ขึ้นสวรรค์ชั้น 7 ที่เมืองกาญจน์ 2 วัน 1 คืนที่ศรีสวัสดิ์ ลุยน้ำตกเอราวัณ-ห้วยแม่ขมิ้น
36,140 ครั้ง
7 ก.ค. 2560
36,140 ครั้ง
7 ก.ค. 2560
กาญจนบุรี เมืองท่องเที่ยวฮ็อตฮิตใกล้กรุงเทพฯ สามารถเที่ยวได้ทั้งปี เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงาม วิถีชีวิตที่น่าสัมผัส กาญจนบุรี ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีอะไรใหม่ๆ ให้เราได้สนใจเสมอๆ แต่ในรีวิวนี้เราจะขอพาไปเที่ยวนำ้ตกสวยของเมืองกาญจน์ ถึง 2 แห่งด้วยกันนั้นคือน้ำตกเอราวัณและน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ถ้าพร้อมแล้วเตรียมเก็บกระเป๋า แท็กเพื่อน ชวนแฟนไปเที่ยวกันเลย…
Day: 1 เราออกเดินทางกันแต่ เพื่อไปถึงเมืองกาญจน์ในช่วงสายๆ โดยจุดหมายปลายทางของทริปนี้เราจะลุยเที่ยวน้ำตกกันแบบเน้นๆ แล้วพักกันง่ายๆ ที่อุทยานฯ สักที่ สำหรับวันแรกจากกรุงเทพฯ เรามุ่งหน้าไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 184 กิโลเมตร อีกทั้งเส้นทางยังต้องขึ้นเขา ลงเขา เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 4 ชั่วโมง ก็มาถึง น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นกันช่วงบ่ายๆ ระหว่างทางก็จอดรถพักขา เข้าห้องน้ำ ซื้อของกินกันตามรายทางบ้าง
เมื่อมาถึงที่อุทยานฯ เขื่อนศรีนครินทร์ เราก็ได้เช็คอินเข้าที่พัก ซึ่งปกติที่นี่จะมีทั้งบ้านพักและลานกางเตนท์ให้บริการ แต่ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ กางเต็นท์นอนอาจจะลุ้นไปสักหน่อย หากสนใจบ้านพักอุทยานฯ สามารถโทรสอบถามล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 082 290 2466
หลังจากเก็บของเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลุยเที่ยวน้ำตก แต่ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เราเลยแวะไปหาอะไรกินที่บริเวณโซนขายอาหารของอุทยานฯ ซึ่งก็มีทั้งร้านส้มตำ ขนมหวาน ข้าวแกง เครื่องดื่ม ให้เราได้เลือกกินกันแบบเพลินๆ จนกระทั่งฝนหยุดตก ก็ถึงเวลาที่เราจะได้ลุยเที่ยวน้ำตกกันสักที
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จะมีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ซึ่งจากตำแหน่งที่เรายืนอยู่จะเป็นบริเวณพื้นที่ของชั้นที่ 4 การเดินเที่ยวชมน้ำตกจะแบ่งออกเป็น 2 ทางคือไปเที่ยวชมชั้น 4 3 2 1 แล้วเดินกลับขึ้นมายังตำแหน่งเดิม แล้วค่อยเดินต่อไปยังชั้นที่ 5 6 7
เนื่องจากก่อนหน้าฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก เราจึงเลือกทางสบายๆ ขอลุยชั้นที่ 4 3 2 1 กันก่อนเลย ซึ่งทางสบายที่ว่าก็ด้านฝั่งโซนนี้จะมีสะพานไม้ปูยาวไปจนถึงชั้นล่างนั้นเอง
น้ำตกแต่ละชั้นก็มีความแตกต่างกันไป และเดินเพียงไม่กี่ก้าวเราก็ได้ยินเสียงน้ำตก นั้นเป็นจุดแรกที่ทำให้เราได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับน้ำตกชั้นที่ 4 น้ำตกชั้นนี้ค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถลงเล่นได้
จากชั้นที่ 4 เราก็เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ ก็เป็นบริเวณชั้นที่ 3 ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 1 ซึ่งแต่ละชั้นนั้นสามารถลงเล่นน้ำได้ทั้งหมด แต่ละชั้นก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อเดินมาถึงบรเวณชั้นที่ 1 จะต้องเดินกลับทางเดิม หากเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ ด้านในก็มีโมเดลจำลองของน้ำตกแต่ละชั้นให้เราได้ชม เอาเป็นว่าเดินมาสุดทางไม้แนะนำให้เดินกลับทางเดิม
สำหรับใครที่เดินชิลล์ๆ ชมธรรมชาติก็จะใช้เวลาไม่นาน เรียกว่าไม่ทันได้เหนื่อย แต่ถ้าตั้งใจมาเล่นน้ำเห็นทีจะติดใจกันทุกชั้น เพราะว่าน้ำใสและเย็นน่าลงเล่นมากๆ และเนื่องจากวันนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก จึงทำให้เราไม่สามารถขึ้นไปชมน้ำตกชั้นที่ 5 6 และ 7 ได้ เพราะเส้นทางจะเป็นโคลน และอาจใช้เวลานานกว่าจะไปถึงแต่ละชั้น ทริปนี้เลยขอติดไว้ก่อนสำหรับ 3 ชั้นที่เหลือ
Day: 2 จากน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เราตื่นกันแต่เช้าเมื่อรีบไปลุยเที่ยวน้ำตกเอราวัณ ซึ่งจากห้วยแม่ขมิ้นไปยังเอราวัณใช้เวลาเดินทางเกือบๆ ชั่วโมง มาถึงก็เสียค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 80 บาท ขับรถขึ้นเขาแบบนิดๆ หน่อยๆ ก็มาถึงบริเวณทางขึ้นน้ำตก
ซึ่งบริเวณลาดจอดรถจะมีรถกอล์ฟให้บริการรับ-ส่งไปยังชั้น 1 ใครที่อยากออมแรงไว้เดินขึ้นชั้น 7 ก็จัดไป แต่ถ้าแรงยังเหลือเดินไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงบริเวณลานกว้างชั้น 1 แล้ว ซึ่งบริเวณนี้นักท่องเที่ยวจะนิยมซื้อหาอาหารมานั่งรับประทานกันริมน้ำตก และพาเด็กๆ มาลงเล่นน้ำซะส่วนใหญ่
ถัดขึ้นไปจะเป็นชั้นที่ 2 สำหรับชั้นที่ 2 จะเป็นจุดลงเล่นน้ำที่ตื่นตา ตื่นใจทีเดียว
เดินขึ้นเขาต่อไปอีก ก็จะเป็นบริเวณชั้นที่ 3 ซึ่งบริเวณชั้นนี้ไปจนถึงชั้น 7 จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำอาหารขึ้นไปรับประทาน
พักเหนื่อยที่ชั้น 3 ก็ลุยต่อไปยังชั้น 4
ตอนนี้แต่ละชั้นก็เริ่มจะเดินขึ้นยากเรื่อยๆ ใครยากพัก อยากเล่นน้ำก็ใช้ช่วงเวลานี้เนียนๆ พักเหนื่อยกันไป ก่อนจะลุยต่อไปยังชั้นที่ 5
ไฮไลท์ของชั้นที่ 5 บริเวณนี้จะมีม่านน้ำตกไหลลงให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ มีจุดลงเล่นน้ำใสที่สามารถมองเห็นตัวปลาได้แบบชั้นเจนอีกด้วย
ใช้เวลาอยู่ที่ชั้น 5 กันพอสมควร ก่อนจะลุยขึ้นไปยังชั้นที่ 6 ซึ่งจะไม่ค่อยมีน้ำเท่าไหร่ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้แนะนำว่าช่วงเดือนพฤษจิกายน จะเป็นช่วงที่น้ำเยอะที่สุด
ถึงแม้ว่าชั้นที่ 6 จะไม่ค่อยมีน้ำเท่าไหร่ แต่เราก็ลุยจนไปถึงชั้น 7
ไฮไลท์ของชั้น 7 สีน้ำจะเป็นมรกต หากมาในช่วงหน้าน้ำเราจะเห็นม่านน้ำไหลจากหน้าผาสูงลดหลั่นลงมาเบื้องตาได้อย่างสวยงาม ส่วนช่วงนี้น้ำจะน้อยนิดนึ่ง แต่ก็สามารถลงเล่นได้แบบฟินๆ
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินขึ้นไปยังชั้น 7 แนะนำว่าให้มาช่วงเช้าๆ ถึงสายๆ เพราะหลังจาก 15.00 น. ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาติให้ขึ้นตั้งแต่ชั้น 5 เป็นต้นไป สำหรับเวลาที่ใช้ตั้งแต่ชั้น 1 ถึง ชั้น 7 ประมาณ 2 ชั่วโมง (แบบแวะพักเล่นน้ำ) ซึ่งช้าเร็วน่าจะขึ้นอยู่กับความฟิตของแต่ละคน
ใครที่อยู่กรุงเทพฯ เบื่อๆ กาญจนบุรีเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่คุณสามารถลุยเที่ยวได้ทั้งแบบไปเช้า เย็นกลับ แต่ถ้ากลัวเหนื่อยก็หาที่พักสบายๆ ไว้นอนสักคืนแล้วลุยเที่ยวก็ได้เช่นกัน และสำหรับรีวิวนี้เราอาจจะไม่ได้รีวิวที่กิน ที่พักแบบเน้นๆ แต่เอาเป็นว่าใครที่เที่ยวเมืองกาญจน์แล้วอยากได้ที่พักสวยๆ บรรยากาศดีๆ สักคืน สามารถกดที่ลิ้งค์นี่เลย และหวังว่าทริปน้ำตกนี้จะทำให้คุณอยากออกไปเที่ยวกันมากขึ้นในช่วงวันหยุดนี้นะเธอ
ทริปเก็ทเตอร์