Go Around UBON: จุดเช็คอินสุดอันซีนรับหน้าร้อน สามพันโบก หาดชมดาวจนถึงลาวใต้ ที่คุณห้ามพลาด!!
11,575 ครั้ง
3 มี.ค. 2560
11,575 ครั้ง
3 มี.ค. 2560
เมื่อพูดถึงจังหวัดทางภาคอีสาน มีไม่กี่จังหวัดหรอกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศได้ เพราะด้วยสภาพภูมิประเทศไม่มีทะเล ภูเขาก็มีแค่ไม่กี่จังหวัด ยิ่งกับเด็กอีสานอย่างพวกเราแล้วล่ะก็… ลืมไปได้เลย แต่!!! ลืมไปหรือเปล่า ภาคอีสานเรามีแม่น้ำโขงนะจ๊ะ ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ก่อกำเนิดแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เพราะฉะนั้น เก็บกระเป๋า แล้วไปลัดเลาะริมโขงกับพวกเราทั้ง 5 เลยดีกว่า
เกริ่นนำซะสวยหรูไปแล้ว จริงๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า
เพื่อน1 : กูอยากไปสามพันโบกว่ะ
เรา : เออ กูก็อยากไป
เพื่อน 2 , 3 : ไปๆ ไปด้วย ไปไหนก็ได้
เพื่อน 1 : กูพาพี่ที่ทำงานไปด้วยนะ
ทุกคน : โอเค ดีล!!!
ทุกคนตอบตกลงเหมือนจะง่าย แต่จริงๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะทริปนี้จะเกิดขึ้นจริงเท่าไหร่นัก เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา 10 กว่าปี ทั้งภูเขา ทะเล เวียดนาม เชียงใหม่ เราไปเที่ยวกันมาหมดแล้วเหรอ? ไม่ใช่!! เราเททริปกันมาหมดแล้ว นอกจากทริปตระเวนกินบุฟเฟ่ต์รอบกรุงเทพ นี่น่าจะเป็นทริปแรกที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกันอย่างจริงจังซักที
DAY1 ทริปนี้ไปแต่เช้าแล้วนะจ๊ะ บินไฟลท์ 07.50 น. ของพี่สิงโต เพราะที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปอยู่ห่างจากสนามบินมาก และเรามีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน ถ้าไปสายเดี๋ยวเที่ยวได้น้อย
ตอนเดินขึ้นเครื่องเจอพี่ผู้ชายยืนตอนรับเราที่หน้าประตูอย่างเป็นกันเอง ตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจเลยว่าเค้าเป็นใคร หลังจากเครื่องเทคออฟแล้ว กัปตันก็แนะนำตัว อ้าว!!! คนเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อกี๊ พร้อมกับรายงานสภาพอากาศแบบออกรส จนนึกว่าคุณปานสุดาช่อง 7 มาสิงร่าง (ถ้าพี่กัปตันผ่านมาเห็น พวกหนูประทับใจในการพูดของพี่มากนะคะ
เมื่อถึงสนามบินอุบล เราก็ไปจัดการรับรถเช่าที่ AVIS ที่จองไว้ โดยเค้าท์เตอร์จองรถทุกเจ้าของสนามบินเป็นแมนนวล มีโต๊ะตั้งอยู่ข้างหน้าเหมือนคิวรถตู้ ทุกอย่างเลยค่อนข้างช้า กว่าจะได้รถก็ปาไป 10 โมงกว่าแล้ว รีบไปหาอะไรกินกันดีกว่า อยากเที่ยวจะแย่แล้ว
มาถึงอุบลต้องกินก๋วยจั๊บญวณ ตอนแรกเราว่าจะกินร้านก๋วยจั๊บญวณยายแถ เหตุผลคือชอบชื่ออย่างเดียว แต่ขับรถวนหาร้านไม่เจอ เลยเปลี่ยนแผนไปกินร้านประเทือง อันนี้ไม่เกี่ยวกับชื่อนะ แค่อยากกินเพราะมีร้านปากหม้อชื่อดังอยู่ติดกัน
ไปกัน 5 คน สั่งก๋วยจั๊บญวณกัน 5 แบบ จนป้าที่ร้านงง ดีที่ของเรายังได้มาตามที่สั่ง แต่เพื่อนอีกคนไม่กินผัก พี่อีกคนเป็นมังสวิรัต สุดท้ายพี่ที่เป็นมังสวิรัตได้แต่เส้นกับไข่จานขาวโพลน เพราะป้าแกเข้าใจผิด พอตกลงเมนูก๋วยจั๊บพิศดารของแต่ละคนได้แล้ว ก็เดินไปสั่งปากหม้อญวณ หน้าร้านจะมีคนนั่งรอประจันหน้ากับคุณพี่คนทำอย่างใจเย็น ซึ่งตัดภาพไปคุณพี่ผมม้ากำลังตะบี้ตะบันทำปากหม้อด้วยความรวดเร็ว ส่วนเราไม่รู้จะทำยังไง ป้ายก็ไม่มีบอก
หน้าตาก็ไม่เหมือนปากหม้อที่เราเคยกิน เลยเนียนๆทำเป็นถ่ายรูป แต่หูนี่คอยแอบฟังคนที่สั่งก่อนหน้าเราแล้วสั่งตาม
มุมตรงนี้หินสวยมาก ซึ่งมีอีกกลุ่มขับรถเข้ามาจอดและถ่ายรูปกันอยู่ ส่วนพวกเราน่ะเหรอ มั่นใจไง เดินเองได้ เป็นไงล่ะ ไปนั่งเอาหน้าโต้ลมเคาะทรายกันตรงทางเข้าจนแสงจะหมดแล้ว เลยต้องมาวิ่ง 4×100 ถ่ายรูปกัน
ขับรถออกมาทางถนนลูกรังทางเดิม แต่ขับไปก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรให้เรากิน 2 ทุ่มที่นี่เงียบสนิท จนวางแผนว่าหรือเราจะต้องขับไปหาอะไรกินที่อำเภออื่น แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง ราวกับเจอโอเอซิสในทะเลทราย
ร้านปลุกเสกหมูกระทะ หมูกระทะเว้ย!! เราทั้ง 5 หันขวับโดยพร้อมเพรียง รออะไรล่ะคะ เลี้ยวเข้าไปสิ
ร้านหมูกระทะที่นี่ขายเป็นกิโล หมู เนื้อ ปลาหมึก กุ้ง ลูกชิ้น รวมกันได้หมด ให้เราตักเอง กิโลละ 200 บาท แถมผัก 1 ชุด ตอนตักก็ถามพี่เจ้าของร้านนะว่า 5 คนกินประมาณกี่โล พี่เค้าก็บอกว่าประมาณโลครึ่ง สุดท้ายเรากินกันไป 2 โลครึ่งจ้า นี่ขนาดมีพี่คนนึงเป็นมังสวิรัตกินแต่ผักนะ ผู้หญิงพวกนี้น่ากลัวจริงๆ
กินเสร็จกลับที่พัก ว่าจะออกไปนั่งจิบเบียร์ดูดาวซักหน่อย จริงๆจะถ่ายดาวแหละ เอาเพลทติดกล้องมาอย่างดี แต่ลืมขาตั้งกล้องไว้ที่กทม. จ้า เสียใจมาก เพราะคืนนี้ดาวสวยมาก สวยขนาดที่นั่งอยู่ในรถ เงยหน้ามองฟ้า ท่ามกลางเพื่อนที่ตะโกนแหกปากร้องเพลงกันอย่างบ้าคลั่งก็ยังรู้สึกโรแมนติคจนแอบอมยิ้มอะ
06.00 เสียงเพื่อนตื่นมาเก็บของกันกุกกัก พอเพื่อนปลุก เราก็อื้อออ แล้วนอนต่อ พอได้ยินเสียง “พระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก!” จากใครไม่รู้ด้วยนะ เท่านั้นแหละ รีบดีดตัว คว้ากล้อง ใส่รองเท้าแล้วพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงออกไปโดยไม่แคร์อากาศ 16 องศาที่รออยู่เลย
น้ำตกทั้งหมดที่เราจะไปตั้งอยู่ที่ราบสูงโบโลเวน ในเมืองปากซอง ซึ่งห่างจากเมืองปากเซซึ่งเป็นศูนย์กลางของแขวงจำปาศักดิ์ประมาณ 30 โล แต่เป็น 30 กิโลที่ทรหดมาก ถนนแคบรถสวนกันแทบไม่ได้ เท่านั้นยังไม่พอ บนถนนมีมอเตอร์ไซค์ที่ขับกินลมแบบไม่แคร์ใคร รถบรรทุกที่กำลังทำถนน หมา แพะ เดินกันแบบสโลวไลฟ์ คือมีทุกอย่างอยู่บนถนนอะ ยกเว้นความปลอดภัย
ตาดฟานจะมีน้ำสองสายไหลลงไปในหุบเขาลึกประมาณ 200 เมตร ไม่สามารถลงไปได้ บางข้อมูลก่อนบอกว่าลงไปได้แต่ต้องใช้เวลาหลายวัน บางแหล่งข้อมูลก็บอกว่ามันลึกมากจนข้างล่างอากาศเบาบางมาก อันนี้ไม่รู้เท็จจริงยังไง เราเป็นสายเที่ยวแบบไร้ความรู้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ่ายรูปเสร็จก็ออก แค่นั้น
ข้างหน้าจะมีร้านขายกาแฟผง เพราะแถวนี้ปลูกกาแฟกันเยอะ และมีโรงงานกาแฟดาวอยู่ในเมืองนี้ด้วย เดินออกมาคุณป้าก็เชิญชวนให้ไปซื้อกาแฟ บอกว่าชิมได้ เราก็นั่งชิมชาฟรีที่ศาลาตั้งนาน เพราะป้าแกบอกว่าจะไปชงกาแฟมาให้ชิม สุดท้ายป้าถือกา แล้วก็ไปยืนขายผ้าต่อ ไม่รู้ว่าแกเนียน หรือแกลืม ก็เลยไปดีกว่า ขี้เกียจรอ ใครสนใจกาแฟแบบโฮมเมดแท้ๆ ก็แวะซื้อได้นะ
ด้วยความที่ตาดเยืองเป็นไฮไลท์ของแทบทุกคนที่มาเที่ยวน้ำตกเลยก็ว่าได้ ค่าเข้าก็เลยแพงกว่าที่อื่น ค่าเข้าคนละ 10,000 กีบ และค่าจอดรถอีก 10,000 กีบ มาถึงแล้วก็เดินลงไปนิดนึงก็จะเจอกับด้านบนน้ำตกที่เป็นที่ราบก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่หุบเขา
แล้วดูทางสิเธ๊อออออ ชันและแคบ คือไม่มีที่ให้สามารถหยุดพักสังขารได้เลย ตอนนั้นมีแต่เพลงพี่เบิร์ดลอยมาในหัวตลอดเวลา “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง” อยากจะไถลลงไปให้รู้แล้วรู้รอด ก่อนจะมา “กูลืมซื้อเสื้อกันฝนว่ะ มาคราวที่แล้วน้ำเยอะมาก แล้วละอองน้ำแรงมาก เปียกมาจนถึงเนินที่ถ่ายรูปอะ ขนาดกูใส่เสื้อกันฝนยังเปียกเลย” นี่เคลมไว้ใหญ่มาก ถึงขนาดเพื่อนจะไม่เอากล้องลงมาเพราะกลัวกล้องเปียก แล้วพอเดินมาถึงข้างล่าง ภาพที่เห็นคือ
เห่ลโล๊ว อิสมี!!! น้ำหายไปไสเบิ๊ดดดดด เอาน่า มาหน้าหนาวที่ไม่หนาว แต่อยู่ดีๆ ก็หนาว (งงมั้ย) ก็เป็นแบบนี้แหละ แต่อย่ากระนั้นเลย ก่อนจะแก้ตัวใดๆ เดอะแก๊งอีก 4 ชีวิตที่เหลือ นางดูเหนื่อยหอบ และตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้า เราก็เนียนๆไป เพื่อนไม่ด่าก็อย่าไปออกตัวรับผิดเนอะ
ไหนๆ ละอองน้ำก็ไม่มีแล้ว คราวนี้เราเลยเดินลงมาข้างล่างสุดกันดีกว่า เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน แต่มาถึงแล้วก็เอาหน่อยละกัน
และนอกจากน้ำตกที่สวยงามที่ตอนนี้น้ำไหลเอื่อยแล้ว ภาพที่ทุกคนเห็นแล้วน่าจะพอคุ้นตามาบ้างก็คือทางเดินนี้
ถ่ายรูปเสร็จสนุกสนานก็ปาไปบ่ายโมงกว่า ไอ้ตอนลงน่ะไม่เท่าไหร่ ตอนขึ้นเนี่ยสิ ใจแทบขาด หรืออาจจะเพราะเราเหนื่อยสะสมกับการโต้ลม ลุยทราย ไต่หินมาเมื่อวาน วันนี้เดินไปไม่เท่าไหร่ก็ล้าแล้ว
เพื่อน : แต่เรามาเที่ยวถึงถิ่น ต้องกินร้าน Local ดิวะ
เรา : แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นมีร้านเลยนะ
เพื่อน : เอาน่า ไปถามอ้ายจุ่นก็ได้ มันต้องมีแหละ ไม่งั้นคนลาวเค้ากินที่ไหนกัน
และนี่คือ !!!! ข้าวผัดแฮม ที่ปรุงด้วยข้าวจากที่ราบสูงโบโลเวนที่เก็บเกี่ยวท่ามกลางหยาดน้ำค้างตอนรุ่งเช้า ผสมผสานกับแฮมที่ทำมาจากส่วนท้องของหมูตัวเมียที่ฟังเพลงแจ๊สวันละ 10 ชั่วโมง และถั่วฝักยาวที่ปลูกด้วยน้ำจากน้ำตกตาดอีตู้ ทั้งหมดที่พูดมาไม่เป็นความจริง แต่นี่คือข้าวผัดธรรมดาที่แม้หน้าตาจะจืดชืด แต่รสชาติน้าานนนนนน ก็จืดชืดเหมือนหน้าตานั่นแหละ ในราคา 30,000 กีบ (131.5 บาท) ฮือออออ~ ราคาขนาดนี้ อยากจะเลียยันขอบจานเลย ตอนนี้หน้าน้องสาวที่ตาดเยืองลอยมาในหัว พี่ขอโทษนะน้อง พี่น่าจะกินส้มตำจานละ 15,000 กีบของน้องซะให้รู้แล้วรู้รอด มาเจอข้าวผัดจานละ 30,000 กีบ กับส้มตำจานละ 25,000 กีบ
ที่พี่ไม่กล้าสั่งกิน พี่ขอโทษจริงๆ
โอ๊ย!!! สตรองอะไรเบอร์นั้น สูงก็สูง ชันก็ชัน นี่ต่างบ้านต่างเมือง โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ แล้วลงไปทั้งน้ำตกมีเราแค่คนเดียว ตอนนั้นกลัวมากนะ แต่ใจดีสู้เสือกะว่ารีบกดๆ ได้รูปที่พอใจก็จะขึ้นแล้ว
พอลงมาคนไม่มีซักคน หันไปเจอสะพานไม้เก่าๆ ในใจคิดว่านี่ไม่มีคนเข้ามานานแค่ไหนแล้ววะ? คืออยู่คนเดียวแล้วนอยไปหมดทุกอย่างจริงๆ
พอหันกลับมาอีกฝั่งก็จะเจอทุ่งดอกไม้ที่ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไร สีม่วงอ่อนของมันตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้า แล้วกล้องค่อยๆแพนขึ้นไปเจอน้ำตกที่อยู่ข้างหน้าโดยมีเสียงน้ำตกเป็นแบ็คกราวน์ คิดว่าจะถ่ายวิดีโอมาใช่มั้ย? ไม่เลยจ้า นี่ยังเสียดายจนถึงทุกวันนี้
“น้องๆ เฮ็ดหยัง” น้องเงยหน้ามาเหลือบมองทีนึงแล้วก็สะบัดตูดหนีเลย ฮ่วย!
ในที่สุดเพื่อนๆก็ตามลงมา พร้อมร่างกายง่อยเปลี้ยเสียขา และมีคุณคู่รักฝรั่งลงมาด้วย
ขึ้นมาถึงก็รีบขึ้นรถ แล้วถามอ้ายจุนว่า ไปด่านทันบ่ อ้ายจุ่นก็ตอบว่าทันแล้วก็ยิ้มๆ นี่ก็ 5 โมงแล้ว ด่านปิด 6 โมง จะทันมั้ยเนี่ย นั่งไปก็นอยไป รถมอเตอร์ไซค์ก็ขับแบบไม่แคร์เวิร์ลใดๆทั้งสิ้น คิดจะปาดก็ปาด สวนเลนมาดื้อๆ อ้ายจุ่นก็ขับแบบเซียนมากเวลาเบรคทีนี่เรากรี๊ดกันลั่นรถ
อันนี้เป็นวิวหน้าที่พัก ที่พักจะมีทั้งหมดน่าจะ 5 หลัง แต่มี 2 หลังที่หันหน้าออกทางริมน้ำ คือบ้านที่เราอยู่ ส่วนริมน้ำก็จะมีโต๊ะให้ กลางคืนนั่งดื่มริมกองไฟตรงนี้ชิลมาก
ความพีคคือห้องน้ำโอเพ่นแอร์ ไอ้จะโชว์หวิวอะไรนี่ไม่ห่วงนะ แต่มันเปิดกว้างเป็นหนทางแห่งสิงห์สาราสัตว์เนี่ยสิ บ้านเรามีเขียดตะปาด เอ๊ะ!! เด็กกรุงเทพเค้าเรียกเขียดตะปาดมั้ย? นั่นแหละ !! มีเขียดตะปาดอยู่ 2 ตัว ตัวแรกอยู่ตรงโอ่ง อันนี้พอหลบได้ แต่อีกตัวอยู่ขอบเตียง ตกดึกกำลังง่วงๆ มึนๆ แบกกระเป๋าหนักเกือบ 10 โล เจอเพื่อนเอาไม้กวาดไล่เขียดกันอยู่ นี่วิ่งตัวฉิวแบบลืมหนักเลย
เราขับรถมาจอดกันในครัวสามพันโบกที่เราพักเมื่อคืนแรก แล้วเดินลงไปเลย ไม่ได้นั่งเรือแบบที่หลายๆคนไป วิธีเดินทาง ให้มาตามทางเข้าสามพันโบก ผ่านหมูบ้านที่เป็นถนนลาดยางมาเรื่อยๆ จะเจอสามแยกเขียนว่าเลี้ยวขวาทางลัดไปสามพันโบก เป็นทางลูกรัง ให้เลี้ยวไปตามทางนั้น เสียค่าจอด 20 บาท แต่ถ้านั่งเรือก็จะได้ไปเที่ยวหาดหงษ์ หรือชมวิวริมแม่น้ำ เพราะฉะนั้นเลือกเอาตามสะดวกเลย
ขนาดแดดร้อนขนาดนี้ คนยังหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ลูกเด็กเล็กแดง พี่ป้าน้าอา มากันหมด สามพันโบกที่เราตั้งใจว่าจะเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ แต่เราดันไปเจอหาดชมดาวที่สวยสะพรึงมาแล้ว สามพันโบกเลยไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจมากเท่าที่คิดไว้
สามพันโบก จะต่างกับหาดชมดาวตรงที่หาดชมดาวจะเป็นแก่งหิน สูงๆ เรียบสลับซับซ้อน แต่สามพันโบก จะเป็นหลุมเป็นบ่อ ตามชื่อ โบก ที่แปลว่า หลุม
เดินขึ้นมาจะเจอสระน้ำขนาดใหญ่ คือสระพญานาค ทุกปีจะมีการทำพิธีที่สระนี้ นี่คือความรู้ทั้งหมดที่ได้แอบฟังน้องมัคคุเทศก์น้อยมา
และแล้วก็มาถึงโบกไฮไลท์ที่ใครมาที่นี่ก็ต้องถ่าย คือ โบกมิกกี้เมาส์ เอาสิแก ขึ้นมาเจอสระพญานาค เดินถัดมาเป็นโบกมิกกี้เมาส์ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมได้อย่างลงตัวมาก
ร้านสบายใจ อาหารราคาถูกมาก รสชาติดี แต่เราว่าน้ำจิ้มแหนมเนืองรสอ่อนไปนิด ส่วนปากหม้อญวณ กับปอเปี้ยะทอดอร่อยมาก เพิ่งเคยกินปากหม้อญวณใส่ไข่ นี่ปลื้มมากจริงๆ กินกัน 5 คน หมดไป 250 บาทเอง อยากให้ร้านอาหารเวียดนามในกรุงเทพถูกแบบนี้บ้าง 250 บาทกินใน กทม. นั่นกินได้คนเดียวเองนะ
ทริปของเราไปกัน 5 คน 3 วัน 2 คืน ขับรถกันประมาณ 500 กว่ากิโล อาจจะเหนื่อยหน่อย อาจจะเที่ยวไม่ครบ แต่เราเลือกแล้วว่าจะไปแค่ที่ที่อยากไป ให้เวลากับสิ่งที่เราสนใจ อันไหนไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน นี่แหละคือความสุขของการไปเที่ยวด้วยตัวเอง ชอบแบบไหนก็ไปแบบนั้น ถ้าหาเจอในสิ่งที่ชอบแล้วก็เก็บกระเป๋าออกไปเถอะ อย่ารอเลย โดยเฉพาะหน้าแล้งที่สา่มพันโบกและหาดชมดาวกำลังสวย กดจองตั๋วเลย เชื่อเรา ☺
การเดินทางภายในจังหวัดอุบลราชธานี
เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ในจังหวัดอุบลราชธานีห่างจากตัวเมืองมาก ถ้าไปหลายคนแนะนำให้เช่ารถขับดีกว่า เพราะการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะยังไม่สะดวกเท่าไหร่
การเดินทางไปปากเซ
จากตัวเมืองอุบลไปปากเซ
สำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถขับสามารถเดินทางโดยรถทัวร์ได้ ตามนี้
การเดินทางในปากเซ
one day trip น้ำตกในปากซอง ส่วนใหญ่โปรแกรม ตาดเยือง ตาดฟาน ตาดผาส้วม ราคารวมทุกอย่างแล้ว วันละ 2,500 – 3,000 บาท แล้วแต่ต่อรอง แต่ทางที่ดีลองถามก่อนว่าเค้าเอารถอะไรมารับ เพราะคราวที่แล้วเราไปกับครอบครัว 4 คนช่วงเข้าพรรษา เค้าเอารถเก๋งมารับ ครั้งนี้บอกเค้าว่า 5 คน เค้าเลยเอา TOYOTA COMMUTER มารับ (เป็นแบบ 14 ที่นั่ง แต่นั่งได้ 10 คน เพราะเบาะหลังเค้าถอดออก ) อ้ายสมรักษ์ +856 20 553 51774, +856 20 986 28966
โขงเจียมโฮมสเตย์ บ้านริมน้ำ แอร์ 600 บาท(มีแอร์ ตูเย็น น้ำอุ่น) พัดลม 400 บาท(มีน้ำอุ่น)
ไม่มีอาหารเช้า แต่มีโจ๊ก กาแฟ หรือมาม่า ขายที่บ้านของคุณป้าที่ดูแล โทร. 087-448-9399
หรือใครจะพักที่เขมราฐก็ได้ มีที่พักให้เลือกเยอะมาก และมีถนนคนเดินด้วย แต่เราเพิ่งมารู้ตอนจองทุกอย่างไปหมดแล้ว
ค่าใช้จ่ายสำหรับ 5 คน เราใช้ไปทั้งหมด รวมทุกอย่างยกเว้นของฝาก หมดไป 20,360 บาท (คนละ 4,072 บาท) อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ 5 คน ถ้าไปกันเยอะก็จะหารค่ารถที่ลาวแล้วได้ราคาต่อคนถูกลง