3 วัน 2 คืน นั่งรถไฟแอ่วเชียงใหม่ แว๊นมอไซต์ นอนโฮมสเตย์แม่แตง

เผลอแป๊บเดียวก็เดินทางมาถึงช่วงปลายปีแล้ว เขาว่ากันว่าช่วงปลายฝนต้นหนาวนี่ล่ะ ที่ธรรมชาติจะชุ่มฉ่ำและสวยงามที่สุด พอพูดถึงธรรมชาติกรีนๆ จังหวัดแรกที่ผมนึกถึงเลยก็คือ “เชียงใหม่” จังหวัดมีทั้ง ภูเขา ต้นไม้ และอากาศดีๆ เหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ว่าแล้วก็ไม่รอช้า..ผมรีบหาวันว่างแพลนทริปเชียงใหม่ทันที กับทริป 3 วัน 2 คืน นั่งรถไฟแอ่วเชียงใหม่ แว๊นมอไซต์ นอนโฮมสเตย์แม่แตง ถ้าอยากรู้ว่าจะสนุกแค่ไหนตามผมมาเล้ยย…

---

3 วัน 2 คืน นั่งรถไฟแอ่วเชียงใหม่ แว๊นมอไซต์ นอนโฮมสเตย์แม่แตง

---

การเดินทางไปเชียงใหม่ครั้งนี้ผมเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษ CNR กรุงเทพ-เชียงใหม่ หรือรถไฟเบาะสีแดงที่หลายๆ คนคงคุ้นหูคุ้นตากันบ้างแล้ว ซึ่งผมซื้อตั่วรถไฟรอบ 18.10 น. เพื่อที่จะให้ไปถึงเชียงใหม่ในตอนเช้า เพราะจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ ขึ้นมาบนรถไฟแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ขอตัวหลับเก็บแรงไว้เที่ยวก่อนละกัน แล้วไปเจอกันที่เชียงใหม่…

---

• Day1 •

เดินทางมาถึงเชียงใหม่เวลา 07.15 น. และการมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้ผมเลือกเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์เช่า ซึ่งมีให้เลือกเช่าตั้งแต่ราคา 250-600 บาท/วัน หรือแล้วแต่การต่อรองราคาของแต่ละคนเลย

รับรถมอเตอร์ไซค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช้าๆ แบบนี้ก็เลยต้องหาคาเฟ่สวยๆ จิบกาแฟรสชาติดีๆ สักหน่อย ไม่รอช้าครับผมปักหมุดแว๊นไปที่ร้าน Tomato Cafa คาเฟ่ชื่อดังย่านสันป่าข่อย ซึ่งเดินทางจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ไม่ถึง 5 นาที จริงๆ แล้วย่านสันป่าข่อยมีคาเฟ่อีกมากมาย แต่ Tomato Cafe นี่ล่ะ ที่ตอบโจทย์ผมมากที่สุด

ภายในตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟท์ผสมกับความเป็นมินิมอลได้อย่างลงตัว แค่เดินเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นกาแฟหอมๆ แล้ว ไม่รอช้าครับ ผมสั่ง อเมริกาโน่เย็น มาจิบให้ชื่นใจสักแก้ว ก่อนไปเดินหามุมเหมาะๆ ถ่ายรูปสักหน่อย

ตัวร้านแบ่งเป็นหลายโซน มีทั้งโซนห้องแอร์ด้านหน้า โซนห้องแอร์ชั้นบน และโซน Open Air ด้านหลังร้าน ใครที่เป็นสายถ่ายรูปผมขอบอกก่อนเลยนะครับว่าเคลียร์เมมกล้องให้พร้อม เพราะร้านนี้มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก

Location: 152-4 ถ.เจริญเมือง ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ // Open-Close: เปิดเวลา 08.00-18.00 น. // Phone: 099 037 4242

ผมเคยได้ยินมาว่า “เที่ยวเชียงใหม่ ขับรถมอเตอร์ไซค์สนุกที่สุดแล้ว” จริงครับ เพราะการขับรถมอเตอร์ไซค์เที่ยวเชียงใหม่ทำให้ผมได้เห็นสิ่งต่างๆ มากขึ้น เช้านี้ผมขับรถผ่าน ขัวเหล็ก หรือ สะพานเหล็ก แลนด์มาร์คในตำนานของเชียงใหม่ที่หลายๆ คนคงคุ้นหูคุ้นตาในฉากหนังเรื่องเพื่อนสนิทกันมาบ้างแล้ว

และไปต่อที่ ประตูท่าแพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ต้องแวะมาถ่ายรูปกันสักครั้ง

ก่อนออกเดินทางไกล ก็ต้องหาที่เติมพลังกันก่อน ไม่รอช้าผมปักหมุดมาที่ร้าน โกเผือกโกดำ เลยทันที

โกเผือกโกดำ ร้านอาหารเช้าชื่อดังของเชียงใหม่ ที่มากไปด้วยเมนูอาหารเช้าและเครื่องดื่มต่างๆ สำหรับมื้อเช้าวันนี้ ผมสั่งเป็น ก๋วยจั๊บญวน ไข่กระทะ กาแฟโกปี๊ออ และพลาดไม่ได้กับเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ชุดขนมปังสังขยา 4 สี

Location: ต.ช้างเเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ // Open-Close: เปิดเวลา 07.30-14.00 น. // Phone: 062 442 4611

เติมพลังเสร็จเรียบร้อย พร้อมแว๊นต่อแล้ว และจุดหมายปลายทางเที่ยวเชียงใหม่สำหรับทริปนี้ผมเลือกเที่ยวที่โซน อำเภอแม่แตง ที่เที่ยวโซนใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก ที่สำคัญเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่แค่ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง และวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักอำเภอแม่แตง แล้วจะรู้ว่าอำเภอแม่แตงไม่ได้มีดีแค่ปางช้าง แต่ยังมีอะไรที่น่าค้นหา น่าเที่ยวอีกมากมาย

ผมปักหมุดไปที่ บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์ ที่พักที่ผมจะไปพักในคืนนี้ การเดินทางก็ง่ายมากๆ จากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าไปอำเภอแม่แตง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ผ่านตลาดสดแม่มาลัยให้สังเกตุทางเข้าซ้ายมือ หรือสามารถเปิด Google Map นำทางมาได้เลย

หลังจากใช้เวลาเดินทางมาประมาน ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์ ที่พักกลางขุนเขาและธรรมชาติที่ตั้งอยู่บนพื้นที่หมู่บ้านผาปู่จอม อำเภอแม่แตง ที่นี่โดดเด่นเรื่องโลเคชั่น เพราะไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในที่พักก็สามารถมองเห็นวิวภูเขาสวยๆ ได้แบบ 180 องศาเลยทีเดียว และยังมีทั้งบ้านพักและเต็นท์กระโจมให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์

ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศนอนเต็นท์กระโจม ผมขอแนะนำเป็น เต็นท์กระโจม VIP Villa เลยครับ มีให้เลือกด้วยกันถึง 2 หลัง ไฮไลท์อยู่ตรงที่ด้านหน้าเต็นท์จะมีอ่างอาบน้ำอยู่ที่ระเบียง บอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ ครับ เริ่มกันที่ เต็นท์กระโจม VIP Villa 1 

และ เต็นท์กระโจม VIP Villa 2 เป็นอ่างอาบน้ำไม้

ซึ่งจริงๆ ผมก็อยากลองนอน เต็นท์กระโจม VIP Villa สักครั้งแต่จองไม่ทัน ผมเลยเลือกพักที่ บ้านริมธาร บ้านพักหลังใหม่ล่าสุดที่ตั้งอยู่กลางป่าเพียงหลังเดียวของ บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์ 

ตัวบ้านดีไซน์ด้วยสไตล์โมเดิร์น เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อเพิ่มฟีลลิ่งให้ผู้เข้าพักได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ภายในตัวบ้านยังผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี ที่ผมชอบสุดๆ เลยก็คือผนังกระจกบานใหญ่ที่สามารถนอนดูวิวธรรมชาติจากบนเตียงได้อย่างเต็มที่

อีกทั้งภายในบ้านยังมีพื้นที่กว้างขวาง มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น

ที่ด้านหน้าห้องพักยังมีระเบียงส่วนตัวพร้อมอ่างอาบน้ำแบบโอเพ่นท์ให้นอนแช่กันแบบฟินๆ อีกด้วย

พาชมบ้านพักกันไปพอหอมปากคอแล้ว เดินทางมาเหนื่อยๆ ผมขอลงไปเล่นน้ำตกส่วนตัวของบ้านว้าวด้าก่อนละกัน ต้องบอกเลยว่าน้ำตกว้าวด้าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่เลย นอกจากจะลงเล่นได้แล้ว ยังเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ แบบเอ็กคูลซีฟได้อีกด้วย

เย็นฉ่ำสุดๆ กันไปเลย

เล่นน้ำตกเย็นๆ จนฉ่ำใจกันไปแล้ว ขอเปลี่ยนบรรยากาศมานอนแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างอาบน้ำที่ระเบียงหน้าห้องให้ผ่อนคลายกันสักหน่อยดีกว่า เพิ่มความฟินด้วยฟองสบู่แบบฟินๆ

นอกจากผ่อนคลายแล้ว ยังเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ได้อีกด้วย รับรองว่าถูกในสายถ่ายรูปอย่างแน่นอน

มื้อเย็นวันนี้ขอจัดหนักด้วย หมูกระทะ สักหน่อย ซึ่งทางที่พักมีบริการเสิร์ฟหมูกระทะถึงหน้าห้องด้วยนะ

ไม่มีอะไรฟินไปกว่านี้อีกแล้วครับ ปิ้งย่างหมูกระทะกลางธรรมชาติ

บรรยากาศยามค่ำคืนของ บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์

Location: 32 ม.8 บ้านผาปู่จอม ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ // Price: ราคาเริ่มต้น 1,000-3,000 บาท // Phone: 093 048 0355 // อ่านรีวิวที่พักฉบับเต็มคลิ๊กที่นี่>> ว้าวด้าโฮมสเตย์  

---

• Day2 •

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยมื้อเช้าจากทางที่พัก มีทั้งข้าวต้มร้อนๆ และไข่ลวก ที่พร้อมเสิร์ฟถึงหน้าห้องเฉพาะผู้เข้าพัก บ้านริมธาร เท่านั้น

และอีกหนึ่งเมนูที่มา บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์ แล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ “ข้าวปุกทอด”

กินมื้อเช้าอิ่มแล้ว สายกาแฟอย่างผมก็ไม่พลาดที่จะหาโลเคชั่นเหมาะๆ ไปนั่งดริปกาแฟแบบชิลล์ๆ สักหน่อย

มุมนี้คือดีงามมากครับ นั่งจิบกาแฟร้อนฟังเสียงน้ำตกเพลินๆ

หลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมของ บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์ ก็คือการเที่ยวชมสวนส้มสายน้ำผึ้งซึ่งสามารถแวะได้ระหว่างทางกลับ

ขับรถแป๊บเดียวก็มาถึง สวนสนแม่แตง หรือชื่อเต็มๆ สวนผลิตเมล็ดพันธุ์ไม้สนสองใบ ตั้งอยู่ริมถนนสายเชียงใหม่-ฝาง ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าไปยัง บ้านว้าวด้า โฮมสเตย์ และแน่นอนครับ มาถึงสวนสนทั้งทีก็อยากได้รูปสวยๆ ไปอัพลงไอจีสักรูป ในสวนสนแม่แตงมีมุมสวยๆ ให้ผมได้โพสต์ท่าเท่ๆ เพียบ

บรรยากาศภายในสวนสนร่มรื่นสุดๆ เหมาะสำหรับมาถ่ายรูปฮิปๆ

ได้รูปจากสวนสนแม่แตงจนพอใจแล้ว ผมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปนั่นก็คือ ไร่ชาลุงเดช ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาน 45 นาที ขับรถกินลมชมวิวมาเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

ไร่ชาลุงเดช ไร่ชาขั้นบันไดหนึ่งเดียวบนดอยม่อนเงาะ ที่ตั้งอยู่บนเขาท่ามกลางธรรมชาติสุดอลังการ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารที่มากด้วยเมนูที่ใช้วัตถุดิบหลักจากใบชาเป็นซิกเนเจอร์

มาถึง ไร่ชาลุงเดช ช่วงเที่ยงพอดี ผมขอจัดเต็มมื้อเที่ยงที่นี่เลยละกัน มื้อนี้ผมสั่ง ไข่เจียวใบชา ยำปลากระป๋องยอดใบชา และชาอู่หลงร้อน

อิ่มพุงแล้ว ก็ต้องไปเดินย่อยหามุมถ่ายรูปกันสักหน่อย ไร่ชาลุงเดชมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก

Location: 91/1 หมู่ 2 ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ // Open-Close: เปิดเวลา 08.00-17.00 น. // Phone: 062 392 4299, 081 163 3765

เสร็จจาก ไร่ชาลุงเดช แล้ว ก็ได้เวลาแว๊นไปต่อที่หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาน 40 นาที

ผมปักหมุดมาที่ อบต.กื้ดช้าง เพื่อมารอพี่เจ้าของโฮมสเตย์มารับและเปลี่ยนขึ้นรถของทางโฮมสเตย์

สำหรับทางขึ้นห้วยกุ๊บกั๊บยังค่อนข้างลำบาก และจะต้องเป็นคนในหมู่บ้านที่ชำนาญเส้นทางเท่านั้นที่จะขับรถขึ้นไปได้

นั่งรถประมาน 30 นาที ก็ขึ้นมาถึง หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวลาหู่แดง ที่ตั้งอยู่บนยอดดอยมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ชาวบ้านของที่นี่ยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย ไร้ไฟฟ้า ไร้แสงสี

บรรยากาศรอบๆ หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ

สำหรับที่พักของผมในคืนนี้เป็นโฮมสเตย์ในหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสาย Backpack ตัวบ้านพักสร้างจากไม้และมีห้องใหญ่ให้นอนรวมกันเพียงห้องเดียวเท่านั้น

ภายในห้องมีที่นอน หมอน และมุ้ง จัดเตรียมไว้ให้พร้อม

หรือใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็สามารถเอาเต็นท์มากางเองที่ระเบียงบ้านได้อีกด้วย

ไฮไลท์ของโฮมสเตย์คงหนีไม่พ้นมุมระเบียงและมุมที่นอนเปล เพราะเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวได้แบบ 180 องศา

บรรยากาศหลังฝนตกยามเย็นวันนี้ ผมโชคดีมากๆ ที่ได้เห็นแสงพระอาทิตย์ตกที่ส่องมากระทบกับทะเลหมอก ซึ่งเป็นภาพที่หาชมได้ยากมากๆ

อาหารมื้อเย็นของโฮมสเตย์เป็นเมนูบ้านๆ ที่เสิร์ฟมาบนขันโตกมีทั้ง น้ำพริกลาหู่ แกงฟักทอง ไข่เจียว และผัดหน่อไม้

บรรยากาศยามค่ำคืนยังมีกิจกรรมรอบกองไฟ ซึ่งมีเพื่อนร่วมทริปที่เดินทางมาพักเหมือนกันกับผม ชวนกันมาเอ็นจอยแบบชิลล์ๆ

Location: 219/1 ม.1 ต.กึ้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ // Price: ราคา 350 บาท/คน/รวมอาหารเย็น-เช้า, ค่ารถรับ-ส่ง 2-4 คน 250 บาท/คน 5-6 คน 200 บาท/คน และ 7 คน 150 บาท/คน, ค่ารับฝากรถคันละ 40 บาท

---

•Day3•

เช้าวันสุดท้ายของทริป วันนี้ผมตื่นตั้งแต่เช้ามาดูทะเลหมอกท่ามกลางอากาศหนาวๆ ด้วยความเงียบและไร้ผู้คนวุ่นวายมันทำให้ผมได้ดูวิวธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

นั่งชิลล์ดูหมอกอย่างเพลิดเพลินก็ได้เวลากินอาหารเช้า ซึ่งเมนูอาหารเช้าจากที่พักมีทั้ง ข้าวต้ม น้ำพริกลาหู่ และไข่เจียว

และผมก็ไม่พลาดที่จะดริปกาแฟร้อนๆ มาจิบปิดท้าย

ผมออกจาก ห้วยกุ๊บกั๊บโฮมสเตย์ ในช่วงสายๆ เพราะวันนี้มีแพลนไปเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ เมื่อลงมาถึงยังจุดฝากรถแล้ว ผมก็ไม่รอช้ารีบแว๊นเข้าตัวเมืองเชียงใหม่เลยทันที

หลังจากใช้เวลาเดินทางมาตัวเมืองเชียงใหม่ประมานชั่วโมงครึ่ง ผมปักหมุดไปที่ วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม วัดเก่าแก่ที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บรรยกาศภายในวัดทั้งสงบและร่มรื่น

ไฮไลท์ของวัดอุโมงค์สวนพุทธธรรมคือ องค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนฐานเจดีย์อายุหลายร้อยปี ภายในฐานขององค์เจดีย์มีอุโมงค์ขนาดใหญ่และสวยงาม มีทางเข้าออก 4 ช่อง และสามารถเดินติดต่อกันได้อย่างทั่วถึง และภายในยังประดิษฐานพระพุทธรูปให้เราได้กราบไหว้ขอพรกันอีกด้วย

ที่มุมด้านหน้าทางเข้าอุโมงค์เป็นอีกหนึ่งมุมสวยๆ มีชุ่มฉ่ำไปด้วยมอสส์สีเขียว

ไหว้พระอิ่มบุญแล้ว ไปอิ่มพุงกันต่อที่ร้าน พอส (PAUSE) คาเฟ่ย่านซอยวัดอุโมงค์หลัง มช. ภายในร้านตกแต่งได้อย่างมีสไตล์ให้อารมณ์เป็นบาร์นิดๆ มีโซนที่นั่งให้เลือกทั้งโซนห้องแอร์ และโซนเอ้าท์ดอร์ มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ให้เลือกหลายเมนู

มุมด้านนอกร้านเป็นอีกหนึ่งมุมฮิปๆ ที่รับรองว่าได้ภาพสวยๆ ไปอัพรูปโปรไฟล์ใหม่อย่างแน่นอน

ย่านซอยวัดอุโมงค์หลัง มช. ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ผมมาเช็คอินก่อนกลับกรุงเทพ นั่นก็คือ บ้านข้างวัด Art Space ของเมืองเชียงใหม่ ที่รวบรวมทั้งงานคราฟท์และงานแฮนด์เมดไว้มากมาย

บรรยากาศภายใน บ้านข้างวัด ชิลล์สุดๆ สัมผัสได้ถึงความสโลว์ไลฟ์ของเชียงใหม่ สำหรับทริปนี้ผมขอลาไปด้วยการเดินช็อปปิ้งหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือก่อนกลับเลยละกัน

Location: 191 ถ.บ้านร่ำเปิง ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่  // Open-Close: เปิดเวลา 10.00-18.00 น.

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริป 3 วัน 2 คืน นั่งรถไฟแอ่วเชียงใหม่ แว๊นมอไซต์ นอนโฮมสเตย์แม่แตง เป็นทริปที่ผมเก็บมาให้ครบทุกบรรยากาศตั้งแต่การเดินทาง ที่เที่ยว ไปจนถึงที่พัก ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเอาทริปนี้เป็นตัวอย่างการเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ได้เลย ไม่ว่าจะมาเที่ยวคนเดียว มากับแฟน หรือมากับชาวแก๊งค์ ขอบอกเลยว่าฟินไปตามๆ กันอย่างแน่นอน ครั้งหน้าผมจะพาไปเที่ยวที่ไหนรอติดตามกันให้ดีๆ เลยครับ…

---

สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป 3 วัน 2 คืน นั่งรถไฟแอ่วเชียงใหม่ แว๊นมอไซต์ นอนโฮมสเตย์แม่แตง
-ค่าตั๋วรถไฟกรุงเทพ-เชียงใหม่ 1,041 บาท
-ค่าเช่ารถรถมอเตอร์ไซต์ 900 บาท/3 วัน
-ค่าเครื่องดื่ม Tomato Cafe 75 บาท
-ค่าอาหาร โกเผือกโกดำ 145 บาท
-ค่าที่พักว้าวด้าโฮมสเตย์ ราคา 2,000 บาท + หมูกระทะ 399 บาท = 2,399 บาท
-ค่าอาหารและเครื่องดื่มไร่ชาลุงเดช 238 บาท
-ค่าที่พักห้วยกุ๊บกั๊บ 350 บาท + ฝากรถ 40 บาท + ค่ารถรับ-ส่ง 200 บาท = 590 บาท
-ค่าเครื่องดื่ม PUASE Cafe 70 บาท
-เติมน้ำมันรถตลอดทริป 200 บาท
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปรวม 5,658 บาท 
(ราคาไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ)

---