5 เส้นทางรถไฟน่าเที่ยว ลุยง่ายเที่ยวสบาย จะวันเดย์ทริปหรือนอนค้างสักคืนก็ประหยัด
18,402 ครั้ง
3 ธ.ค. 2561
18,402 ครั้ง
3 ธ.ค. 2561
สำหรับหน้าหนาวอีกหนึ่งการเดินทางที่เราจะหวนนึกถึงไม่ได้ก็คือรถ คิดว่าหลายคนคงมีประสบการณ์การนั่งรถไฟกันมาบ้าง อาจเป็นทางผ่านไม่ได้เที่ยวที่ไหนสักเท่าไหร่ วันนี้เลยอยากชวนมารื้อฟื้นความหลังกันสักเล็กน้อย ทริปเก็ทเตอร์เลยมี 5 เส้นทางนั่งรถไฟน่าเที่ยวมาแนะนำ มีทั้งแบบชิลล์แบบวันเดย์ทริปไปเช้าเย็นกลับ และแบบสายลุยแบคแพคราคาประหยัด คัดมาแบบเส้นทางง่ายๆ เดินทางไม่ยาก เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการลองนั่งรถไฟ บอกเลยว่าระวังจะติดใจ…
สำหรับเส้นทางรถไฟลงใต้ที่นอกจากโซนทะเลแล้ว ยังมีหนึ่งหมู่บ้านกลางขุนเขาให้มาเที่ยวกันด้วย หมู่บ้านคีรีวงค์ ที่นี่ถึงจะไม่ได้ผ่านเส้นทางรถไฟ แต่ก็เดินทางง่ายจากสถานีมีรถสองแถวบริการมาส่งถึงหมู่บ้าน ภายในหมู่บ้านแวดล้อมด้วยธรรมชาติมีทั้งภูเขา ลำธารใหญ่ และไอหมอกยามเช้า ซึ่งที่นี่ถูกขนานนามให้เป็น หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ส่วนที่พักก็เอาใจสายแบคแพคสุดๆ เน้นเป็นโฮมสเตย์สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านในราคาแสนถูก หรือจะกางเต็นท์นอนก็มีให้ บอกเลยว่าต้องแวะมาสักครั้งให้ได้
ขอบคุณรูปภาพ: หมู่บ้านคีรีวงก์ วิถีชีวิต วิถีชาวบ้าน วิถีชุมชน
การเดินทาง: จากสถานีหัวลำโพง ไปลงสถานีคลองจันดีหรือสถานีนครศรีธรรมราช
ราคาตั๋ว: รถนั่งเร่ิมต้น 230-638 บาท / ตู้นอนเริ่มต้น 488-1,406 บาท
และสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ หนึ่งจังหวัดที่จะหวนคิดถึงไม่ได้นั่นก็คือ กาญจนบุรี ซึ่งภาพจำที่จะติดตาเราอยู่เสมอก็คือการที่รถไฟวิ่งผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควมีคนรอทักทายบนสะพาน แต่ความจริงแล้วเมืองกาญยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ที่ผ่านเส้นทางรถไฟมากมาย ทั้งสะพานสายมรณะ และน้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งบรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งทริปที่สายกรีนไม่ควรพลาด จะมานอนค้างสักคืน หรือเที่ยวแบบวันเดย์ทริปก็สนุกครบครัน
การเดินทาง: จากสถานีหัวลำโพง ไปลงสถานีถ้ำกระแซ(สะพานสายมรณะ) ลงสถานีน้ำตก(น้ำตกไทนโยคน้อย)
ราคาตั๋ว: รถนั่งธรรมดาชั้นสาม 120 บาท / รถนั่งปรับอากาศชั้นสอง 240 บาท
ขอลุยต่อแบบสายแบคแพคแท้ๆ ไปแคมปิ้งในอุทยานกันสักหน่อยที่จังหวัดลำพูนที่ อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ที่นอกจากไฮไลท์เด็ดอุโมงค์ขุนตาลสุดอันซีนที่เป็นทางลอดที่ยาวสุดในประทเศไทยแล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางธรรมชาติระยะทางกว่า 7 กิโลเมตรให้เดินลุยกันด้วย ซึ่งระหว่างทางก็มากมายด้วยความน่าสนใจ มีทั้งน้ำตก ดอกไม้ป่า และจุดชมวิวที่สวยงาม ส่วนยอดเขาก็มีลานกางเต็นท์และบ้านพัก ให้เลือกนอนรับอากาศหนาว บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างเงียบและมืด ดังนั้นเราจะได้เห็นดาวกันแบบชัดๆ
ขอบคุณรูปภาพ: อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล และ คุณPandora GhostPrincess
การเดินทาง: จากสถานีหัวลำโพง ไปลงสถานีขุนตาล
ราคาตั๋ว: รถนั่งเริ่มต้น 221-618 บาท / ตู้นอน 508-1,402 บาท
และสำหรับเส้นทางรถไฟสุดอันซีนของไทย ที่เรียกว่าครั้งนึงในชีวิตต้องลองไผสัมผัสดูสักครัง รถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เส้นทานรถไฟนี้จะเปิดให้บริการทุกปีเฉพาะช่วงฤดูหนาว ราวๆ เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ และจะมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น เฉลี่ยนแล้วก็ประมาณ 20 เที่ยวต่อปี ถึงจะเป็นเส้นทางสั้นแต่ระหว่างทางมากมายด้วยเสน่ห์มากมาย ทั้งอาหารบนรถไฟ วิวธรรมชาติท้องนา ขุนเขา และจุดไฮไลท์ก็คือการที่รถไฟจะไปจอดกลางน้ำ และจอดให้เราถ่ายรูปได้อย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ช่วงปลายปีที่เขื่อนยังมีทุ่งดอกทานตะวันชม หรือใครอยากจะกางเต็นท์นอนสักคืนที่เขื่อนก็มีทุกอย่างให้บริการพร้อม
ขอบคุณรูปภาพ: ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
การเดินทาง: จากสถานีหัวลำโพงไปลงสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ราคาตั๋ว: 270 บาท(ไป-กลับ)
ปิดท้ายด้วยเส้นทางรถไฟสำหรับสายชิลล์รักทะเลกันบ้าง หัวหิน ทะเลยอดฮิตไม่ว่าจะไปกี่ครั้งก็ไดความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า แต่สำหรับครั้งนี้อยากให้ลองสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ด้วยการนั่งรถไฟ ซึ่งเส้นทางนี้ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง ถือว่ากำลังดีจะพาเด็กๆ ไปด้วยก็เป็นทริปที่ดี ระหว่างทางวิวอาจไม่ต่างจากที่อื่นมากนัก แต่ที่หัวหินนั้นมากมายด้วยที่เที่ยวมากมาย ทั้งชายหาดหัวหิน สวนสนประดิพัทธ์ ตลาดซิคาด้า เพลินวาน ซึ่งแต่ละจุดนั้นก็อยู่ไม่ไกลกัน จะเช่ามอไซต์แว๊นก็น่าสนุก หรือมาสัมผัสทะเลอยู่กับตัวเองชิลล์ๆ ก็คุ้ม เป็นทริปราคาเบาๆ ที่ไม่ควรพลาด
ขอบคุณรูปภาพ: ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
การเดินทาง: จากสถานีหัวลำโพง ไปลงสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ราคาตั๋ว: รถนั่งเริ่มต้น 94-152 บาท / ตู้นอน 252-1,202 บาท