ผาช่อ แกรนด์แคนยอนเมืองไทย ที่สุดแห่งประติมากรรมธรรมชาติ สุดอันซีน
891 ครั้ง
23 ม.ค. 2568
891 ครั้ง
23 ม.ค. 2568
อีกหนึ่งโลเคชั่นที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาเที่ยวเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ อายุกว่า 5 ล้านปี และนี่ก็คือ ผาช่อ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วาง อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของการแปรสัณฐานแผ่นธรณีอันน่าทึ่ง ทำให้นึกถึง แพะเมืองผี จังหวัดแพร่ หรือ เสาดินนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นความสวยงามจากฝีมือของธรรมชาติทั้งสิ้น วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาเพื่อนๆ มาชม ผาช่อ แกรนด์แคนยอนเมืองไทย ที่สุดแห่งประติมากรรมธรรมชาติ สุดอันซีน จะยิ่งใหญ่แปลกตา สวยงามแค่ไหน ไปชมกันต่อเลย
สถานที่แห่งนี้ คือ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพพื้นดินที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนได้ชื่อว่า แกรนด์แคนยอนเมืองไทย เป็นประติมากรรมธรรมชาติ เกิดจากตะกอนที่สะสมบริเวณแนวเทือกเขา และถูกดันขึ้นมาเนินเขา ต่อมาถูกกัดเซาะจากลำน้ำปิงสายเก่า และฝนยาวนานหลายล้านปี จนกลายเป็นหน้าผาที่มีลวดลายและรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ราวกับมีคนสร้างไว้ มีรูปแบบเป็นช่อเรียงรายเป็นชั้นตระการตา พร้อมเป็นทั้งแหล่งความรู้เชิงธรณีวิทยากับฉากถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แกรนด์แคนยอนเมืองไทยแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแม่วาง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่โดยขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ค่าเข้าเข้าชม 20 บาท และค่าที่จอดรถ 30 บาท เราแนะนำเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินไกลมากให้จอดรถที่ลานจอดรถที่ 3 โดยภายในอุทยานมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 500 เมตร ไม่ไกลจากที่จอดรถ เดินชิลล์ๆ มีป้ายแนะนำอธิบายให้ความรู้ตลอดทาง และจุดเช็คอินที่แรก เป็นระเบียงกว้างมองเห็นวิวภูมิประเทศของอำเภอดอยหล่อ ภาพยอดต้นไม้น้อยใหญ่สลับกันไปมา สวยงามมาก
จากลานจอดรถที่ 1 บริเวณด้านข้างป้าย จะมีทางเดินลงไปยังหน้าผาในตำนาน แต่ต้องผ่านด่านขั้นบันไดมากกว่าหนึ่งร้อยขั้น โดยเส้นทางนี้จะเดินไกลกว่าลานจอดรถที่ 3 ทั้งสองจุดมีบริการห้องน้ำสะอาด แวะเข้าก่อนออกเดินทางต่อได้เลย
การเดินทางไปยังจุดไฮไลท์ มีป้ายแสดงตัวอย่างรูปภาพและมีคำอธิบายบอกอย่างละเอียด มาเที่ยวแถมได้ความรู้แบบแน่นๆ
เพื่อนๆ สังเกตลวดลายของดินและหินจากหลักฐาน เชื่อว่าที่นี่นั้นเป็นเส้นทางของสายน้ำแม่ปิงเก่ากว่า 5 ล้านปีมาแล้ว ที่ได้พัดพาตะกอน กรวด หินน้อยใหญ่มาทับถมจากตะกอนที่สะสมตามเขาของแนวเทือกเขาถนนธงชัยกลาง ตอนปลายยุคเทอร์เชียรี เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เพื่อนๆ เห็นนี่แหละครับ โดยหินแต่ละก้อนจะบดบังหน้าดิน เมื่อมีฝนตกหรือน้ำไหลผ่านจะไม่สามารถผ่านตัวหินได้โดยตรง แต่จะกัดเซาะพื้นดินโดยรอบ ภายหลังน้ำกัดเซาะ และชะล้างผิวหน้าดิน จึงเกิดเป็นหน้าผาที่มีความสวยงาม ทำให้ใต้หินนั้นเกิดเป็นเสาเล็กๆ คือจุดกำเนิดของ แกรนด์แคนยอนเมืองไทยอันยิ่งใหญ่
ลองจินตนาการถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายยุคสมัยของโลกกว่าธรรมชาติจะรังสรรค์สิ่งที่สวยงามขนาดนี้ ต้องใช้เวลานานมาก ที่นี่เป็นของขวัญจากธรรมชาติให้มนุษย์เราได้มาเรียนรู้ด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด
ระหว่างทางมีป้ายอธิบายปรากฏการณ์อย่างละเอียด โดยมีทั้งสิ้น 11 จุด แต่ละจุดจะมีความแตกต่างกันออกไปจากสภาพของพื้นที่ มีทางเดินแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่ทางอุทยานได้สร้างขึ้นเพื่อให้เดินได้สะดวก กับทางร่องน้ำธรรมชาติ ซึ่งเราเลือกเดินด้านล่าง เพื่อจะได้สัมผัสกับประติมากรรมนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากหินกรวดมนที่เป็นทางสายน้ำเก่าแล้ว ยังมีรากต้นไม้ที่ชอนไชตามหน้าดิน มองเห็นเป็นชั้นๆ มองแล้วแปลกตาดีครับ
เมื่อเดินขึ้นบันไดที่ทอดยาวไปยังจุดไฮไลท์ที่จะมองเห็นหน้าผาทั้งหมด เราตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากครับเพื่อนๆ คือหน้า ผาช่อ ที่มีลวดลายคล้ายกับมีคนออกแบบมาอย่างวิจิตร เสาดินที่มีลักษณะซ้อนกัน ลดหลั่นเรียงรายกันอย่างสวยงาม เพราะทั้งตะกอนจากน้ำปิง ฝนที่ชะล้างหน้าดิน ผ่านกาลเวลาหลายล้านปี ทำให้ประติมากรรมชิ้นนี้ อลังการกว่าในรูปมาก คุ้มค่าที่สุดหายเหนื่อยทันทีทันใดเลยครับ
มุมด้านข้างได้ชื่อว่าเป็น เสาโรมัน เพราะชั้นดินที่ถูกดันขึ้น มีทรวดทรงและอัตราส่วนที่คล้ายคลึงกับเสาโรมันของจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ด้านล่างของหน้าผา มีทางเดิน และบันไดทอดไปยังมุมต่างๆ ทำให้ที่นี่ไม่น่าเบื่อเลย แสงตกกระทบกับดินตะกอน ตัดกับสีท้องฟ้าได้มูทที่คล้ายกับ แกรนด์แคนยอน สวยงามเกินเรื่องเกินราวไปไกลเลย มีมุมผาน้อยใหญ่ และมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป มองไปทางไหนก็ตื่นเต้นไปหมด รู้สึกเหลือเชื่อ ที่นี่คือที่สุดของความสวยงามของธรรมชาติจริงๆ
ไฮไลท์สุดท้าย คือทางเดินออกที่มีลักษณะแคบและคดเคี้ยว สองข้างทางจะเต็มไปด้วยหน้าผาที่มีลวดลายเป็นหินน้อยใหญ่แทรกอยู่ตามผนัง มีหน้าดินที่แบ่งออกเป็นชั้นๆ สังเกตได้จากสีของพื้นผิวชั้นดิน ซึ่งสามารถเดายุคสมัยของการทับถมของตะกอนได้ เพราะมีลักษณะเหมือนทางลาดที่เคยมีม่านน้ำไหลเซาะลงมา มีเสาเล็กๆ ที่เกิดจากก้อนหินอุดตันตามซอกดินแดง เหมือนพยายามจะสร้างแท่งเสาเป็นของตัวเอง จากเล็กๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสูงใหญ่ขึ้นเป็นเหมือนจุดไฮไลท์ที่เราผ่านมาเมื่อครู่
ถึงทางออกแล้วใช้ทาง “ฮ่อมกองกีด” ซึ่งฮ่อมหมายถึง “รู” หรือพื้นที่หนึ่ง “กอง” หมายถึงถนนที่ใช้สัญจร และ “กีด” หมายถึงทางแคบ เรารู้สึกเหมือนผู้รอดชีวิต เพราะทางที่ผ่านมาลึกลับเหมือนเราจะหลงอยู่ตลอด ตื่นเต้นและดีใจมากครับ ที่ได้มาพิชิต อุทยานแห่งสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติแห่งนี้
ใครบอกว่าเชียงใหม่จะมีแค่ที่เที่ยวแบบวัดวาอาราม หรือรีสอร์ทสวยๆ ถนนคนเดิน เพียงเท่านั้น ยังมีดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ รอเพื่อนๆ พิสูจน์ความอลังการ และความงามที่รังสรรค์จากธรรมชาตินานนับล้านปีอยู่นะครับ
เราขอแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยว
ถือเป็นจุดเช็คอินที่มาเชียงใหม่แล้วต้องแวะไปให้ได้ ผาช่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง เชียงใหม่ สถาปัตยกรรมสุดอลังกลางป่า เที่ยวพร้อมได้ความรู้แบบจุกๆ แล้วขอพาทุกคนไปกันต่อในโซนดอยอินทนนท์ โลเคชั่นเช็คอินยอดฮิตตลอดกาลของเชียงใหม่ได้ที่ น้ำตกแม่เตี๊ยะ เชียงใหม่ สวยอลัง ชมธรรมชาติเคล้าม่านน้ำตก และ 7 ที่พักดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ ติดธรรมชาติ บรรยากาศดี วิวสวย