ลพบุรี-สระบุรี 2 วัน 1 คืน เที่ยวแบบชิลล์ๆ เน้นพักผ่อนกับธรรมชาติ อีกหนึ่งความสโลว์ไลฟ์ที่ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองเหนือ
119,146 ครั้ง
9 ต.ค. 2561
119,146 ครั้ง
9 ต.ค. 2561
เที่ยวแบบหรูหรากันไปตั้งหลายที่ สุดท้ายร่ายกายเราก็ต้องการแค่เพียงธรรมชาติ กับจุดพักผ่อนบรรยากาศดีๆ สักแห่ง ที่เราสามารถหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง สำหรับทริปนี้ทริปเก็ทเตอร์ขอพามาลุยเอาใจสายรักษ์ธรรมชาติกันหน่อยกับ ทริป 2 วัน 1 คืน ลพบุรี-สระบุรี สองจังหวัดสุดน่ารักที่ไม่ไกลกรุงเทพมากนัก ถึงจะเที่ยวเช็คอินกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่รับรองว่าได้ความสุขกลับไปเต็มๆ อย่างแน่นอน
เราเดินทางวันช่วงสายของวันธรรมดา เพื่อที่จะหลีกหนีความวุ่นวายไปแอบอิงกับธรรมชาติอย่างแท้จริง ทริปนี้ขอแบบสโลว์ไลฟ์ไม่รีบร้อน เน้นอยู่กับตัวเองและธรรมชาติให้ได้มากที่สุด จุดหมายแรกของเราคือ จังหวัดลพบุรี… จากกรุงเทพเราเดินทางตามเส้นจีพีเอส ผ่านจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และจังหวัดอ่างทองใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็เข้าสู่ตัวเมืองลพบุรี ช่วงเที่ยงๆ และการมาเมืองลพบุรี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่แวะมาสักการะผู้ที่ปกปักรักษาเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลกันที่ ศาลพระกาฬ
ศาลพระกาฬ ที่นี่เดิมทีคาดการณ์กันว่าเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ สมัยอาณาจักรขอม แต่สร้างไม่เสร็จและดันถล่มลงมา และปัจจุบันได้สร้างเป็นศาลที่ภายในประดิษฐานพระนารายณ์เพื่อปกปักรักษาบ้างเมือง และไว้ให้ประชาชนมากราบไหว้
จุดนี้ตลอดทั้งวันจะคนมาขอพรและนำของมาแก้บนให้น้องลิง สำหรับใครที่ขับรถมาอาจต้องระวังลิงข้ามถนนกันสักหน่อย
และอีกจุดที่ห่างกันเพียงถนน ปรางค์สามยอด ที่นี่เรียกว่าเป็นภาพจำของลพบุรีเลยก็ว่าได้ ปราสาทนี้สร้างด้วยหินศิลาแลงแบบขอมเรียงต่อกัน 3 องค์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปต่าง สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จุดนี้มีค่าบริการคนไทย 10 บาท และต่างชาติ 30 บาท ได้ตั๋วมาไว้สำหรับถ่ายรูป เก็บเป็นที่ระลึกเก๋ๆ
บรรยากาศรอบๆ มากมายด้วยพระพุทธและซากเก่าๆ ที่ถูกเกาะด้วยน้องลิงเต็มไปหมด สำหรับใครที่อยากมาให้อาหารลิง แนะนำให้ใส่เสื้อสีเข้มมาหน่อย เพราะเวลาลิงเกาะอาจจะทำให้เสื้อเปื้อนได้
ภายในพระปรางค์สามารถเดินเข้าไปได้ บรรยากาศเยือกเย็น เงียบสงบ
และจากปรางค์สามยอดเข้าเมืองไปตามตรอกซอย จะพบกับ วังนารายณ์ ที่ล้อมด้วยป้อมปราการสีขาวๆ ขนาดใหญ่ เป็นจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดลพบุรี
โซนรอบนอกจะเปิดให้ชมทุกวัน ส่วนโซนพิพิธภัณฑ์จะปิดทุกวันจันทร์และอังคาร มีค่าบริการคนละ 10 และทริปนี้เราก็มาในวันอังคารเลยอดเข้าชมกันอีกแล้ว^^
ภายในบรรยากาศดีไม่ร้อนเหมือนพระปรางค์ เพราะมีต้นไม้ให้ร่มเงา จะแวะมาถ่ายรูปเก๋ๆ หรือปิกนิกยามบ่ายก็น่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
และจากจุดนี้เรากำลังตามหาร้านคาเฟ่ที่กำลังฮอตที่สุดในตอนนี้เพื่อหาเมนูอะไรกินสักหน่อย จากตัวเมือง เราตรงไป ที่ ต.นายาว แถวทุ่งทานตะวันเขาจีนแล ถึงทานตะวันจะยังไม่บาน แต่ที่คาเฟ่ก็มีทุ่งดอกไม้ที่สาวยงามไม่แพ้กัน ร้านกระเพรา & คอฟฟี่ นอกจากจะเป็นร้านคาเฟ่ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มและเมนูอาหารรสเด็ดแล้วนั้น ยังมีทุ่งดอกดาวกระจายสีเหลืองๆ บนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ ให้มาถ่ายรูปเล่นกัน
ด้านหน้าร้านเป็นลานจอดรถ สามารถจอดได้ประมาณ 10 คน ถ้าหากไม่พอก็สามารถจอดทางข้างร้านได้
เข้ามาด้านในบรรยากาศดีมาก มีโซนนั่งให้เลือกทั้งแบบห้องแอร์ และโซนโอเพ่นที่จะได้ชมทุ่งดอกไม้แบบเต็มตา
ส่วนเมนูที่นี่ก็ตามชื่อร้าน จะโดดเด่นในเรื่องของกาแฟและข้าวกระเพราเป็นพิเศษ เราเลยไม่พลาดสั่งมาทั้ง 2 เมนู โดยเมนูซิกเนเจอร์จะเป็นเมนู กระเพราเขาจีนแล ที่ทำจากเนื้อโคขุนสูตรพิเศษเนื้อนุ่ม 70 บาท
กาแฟคาปูชิโนเย็น ที่นี่ก็คัดเมล็ดพันธู์กันอย่างดี แถมราคายังสุดโดนใจ เพียง 30 บาท
และนอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูอื่นๆ ให้สั่งมากมายทั้งสเต็ก ต้มยำกุ้ง ข้าวผัด และเมนูเครื่องดื่มผลไม้ต่างๆ อีกหลายเมนู
เต็มพลังกันแล้วขอเดินชมทุ่งดอกไม้สีเหลือถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย นอกจากดอกไม้ที่นี่ยังมีบ้านหลังน่ารักๆ และสะพานไม้ยาวๆ ที่เรียกว่าจะถ่ายมุมไหนก็สวย ไม่ต้องแย่งกับใคร
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มเพิ่มเติมได้จากที่นี่ คลิ๊ก!
และจากจุดนี้เราจะไปนอนกางเต็นท์กันที่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จ.สระบุรี จากลพบุรีก็เดินทางไม่นานหนักเพราะสองจังหวัดนี้ติดกัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากปากทางเข้ามค่อนข้างลึก บรรยากาศเงียบสงบมาก แถมยังมีสัตว์ป่าอย่างน้อยลิงมาต้อนรับอีกแล้ว แอบกระซิบว่าที่นี่ชอบมีช้างเข้ามาทักทายด้วยบ่อยๆ
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า มีทั้งลานกางเต็นท์และบ้านพักแบบเป็นหลังให้เลือกนอนกัน โดยลานกางเต็นท์นั้นไม่คิดค่าบริการ ส่วนห้องพักจะเริ่มต้นที่ห้องละ 800 บาท หากใครอยากลองนอนเต็นท์ที่นี่ก็มีบริการให้เช่าแบบราคาย่อมเยาว์ แถมยังสามารถทำปิ้งย่างแคมป์ปิ้งกันได้ด้วย ก่อนอื่นก็ต้องเช็คอินเข้าห้องพักกันก่อน
ส่วนคืนนี้เรานอนกันในห้องพัก แต่ก็เตรียมเต็นท์มาดูดาวกันช่วงกลางคืน ภายในห้องพักกว้างขวาง ดูเรียบง่าย สภาพค่อนข้างดูใหม่เลยทีเดียว แถมยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
โซนอ่างเก็บน้ำช่วงเย็น จะมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์กัน บรรยากาศดีสุดๆ แนะนำช่วงวันธรรมดาคนไม่เยอะ มีไม่ถึง 10 เต็นท์
ส่วนมื้อเย็นถ้าไม่ได้เตรียมเข้ามา บริเวณปากทางเข้าก็มีทั้งสวนอาหารและร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ให้เลือกกินกัน แต่แนะนำให้ซื้อเข้ามาทำกินเองเพราะช่วงเย็นบรรยากาศฟินมาก
Location: หมู่ 5 ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
Phone: 085 968 3520, 08 9237 8659
Website: กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์พืช
ส่วนช่วงเช้าแนะนำให้ตื่นมาชมหมอกอ่อนๆ สูดอากาศดีๆ เพื่อเป็นการดีท๊อกซ์ร่างกาย ส่วนช่วงสายเราก็เช็คเอาท์ และก่อนกลับก็ต้องแวะมาที่จุดชมวิวที่อยู่ทางด้านบน
จุดชมวิวจะเป็นทางแยกจากทางเข้า ขับเจ้ามาประมาณหนึ่งกิโล
ดูเหมือนยังจะไม่ค่อยเต็มอิ่ม เราลุยต่อที่ น้ำตกเจ็ดคต ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่แล้ว ที่นี่เป็นธารน้ำตกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ที่ช่วงเรามาเหมือนฝนเพิ่งจะหยุดตก น้ำเลยแรงพอสมควร ถ้ามาช่วงฤดูร้อนน่าจะเล่นกันได้ แต่แน่นอนว่าได้รูปสวยกลับไปเยอะแน่นอน
มีสะพานเชือกเล็กให้ใต่ไปศาลาอีกฝั่งด้วยนะ แต่น้ำค่อนข้างแรงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ถ่ายรูปกันเพลินๆ ก็พาเข้าช่วงเที่ยง ก่อนแวะกลับเข้ากรุงเลยขอแวะร้านเด็ดๆ บรรยากาศน้ำตกฟินอีกสักร้าน ครัวน้ำตก ตั้งอยู่ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ภายในร้านก็คล้ายๆ สวนอาหารทั่วไป ตกแต่งดูวินเทจแบบไทย บรรยากาศร่มรื่น
แต่มีดีที่มุมน้ำตก ไม่ว่าจะนั่งโต๊ะไหนก็เห็นน้ำตกอย่างแน่นอน
เมนูที่ร้านจะเป็นเมนูอาหารไทยสไตล์พื้นบ้าน ที่นอกจากจะหน้าตาดีแถมรสชาติก็ไม่ธรรมดา
แกงเลี้ยงกุ้งสด หม้อนี้เครื่องแน่นเหมือนยกมาทั้งสวน รสชาติแซ่บกำลังดี 180 บาท
เมนูซิกเนเจอร์ ปลาช่อนริมแก่ง จานนี้เป็นปลาช่อนตัวใหญ่ที่แร่เอาเนื้อไปทอด ทานคู่กับเซ็ตเมี่ยงโบราณ รสชาติกลมกล่อมดีต่อใจ 350 บาท
ยำถั่วพลู 130 บาท
ปิดท้ายทริปด้วยด้วย ปูหลน 150 บาท
Location: ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 10.30 – 22.00 น.(หยุดเฉพาะอังคารที่ 2 ของทุกเดือน)
Phone: 086 131 0311, 036 342 477, 036 342 427
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับ ทริปลพบุรี – สระบุรี 2 วัน 1 คืน ทริปนี้ตารางอาจจะไม่ค่อยแน่นเพราะเราอยากพักผ่อนกันจริงๆ แต่ก็อยากเก็บประสบการณ์มาฝากเพื่อนๆ สำหรับเพื่อนที่กำลังมองหาที่เที่ยวแบบธรรมชาติทริปนี้ก็น่าจะเป็นอีกแนวทางที่พอจะช่วงวางแฝนได้บ้าง แนะนำให้ลองหาจุดเช็คอินเพิ่ม เผื่อแว๊บไปลุยกันอีกสักจุดสองจุดก็น่าจะคุ้ม เต็มอิ่มกันมากขึ้น เปลี่ยนวันธรรมดาที่แสนน่าเบื่อเป็นทริปสุดพิเศษได้เหมือนกัน