5 จุดเช็คอินกาญจนบุรี พาท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
4,718 ครั้ง
21 ก.พ. 2565
4,718 ครั้ง
21 ก.พ. 2565
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน รวมถึงวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดและส่งต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากๆ วันนี้ทริปเก็ทเตอร์อยากจะพาทุกคนไปเที่ยวตามรอยอดีตกับ 5 จุดเช็คอินกาญจนบุรี พาท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่ยังคงมีเรื่องเล่ามากมายจนมาถึงปัจจุบัน สายเรื่องเล่าที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์เตรียมแพ็คกระเป๋าออกเดินทางย้อนรอยไปสัมผัสกับอดีตพร้อมกันตอนนี้ได้เลย
ถ้ำกระแซ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรีมาอย่างยาวนาน ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่พักของเชลยศึกที่ทหารญี่ปุ่นเกณฑ์มาเพื่อสร้างทางรถไฟขนย้ายอาวุธและเสบียงต่างๆ ไปยังฝั่งสหภาพเมียนมาร์ในครั้งที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า ทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งก็คือทางรถไฟที่ยังใช้โดยสารกันมาถึงปัจจุบันที่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้อยู่แต่มีการปรับปรุงบางส่วนให้แข็งแรงเพื่อให้ใช้งานได้จริง ชื่ออาจจะดูขนลุกไปสักหน่อยแต่บอกเลยว่าวิวตรงทางรถไฟหน้าถ้ำกระแซสวยสุดๆ เหมาะกับการถ่ายรูปเช็คอินมากเพราะจะได้ฉากหลังเป็นวิวธรรมชาติริมแม่น้ำแควหรือแอคท่าแบบเดินเล่นบนทางรถไฟก็เก๋ไปอีกแบบ เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำกระแซก็จะพบกับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมีสถานที่อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และลานจอดรถ หรือใครจะนั่งรถไฟมาลงสถานีถ้ำกระแสก็ได้ฟีลไปอีกแบบ
ช่องเขาขาด หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า Hellfire (ช่องไฟนรก) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่คนชื่นชอบประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเส้นทางของรถไฟสายมรณะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีประวัติการสร้างเป็นตำนานกล่าวขานว่าการสร้างช่องทางรถไฟแห่งนี้ยากลำบากมากเนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องจักรที่สามารถเจาะหรือขุดหินได้จึงต้องใช้แรงของเชลยศึกที่ชาวญี่ปุ่นเกณฑ์มาเพื่อขุดให้เป็นช่องให้รถไฟวิ่งผ่านแต่ทหารญี่ปุ่นต้องการให้ทางรถไฟนี้เสร็จเร็วที่สุดแรงงานทุกคนจึงต้องเร่งมือทำงานกัน 18 ชั่วโมง และต้องปีนลงไปสกัดหินในช่องเขาซึ่งบางช่วงสูงถึง 11 เมตร ทำให้มีแรงงานหลายคนต้องสละชีวิตจากการสร้างทางรถไฟครั้งนี้ถือว่าเป็นการใช้แรงงานคนที่ทารุณมากๆ นอกจากนี้ช่องเขาขาดก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานอุทิศให้กับเชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้ที่ 2 และรวบรวมเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างทางรถไฟ และเรื่องราววิถีชีวิตของเชลยศึกในช่วงนั้นอีกด้วย
มาถึงกาญจนบุรีจะพลาดมาเช็คอินจุดสำคัญอย่าง สะพานข้ามแม่น้ำแคว ได้อย่างไร อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นรางรถไฟทอดยาว 300 เมตรบนสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสายรถไฟที่สร้างโดยเชลยศึกที่ทหารญี่ปุ่นเกณฑ์มาซึ่งบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแควก็ยังคงใช้งานจนมาถึงปัจจุบัน ในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณนี้เป็นอีกหนึ่งที่ที่สร้างยากมากเนื่องจากฐานดินหนาแน่นแล้วต้องใช้เพียงแรงคนในการสร้างและช่วงนั้นเริ่มมีโรคระบาดเกิดขึ้นทำให้มีเฉลยศึกหลายคนต้องเสียชีวิตจากโรคระบาดเพราะขาดยารักษาโรค ขาดสารอาหารและการใช้แรงงานอย่างทารุณ ต่อมาสะพานโดนฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงมาทำให้สะพานหักเป็นสองท่อนเมื่อสงครามสงบลงสะพานบริเวณเหล็กกั้นเหลี่ยมที่เราเห็นในปัจจุบันคือบริเวณที่โดนระเบิดและได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เป็นแลนมาร์คของจังหวัดกาญจนบุรีที่ไม่ควรพลาดเลย
สะพานมอญสังขละบุรี ตั้งอยู่ในอำเภอสังขละบุรีที่อยู่ติดกับชายแดนของประเทศเมียนมาร์ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีอายุมาประมาณ 30 ปีโดยใช้เพียงเครื่องไม้เครื่องมือพื้นบ้านและแรงงานคนที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิชื่อดังที่ชาวมอญและพุทธศาสนิกชนเคารพศรัทธา ซึ่งใช้เวลาถึง 10 ปีกว่าสะพานนี้จะสร้างเสร็จและมีความยาวถึง 850 เมตร ถือว่าเป็นสะพานแห่งความสามัคคีของชาวมอญ สะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียซึ่งเป็นแม่น้ำที่แบ่งอำเภอสังขละบุรีถือเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างสองวัฒนธรรมอย่างมอญและไทยเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือการตักบาตรแบบมอญในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 – 07.00 น. สามารถแวะซื้อชุดตักบาตรที่หน้าทางเข้าสะพานมอญแล้วข้ามไปจับจองพื้นที่รอใส่บาตรกันบนสะพานได้เลย เรียกได้ว่าจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตจริงๆ ของชาวมอญที่ยังคงสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ หรือปราสาทเมืองสิงห์ ส่วนใหญ่มักจะพบศิลปะขอมในภาคอีสานแต่ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ศิลปะขอมหนึ่งเดียวในภาคตะวันตกที่จังหวัดกาญจนบุรี ปราสาทเมืองสิงห์แห่งนี้เดิมเคยเป็นพุทธศาสนสถาน นิกายมหายานมาก่อน ศิลปะขอมลักษณะนี้พบมากในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งขอม ซึ่งขุดพบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ที่มีลักษณะคล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา รวมถึงผังเมืองมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูเข้า – ออก 4 ทาง และล้อมรอบด้วยคูน้ำ โบราณสถานในปราสาทเมืองสิงห์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม มีทั้งหมด 4 ที่ด้วยกันคือ โบราณสถานหมายเลข 1 ตั้งอยู่ในกลางเมือง มีพระปรางค์ประธานและฐานที่เคยประดิษฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โบราณสถานหมายเลข 2 คล้ายกับหมายเลข 1 แต่ชำรุดและพังเสียหายมากกว่า โบราณสถานหมายเลข 3 เป็นโบราณสถานนอกกำแพงเมือง เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กที่สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง โบราณสถานหมายเลข 4 เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าใช้ศิลาแลงในการก่อสร้าง
บอกเลยว่าที่เล่าไปนี่แค่น้ำจิ้มเท่านั้นใครอยากรู้เรื่องราวแบบเต็มๆ พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศจริงๆ ก็ต้องไปเที่ยวกันที่กาญจนบุรีได้เลย บอกเลยว่าคนที่ชอบศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจจะต้องถูกใจสถานที่ที่ทริปเก็ทเตอร์รวบรวมมานำเสนออย่างแน่นอน นอกจากประวัติศาสตร์กาญจบุรีเขาก็มีที่เที่ยวหลากหลายรูปแบบไว้รองรับทุกสายเลยอย่างสายธรรมชาติก็ตามมาทางนี้เลย 5 น้ำตกใสกาญจนบุรี เที่ยวง่ายท่ามกลางธรรมชาติสุดปัง หรือจะสายคาเฟ่หาที่นั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ ก็ทางนี้เลย 5 คาเฟ่กาญจนบุรี ริมน้ำ เหมาะกับการชวนเพื่อนมานั่งชิลล์ และใครที่อยากหาที่นอนเปลี่ยนบรรยากาศวิวหลักแสนแต่ราคาแค่หลักพันต้องรีบคลิ๊กลิ้งค์นี้เลย 11 ที่พักแพริมน้ำแคว กาญจนบุรี ราคาไม่เกิน 2,000