3 วัน 2 คืน ไปเที่ยวเพชรกันดุ๊!! นอนเต็นท์ติดแอร์ริมน้ำ ขึ้นเขาพะเนินทุ่งชมหมอก เช็คอินตลาดกลางน้ำตกแบบเก๋ๆ
56,562 ครั้ง
16 มี.ค. 2561
56,562 ครั้ง
16 มี.ค. 2561
เพิ่งจะเข้าช่วงเดือนมีนาคม แต่ความร้อนระอุก็ทะลุปรอทแบบสุดๆ!! จนเสมือนเดือนเมษาเข้าไปทุกที ทริปนี้เลยอยากชวนหนีร้อนไปนอนริมน้ำแบบชิลล์ๆ เก็บกระเป๋าไปเที่ยวแบบสบายๆ ในช่วงวันหยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่เมืองเพชรบุรี กับทริปเบาๆ เน้นนอนชิลล์ ฟังเสียงน้ำ ตื่นเช้าดูหมอก สูดโอโซนดีๆ ที่กลางป่า ตบท้ายด้วยการเดินตลาดน้ำกลางป่าสุดเก๋ๆ ที่ตั้งอยู่บนน้ำตกกันที่เพชรบุรีแบบ 3 วัน 2 คืนกันดุ๊
Day 1 : เราออกเดินทางในช่วงเย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แบบรถไม่ติดก็เดินทางมาถึงจังหวัดเพชรบุรีกันแล้ว ซึ่งกว่าจะถึงที่พักก็ดึกพอสมควร เลยไม่ได้แวะที่ไหน โดยที่พักของเราคืนนี้คือ “บ้านสวนสบายใจรีสอร์ท” ที่พักริมน้ำบรรยากาศชิลล์ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน และที่สำคัญเจ้าของยังใจดีมากๆ
ติดต่อจองห้องพักได้ที่ บ้านสวนสบายใจรีสอร์ท
Day2: วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อเตรียมขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ชมธรรมชาติในป่าใหญ่ สูดโอโซนดีๆ กันซักฟอด สำหรับการเดินทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งจะเปิดเป็นรอบๆ คือ ตั้งแต่เวลา 05-30-07.30 น. และ 13.00-15.00 น. สำหรับขึ้นเขาและตั้งแต่เวลา 9.00-10.00 น. และ 16.00-17.00 น. สำหรับลงเขา ยานพาหนะที่ใช้เดินทาง อุทยานฯ ไม่อนุญาติรถเก๋งและรถตู้ขึ้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างอันตราย มีเนินเขา และหลุมค่อนข้างเยอะ ทริปนี้เราจึงเดินทางด้วยรถของทางรีสอร์ท (มีค่าบริการเพิ่ม)
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มสว่าง เราก็เดินทางมาถึงจุดชมวิวจุดแรกบนเขาพะเนินทุ่ง บริเวณนี้จะเป็นลานกว้าง นักท่องเที่ยวสามารถขับรถมาจอดที่บริเวณด้านหน้า แล้วเดินขึ้นบันไดมาอีกประมาณ 100 เมตร ไฮไลท์และความโชคดี นักท่องเที่ยวอาจได้พบนกเหงือกมากินลูกไม้ใกล้ๆ จุดชมวิวนี้กัน
ใช้เวลากันจนเต็มอิ่มกับจุดชมวิวแรก เราก็นั่งรถต่อไปอีกนิดเพื่อชมวิวหมอกในจุดที่สอง ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นแนวริมหน้าผา ที่คุณจะได้สัมผัสหมอกอยู่ปลายเอื้อมมื้อ นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยที่น่ามาถ่ายรูปแบบสุดๆ
หลังอิ่มเอมกับบรรยากาศของสายหมอกและโอโซน เราก็แวะมานั่งพัก ชมวิวเพลินๆ ที่บริเวณร้านค้าสวัสดิการของอุทยานฯ ซึ่งจะมีอาหารเช้าให้บริการเป็นข้าวพัดกระเพรา ไข่เจียว มาม่า และอื่นๆ ก่อนที่จะถึงเวลาเดินทางลงจากเขาพะเนินทุ่ง
ระหว่างทางก่อนกลับที่พัก เราแวะชมผีเสื้อที่บ้านกร่าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด หากมีโอกาสแวะมาเที่ยวที่แก่งกระจาน คุณจะได้ชมฝูงผีเสื้อกว่าพันตัวบินอยู่เต็มถนน จนเผลอคิดไปว่าหลุดเข้าในโลกนิยายยังไงยังงั้น
ก่อนจะเดินทางกันต่อไปยังที่พัก เมื่อเตรียมตัวเช็คเอ้าท์ และรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งที่บ้านสวนสบายใจรีสอร์ท จะมีร้านอาหาร “ครัวเต็มอิ่ม” ซึ่งเป็นร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำเพชรบุรี และที่สำคัญยังมีเมนูอร่อยๆ สไตล์ฝีมือแม่ให้เลือกรับประทานหลายเมนูทีเดียว
โดยมีเมนูแนะนำเป็นยำผักกรูด ใบเหลียงผัดไข่กุ้งสด ปลานิลทอดกระเทียม กระดูกอ่อนผัดพริกไทยดำ และน้ำพริกกะปิผักสด ที่อร่อยลงตัวแบบสุดๆ และที่สำคัญผักที่นำมาทำอาหารเป็นผักสวนครัวที่รับรองว่าปลอดสารพิษอย่างแน่นอน
หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารที่ “ครัวเต็มอิ่ม” เราก็เตรียมออกเดินทางกันต่อไปยังที่พักของเราในคืนนี้ แต่ก่อนที่จะเข้าเช็คอิน ขอแวะเที่ยวที่ โครงการชั่งหัวมัน กันก่อนเพราะตั้งอยู่ใกล้กับที่พักของเรานั่นเอง
โครงการชั่งหัวมัน เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 ซึ่งเกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้ประสบความสำเร็จและสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง
ภายในโครงการชั่งหัวมันจะมีสินค้าแปลรูปมากมายให้เลือกซื้อเป็นของฝาก
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. ไปจนถึง 18.00 น. ภายในโครงการชั่งหัวมันมีแปลงผักสาธิตให้เราได้เดินชม มีแปลงดอกไม้นานาพรรณให้เราได้ถ่ายรูปเล่น และยังมีรถยานให้ยืมปั่นฟรีชมวิวฟาร์มได้อรกด้วย หรือถ้าใครพาผู้ใหญ่มาไม่สะดวกปั่นจักรยาน ก็มีรถทัวร์พาชมเช่นกัน
หลังจากถ่ายรูปเล่น และอิ่มเอมไปกับความรู้ด้านเกษตรแบบพอเพียง เราก็เตรียมเดินทางกันต่อไปยังที่พักของเราใรคืนนี้ที่ “ริเวอร์เทล แก่งกระจาน” เป็นที่พักบรรยกาศดี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรี มีสไตล์ห้องพักที่เก๋ไก๋แปลกตา เหมาะมานอนชิลล์ๆ สูดลมหายใจลึกๆ เป็นที่สุด
ภายในห้องพักมากมายไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างดี มีเตาปิ้งย่างหน้าบ้านอีกด้วย ใครที่อยากปาร์ตี้บาบีคิว ก็สามารถหาซื้อของมาปิ้งย่างได้เลย และที่สำคัญต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะจ๊ะ
หากใครที่อยากมานอนเต็นท์ติดแอร์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ “ริเวอร์เทล แก่งกระจาน”
Day3 : เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้ามารับลมชมวิวที่ริมน้ำ ก่อนจะเตรียมล้างหน้า ล้างตา เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทได้จัดไว้ให้ โดยเมนูอาหารเช้าของที่นี่จะมีข้าวต้มหมู ปาท่องโก๋ โอวัลติน ชา กาแฟ
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ก็กลับมานอนกลิ้ง ถ่ายรูปเล่นกันจนเพลินก็ถึงเวลาเช็คเอ้าท์พอดี ซึ่งในวันนี้ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราจะแวะไปถ่ายรูปเล่นที่สะพานแขวนจากภาพยนต์ชื่อดัง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 7 กิโลเมตรเท่านั้น
สะพานแขวนแก่งกระจาน เป็นสะพานเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างอุทยานฯ แก่งกระจาน กับเกาะเล็กๆ ในแก่งกระจาน ซึ่งบนเกาะจะมีลิงจำนวนมากอาศัยอยู่ และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว สะพานจะถูกปิดด้วยลวดหนามที่บริเวณกลางสะพาน นักท่องเที่ยวจะสามารถได้อยู่ได้แค่ฝั่งอุทยานเท่านั้น หากใครอยากชมฝูงลิงก็สามารถนั่งเรือชมเขื่อนได้ จะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที เช่าเหมาลำ 600 บาท
ถ่ายรูปเล่นกันจนเพลิน เผลอแพร้บเดียว! ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เลยขอแวะไปหาของกินอร่อยๆ ที่ตลาดน้ำกลางป่าบนน้ำตก ซึ่งจากเขื่อนแก่งกระจานจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เมื่อมาถึงทางเข้ารถค่อนข้างติดทีเดียว เพราะตลาดแห่งนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น
ตลาดน้ำกวางโจว ก่อนจะเข้าไปด้านในนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าเข้าคนละ 25 บาท บริเวณด้านในตลาดจะมีร้านอาหารกระจายอยู่ตามใต้ร่มไม้ ซึ่งร้านอาหารที่นี่จะมีไม่ค่อยเยอะ เพราะด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ส่วนที่นั่งรับประทานอาหารจะเป็นแพไม้ไผ่ริมน้ำสามารถนั่งได้ประมาณ 6-7 คน
ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากจะได้แวะกินของอร่อยๆ แล้ว ยังมีสปาปลาให้นั่งจุ่มเท้า ปลาตอดกันแบบเพลินๆ และยังมีลานลงเล่นน้ำด้านบนน้ำตกที่มาพร้อมกับสไลด์เดอร์แบบเก๋ๆ หรือถ้าใครอยากจะพายเรือก็มีให้เช่าลำละ 30 บาท
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันสักพัก ก่อนจะเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ซึ่งก่อนจะกลับก็พลาดไม่ได้ที่จะแวะซื้อน้ำตาลสดกลับบ้านติดไม้ติดมือสักขวด ถ้าใครที่ชอบน้ำตลาดสดแนะนำเลยค่ะ ร้านทางเข้าตลาดกวางโจวเป็นคุณลุงกับลูกสาววัยประถมมาขาย หอม หวาน ชื่นใจสุดๆ