บ้านโฉลกหลำ วันเดียวเที่ยวไม่จบ หลบแสงสี มาปาร์ตี้ดื่มด่ำธรรมชาติ สัมผัสชีวิตชาวเลแท้ๆ
7,542 ครั้ง
24 ต.ค. 2561
7,542 ครั้ง
24 ต.ค. 2561
เที่ยวทะเลไหนดี… คำถามนี้อาจมีคำตอบมากมายแต่ท้ายสุดและสุดท้ายมาจบลงที่ “เกาะพะงัน” พอบอกเกาะพะงันเพื่อนๆ มักบอกเป็นเสียงเดียวกันฟูลมูนปาร์ตี้… ไม่ใช่ค่ะ ไม่ได้เที่ยวฟูลมูน แต่ทริปนี้ขอมาดื่มด่ำกับธรรมชาติและดูวิถีชีวิตชาวเลของชาวบ้าน เพราะเชื่อว่าที่เกาะพะงันยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจให้ใกล้ชิดธรรมชาติอีกหลายจุด
“บ้านโฉลกหลำ” ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่เราเลือกเป็นแหล่งเช็คอิน เพื่อเติมพลังให้กับตัวเอง โดยไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนเลยว่า ชุมชนแห่งนี้เคยโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทำอาชีพทางทะเล เพราะ มีหน้าอ่าวที่ใหญ่ เรือสัญจรไปมาทางน้ำเส้นทางนี้ต้องแวะมาจอดที่นี่ จึงเคยเป็นจุดที่เฟื่องฟูมีคนเข้าออกพลุกพล่าน
แต่นั่นเป็นอดีตเมื่อประมาณเกือบสามสิบปีที่ผ่านมา เพราะปัจจุบัน ชุมชนแห่งนี้ดำรงวิถีชีวิตประมง ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมพื้นฐานแบบเรียบง่าย ไม่มีคนเข้าออกมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะหน้าอ่าวที่เคยเป็นร่องลึกเกิดตื้นเขินโดยธรรมชาติ ทำให้เรือเข้ามาจอดไม่ได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เริ่มมีนักท่องเที่ยวสายชิลล์ ชอบธรรมชาติ เริ่มมาเที่ยวมากขึ้นแล้ว ชาวบ้านจึงลุกขึ้นมาบริหารจัดการเปิดบ้าน และทำรีสอร์ทเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ป้าเจ้าของร้านอาหารที่ไปทานยิ้มยิงฟันขณะเล่าให้ฟังว่า บ้านโฉลกหลำ เพิ่งได้รับรางวัลชมเชย จากการคัดเลือกชุมชน OTOP นวัตวิถี จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วยนะ ดีจริงไม่คิดเลยว่าทริปนี้จะได้เที่ยวและสัมผัสแบบใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายขนาดนี้
จุดเด่นที่มาแล้วต้องไม่พลาดคือ ดำน้ำดูปะการัง เพราะบ้านโฉลกหลำ เป็นจุดดำน้ำที่ขึ้นชื่อลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย สามารถดำน้ำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก เช่น ที่หาดขอม หาดท้องหลาง เกาะม้า และที่หน้าอ่าวโฉลกหลำเลย
แต่ถ้าชอบแนวแอดเวนเจอร์ ต้องไปที่ “วังไทร Adventure Park” มีกิจกรรมให้วัดใจอย่าง ปีนหน้าผา และ ซิปไลน์ ครูที่มาดูแลกิจกรรมที่นี่เคยเป็นมือหนึ่งเรื่องการปีหน้าผาอ่าวนาง จ.กระบี่ เลยทีเดียว จึงไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อเข้ามาแล้วมีกิจกรรมมากมายหลายฐานให้สนุกได้ทั้งวัน เมื่อเข้ามาที่นี่จึงได้ยินแต่เสียงกรี๊ดของคนที่เริ่มลองเล่นกิจกรรมต่าง ๆ เป็นครั้งแรก…
ด้วยความอยากใกล้ชิดชาวบ้าน จึงแวะลงไปดูสวนมะพร้าว มีลิงกำลังเก็บมะพร้าวพอดี และได้ดูวิธีการทำผลิตภัณฑ์น้ำมัน สกัดมะพร้าวเย็น แถมท้ายด้วยการทำขนมพื้นบ้าน พี่คนทำบอกว่า กิจกรรมนี้ต้องนัดแนะกันก่อนเพราะไม่ได้มีให้ดูทุกวัน ถ้านักท่องเที่ยวสนใจก็สอนให้ได้ โชคดีจังที่ไปแล้วตรงจังหวะพอดี เลยได้ร่วมทำกับเขาด้วย…
เดินเที่ยวและทำกิจกรรมแล้ว ท้องเริ่มหิว ได้รับคำแนะนำอีกครั้งจากคนในพื้นที่ว่า มาโฉลกหลำ ต้องไม่พลาดชิมอาหารพื้นบ้านที่เข้ากันมีรวมทั้งหมดห้าอย่างด้วยกัน คือ ข้าวมันกะทิ เป็นข้าวที่เอากะทิมาร่วมปรุง (ลักษณะเหมือนข้าวมันไก่) ทานร่วมกับ น้ำชุบ ซึ่งก็คือน้ำพริก หน้าตาคล้าย ๆ น้ำพริกเผา ทานกับผักสด อีกอย่างคือ น้ำชุบมุงมัง คือ การเอาลูกตะลิงปริง มาซอย ใส่หอม พริกขี้หนู หรือ กุ้งแห้งร่วมไปด้วย หมูโค คือ การเอามาหมูมารวนทำให้แห้งใส่เครื่องปรุงรส และ แกงเลียง แบบบ้าน ๆ จะมีกุ้งแห้งที่ชาวบ้านทำเอง และผักที่ปลูกไว้ในบ้านนำมาทำเป็นแกงเลียง
หลังได้ชิมแล้วต้องยกนิ้วให้ เพราะ หรอยจังฮู้
มนต์เสน่ห์ของบ้านโฉลกหลำ อีกอย่าง คือ การได้เดินชิลล์บนถนนสายซีฟู้ด นักท่องเทียวเรียกว่า Seafood Street ในย่านตลาด ทุกร้านอาหารในย่านนี้จะมีแต่อาหารทะเลสด ๆที่สามารถเลือกซื้อและเลือกร้านนั่งได้เลย หรือถ้าชอบบรรยากาศแบบชิลล์ ๆ ที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกดินและยังเห็นมุมกว้างของพะงันได้ทั้งเกาะแบบ 360 องศา ก็สามารถเลือกร้านในระแวกนั้นได้เช่นกัน
เผลอเดินเที่ยวแวบเดียว หนึ่งวันแล้วยังเที่ยวไม่ครบเลย จริงดังที่มีคนบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า “โฉลกหลำ วันเดียวเทียวไม่จบ” เพราะนี่ยังไม่ได้ไปแวะเที่ยวที่หาดมารีบู ซึ่งมีหาดทรายสะอาด ทรายนิ่มเท้า มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายภาพ ให้นอนอาบแดด และยังมี ทะเลแหวก อยู่ที่หน้าหาด และเกาะม้า อีก
การมาเที่ยวที่นี่ไม่ยากเลย จากกรุงเทพฯ มาลงที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตรงไปที่ท่าเรือเพื่อข้ามไปเกาะพะงัน จากท่าเรือที่เกาะพะงัน มีรถสองแถว ที่เป็นรถประจำทาง หรือเป็นรถรับจ้างเหมาแล้วแต่ความสะดวก ใช้บริการขับตรงไปในหมู่บ้านได้เลย ถ้าถึงในหมู่บ้านก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พัก เพราะ มีทั้งแบบโรงแรมขนาดใหญ่ และรีสอร์ท ให้เลือกพักได้ตามความสะดวกของเงินในกระเป๋า
ก่อนกลับ ชาวบ้านที่นี่ยังกระซิบบอกอีกว่า มีเทศกาลไดหมึก แต่ต้องมาช่วงเดือนกุมภาพันธ์- เมษายน ช่วงนั้นมองออกไปหน้าหาดจะเห็นแสงสีเขียวระยิบระยับอยู่ในทะเล แล้วเจอกันอีกครั้ง บ้านโฉลกหลำ ชุมชนของคนที่มีแต่รอยยิ้มและมิตรไมตรี
“บ้านโฉลกหลำ” จ.สุราษฎร์ธานี เป็นส่วนหนึ่งของโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ถูกขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” จากการที่รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งสร้างรายได้และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกันภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง เพื่อสร้างรอยยิ้ม คืนความสุข เพื่อคนไทยทุกคน และหากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมแบบไทย ๆ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nawatwithi.com หรือ www.facebook.com/nawatwithi