ทริป 2 วัน 1 คืน บ้านคลองแตงโม โอบกอดธรรมชาติ สัมผัสเสน่ห์วิถีไทยทรงดำ
4,200 ครั้ง
15 ส.ค. 2565
4,200 ครั้ง
15 ส.ค. 2565
หลายๆ ครั้งชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าความสุขที่มาจากความสงบ และการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ใช้ชีวิตเรื่อยๆ สบายๆ ในวันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกคน ไปทำความรู้จักกับชุมชนท่องเที่ยวที่เงียบสงบ และเต็มไปด้วยขุมทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ วิถีชีวิตที่สงบงามและเป็นเอกลักษณ์กันที่ชุมชนบ้านคลองแตงโม อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ชุมชนที่โดดเด่นด้วยวิถีชีวิตแบบกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ตามไปดื่มด่ำการเที่ยวแบบสบายกันเลยกับ ทริป 2 วัน 1 คืน บ้านคลองแตงโม โอบกอดธรรมชาติ สัมผัสเสน่ห์วิถีไทยทรงดำ
เรามุ่งตรงไปที่ อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ที่ตั้งของชุมชนบ้านคลองแตงโม หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยทรัพยากรอันทรงคุณค่า ทั้งในด้านธรรมชาติและวิถีชีวิต โดยเสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้คือวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ หรือลาวโซ่ง ที่มีเอกลักษณ์ทั้งในด้านการแต่งกาย วิถีชีวิต และเมนูอาหารแสนโดดเด่น ซึ่งกลุ่มชาวชุมชนที่เป็นชาวไทยทรงดำของที่นี่ ส่วนหนึ่งได้อพยพมาจาก จ.พิจิตร และได้ตั้งถิ่นฐาน สืบทอดความงามของวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม อย่างมั่นคงและโดดเด่นท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติและพื้นที่เกษตรกรรมในชุมชนบ้านคลองแตงโมแห่งนี้
เมื่อเดินทางมาถึงในชุมชนบ้านคลองแตงโมแล้ว เราเข้าไปเช็คอินกันที่เรือนนกแก้วโฮมสเตย์ บ้านไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่กลางชุมชน ภายในของโฮมสเตย์สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและเป็นกันเอง ให้บรรยากาศราวกับว่าได้มาพักผ่อนที่บ้านของญาติผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด ความเงียบสงบและการต้อนรับของเจ้าของบ้านช่วยให้การพักผ่อนครั้งนี้เติมเต็มความสุขได้เป็นอย่างดี
หลังจากเก็บกระเป๋าที่โฮมสเตย์กันแล้ว เราก็ไปเยี่ยมชมการตัดเย็บเสื้อยกทรงโบราณ และเสื้อคอกระเช้าประยุกต์ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ชื่อ “ป้าระเบียบ” ซึ่งถือเป็นสินค้า OTOP ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านคลองแตงโม และ อ.โกสัมพีนคร โดยเสื้อยกทรงโบราณของป้าระเบียบ มีประสบการณ์ที่การันตีคุณภาพฝีมือยาวนานกว่า 31 ปี เหมาะกับการใช้เป็นของฝากชั้นยอดให้แด่ญาติผู้ใหญ่อีกด้วย
ในส่วนของเสื้อคอกระเช้าประยุกต์ เป็นสินค้ายอดนิยมที่มียอดการสั่งซื้อและสั่งตัดจำนวนมาก ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนอยู่ไม่น้อย ด้วยการออกแบบที่คงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของเสื้อคอกระเช้าผสานเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ที่ทันสมัย ทำให้เสื้อคอกระเช้าประยุกต์ของป้าระเบียบ มีความโดดเด่น สวมใส่ได้ในทุกโอกาส และทุกวัย สำหรับใครที่ต้องการไซส์พิเศษ ทางคุณป้าระเบียบก็จะลงมือตัดเย็บให้เองกับมือ ป้าระเบียบแอบกระซิบอีกว่า หลายๆ ครอบครัว มักจะซื้อเสื้อคอกระเช้าประยุกต์ ไปใส่เป็นชุดครอบครัวอีกด้วย อย่าง คุณยายใส่คู่กับหลานสาว หรือจะเป็น คุณยายใส่คู่กับคุณแม่และเจ้าหนูตัวน้อย
รูปแบบและสีสันของเสื้อยกคอกระเช้าประยุกต์ มีให้เลือกอยู่อย่างหลากหลาย ทั้งสีสันแบบสดใส และสีพาสเทลน่ารักๆ ส่วนของรูปแบบเสื้อที่เป็นที่นิยมเลยก็คือ เสื้อคอกระเช้าประยุกต์แบบ 5 ตะเข็บแบบโบราณ ซึ่งเป็นสินค้า OTOP ระดับ 4 ดาว โดยราคาของเสื้อก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าเป็นที่สุด เพราะมีตั้งแต่ราคาหลักสิบต่อตัวไปจนถึงหลักร้อย
ได้เข้าไปเยี่ยมชมการตัดเย็บและการอธิบายที่มาและแนวความคิดที่จะต่อยอดและสร้างสรรค์งานผ้าแบบโบราณจากคุณป้าระเบียบ บอกเลยว่าเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่คุณป้าเล่าแล้ว สามารถสัมผัสได้ถึงความภาคภูมิใจและกำลังกาย กำลังใจที่ยังเหลือล้นของคุณป้าเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายของฝาก เสื้อยกทรงโบราณ เสื้อคอกระเช้าประยุกต์ ป้าระเบียบ ตั้งอยู่ติดกับริมถนนใหญ่ที่ตัดผ่านด้านหน้าของหมู่บ้านอีกด้วย ถ้าใครผ่านไปมาแล้วสนใจ สามารถแวะเข้ามาเลือกซื้อกันได้เลย
ได้ความรู้ ได้เห็นวิธีการตัดเย็บ รวมทั้งความภาคภูมิใจของผู้ผลิตงานฝีมือระดับ OTOP กันไปแล้ว ก็เป็นช่วงเย็นที่แสงแดดกำลังดี มีสายลมอ่อนพัดมาจากท้องทุ่งเย็นสบาย เราออกมาเดินเล่นสำรวจชุมชนกันแบบเรื่อยๆ ตลอดสองข้างทางของท้องถนนสายเล็กๆ ในหมู่บ้าน มีทั้งท้องทุ่งนา ที่หอมกลิ่นต้นข้าวอ่อนๆ บ้านเรือนที่อบอุ่น แนวทิวเขา และลำคลอง สลับกันไป บอกเลยว่าตอบโจทย์การพักผ่อนให้กายใจได้พักอย่างแท้จริง
เย็นวันแรก ถือเป็นโชคดีของเรามากๆ เพราะในช่วงที่มาท่องเที่ยวชุมชน ตรงกับวันที่ทางชุมชนบ้านคลองแตงโม ได้จัดกิจกรรม ตลาดวิถีไทยทรงดำ (ตลาดร่มแดง) ขึ้นที่ลานวัฒนธรรมหมู่บ้านพอดี โดยตลาดแห่งนี้จัดขึ้นเพื่อจำหน่ายสินค้า อาหาร และผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นของชุมชนบ้านคลองแตงโม ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรกับชุมชน (คณะกรรมการหมู่บ้านคลองแตงโมและวิสาหกิจชุมชนบ้านคลองแตงโม) และในส่วนของของชื่อ “ตลาดร่มแดง” นั้น มาจากสีแดง ที่เป็นหนึ่งในสีมงคลของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ซึ่งมี สีดำ สีขาว และสีแดง อีกนัยหนึ่งสีแดง ยังสื่อถึงความรักใคร่กลมเกลียวกันของคนในชุมชนและความสำเร็จที่สื่อผ่านการจัดตลาดร่มแดงขึ้นนั่นเอง
เดินทางและท่องเที่ยวทำกิจกรรมชุมชนมาทั้งวันแล้ว ก็อดใจไม่ได้ที่จะเข้าสปา นวดผ่อนคลายกันหน่อย ภายในตลาดวิถีไทยทรงดำ (ตลาดร่มแดง) มีสปาบ้านทุ่งให้บริการอีกด้วย มีทั้งบริการนวดแผนไทย นวดผ่อนคลาย ที่จะบรรเทาความเหนื่อยล้า อาการปวดเมื่อยร่างกาย จากปราชญ์ชุมชนที่มีความเชี่ยวชาญกันเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอยังมีสปาเท้า และอบสมุนไพร เพื่อกระตุ้นให้เลือดลมหมุนเวียน และขับสารพิษอีกด้วย
นวดผ่อนคลาย สบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติในชุมชน มีความสุขและสงบมากๆ
หลังจากนวดแผนไทยกันแล้ว เราก็มาเดินชมตลาดกันต่อ บอกเลยว่าภายในตลาดมีร้านค้าให้ได้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผลทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของกำแพงเพชรอย่างกล้วยไข่ หรือจะเป็นพืชผักปลอดสารพิษ ในส่วนของอาหารก็มีทั้งเมนูอาหารพื้นถิ่นของไทยทรงดำ นั่นก็คือ แกงไก่นอกหม้อ และผัดไทยไทยทรงดำ อีกทั้งยังมีอาหาร และสินค้าอื่นๆ อีกเพียบ
นอกจากนี้ยังมีสินค้าและเครื่องใช้อื่นๆ ที่เป็นงานฝีมือมาวางขายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอกระเช้า สบู่จากกาแฟ และพรมเช็ดเท้า
เลือกอาหารกันได้แล้ว ก็มานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับชมการแสดงจากคนในชุมชน อย่างรำกลองยาว นอกเหนือจากความน่ารักและสนุกสนานของการแสดงแล้ว สิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าก็คือการเห็นถึงความผูกพันกันระหว่างเยาวชนและผู้สูงอายุในชุมชนอีกด้วย และยังมีการแสดงอื่นๆ ให้ได้นั่งชมกันไปเพลินๆ กันเลย ถือเป็นการปิดวันแรกได้อย่างลงตัวและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ก่อนกลับไปพักผ่อนกันที่โฮมสเตย์ เราก็แวะซื้ออาหารและขนมติดไม้ติดมือกันไปสักหน่อย เผื่อไว้สำหรับมื้อดึก
เราเริ่มต้นวันที่ 2 กันด้วยการตื่นก่อนตะวัน ในช่วงเช้ามืด เพื่อเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาหัวโล้น โดยชื่อของภูเขาที่ว่าหัวโล้นนั้น ไม่ได้มาจากการที่ป่าไม้ถูกตัดจนโล่งเตียน แต่เป็นเพราะบริเวณยอดเขาที่มีต้นไม้ปกคลุมอย่างเขียวขจีแห่งนี้ จะมีลักษณะเป็นพื้นที่โล่ง และมีหินจำนวนมากซ้อนกันอยู่ ระหว่างทางขึ้นเขา เราต้องเดินเท้าโดยอาศัยเส้นทางเล็กๆ ที่ชาวบ้านได้ถางไว้เป็นรอยทางเดิน
เมื่อเดินขึ้นเขามาได้ราวๆ 10 นาที เราก็ขึ้นมาถึงยอดภูเขาหัวโล้น และความประทับใจก็เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนั้น ภาพที่เห็นก็คือพื้นที่โล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา โดยมีแนวขุนเขาเป็นฉากอยู่ไกลๆ พร้อมกับวิวภาพแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านพื้นที่เบื้องล่าง รวมทั้งแนวทะเลหมอกที่ปกคลุมเหนือที่ราบ และเมื่อพระอาทิตย์เริ่มโผล่ลับขอบฟ้าขึ้นมา แนวท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นเฉดไล่ระดับกันอย่างชัดเจน โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การขึ้นมาชมทะเลหมอกก็คือ 06.00 – 07.00 น. นอกจากนี้จากบนยอดเขาหัวโล้นยังสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา โดยทิศตะวันตกก็จะมองเห็นแนวเขาสุดเขียวขจีได้อีกด้วย
เวลาเช้าๆ กับภาพวิวดีๆ แบบนี้เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟเป็นที่สุด โดยเมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา ทางชุมชนก็มีกาแฟชงร้อนๆ ที่เสิร์ฟมาในแก้วกะลาแสนน่ารัก ให้ได้จิบไป รับลมเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกไปพร้อมกันอีกด้วย
ระหว่างทางลงเขา เราก็แวะถ่ายรูปเท่ๆ กลางความเขียวขจีของหมู่ต้นไม้กันสักหน่อย
หลังจากได้ดื่มด่ำความงดงามและความอลังการของธรรมชาติในยามเช้ากันแล้ว เราก็ลงจากเขาเพื่อมารอใส่บาตรกันต่อ บอกเลยว่าโลเคชั่นที่เราจะมารอพระบิณฑบาตพร้อมกับชาวบ้านกันในครั้งนี้ ไม่ธรรมดาเลย เพราะเป็นพื้นที่ที่ติดกับลำคลองแตงโมที่มีลักษณะคดเคี้ยวคล้ายกับสร้อยคอ โดยมีแนวเขาเป็นฉากหลัง อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งใจเป็นที่สุด
หลังจากใส่บาตรรับพรกันเรียบร้อย ก็เดินสูดอากาศเย็นๆ และบริสุทธิ์กันต่อสักหน่อย พร้อมกับการเดินชมวิวท้องทุ่งกับแนวเขา แอบกระซิบเลยว่ามุมนี้ดีมาก ได้รูปสวยๆ เพียบ! โดยจุดนี้จะมีป้ายที่เขียนว่า หงำหอด @คลองแตงโม ซึ่งคำว่า “หงำหอด” เป็นภาษาไทยทรงดำแปลว่า คิดถึง นั่นเอง
กลับไปพักผ่อน เปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่โฮมสเตย์แล้ว ก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดี ซึ่งมื้อนี้เราก็ได้มีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารพื้นถิ่นของชาวไทยทรงดำกันที่ศูนย์การเรียนรู้อาหารพื้นถิ่นไทยทรงดำ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่เนินเขาเล็กๆ มีลักษณะเป็นโคก และพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เรียกว่า โคกหนองนาโมเดล อีกด้วย
เข้าไปนั่งกันที่ศาลาไม้ไผ่เล็กๆ ที่หลังคามุงด้วยจากกันเรียบร้อยแล้ว คุณยายก็ยกมาเสิร์ฟให้เป็นแบบสำรับกันเลย บอกเลยว่าระดับเชฟชาวไทยทรงดำมาเสิร์ฟด้วยตัวเองแบบนี้ มื้อนี้ไม่ธรรมดาเลย แถมยังอธิบายวิธีการทำและคุณประโยชน์ของแต่ละเมนูให้เราฟังอีกด้วย น่ารัก อบอุ่นเป็นที่สุด
ในส่วนของเมนู ก็มีทั้ง แกงไก่นอกหม้อ ที่รสชาติกลมกล่อม ปรุงรสด้วยผงลาบ หอมกรุ่นกลิ่นกะทิ ตัดรสเปรี้ยวอ่อนๆ ด้วยน้ำมะขาม
กะปิคั่วหอมไทยทรงดำ ที่หอมกลิ่นกะปิ รสชาติเข้มข้นเข้ากันได้ดีกับหมูสับ พร้อมกินคู่กับผักสดปลอดสารพิษก็อร่อยสุดๆ
น้ำพริกกะปิไทยทรงดำ ที่ทำมาจากกุ้งฝอยน้ำจืดที่มีระยะเวลาการหมักถึง 4 เดือน บอกเลยว่ารสชาติดีและจัดจ้าน
รวมทั้งผัดไทยไทยทรงดำที่ไม่ใส่ผงชูรสก็มีให้ได้เลือกชิมกันอย่างหลากหลาย บอกเลยว่าเป็นเมนูที่เหมาะกับทุกวัยจริงๆ
กินมื้อกลางวันกันไปแล้ว เราก็ไปตามหาผลไม้สดๆ มาปิดท้ายมื้ออาหารกันต่อที่ สวนเกษตรผสมผสาน ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองแตงโม ภายในพื้นที่ของสวนแห่งนี้ได้ปลูกพืชแบบผสมผสาน คือมีการปลูกพืชหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นลำไย ฝรั่ง ละมุด ฟักทอง โกโก้ เป็นต้น ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ลำไยกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งสวน
กิจกรรมไฮไลท์ของสวนเกษตรผสมผสานก็คือ การเก็บผลไม้ภายในสวน โดยทางสวนจะมีตะกร้าเพื่อให้เราเดินเก็บผลไม้ได้แบบสบายๆ กันเลย โดยราคาของผลไม้ก็จะคิดตามน้ำหนักที่เก็บมา นอกจากนี้เมื่อเดินเข้าไปในสวนเรื่อยๆ ก็จะพบกับสวนดอกรักที่ออกดอกพร้อมเก็บอยู่มากมาย แอบกระซิบเลยว่าที่นี่ยังมีดอกรักจำหน่ายและมีกิจกรรมร้อยมาลัยผูกรักให้ได้ลองโชว์ฝีมือกันอีกด้วย
มาครั้งนี้ เราได้มะกอกน้ำสดๆ ไปกินคู่กับพริกเกลือเพียบ แถมยังได้ชิมมะม่วงหาวมะนาวโห่สดๆ จากต้นอีกด้วย เปรี้ยวหวานฉ่ำสุดๆ
กิจกรรมยังไม่หมดเท่านี้ เพราะภายในสวนยังมีพื้นที่ของบ่อปลา ที่สามารถให้อาหารปลาได้ รวมทั้งบ่อกบ และเล้าไก่ ให้ได้ชมกันอีกด้วย สำหรับเต็นท์ที่เราเห็นนี้ ยังสามารถมาใช้บริการกางเต็นท์ นอนกลางสวน เพื่อสัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตกันแบบเน้นๆ กันไปเลย
บอกเลยว่าภายในสวนมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ รับรองมีรูปเก็บไว้อัปโซเชียลได้อีกนาน
ก่อนโบกมือลาการพักผ่อนและการใช้ชีวิตแสนสงบที่บ้านคลองแตงโม เราแวะมาเดินเล่นกันที่ สะพานไม้ไผ่สานใยรักบ้านคลองแตงโม ที่เป็นสะพานทางเดินทอดยาวผ่านสวนของหมู่บ้านไปสิ้นสุดที่ริมท้องนา สร้างขึ้นจากไม้ไผ่ที่นำมาสานไว้ด้วยกัน ซึ่งเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชน จุดที่เป็นไฮไลท์ก็คือบริเวณจุดสิ้นสุดของสะพานที่ริมท้องทุ่งนาเขียวขจี นั่งสบายๆ สูดหายใจสัมผัสกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเหล่าต้นข้าว ได้ทั้งภาพถ่ายเช็คอินสวยๆ ได้ทั้งอากาศบริสุทธิ์ คุ้มค่าแล้วสำหรับการมาที่นี่
ชุมชนบ้านคลองแตงโม ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะนำทุกคนย้อนกลับสู่ความสงบงามของวิถีชีวิตความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่ผูกพันกับเกษตรกรรม รวมทั้งการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่อิ่มไปด้วยความสุขอย่างมหาศาล ความภาคภูมิใจ รอยยิ้ม ถูกส่งผ่านกิจกรรมและการต้อนรับอย่างดีของผู้คนในชุมชน หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวที่ตอบโจทย์การเที่ยวอย่างมีความสุข ไม่รีบร้อน ใช้ชีวิตอย่างสมดุล ขอแนะนำชุมชนเล็กๆ แห่งนี้เลย รับรองว่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน
รายละเอียดกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนบ้านคลองแตงโม
สนใจกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนบ้านคลองแตงโม ติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริป 2 วัน 1 คืน บ้านคลองแตงโม โอบกอดธรรมชาติ สัมผัสเสน่ห์วิถีไทยทรงดำ หากใครสนใจก็รีบตามไปเช็คอินรับความสุขกันได้เลย ไหนๆ มากำแพงเพชรแล้ว เราก็มีอีกหนึ่งทริปดีๆ มาฝากกันกับ One day trip | ท่าขุนราม กำแพงเพชร กับชีวิตที่สุขพอดี และตามไปเช็คอินคาเฟ่กันได้ที่ อัปเดต 10 คาเฟ่กำแพงเพชรสุดชิค เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม!