ทริป 2 วัน 1 คืน เช้าดูทะเลหมอก เดินป่า เก็บกาแฟ ชีวิตวันหยุดสุดฟินที่ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่
14,408 ครั้ง
6 ธ.ค. 2560
14,408 ครั้ง
6 ธ.ค. 2560
หน้าหนาวแบบนี้ ใครๆ ก็พากันขึ้นดอยมารับลมหนาวพร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยอินทนนท์ ด้วยระยะเวลาขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมาเสพบรรยากาศสวยๆ และเก็บความทรงจำดีๆ ที่นี่ แต่ถ้าใครอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ในการมาเที่ยวดอยอินทนนท์ วันนี้ทริปเก็ทเตอร์ขอนำเสนอทริปเก็บกาแฟในหมู่บ้านแม่กลางหลวงไว้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในแผนเที่ยวปลายปี รับรองว่าได้ทั้งความรู้ ความสนุก และความฟินกลับไปอย่างแน่นอน
วันที่ 1 ทริปเริ่มต้นที่เราขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ตอน 8.00 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ในการมาถึงร้านกาแฟสมศักดิ์บริเวณกลางหมู่บ้านแม่กลางหลวง อ.อินทนนท์ เมื่อเข้ามาภายในร้านจะมีเวลคัมดริงค์เป็นกาแฟโบราณคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยจะโชว์วิธีชงกันสดๆตั้งแต่บดเมล็ดกาแฟจนกระทั่งกลั่นออกมาเป็นกาแฟร้อนๆกลิ่นหอมฟุ้งให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มเพื่อกระตุ้นตัวเองก่อนจะทำกิจกรรมต่อไป
ต่อมาคือพิธีผูกขอมือรับขวัญของชาวปกาเกอญอโดยมีผู้เฒ่าผู้แก่มาให้คำอวยพรและนำสายสิญจน์มาผูกข้อมือให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อปัดเป่าความโชคร้ายต่างๆ นอกจากนี้ยังมีผลไม้สำหรับทานเล่นระหว่างรอพิธีการด้วย
หลังจากผูกข้อมือรับขวัญเสร็จเรียบร้อย พี่เคนไกด์ประจำทริปของเราจะเริ่มแจกตะกร้าสำหรับเก็บเมล็ดกาแฟแล้วจึงพาเดินไปไร่กาแฟที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 5-10 นาทีเมื่อมาถึงจะมีการแนะนำความเป็นมาของการปลูกกาแฟในหมู่บ้าน ชนิดพันธุ์ วิธีปลูกและวิธีการเก็บเมล็ดกาแฟที่ถูกต้อง ก่อนจะให้นักเก็บกาแฟฝึกหัดได้ลงมือจริงๆประมาณ 15-20 นาที ปิดท้ายด้วยการพาไปเรียนรู้วิธีการแยกเปลือกออกจากเมล็ดด้วยเครื่องจักร ถึงตรงนี้บอกเลยว่าระหว่างเก็บมีเกมแบ่งทีมแข่งกันเก็บเมล็ดกาแฟด้วยนะ ส่วนของรางวัลผู้ชนะจะเป็นอะไรนั้นขอปิดไว้เป็นเซอร์ไพรส์ดีกว่า
หลังจากหายเหนื่อยจากการเก็บกาแฟแล้ว เราก็นั่งรถออกมาจากหมู่บ้านมาที่จุดหมายต่อมาของทริป นั่นก็คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวหรือ “น้ำตกรักจัง” เป็นเส้นทางธรรมชาติง่ายๆ เดินสบาย แต่สวยงามสุดๆ แถมบริเวณริมทางน้ำจะเห็นผีเสื้อสีสันสดใสและมีเสียงน้ำตกคลอไปด้วยเกือบตลอดเส้นทาง สำหรับใครที่จะมาที่นี่ไม่แนะนำให้ใส่รองเท้าแตะเข้ามาเพราะพื้นหรือสะพานบางจุดมีความลื่นและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญคือก่อนจะเข้ามาต้องติดต่อเจ้าหน้าที่หรือไกด์ท้องถิ่นด้วย โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 093 131 3850 คุณอุ่น, 081 021 8927 ลุงโยแสะ, 093 047 6088 คุณพงทู และ 081 960 8856 คุณซ่าทู
เราเดินจากน้ำตกมาอีกสักพักก่อนจะหยุดทานอาหารกลางวันริมทางน้ำ ที่ทางผู้จัดทริปได้เตรียมไว้ให้ สำหรับเมนูวันนี้คือ ไก่กระเทียม และข้าวสวยห่อมาในใบตองอย่างดี และที่พิเศษคือไก่ย่างพริกไทยและน้ำจิ้มแจ๋วสูตรลับแต่อร่อยแรงจากชาวบ้าน ที่ย่างกันสดๆ ตรงริมน้ำนั่นเลย
หลังทานข้าวเสร็จ ช่วงบ่ายพี่เคนพาเราเดินต่อจนมารู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่ภูเขาหลังบ้านแม่กลางหลวงแล้ว พอเดินกลับมาถึงหมู่บ้านอีกครั้งเวลาประมาณ 13.30 น. เรานั่งพักอีกรอบที่ร้านกาแฟพร้อมกับฟังพี่เคนบรรยายเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับการพลิกฟื้นผืนป่าบริเวณหมู่บ้าน ต่อด้วยทดลองบดกาแฟด้วยเครื่องบดอีกเล็กน้อย ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเรียนรู้วิถีชีวิตและภูมิปัญญาชาวบ้าน เราสามารถเดินไปฟังความรู้จากพี่เคนไปได้เรื่อยๆ อย่างเช่นการปลูกบ้านแบบยกพื้น ต้นไม้สนุนไพรในหมู่บ้าน การล้างและแยกเมล็ดกาแฟ ฯ หากสงสัยหรืออยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้ตลอด จุดเด่นของบ้านแม่กลางหลวงอีกอย่างคืองานผ้าทอมือปกาเกอญอ ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านจะสามารถพบเห็นสาวชาวบ้านกำลังนั่งทอผ้าอยู่บริเวณหน้าร้าน แถมแต่ละลายนี่สวยงามไม่แพ้กันเลยทีเดียว
หลังจากเดินเสร็จก็ถึงเวลาพักผ่อนส่วนตัวในบ้านพัก โดยจะเป็นที่พักของศูนย์บริการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านแม่กลางหลวง บ้านหนึ่งหลังสามารถนอนได้เต็มที่ 4 คน มีห้องน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นในตัว ระหว่างนี้สามารถลงไปเล่นน้ำตรงด้านหน้าหมู่บ้าน หรือพักดื่มชาหรือกาแฟจากร้านกาแฟในหมู่บ้านก็ได้ ก่อนจะกลับมาทานข้าวทำกิจกรรมกันอีกทีตอน 18.30 น.
18.30 น. เราเดินจากที่พักออกมาไม่ไกลนักก็มาถึงจุดทานข้าวเย็น เรารีบจัดการอย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ทันกิจกรรมภาคกลางคืน โดยเป็นการแสดงจากเด็กๆ และดนตรีพื้นบ้าน มาสร้างความสนุกสนานให้เราได้ชมกัน ถือเป็นกิจกรรมสุดท้ายของวันที่หนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายพี่เคนนัดเวลาออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วแม่ปานในวันพรุ่งนี้ตอน 05.30 น.
วันที่ 2 เช้าวันถัดมา กิจกรรมวันสุดท้ายของทริปคือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานพร้อมกับไปถ่ายรูปที่จุดถ่ายรูปยอดนิยมของกิ่วแม่ปาน เราเก็บกระเป๋าเดินทางออกจากหมู่บ้านตามเวลาที่พี่เคนได้นัดไว้ แม้เราคิดว่าเรามาเช้าขนาดนี้ยังไม่น่ามีคนเยอะ แต่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงที่จอดรถสำหรับเดินกิ่วแม่ปานขบวนรถติดก็เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว แต่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถจอดรถและลงมาหามุมถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นได้ทัน
เมื่อเต็มอิ่มกับแสงแรก ข้าวต้ม และเครื่องดื่มร้อนๆ ด้านหน้าทางเข้าแล้ว พี่เคนก็จะพาเข้าไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ บอกเลยว่าทะเลหมอกช่วงนี้งานดีสุดๆ ก่อนจะปิดทริปด้วยการไปทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ดอยอินทนนท์ และจัดกิจกรรมให้แก่เด็กๆ ในโรงเรียนใกล้เคียง
เรียกได้ว่ามาทริปเดียวได้ทั้งความสนุกได้ทั้งภาพสวยๆและความรู้กลับไปแบบเต็มๆที่สำคัญคือทริปนี้มีเวลาจำกัดแค่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ปลายเดือนเมษายนเท่านั้นนะจ๊ะเพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟพอดีสำหรับใครที่สนใจร่วมทริปนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท/คน (หากมากันเป็นหมู่คณะสามารถต่อรองราคาได้) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0828984894 พี่เคน, 0819608856 ร้านกาแฟสมศักดิ์