tripgether.com

กะทันหันแล้วไม่ล่ม 3 วัน 2 คืน ที่ภูเก็ต (เกาะเฮ แหลมพรหมเทพ Old Town)

8,661 ครั้ง
14 ม.ค. 2560

ที่บอกกะทันหันแล้วไม่ล่ม เชื่อว่าหลายๆ คนก็ต้องเคยเจอเหตุการณ์แบบเรา นัดสะดิบดีโดนเทสะงั้น วางแผนไว้ครึ่งปีเอ้าลางานไม่ได้ พูดว่าอยากไป อยากไป ก็ไม่ได้ไป หลายร้อยเหตุผลที่ทำให้การเที่ยวของเราไม่ประสบความสำเร็จ และทริปนี้ก็เริ่มต้นขึ้นเพราะการตัดสินใจแบบกะทันหัน 

“สิ้นปีแล้วอากาศเริ่มเย็นแบบนี้ขึ้นเหนือกันดีกว่า” แต่ด้วยความที่ตัดสินใจกะทันหันอย่างที่กล่าวไป เราจึงหาตั๋วขึ้นเหนือแบบราคาย่อมเยาไม่ได้เลย (หาตั๋วก่อนไปประมาณ 10 วัน) เลือกไปเลือกมา จังหวัดภูเก็ต จึงกลายเป็นจุดหมายในทริปนี้ของเรา เพราะได้ตั๋วเครื่องบินมาในราคาที่รับได้สบายกระเป๋า และอีกข้อดีของการลงใต้ช่วงนี้คือเราจองห้องพักได้ในราคาที่ไม่แพงอีกด้วย (ค่าใช้จ่ายของทริปนี้จะสรุปให้ด้านล่าง)


Day 1 : ติดเกาะเฮ

จากการไถ่ถามเพื่อนคนภูเก็ตว่าเกาะไหนที่นั่งเรือจากฝั่งไม่นาน ทะเลสวยและสงบ เพื่อนแนะนำให้ลองมาที่ เกาะเฮ เราจึงทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อย (นิดจริงๆ) ได้ความว่า เกาะเฮ หรือ Coral Island Phuket เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ห่างจากฝั่งไม่มาก ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทแค่ 15-20 นาที เท่านั้น

ตกลงเกาะเฮก็เกาะเฮ! เราจองที่พักผ่านเว็บ agoda ซึ่งจากการหาข้อมูลอีกนิดหน่อยจริง ๆ  บนเกาะเฮแห่งนี้มีที่พักอยู่ที่เดียวชื่อว่า คอรัล ไอส์แลนด์ รีสอร์ต (Coral Island Resort)  

การเดินทางไปที่เกาะเฮนั้นต้องไปลงเรือที่ ท่าเรืออ่าวฉลอง เราลงเรือรอบเก้าโมงเช้า (สำหรับคนที่จะมาพักแนะนำให้โทรจองรอบเรือจากทางรีสอร์ตก่อนจ้า)

อากาศวันที่เราไปค่อนข้างร้อนมาก ๆ และที่ท่าเรืออ่าวฉลองคนก็เยอะมาก เพราะมีทัวร์จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่ง ที่รวมตัวกันที่นี่เพื่อลงเรือปยังเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะราชาใหญ่ (หรือเกาะรายา) , เกาะเฮ ,เกาะโหลน เป็นต้น

 

วันนี้คือวันติดเกาะค่ะ เพราะเราใช้เวลาทั้งวันเดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นบนชาดหาดที่เกาะเฮ อ่านหนังสือ ฟังเสียงคลื่น มองทะเล มองนักท่องเที่ยว คุยกับเพื่อนร่วมทริป ปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบไม่ต้องเร่งรีบอะไร ที่เป็นแบบนี้ความจริงก็คือ เราอยากไปดำน้ำที่เกาะราชาใหญ่ แต่ดันจองทัวร์ไม่ทัน(ก็ตามชื่อทริปเลยจ้ากะทันหัน 555) มาหาเอาที่ท่าเรือราคาก็ค่อนข้างสูง เราก็เลยต้องนั่งชิล ๆ ริมทะเลที่เกาะเฮ ตลอดทั้งวัน

ไม่ใช่ว่าที่เกาะเฮไม่มีอะไรทำนะ กิจกรรมของทางรีสอร์ตก็มีให้เลือกตั้งแต่พายเรือคายัค ดำน้ำตื้น ซึ่งตอนกลางวันนักท่องเที่ยวจะเยอะหน่อย แต่ในช่วงเย็น ๆ เราสามารถนั่งเล่นได้อย่างชิล ๆ  เพราะคนน้อยมาก นั่งไปนั่งมาท้องฟ้าก็เริ่มกลายเป็นสีส้ม จากเกาะเฮเราไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตก เพราะมีเกาะบังอยู่ แต่บรรยากาศก็สวยไปอีกแบบเมื่อแสงสีส้มกระทบกับสีฟ้าน้ำทะเล ไม่เห็นแต่รู้สึกได้ วันที่แสนสบายบนเกาะเฮ



Day 2 : ตะลอนแหลมพรหมเทพ จุดชมวิวกังหันลม หาดยะนุ้ย หาดกะตะ

ตื่นมารับประทานอาหารเช้า เพื่อลงเรือรอบ 9.30 น. กลับไปที่ท่าเรืออ่าวฉลอง

บายบายนะ เกาะเฮ ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน

จากนั้นเราก็นั่งรถสองแถวจากท่าเรืออ่าวฉลองเข้าเมือง เพราะเราต้องไปเช็คอินกันก่อน ที่ Quip Bed & Breakfast Phuket ย่าน Old Town ในตัวเมือง ที่พักน่ารักม๊าก แถมด้านล่างยังเป็นร้านกาแฟอีกด้วย แต่วันนี้เรายังไม่ได้ไปเดินย่าน Old Town นะ เพราะเราเช่ารถเพื่อขับไปที่แหลมพรหมเทพ และตามหาดต่าง ๆ จ้า

ก่อนไปแหลมพรหมเทพ ขอแวะหาอะไรกินก่อนที่ร้านขนมจีน ร้านชื่อว่า ขนมจีนจี้ลิ่ว บ๊ะจ่างภูเก็ต สาขาสะพานหิน มีน้ำยาให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะแกงปู (เมนูขึ้นชื่อ) แกงป่า แกงไก่ ไตปลา น้ำเงี้ยว น้ำยาปลา ที่สำคัญยังให้ผักสด ๆ มาเยอะมาก ดีงามที่สุด

 

อิ่มแล้วออกเดินทางไปสู่จุดหมาย แหลมพรหมเทพ ไม่ใช่เล่น ๆ เพื่อนเตือนไม่ฟัง ใครเขามากันตอนบ่ายสามโมงที่แดดกำลังร้อน ๆ แบบนี้ แถมเรายังเดินลงไปเรื่อยๆ ที่เกือบสุดแหลมด้วย ระหว่างทางก็เจอแค่กลุ่มวัยรุ่นฝรั่งเท่านั้น ไม่ค่อยมีใครลงมาเลย แต่พอไปถึงแล้วได้เห็นวิวทะเลก็หายเหนือย มองจากตรงนี้ก็สวยม๊าก แถมระหว่างทางยังมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ ด้วย

 


ออกจากแหลมพรหมเทพเราขับรถเพื่อไปที่ จุดชมวิวกังหันลม จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งนึงของภูเก็ต อยู่ไม่ไกลจากแหลมพรหมเทพ จากที่นี่สามารถมองเห็นหาดยะนุ้ยด้วยจ้า หาดยะนุ้ย เป็นหาดขนาดเล็ก ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนบนชายหาดที่เงียบสงบ  เราแวะที่หาดยะนุ้ยไม่นาน เดินเล่น กินไอศกรีม แล้วก็ออกเดินทางต่อ

หาดสุดท้ายที่เราไปปักหลัก ชมพระอาทิตย์ตกในวันนี้คือ หาดกะตะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต เพราะชายหาดที่นี่มีเม็ดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส เแถมยังรอบล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร รวมถึงโรงแรมมากมายอีกด้วยนะคะ



Day 3: Old Town ย่านสุดฮิตที่มาภูเก็ตแล้วต้องห้ามพลาด

เพราะเราขึ้นเครื่องกลับดึก ทั้งวันของวันนี้เราจึงอุทิศให้กับการกินโดยเฉพาะ กินวนไปค่ะ กลับไปค่อยลด มาเที่ยวแล้วต้องกินอย่างเต็มที่ และที่บอกว่า Old Town ห้ามพลาดก็เพราะว่าร้านอาหารอยู่ในย่านนี้เยอะม๊าก คาเฟ่ชิค ๆ เพียบ! แถมยังมี Street Art แนวๆ ตามถนนต่าง ๆ ไม่น้อยเพื่อให้เราได้ถ่ายรูปไปอวดเพื่อนด้วย

สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำสำหรับการเดินย่าน Old Town คือ แผนที่ (ขอจากที่พักได้เลย) มีแผนที่ก็เพื่อความสะดวกในการเดินหาร้านของกิน ที่ถ่ายรูป ได้อย่างราบรื่นนั่นเอง มาดูกันเลยว่าเราไปกินร้านไหนมาบ้าง

 

1. ร้านหมี่ต้นโพธิ์ เริ่มต้นที่ร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังของจังหวัดภูเก็ต มีเมนูแนะนำที่ต้องลองอย่าง หมี่ฮกเกี้ยน มาภูเก็ตทั้งที่เพื่อนบอกต้องลอง จัดไป ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ที่ บริเวณวงเวียนสุรินทร์ (วงเวียนหอนาฬิกา) ถ.ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 18.30 น.

2. ร้าน Gallery Cafe By Pinky เพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อน ร้านนี้ตกแต่งน่ารักมาก เราจึงแวะเข้าไปซื้อเครื่องดื่ม และถ่ายรูปด้านหน้าร้าน ร้านนี้จะตั้งอยู่ที่ถนนเยาวราช

3. ร้านขนมอาโป๊ง แม่สุณี ขนมหน้าตาไม่คุ้นเคย เรียกเราด้วยกลิ่นหอม ๆ จึงเดินไปที่หน้าร้านด้วยความอยากรู้ ขนมอันนี้มีชื่อว่า ขนมอาโป๊ง หรือขนมกระโปรงทอง รสชาติคล้ายถังแตกแต่แป้งบ้างกรอบเหมือนทองม้วน มาภูเก็ตต้องลองไปชิมให้ได้ ราคาไม่แพงด้วยชิ้นละ 3 บาท 7 ชิ้น 20 บาท เท่านั้น ร้านตั้งอยู่ที่ ซอยสุ่นอุทิศ ถนนเยาวราช ร้านเปิดช่วงบ่าย ๆ

4. ร้านข้าวหมกไก่ (บังดุล) ร้านข้าวหมกไก่เจ้าแรก ๆ ของภูเก็ตที่มีรสชาติถูกใจนักชิมมาเป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อเราไปถึงที่ร้านเวลาบ่ายกว่า ๆ ข้าวหมกไก่ก็หมดแล้ว (เสียใจ) เราจึงสั่งโรตีกล้วยมาชิมแทน นอกจากข้าวหมกไก่แล้วที่นี่ก็มีเมนูโรตี และมะตะบะ ทั้งแกงไก่ แกงเนื้อ ใส่กล้วย ให้เลือกรับประทาน ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ ถนนถลาง (ร้านอยู่หัวถนนถลาง)

5. ร้าน A.dessert.moments ด้วยความอยากของหวาน เราเลยเดินเข้าร้านนี้ ร้านน่ารักตกแต่งธีมฟ้าขาว ดูทะเล๊ทะเล ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนถลาง หาไม่ยากๆ

6. ร้านลกเที้ยน ศูนย์รวมอาหารพื้นเมืองภูเก็ต มาต่างถิ่นเราต้องลองอาหารพื้นเมือง และนี่คือสิ่งที่เราจิ้ม ๆ จากเมนูค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ สี่แยกระหว่างถนนดีบุกและถนนเยาวราช

7. คาเฟ่ชั้นล่างที่พัก Quip Bed & Breakfast Phuket มาพักที่ Quip Bed & Breakfast Phuket แล้วจะไม่ลองคาเฟ่ด้านล่างก็คงไม่ได้ จัดหน่อย ๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่  ถนนภูเก็ต

เป็นไงบ้างทั้ง 7 ร้าน ที่เราไปตะลุยกินกันมา ใครไปภูเก็ตก็อย่าลืมแวะไปลองดูนะคะ วันนี้อิ่มมากกกกจริงๆ แถมระหว่างทางไปร้านต่าง ๆ เรายังได้ชมศิลปะของย่าน Old Town ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงอาคาร ร้านค้า ภาพวาดบนผนัง ที่เป็นเสน่ห์ของภูเก็ตที่ทำให้หลายคนหลงรักแล้วอยากกลับมาที่นี่ซ้ำๆ  อิ่มท้องแถมยังเพลิดเพลิน ขอบอกว่าคุ้มสุด ๆ


ปิดท้ายกันที่ค่าใช้จ่ายของเราในทริป กะทันหันแล้วไม่ล่ม กันดีกว่า ราคาต่อคนจ้า

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ คนละ 1,250 บาท
  • ค่าที่พัก Coral Island Resort 640 บาท / Quip Bed & Breakfast Phuket 495 บาท
  • ค่าเรือไปกลับเกาะเฮ 500 บาท
  • ค่าสองแถวจากท่าเรืออ่าวฉลอง-เข้าเมือง 30 บาท
  • ค่าเช่ารถ คนละ 400 บาท
  • ค่ากินตลอดทริปประมาณ 2,000 บาท

คร่าวๆ เราเสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 5,000 บาท  ราคาไม่รวมของฝากนะจ๊ะ

บทความโดย: ทริปเก็ทเตอร์


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ