One day trip | ท่าขุนราม กำแพงเพชร กับชีวิตที่สุขพอดี
5,061 ครั้ง
20 ธ.ค. 2564
5,061 ครั้ง
20 ธ.ค. 2564
กำแพงเพชร จังหวัดที่ใครหลายๆ คนได้ยินชื่อคงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ และเฉาก๊วยมาเป็นอันดับแรก แต่เสน่ห์ของกำแพงเพชรไม่ได้มีเพียงเท่านั้น! หากได้รู้จักกับ ตำบลท่าขุนราม พื้นที่ตำบลที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวิถีชุมชนแสนจะอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ผสมผสานวัฒนธรรม 3 วิถี คือ ภาคเหนือ อีสาน และกลางเข้าด้วยกันได้อย่างงดงามสุดๆ และในวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกคนไปใช้ชีวิตชิลล์ๆ ดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ กับ “One day trip | ท่าขุนราม กำแพงเพชร กับชีวิตที่สุขพอดี”
การเดินทางของเราเริ่มต้นกันที่ตัวเมืองกำแพงเพชร ขับรถออกมาราวๆ 8 นาที เราก็จะเข้าสู่พื้นที่ของตำบลท่าขุนราม อำเภอเมืองกำแพงเพชรซึ่งบรรยากาศสองข้างทางระหว่างขับรถมาได้ฟีลความสงบมากๆ ทุกๆ คนที่นี่ดูใช้ชีวิตกันอย่างสบายๆ ไม่รีบร้อน สถานที่แรกที่เรามาก็คือ วัดอุทุมพร ต้องบอกเลยว่าเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนวัดอื่นๆ เพราะใบเสมาของที่นี่แกะสลักมาจากไม้สักทองทั้งหมด! และที่ยิ่งกว่านั้นใบเสมาทุกใบมีซุ้มไม้ทรงไทยขนาดย่อส่วนที่มีพุทธรูปแกะสลักซึ่งเป็นพระซุ้มกอและพระกำแพงปางลีลาประดับสลับกันโอบล้อมทั่วโบสถ์
เมื่อเดินเข้ามาภายในโบสถ์ เราก็จะพบกับสุดยอดความอลังการของฝีมือช่างท้องถิ่น นั่นก็คืองานฉลุลายไทยไม้สักทองที่ติดเรียงกันอย่างสวยงาม เห็นแล้วรู้สึกภาคภูมิใจแทนคนในพื้นที่จริงๆ ที่มีหัตถศิลป์ดีๆ แบบนี้
ด้านข้างเราจะพบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่เด่นตระหง่าน หลวงพ่อทันใจรวยทรัพย์ พระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพศรัทธาและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวชุมชน แอบกระซิบว่าชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างมาขอพรกับหลวงพ่อทันใจรวยทรัพย์กันไม่น้อยเลย เมื่อสำเร็จก็จะนำไข่ 99 ฟอง มาถวาย บอกเลยว่าถ้ามาเที่ยวกำแพงเพชรต้องมาสักการะให้ได้
ออกเดินทางจากวัดอุทุมพรไม่ไกลมากเป็นที่ตั้งของ วัดตะเคียนทอง วัดเก่าแก่ที่มีสมบัติแผ่นดินอีกชิ้นหนึ่งที่ประเมินค่าไม่ได้กันเลยทีเดียว! นั่นก็คือ ต้นตะเคียนโบราณอายุนับ 700 ปี ขนาด 14 คนโอบ และได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในรุกขมรดกของชาติอีกด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าปัจจุบันยังมีต้นไม้อายุหลายร้อยปีที่ยังคงตระหง่านให้ร่มเงาอยู่ อันซีนสุดๆ
นอกจากนี้ด้านหลังของต้นตะเคียนโบราณ ยังมีเรือโบราณอายุใกล้เคียงกันที่ขุดจากตะเคียนต้นเดียวอวดโฉมให้เราได้เห็นความสวยงามอีกด้วย
วิหารของวัดตะเคียนทองไม่ธรรมดาเลย เพราะเป็นวิหารศิลาแลงที่บ่งบอกถึงความเป็นกำแพงเพชรสุดๆ ด้านในมีพระประธานประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ ฝาผนังของวิหารก็ตระการตาไปกับภาพจิตรกรรมที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยคติธรรมสุดลึกซึ้ง เป็นการประยุกต์หลักธรรมกับงานศิลปะให้สื่อออกมาเข้าใจง่ายมากๆ
มาเติมแต้มบุญกันอีกสักหน่อยกันที่ วัดบ้านใหม่สุวรรณภูมิ วัดใหญ่กลางชุมชนที่มีวิหารเป็นโถงสุดกว้างขวางที่ประดิษฐาน หลวงพ่อใหญ่ เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อใหญ่ คือ เมื่อชาวบ้านมีปัญหาเรื่องใด มากราบไหว้ขอพรส่วนใหญ่จะสำเร็จ การแก้บนหลวงพ่อใหญ่ ส่วนใหญ่แก้บนโดยการถวายไข่ต้ม ผลไม้ พวงมาลัย
ความรู้สึกเมื่อเดินเข้าไปกราบองค์ท่าน บอกเลยว่าสงบและยิ่งใหญ่มากๆ นี่แหละที่เรียกว่าพลังของความศรัทธา นอกจากนี้ ภายในวิหารยังมีเสาวิหารซึ่งเป็นเสาที่ชาวบ้านรวมตัวกันสร้างจากไม้มะค่า ไม้มะหาด เป็นศิลปะล้านนา มีจำนวนทั้งหมด 44 ต้น เสาวิหารเป็นคู่เนื่องจากความเชื่อของคนเหนือเชื่อว่าเลขคู่เป็นเลขมงคล เป็นวัดที่มากกว่าวัดจริงๆ เพราะเป็นแหล่งรวมศิลปะที่มีคุณค่าของท้องถิ่นเอาไว้ด้วย อีกทั้งบริเวณพื้นที่ของวัดเป็นลานกว้างเหมาะกับการเดินเล่นชิลล์ๆ มาก
อิ่มบุญเต็มๆ กันในช่วงเช้าไปแล้วเราก็มาอิ่มท้องกันต่อที่ ร้านแซ่บนัว ครัวริมน้ำ ร้านอาหารบรรยากาศดีที่มีสระน้ำสีเขียวมรกตอยู่ใจกลาง ในร้านมีโซนที่นั่งให้เลือกทั้งแบบโถงด้านหน้าร้านและโซนซุ้มริมสระน้ำที่ตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวสุดๆ
มีเปลตาข่ายพร้อมกับเบาะนุ่มๆ ให้ได้นั่งเล่นระหว่างรออาหารอีกด้วย
รสชาติอาหารไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะอร่อยแซ่บสมชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเมนูลาบหมูคั่ว แกงอ่อมหมู คอหมูย่าง สามชั้นทอดงา และยำรวมมิตร กินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ บอกเลยว่ามื้อนี้นัวมาก
เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว เราก็มาที่โคกหนองนาโมเดล สถานที่ทดลองการใช้พื้นที่ทำการเกษตรแบบผสมผสานที่บรรยากาศสุดชิลล์ ให้ฟีลความสบายใจแบบท้องทุ่งมาก มีพืชที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้วย พริกไทย ฟัก กระเจี๊ยบ ตะไคร้ ผักกาด สะระแหน่ ต้นหอม มะพร้าว บัว และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่สำคัญเรามาที่นี่เพื่อเรียนรู้การทำอาหารสุดครีเอทโดยใช้วัตถุดิบจากพื้นที่ล้วนๆ นั่นก็คือ เมี่ยงลาบปลาดุก เมนูนี้บอกเลยว่าเฮลตี้สุดๆ เพราะอุดมไปด้วยสมุนไพรสุดหอมที่กินพร้อมกับปลาดุกกรอบๆ ที่ปรุงรสลาบมาอย่างดี นอกจากจะได้เรียนรู้การทำเมนูอาหารรสเลิศแล้ว ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตการทำเกษตรของชาวท่าขุมรามไปพร้อมๆ กันด้วย เป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่ได้อะไรเยอะมากๆ
คลุกลาบปลาดุกเรียบร้อยแล้วก็เอามาใส่ในใบชะพลูที่เตรียมไว้ แล้วห่อเป็นคำๆ บอกเลยว่าสุดฟิน เคี้ยวสนุก อร่อยเพลินมากๆ
หลังจากพักผ่อนและกินของว่างที่โคกหนองนาโมเดลแล้ว เราก็แวะมาเดินเล่นชิลล์ๆ ริมฝาย รับลมและให้เสียงน้ำกล่อมความรู้สึกสักหน่อยกันที่ฝายท่ากระดาน แหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยวชีวิตชาวท่าขุนรามมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพของแสงอาทิตย์ที่สะท้อนผืนน้ำระยิบระยับในช่วงบ่ายแก่ๆ พร้อมกับภาพวิวภูเขาไกลๆ เป็นฉากหลัง ทำให้ใจเผลอหลุดลอยไปกับธรรมชาติได้เลยนะเนี่ย
และแล้วช่วงเวลาเย็นก็มาถึง เรากลับมากันที่วัดอุทุมพรอีกครั้ง เพราะในวันที่เราไปตรงกับวันที่ชาวชุมชนในตำบลท่าขุนรามจัดกิจกรรมตลาด 3 วิถี บอกเลยว่าโชคดีมากๆ เพราะนอกจากจะมีตลาดถนนคนเดินเล็กๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมที่ชาวชุมชนเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจอย่างเราๆ เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเป็นกันเองด้วย
กิจกรรมแรกของเรานั่นก็คือ การทำขนมเบื้องญวนสูตรโบราณของท่าขุนราม ยืนดูคุณน้าสาธิตได้สักพัก เราก็จัดเลย รอบนี้ขอฝึกเป็นผู้ช่วยคุณน้าไปก็แล้วกัน
แป้งสีเหลืองนวลหอมๆ ที่ห่อหุ้มไส้ที่มีส่วนผสมทั้ง ผักกาดเค็มสับ กุ้งแห้ง มะพร้าวขูด ถั่วงอก ผักชี และถั่วเอาไว้ ราดด้วยน้ำอาจาดที่รสกำลังดี เมนูนี้อร่อยประทับใจสุดๆ
รองท้องด้วยของว่างแสนอร่อยแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมให้เราได้ทำ นั่นก็คือ การพิมพ์ถุงผ้า และจะบอกว่าลายที่เราพิมพ์เป็นลายที่น้องๆ ในชุมชนออกแบบเองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชุมชน นั่นก็คือ ก๋วย หรือ ชะลอมสาน ที่มาจากประเพณีต๋านก๋วยสลากซึ่งเป็นประเพณีประจำตำบลนั่นเอง สร้างสรรค์สุดๆ เลย ถือว่าได้ของฝากสุดเก๋ที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วไปฝากเพื่อนๆ ด้วย
หลังจากทำกิจกรรมทั้งสองเสร็จ แสงอาทิตย์ก็เริ่มทอสีทองเตรียมลาท้องฟ้าไป จังหวะดีกับที่ตลาด 3 วิถีตั้งร้านเรียบร้อยพอดี ทางเดินเข้าตลาดตกแต่งสวยมาก เหมือนงานอาร์ตเล็กๆ งานหนึ่งเลย และทั่วทั้งงานเราก็จะเห็นสัญลักษณ์ของชุมชนที่เป็นก๋วยอยู่ในทุกจุดเลย
ภายในงานมีร้านอาหารที่มีทั้งอาหารเหนือ อย่างไส้อั่วย่างร้อนๆ และน้ำพริกหนุ่ม อาหารอีสานที่มีไก่ย่าง ส้มตำ หรือจะเป็นขนมภาคกลาง อย่างขนมตาล ก็มีให้เลือกอย่างมากมาย บอกเลยว่าเลือกไม่ถูกจนอยากจะซื้อทุกๆ อย่างกันเลยทีเดียว
นี่เลย! ถ้าใครสนใจอยากลองถักตะกร้าหรือสานกระด้ง ก็ลองทำได้เลย มีคุณครูเป็นคุณยายทั้งสองท่าน น่ารักมากๆ
โถงทางเดินบนอาคารตรงนี้มีจัดแสดงภาพถ่ายของบุคคลและเรื่องราวของชุมชนในตำบลในอดีตด้วย สวยงามมากๆ และเมื่อเทียบกับปัจจุบันแล้วพื้นที่นี้ยังคงรักษาความดั้งเดิมและเสน่ห์ไว้ได้ค่อนข้างครบถ้วนเลยทีเดียว
เที่ยวมาทั้งวันแล้ว เราก็มาผ่อนคลายเส้นและกล้ามเนื้อกันสักหน่อย ที่นี่มีบริการนวดด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นนวดคอ บ่า ไหล่ นวดเท้า หรือนวดแบบลูกประคบก็มีให้เลือก บริการดีมาก นั่งผ่อนคลายไปชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ กับบรรยากาศชุมชน นี่แหละความสุข!
ได้ของกินแล้วเราก็มาจับจองที่นั่ง โชคดีมากได้นั่งในมุมที่เห็นเวทีชัดมาก ความน่ารักของที่นี่คือมีการแสดงจากน้องๆ และคุณลุงคุณป้าในชุมชนให้ดูเพลินๆ ตอนกินข้าวด้วยแหละ
รำวงชาวบ้านสนุกมาก มีช่วงแถมรอบพิเศษให้คนที่มาเดินงานเข้าไปเต้นได้ด้วย
หนึ่งวันที่ครบถ้วนและมีความสุขมากๆ กับวิถีชีวิตของชาวท่าขุนราม เป็นการท่องเที่ยวที่คิดไม่ถึงเลยว่าเมืองสงบอย่างกำแพงเพชรจะเก็บรักษาความงามไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งผู้คน สถานที่ รวมทั้งอาหารต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่พร้อมจะทำให้ผู้มาเยือนตกหลุมรักไปโดยไม่รู้ตัวเลย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาสถานที่ที่สงบ เก็บครบทั้งสายบุญ กิน และชิลล์ และมีครบทั้งวัฒนธรรมที่ผสมผสานของทั้ง 3 ภาค แนะนำเลยว่าท่าขุนราม กำแพงเพชร ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
สนใจท่องเที่ยวตำบลท่าขุนราม ติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1.นางสังวาลย์ คงเนียม (โทร 088 162 1948) 2.นางสาวยุพาพรรณ โพธิ์ชัย (โทร 087 316 6539) และ 3.นางสาวชมภู ทาริยะวงค์ (โทร 086 938 7839)
ไหนๆ ก็มากำแพงเพชรแล้ว ลองแวะเติมความหวานให้ร่างกายกันหน่อยกับ อัปเดต 10 คาเฟ่กำแพงเพชรสุดชิค เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม! หรือจะขับรถไปกันต่อที่สุโขทัยก็ไปได้ไม่ยาก เพราะเรารวม 9 ที่เที่ยวสุโขทัย เมืองเก่าเที่ยวได้ฟินๆ ไม่มีคำว่าเชย