One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ!

หยุดวันเดียวก็เที่ยวได้ แถมสถานที่บรรยากาศดีๆ ใกล้กรุงเทพฯ ก็มีให้เลือกเพียบ แต่ถ้าใครอยากไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ ปั่นจักรยานชมธรรมชาติ ก็ต้องที่บางกะเจ้าเลย สถานที่สุดกรีนที่ได้ชื่อว่าเป็นปอดของคนกรุง ด้วยความที่ในพื้นที่ยังเต็มไปด้วยทรัพยากรของป่าไม้ ความอุดมสมบูรณ์ ความเงียบสงบ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย รวมทั้งคาเฟ่ ที่พัก และสวนสาธารณะสุดชิคมากมาย เลยทำให้บางกะเจ้าเป็นที่รู้จักของใครหลายๆ คน และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเที่ยวแบบพักผ่อน เอาเป็นว่าไม่รอช้า เราไปดูกันเลยดีกว่ากับ One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ! ว่าจะฟีลกู๊ดแค่ไหน!

---

One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ!

---

เราเริ่มต้นทริปบางกะเจ้ากันแบบสบายๆ เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ไปลงที่สถานีบางนา จากนั้นเราออกที่ทางออกที่ 2 เมื่อเดินลงมาถึงบริเวณด้านล่างของสถานี เราก็เรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปท่าเรือวัดบางนานอกได้เลยแอบกระซิบเลยว่าค่าเดินทางเพียง 20 บาทเท่านั้น

พอถึงท่าเรือของวัดแล้ว ก็เดินขึ้นเรือข้ามฟากได้เลย

บรรยากาศระหว่างนั่งเรือก็สบายมากๆ มีลมพัดอ่อนๆ เห็นวิวริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย

นั่งเรือเพียง 5 นาทีก็ถึงวัดบางน้ำผึ้งนอกแล้ว ตอนลงจากเรือก็จะมีที่จ่ายเงินค่าโดยสาร คนละ 5 บาทเท่านั้น แต่ถ้าใครเอารถมอเตอร์ไซค์ข้ามฟากมาด้วย ค่าเรือก็จะอยู่ที่ 10 บาทเท่านั้น พอเดินจากท่าน้ำมา เราก็เจอร้านเช่าจักรยานอยู่หน้าวัดเพียบ! ราคาต่อวันเพียง 50 บาท ปั่นได้ชิลล์ๆ แถมคุณลุงยังมีแนะนำเส้นทาง และแหล่งท่องเที่ยวภายในพื้นที่ของบางน้ำผึ้งและบางกระเจ้าอีกด้วย

ได้จักรยานแล้ว ก็ลุยกันเลย ปั่นตามทางเล็กๆ ที่ลัดเลาะริมน้ำและแนวกอจากมาเรื่อยๆ เลย

ปั่นเรื่อยๆ จอดดูแผนที่เป็นระยะๆ เราก็มาถึง บ้านมะขาม จุดเช็คอินแรกในทริปนี้ เป็นร้านอาหารและคาเฟ่บรรยากาศดีที่มาพร้อมกับความผ่อนคลาย ปล่อยใจสบายๆ ตัวร้านอาคารเปิดโล่งยกสูงแทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและสวนที่มีร่องน้ำเล็กๆ เป็นแนวพาดผ่าน ที่มาของชื่อร้านเป็นเพราะในพื้นที่ของสวนมีต้นมะขามขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านให้ร่มเงาอยู่ บ้านมะขาม จึงเป็นเหมือนสถานที่ที่ได้มาพักผ่อน โดยไม่ต้องคิด กังวล หรือทำอะไรให้ว้าวุ่นใจ มีความเย็นสบายของธรรมชาติรอบด้านโอบกอดอยู่นั่นเอง

โซนที่นั่งของร้านมีให้เลือกทั้งโซนห้องแอร์เย็นฉ่ำ และโซนชานบ้านด้านนอกที่เป็นแบบโอเพ่นแอร์ สามารถรับลมจากธรรมชาติได้แบบสบายๆ กันเลย

เมนูของบ้านมะขามที่เราเลือกสั่งมีหลายเมนูด้วยกัน และแต่ละเมนูก็การันตีความอร่อย กลมกล่อม และสดชื่นเป็นที่สุด โดยเริ่มจากเมนูอาหารกันก่อนด้วยข้าวผัดปลาสลิด ที่ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย พร้อมกับปลาสลิดหอมๆ ราคาเพียง 180 บาท

มาต่อกันกับเมนูแกงเลียงกุ้งสด ที่รวมเอาผักหลากหลายชนิดมาไว้ในชามเดียว น้ำแกงหอมและหวานกำลังดี โดยความหวานก็ได้มาจากผักนานาชนิดนั่นเอง ส่วนกุ้งก็ตัวใหญ่และสดมาก ราคาอยู่ที่ 220 บาท

อีกทั้งยังมีน้ำพริกมะขามที่ออกรสหวานอมเปรี้ยวอย่างลงตัว เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่เค็มและผักเคียงที่มีทั้งขมิ้นขาวแกะสลักมาอย่างดี ถั่วพู ถั่วฝักยาว และอีกเพียบ ราคา 180 บาท และยังมีเมนูลูกจากทอด ที่บอกเลยว่าอร่อยมาก แป้งกรุ่นกรอบนอกนุ่มใน เมื่อกัดเข้าไปก็จะได้รสชาติของลูกจากหวานอ่อนๆ นุ่มละมุน มาพร้อมกับน้ำจิ้มรสกลมกล่อม ราคาจานละ 150 บาท

บ้านมะขามยังมีเมนูอาหารนานาชาติฟิวชั่นอย่างสปาเก็ตตี้เบคอนกระเทียมพริกแห้ง จานละ 195 บาท ที่ผสมผสานความอร่อยของต่างประเทศและความจัดจ้านกำลังดีของอาหารสไตล์ไทยอีกด้วย

มาต่อกันที่เมนูเครื่องดื่ม มาบ้านมะขามทั้งทีต้องสั่งเครื่องดื่มไฮไลท์อย่าง มะขามมิ้นท์ ที่จะช่วยเติมเต็มความสดชื่นให้ร่างกาย ความหวานอมเปรี้ยวของมะขามว่าสดชื่นแล้ว มีมิ้นท์หอมๆ เย็นๆ มาเสริมอีก บอกเลยว่าฟินมาก ราคาอยู่ที่ 140 บาท

ใบเตยลูกจาก เครื่องดื่มที่ทั้งหอมใบเตยและได้เคี้ยวลูกจากที่อร่อยแบบเพลินๆ แก้วนี้อยู่ที่ 80 บาทเท่านั้น สายกาแฟไม่ต้องน้อยใจเพราะที่นี่ก็มี อเมริกาโน่เสาวรส ฉ่ำๆ เติมความสดชื่น แก้วละ 125 บาท หรือจะเป็นเครื่องดื่มร้อนอย่าง ลาเต้มิ้นท์ สุดละมุน แก้วละ 110 บาท

นั่งพัก เติมพลังความสดชื่นกันแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นตามทางเดินที่พาดผ่านร่องสวน หามุมถ่ายรูปสวยๆ คู่กับธรรมชาติกันต่ออีกหน่อย และแอบกระซิบเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า บ้านมะขาม ยังมีส่วนของที่พักที่มีรางวัลการันตีในด้านการออกแบบอีกด้วยนะ รองรับได้ตั้งแต่ 2 – 4 คนกันเลย บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก

• Location: 38 ม.2 ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
• Phone: 098 828 0983
• Open–Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
• Facebook: บ้านมะขาม บางน้ำผึ้ง – Baan Makham

อิ่มท้องกันแล้ว ก็ปั่นจักรยานเที่ยวกันต่อเลย ระหว่างทางนอกจากจะมีธรรมชาติแล้ว ยังได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนตลอดสองข้างทางอีกด้วย ชุมชนที่นี่เงียบสงบมากๆ แถมปั่นไปช่วงไหนแล้วหลงทาง ก็จะมีคุณน้าคุณอาออกมาช่วยบอกทางอยู่ตลอดเลยด้วย

กินลมชมวิวมาเรื่อยๆ ได้ราว 30 นาที เราก็มาถึงสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของคุ้งบางกะเจ้า สถานที่ยอดฮิตที่มีผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาปั่นจักรยาน ศึกษาธรรมชาติ และพักผ่อนหย่อนใจมากมาย ภายในสวนเต็มไปด้วยร่มเงาของเหล่าต้นไม้ อีกทั้งยังมีสระน้ำขนาดใหญ่และสะพานโค้งให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ อีกด้วย หรือถ้าใครอยากให้อาหารปลา ด้านหน้าของสวนก็มีร้านค้าจำหน่ายเพียบ

ระหว่างถนนสายเล็กๆ ในสวนบางจุดก็จะเป็นอุโมงค์ต้นไม้แสนร่มรื่น อย่างมุมนี้ที่สองข้างทางจะมีต้นตีนเป็ดน้ำแผ่กิ่งก้านเข้าหากันคล้ายอุโมงค์อยู่ และเมื่อปั่นตามทางจักรยานมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับลานกว้างด้านหน้าของสะพานเขื่อนขันธ์มรรคา ที่มีร่มเงา และสามารถจอดจักรยานเพื่อเข้าไปเดินชมสระน้ำและทิวทัศน์ของสวนได้

บริเวณสะพานเขื่อนขันธ์มรรคา เป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวเหนือน้ำ เดินเที่ยวชมธรรมชาติได้แบบยาวๆ แถมยังใช้เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ได้อีกด้วย

ระหว่างทางจักรยานทั่วทั้งสวนก็จะมีจุดศึกษาธรรมชาติและจุดเรียนรู้เชิงระบบนิเวศมากมายให้ได้เลือกเข้าไปชมกัน

มาสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ทั้งทีจะพลาดจุดไฮไลท์ยอดฮิตอย่างหอดูนกไปได้อย่างไร ด้านหน้าของหอดูนกจะเป็นลานไม้กว้าง สามารถนั่งพักสบายๆ ได้ ในส่วนของอาคารหอดูนกจะมีความสูงถึง 7 เมตร ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยในแต่ละชั้นก็จะแบ่งตามช่วงของต้นไม้และชนิดของนกที่หากินอยู่บริเวณนั้นๆ อย่างนกที่อาศัยและหากินช่วงลำต้นและเปลือกไม้ หรือนกที่หากินช่วงเรือนยอดไม้ พร้อมกับบอกความสำคัญของนกแต่ละชนิดที่มีต่อระบบนิเวศอีกด้วย

การถ่ายรูปยอดฮิตก็คือการเอาจักรยานมาเป็นพร็อพ แล้วให้ตากล้องไปอยู่ชั้นบนสุดของหอดูนก จากนั้นก็ถ่ายมุมกดลงมา และคนเป็นแบบก็คิดท่าได้เลย! เท่านี้ก็ได้รูปเก๋ๆ ไว้อัปลงโซเชียลแล้วทุกคน

ก่อนกลับซ้อมเป็นคนเกาหลีสักหน่อย ด้วยการเอาผ้ามาปู วางหนังสือ กล้องตัวโปรด กลางสนามหญ้าสักหน่อย บอกเลยว่าทริปนี้ได้รูปเพียบ

• Location: 73 ซ.วัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
• Phone: 02 461 0972
• Open–Close: เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 05.00 – 19.00 น. 
• Facebook: สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์

ดื่มด่ำธรรมชาติกันไปพักใหญ่แล้ว เราก็ปั่นจักรยานคันเก่งมาต่อกันที่ Bangkok Tree House ร้านอาหารและคาเฟ่สุดชิคที่ตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวร้านเน้นการตกแต่งที่เรียบง่าย ด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาลจากไม้ไผ่ พร้อมเปิดโล่ง โปร่งและเน้นการใช้กระจกใสเพื่อให้ได้ผู้มาเยือนสัมผัสความเป็นธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ตัวร้านห้อมล้อมไปด้วยเหล่ากอจากขนาดใหญ่และต้นแสม จึงทำให้บรรยากาศโดยรอบของร้านร่มรื่นและเย็นสบาย

โซนที่นั่งของร้านมีให้เลือกมากมาย โดยตัวร้านจะแบ่งออกเป็นสามชั้น โซนอินดอร์ที่เป็นห้องแอร์ มีกระจกใสบานใหญ่อยู่ทั่วทั้งร้าน สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและป่าไม้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งมีมุมไฮไลท์ที่เป็นที่นั่งกระจกใสยื่นออกมาด้านนอกเป็นทรงลูกบาศก์ โซนนี้จะอยู่ชั้นแรกของร้าน บอกเลยว่ามุมนี้ถ่ายรูปสวยมาก

ด้านนอกของห้องกระจกก็จะมีที่นั่งแบบโอเพ่นแอร์ให้ได้รับลมเย็นๆ กันอีกด้วยนะ

เดินขึ้นบันไดเหล็ก ผ่านโคมไฟไม้ไผ่ที่ตกแต่งอยู่มาที่ชั้น 2 ก็จะเป็นโซนโอเพ่นแอร์ที่อยู่ใกล้กับแนวกิ่งก้านของต้นแสมต้นใหญ่ โซนนี้สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดไปอีก แถมยังมองเห็นถึงตึกอาคารฝั่งบางนาได้อีกด้วย และเดินขึ้นมาอีกชั้นก็จะพบกับที่นั่งสุดไพรเวทที่มีเพียงโต๊ะเดียว ที่มีลักษณะเป็นดาดฟ้าของตัวร้าน ไฮไลท์คือโต๊ะที่มีเป็นกระจกใสสะท้อนกับภาพท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน แถมยังมองเห็นท้องฟ้าในช่วงเย็นได้แบบเต็มๆ

ถ่ายเงาสะท้อนในกระจกสักหนึ่ง ได้ฉากหลังเป็นฟ้าสวยๆ ด้วย

นอกจากนี้ยังมีโซนที่นั่งริมน้ำที่แยกออกมาได้อย่างเป็นส่วนตัวด้านล่าง ซึ่งจะอยู่ขนานกับทางเดินยาวที่ทอดไปสู่ศาลาท่าน้ำของร้าน

ศาลาท่าน้ำบอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก มองเห็นวิวทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำได้แบบพาโนราม่ากันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมองเห็นเรือมากมายผ่านไปมาเป็นระยะๆ ด้วย

เดินชมความชิลล์ของร้านแล้ว เราก็มาต่อกันกับเมนูของ Bangkok Tree House ต้องบอกเลยว่าเมนูส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความอร่อยที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพ หรือเมนูออร์แกนิคนั่นเอง

มาเริ่มกันที่เมนูอาหารสุดสร้างสรรค์อย่าง เปาะเปี๊ยะกรอบลาบเป็ด เมนูอาหารสไตล์ไทยประยุกต์ที่ผสมผสานกันระหว่างความหอมเครื่องเทศสมุนไพรของลาบเป็ด ความนุ่มของเนื้อเป็ด และความกรอบของแป้งเปาะเปี๊ยะ ตักลาบเป็ดลงบนแป้งบางกรอบ บอกเลยว่าเข้ากันสุดๆ ราคาเพียง 185 บาทเท่านั้น

เมนูสปาพริกแห้งปลาเค็ม จานละ 175 บาทที่ทั้งหอมกลิ่นพริกแกง ใบโหระพา เพิ่มความสนุกระหว่างกินด้วยปลาเค็มทอดร้อนๆ เข้ากันได้ดีกับเส้นสปาเก็ตตี้ แถมยังมีเมนูโบราณอย่าง ม้าฮ่อ เมนูพื้นบ้านสุดกลมกล่อมของชาวมอญพระประแดง เป็นสับปะรดที่สุกกำลังดี หวานฉ่ำ อมเปรี้ยวหน่อยๆ ท็อปด้วยไส้ที่ผัดกับซอสสูตรเฉพาะแสนกลมกล่อม ราคาอยู่ที่ 95 บาท

มาต่อกันกับเมนูเครื่องดื่ม เมนูแรกที่แนะนำเลยก็คือ Lime Mint Smoothie เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ความเปรี้ยวสดชื่นของมะนาว เสริมด้วยความสดชื่นของใบมิ้นท์ ทำให้เมนูนี้สดชื่น เติมความสดใสให้วันสบายๆ ได้เป็นอย่างดี มะนาวและใบมิ้นท์ที่ใช้ ทางร้านปลูกเองและคั้นสดๆ แก้วต่อแก้วกันเลย ราคาเพียง 95 บาท

เมนูเอาใจสายกาแฟก็มีให้เลือกอย่าง Bear Oat Latte ที่ใช้ความหอมและละมุนของนมโอ๊ตมิลค์ อย่าง Creamy Australian Oat ที่เป็นนมที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ แถมเมนูนี้ทางร้านไม่ได้เพิ่มความหวานลงไปอีกด้วย แต่จะใช้ความหวานจะวัตถุดิบหลักแบบ 100% ราคาอยู่ที่ 105 บาท หรือจะเป็นเมนู Americano Coconut ที่ใช้น้ำมะพร้าวธรรมชาติแท้หอมๆ หวานอ่อนๆ ผสมกับความเข้มข้นของกาแฟ บอกเลยว่าเป็นความละมุนที่ลงตัวอย่างมาก ราคาเพียง 120 บาทเท่านั้น

ในช่วงค่ำที่พระอาทิตย์ส่องแสงสุดท้ายของวัน ทางร้านก็จะเปิดไฟสีเหลืองอ่อนๆ ที่ตกแต่งไว้ตามทางเดิน ตัวร้าน และมุมต้นไม้ต่างๆ มองดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางหมู่หิ่งห้อยที่อวดแสงกันท่ามกลางธรรมชาติยังไงอย่างงั้นกันเลย ถือว่าเป็นภาพที่สวยงามมากๆ และยังเป็นภาพความประทับใจก่อนจะเดินทางกลับกันอีกด้วย

• Location: 60 ม.1 ซ.บัวผึ้งพัฒนา ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
• Phone: 082 995 1150
• Open–Close: คาเฟ่เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 05.00 – 19.00 น., ร้านอาหารเปิดให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 12.00 – 18.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11.00 – 18.00 น.
• Facebook: Bangkok Tree House (Green Hotel & Organic Restaurant)

ทั้งหมดนี้ก็คือ One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ! ที่เดินทางกันแบบชิลล์ๆ ด้วยรถไฟฟ้า ไม่เร่งรีบ ไม่ว้าวุ่น ได้พักผ่อนกันเต็มอิ่มท่ามกลางความสงบและธรรมชาติ นอกจากจะได้ออกกำลังกายจากการปั่นจักรยานแล้ว ยังได้เติมความสุข อัปความสดชื่นให้กับชีวิตในวันธรรมดาๆ ที่เต็มไปด้วยความพิเศษมากมาย เอาเป็นว่าในวันหยุด ถ้าใครไม่รู้จะออกไปไหน ลองมาเที่ยวบางกะเจ้ากันดูนะ รับรองว่าวันทั้งวันจะเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งของชีวิตเลย!

---

รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริปของ One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ! (ทริปนี้เราไปกัน 3 คนนะ)

ค่าอาหารและเครื่องดื่ม :
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มบ้านมะขาม 1,280 บาท (427 บาท/คน)
– ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้าน Bangkok Tree House 765 บาท (255 บาท/คน)

ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง :
– ค่าบริการรถไฟฟ้า BTS (รวมไป – กลับจากสถานีหมอชิต – บางนา) คนละ 118 บาท
– ค่ามอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนละ 20 บาท
– ค่าเรือข้ามฟาก (รวมไป – กลับ) คนละ 10 บาท
– ค่าเช่าจักรยาน 50 บาท/คัน (เช่าได้ทั้งวัน)

เฉลี่ยค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวม 880 บาท/คน

---

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ One Day Trip บางกะเจ้า ไปด้วยรถไฟฟ้า พาเติมความเฟรชรัวๆ! ไว้เพื่อนๆ คนไหนมีวันหยุดว่างๆ อยากออกไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ลองไปตามกันได้เลย และถ้าเพื่อนๆ คนไหน อยากไปเที่ยวกันต่อหลายๆ ที่ เราก็มี ทริปมาแนะนำอีก ตามนี้เลยจ้า One Day Trip | เที่ยวสระบุรี กับงบที่มีไม่เกิน 1,000 และ One Day Trip | เที่ยวนครปฐม ควงแฟนทิพย์ไปถ่ายรูปชิคๆ กันแค่วันเดียว

---