งค์นอนพูลวิลล่าเหมาหลังริมน้ำ เช็คอินจุดอันซีนใกล้กรุง ใครมีวันหยุดก็ตามไปเช็คอิน พักผ่อนชิลล์ๆ ได้เลย หรือถ้าใครอยากไปเที่ยวที่อื่นๆ เราก็มีมาแนะนำกันด้วย กับ One Day Trip เที่ยวนครปฐม นั่งรถไฟฟีดเดอร์ไหว้องค์พระฯ งบคนละไม่ถึง 500 และ One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ!