ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน นอนชิลล์หมู่บ้านกลางป่า เดินสายมูเสริมดวงแบบปังๆ

เชียงใหม่ก็แค่ปากซอย ไปบ่อยยิ่งกว่าไปบ้านเพื่อน วันนี้ทริปเก็ทเตอร์มีทริปเที่ยวมาฝากทุกคนกันกับ ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน นอนชิลล์หมู่บ้านกลางป่า เดินสายมูเสริมดวงแบบปังๆ ช่วงนี้เชียงใหม่ฟีลดี อากาศดี จัดทริปไปมูส่งท้ายปีรับความเฮงความปังในปีหน้า แถมด้วยที่พักสุดชิลล์กลางหุบเขา ถ้าอยากรู้แล้วว่าเราจะไปมู ไปกิน ไปพักกันที่ไหน ตามเราไปกันโลดดด

---

ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน นอนชิลล์หมู่บ้านกลางป่า เดินสายมูเสริมดวงแบบปังๆ

---

ออกเดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ในทริปนี้ด้วยการขึ้นรถทัวร์เปลี่ยนบรรยากาศกันสักหน่อย เครื่องบินนั่งบ่อยแล้ว รถไฟก็นั่งแล้ว คราวนี้เราก็เลยตัดสินใจจองตั๋วรถทัวร์นั่งชิลล์ๆ จากกรุงเทพฯ ในราคาคนละ 924 บาทในช่วงกลางคืนเพื่อไปถึงเชียงใหม่ในช่วงเช้าของอีกวัน ซึ่งรอบที่เราจองคือเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา 21.15 น. และเดินทางถึงเชียงใหม่เวลา 07.00 น. และรอเพื่อนมารับไปกินข้าวเช้ากันที่ร้านหมูทอดนายเพทาย

ร้านหมูทอดนายเพทาย ร้านอาหารเช้ายอดนิยมของเชียงใหม่แนะนำโดยคนเชียงใหม่ รับประกันความอร่อยได้จากคนที่ต่อแถวเลย ร้านหมูทอดนายเพทายอยู่ตรงข้ามถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 9 เมนูของร้านนี้จะเป็นหมูทอดที่เป็นเมนูแนะนำใครมาก็ต้องสั่ง รวมไปถึงอาหารเหนือและเมนูกับข้าวต่างๆ ที่ทางร้านจะเปลี่ยนเมนูไปทุกวัน

เมนูที่เราสั่งกันวันนี้เราสั่งมาเป็นแบบกับข้าว คือหมูสามชั้นทอดฉ่ำๆ ราคาขีดละ 40 บาท จอผักกาด ราคา 35 บาท ตำขนุน ราคา 35 บาท ผัดฉ่าขาหมู ราคา 35 บาท และข้าวเหนียวร้อนๆ ราคาห่อละ 5 บาท

สมแล้วที่เป็นร้านชื่อดังย่านนิมมานบอกเลยว่าอร่อยแถมราคายังเบาๆ อีกด้วย พออิ่มท้องกันแล้วก่อนจะเดินทางไปเที่ยวกันต่อเราก็ขอแวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเพื่อนกันก่อน เพราะว่านั่งรถทัวร์กันมาตั้งแต่เมื่อคืนขอแปลงร่างกันนิดนึง

• Location: ถ.ศิริมังคลาจารย์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (ตรงข้ามถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 9)
• Phone: 097 925 5686
• Open-Close: เปิดให้บริการวันอังคาร – เสาร์ เวลา 08.00 – 13.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์และจันทร์)

พร้อมแล้วก็ออกเดินกันต่อเลย เราจะพาทุกคนไปมูกัน เพราะทริปนี้คือทริปสายมู เริ่มกันที่วัดอุปคุตวัดดังอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับตลาดวโรรส ที่วัดนี้มีผู้มาคนกราบสักการะขอพรพระอุปคุต พระพุทธรูปศักดิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร ใครที่อยากมามูเรื่อง การงาน การเงิน โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองต้องมาที่นี่เลยปังแน่

เราเริ่มจากนำเครื่องสักการะ ที่มีธูปเทียน พวงมาลัย และเทียนสะเดาะเคราะห์สีแดง ราคาชุดละ 99 บาท ขึ้นไปสักการะพระอุปคุตบนวิหารกันก่อน ภายในวิหารจะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าถึงเรื่องของพระเวสสันดร และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ซึ่งสถาปัตยกรรมของวัดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะแบบพม่า

เทียนสีแดงนี้ให้เราเขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด แล้วขึ้นไปไหวพระบนวิหารก่อนจะนำลงมาจุดด้านหน้าวิหารอีกที

ภายในวิหารสวยงามมาก มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ให้เราได้สักการะบูชากัน

หลังจากสักการะขอพรเสร็จเราก็ลงมาจุดเทียนสีแดงหรือเทียนพระมหาอุปคุต ปราบมารบันดาลโชคลาภกันที่หน้าวิหารหลวง เตรียมรับความปังกันได้เลย

• Location: ถ.ท่าแพ ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
• Open-Close: เปิดให้บริการทุกวันเวลา 06.30 – 18.00 น.

บอกแล้วว่าทริปนี้คือทริปสายมู หลังจากที่เราไหว้พระอุปคุตรับความปังกันแล้ว เราก็เดินทางไปมูกันต่อที่ม่อนพญานาค หรือ ธรรมสถานม่อนพญานาคราช ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ม่อนพญานาคตั้งอยู่ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ จะอยู่ก่อนถึงน้ำพุร้อนสันกำแพง

ม่อนพญานาค เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อหนุนดวงดี ที่สร้างขึ้นจากไม้ขนุนแกะสลักอายุหลายร้อยปี และพญานาคราชทั้ง 4 ตระกูลที่อยู่ภายในวิหารอริยมรรค 8 รวมถึงเป็นสถานปฏิบัติอีกด้วย ใครที่อยากเสริมดวงให้ปังยิ่งขึ้นต้องมาไหว้ขอพรกันที่นี่เลย

ภายในวิหารอริยมรรค 8 จะมีรูปปั้นพญานาคทั้ง 4 ตระกูลอยู่ ได้แก่ พญานาคราชสีดำ พญานาคราชสีเขียว พญานาคราชสีรุ้ง และพญานาคราชสีทอง

• Location: บ้านแม่เลน ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
• Phone: 053 009 436
• Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน

สำหรับคืนนี้เราไปพักกันที่ Evergreen 2 ที่พักสุดชิลล์กลางหุบในหมู่บ้านป๊อกใน บอกได้เลยว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติสุดๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ความร่มรื่นของต้นไม้ ได้ฟังเสียงน้ำตกและนั่งชิลล์ริมลำธารที่ไหลผ่านหน้าที่พัก บรรยากาศที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการพักผ่อนในทริปนี้ของเราสุดๆ เลย

สะพานข้ามลำธารจากลานจอดรถเพื่อเดินเข้าที่พัก เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ได้ด้วยนะ แวะถ่ายรูปเช็คอินกันได้เลย

Evergreen 2 เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นท่ามกลางธรรมชาติ มีห้องพักทั้งหมด 2 ห้อง อยู่ที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน ภายในห้องพักจะเตียงขนาด 6 ฟุต ทริปนี้เรานอนได้สบายๆ เลย ห้องกว้างขวางมาก มีโซฟาสำหรับนั่งเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างทีวี แอร์ ตู้เย็น รองเท้าสลิปเปอร์ ผ้าเช็ดตัว ชุดคลุมอาบน้ำ และสัญญาณไวไฟที่เร็วมาก สายโซเชียลแบบพวกเราปลื้มสุดๆ

ห้องน้ำของที่พักแบ่งโซนเปียกโซนแห้งอย่างชัดเจน มีเครื่องทำน้ำอุ่น และสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมเลย

โซฟาสำหรับนั่งเล่น พักผ่อนชิลล์ๆ

เราสามารถเปิดหน้าต่างออกไปชมวิวสวยๆ ได้ด้วยนะ อยากบอกว่าอากาศดีมาก

หลังจากเราเช็คอินเก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยก็มาฝากท้องมื้อกลางวันกับร้านอาหารของที่พักสามารถสั่งได้เลย มีเมนูให้เลือกเยอะมาก มีทั้งเมนูอาหารจานเดียว เมนูกับข้าว เมนูของกินเล่น ซึ่งพวกเราสั่งกันแบบจัดเต็มไปเลยกองทัพต้องเดินด้วยท้อง

มาดูเมนูที่เราสั่งมากันดีกว่า เริ่มจากของกินเล่นอย่างเฟรนช์ฟรายส์ ราคา 85 บาท เกี๊ยวทอดกรอบๆ ที่มาพร้อมน้ำจิ้มไก่ ราคา 65 บาท ต่อด้วยลูกชิ้นปลาลวกจิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ บอกเลยว่าเข้ากันมาก ราคา 75 บาท นอกจากนี้เรายังสั่งเมนูเป็นกับข้าวมาด้วย มีทั้งทอดมันปลา ราคา 85 บาท ต้มจืด ราคา 65 บาท ยำหมูยอ ราคา 85 บาท

มากันหลายคนสั่งแค่นี้ก็กลัวไม่อิ่ม เราเลยจัดข้าวราดผัดกะเพราหมูสับ ราคา 65 บาท และความพิเศษคือใบกะเพรากรอบที่หอมอร่อยสุดๆ แต่สั่งกะเพราแล้วจะขาดไข่ก็ไม่ได้เราเลยสั่งมาทั้งไข่เจียวและไข่ดาวไปเลย ราคาฟองละ 10 บาท อีกหนึ่งเมนูที่เราสั่งมาคือผัดซีอิ๊วเมนูนี้ถูกใจมากๆ ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ราคา 65 บาท

ปิดท้ายด้วยก๋วยเตี๋ยวไก่ ราคา 65 บาท จริงๆ แล้วเราสามารถเลือกได้นะว่าจะกินเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่หรือหมู ส่วนเราเลือกไก่เพราะสั่งกะเพราหมูไปแล้ว ขอบอกว่าเมนูนี้จัดเต็มทั้งเครื่องและเส้น กินกันแบบจุกๆ ไปเลย น้ำซุปกลมกล่อมมากฟินไม่ไหว

กินคาวไม่กินหวานก็ยังไงอยู่ ที่นี่มีโซนคาเฟ่ด้วยเราก็ปิดท้ายล้างปากด้วยของหวานกันซะเลย สั่งกันมาพอกรุบกริบ และเมนูที่เราสั่งคือ บลูเบอร์รี่ชีสพาย ราคา 85 บาท ครัวซองต์ ราคา 65 บาท และอเมริกาโน่ร้อน ราคา 65 บาท เราเลือกนั่งก็ที่ริมลำธาร บรรยากาศชิลล์มาก อากาศไม่ร้อนเลยแถมยังได้ฟังเสียงน้ำไหลจากลำธารเพลินๆ อีกด้วย

บูลเบอร์รี่ชีสพาย ครีมชีสเปรี้ยวอมหวานตัดเลี่ยนด้วยซอสบลูเบอรี่อร่อยมาก

กินเสร็จแล้วก็เดินย่อยหามุมถ่ายรูปกันสักหน่อย

หน้าที่พักติดกับลำธารเลย พอถึงช่วงเย็นบรรยากาศก็ยิ่งดีเพราะอุณภูมิที่ลดลงบวกกับที่พักที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้เหมือนพวกเรา

ออกไปเดินเล่นในชุมชนชิลล์ๆ ก็ดีเหมือนกัน ที่นี่มีแต่ธรรมชาติและความเงียบสงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน

พอช่วงดีทางที่พักก็เริ่มเปิดไฟประดับ บอกเลยว่าฟีลดีมาก

มื้อเย็นของเราได้เริ่มขึ้นแล้วหลังจากไปเดินเล่น ถ่ายรูป ย่อยอาหารเมื่อกลางวัน เย็นนี้เมนูของเราก็คือหมูกระทะ อากาศเย็นๆ กับหมูกะทะเข้ากันที่สุด เซ็ตที่เราสั่งมาจะมีหมูสามชั้น สันคอสไลด์ หมูนุ่มตอกไข่ และชุดลูกชิ้น ปูอัด เต้าหู้ปลา เต้าหู้ไข่ วุ้นเส้น และชุดผัก ส่วนน้ำจิ้มจะเป็นน้ำจิ้มสุกี้กับน้ำจิ้มซีฟู้ด เซ็ตนี้ราคา 399 บาท

บรรยากาศตอนกลางคืนบอกเลยว่าดีมาก พอพระอาทิตย์ตกอากาศก็เย็นขึ้นไปอีก อุณหภูมิที่เราวัดได้คือ 10 องศาปลายๆ

อากาศหนาวแบบนี้กิจกรรมที่เราไม่ควรพลาดก็ต้องผิงไฟกันหน่อย เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่จะนั่งผิงไฟกันอย่างเดียวก็อาจจะดูเหงาไปสักหน่อย ก็เราเลยเอามันม่วงและไข่ป่ามมาปิ้งกัน ซึ่งทางที่พักเตรียมให้ฟรีเลย ปิ้งไป คุยกันไป ดีสุดๆ เลย

ไข่ป่ามที่ทางที่พักเตรียมให้เรา กินร้อนๆ อร่อยที่สุด แถมหอมกลิ่นใบตองอีกด้วย

มันเผากับการผิงไฟเป็นของคู่กัน ขาดไม่ได้เลย

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการกินมื้อเช้าริมลำธาร อาหารเช้าของเราจะเป็นเซ็ตข้าวต้มและเซ็ตไข่กระทะ สามารถเลือกได้เลยว่าจะกินเซ็ตไหนดี ส่วนเราก็เลือกมาทั้งสองเซ็ตเลย

ในเซ็ตข้าวต้มทางที่พักจะเสิร์ฟเป็นข้าวต้มหมูสับไข่ลวกร้อนๆ มาพร้อมกับแยมโรล และกาแฟร้อน

เซ็ตไข่กระทะ จะเสิร์ฟพร้อมขนมปัง สลัด ผลไม้ และน้ำส้ม ไข่กระทะเครื่องแน่นแบบจัดเต็มสุดๆ

อิ่มแล้วไปเดินเล่น ถ่ายรูปที่ลำธารกัน น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาสุดๆ แต่ไม่มีปลานะ แค่อยากให้ทุกคนเห็นภาพว่ามันใสมากจริงๆ

ก่อนเช็คเอาท์และไปเที่ยวกันต่อ เราก็เดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศที่พักก่อนที่จะเดินทางกันต่อ ถ้าใครชอบความเงียบสงบและการพักผ่อนอย่างเต็มที่ต้องชอบที่นี่เหมือนเราแน่นอน

• Location: 8/1 ม.1 บ้านป๊อก ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
• Google Map: https://goo.gl/maps/zr4yruZAKZw18Vbz9
• Phone: 093 196 1943
• Price: ราคาเริ่มต้น 1,999 – 2,800 บาท **ที่นอนเสริม 500 บาท **รวมอาหารเช้า (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง)
• Facebook: Evergreen Resort&restaurant

สถานที่ที่เราจะไปกันต่อในวันนี้คือ The Giant Chiangmai Thailand คาเฟ่สุดชิคบนต้นไม้ใหญ่ที่ใช้เวลาเดินทางจาก Evergreen 2 เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องมาเช็คอินเวลามาเที่ยวเชียงใหม่ บรรยากาศของที่นี่ดีมาก พอเดินเข้าไปด้านในจะเจอกับความอลังการของต้นไม้ใหญ่และวิวของภูเขาที่รายล้อมอยู่

เมนูของที่นี่มีให้เลือกเยอะมากทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ส่วนเมนูที่เราสั่งกันมาก็คือมอคค่าเย็น ราคา 120 บาท เอสเพรสโซ่เย็น ราคา 120 บาท กินคู่กับเค้กชาเขียว ราคา 125 บาท อร่อยลงตัวสุดๆ

ไฮไลท์คือการเดินบนสะพานข้ามไปยังโซนที่นั่งที่ยื่นออกไปยังผืนป่า บอกเลยว่าสวยงามมากจริงๆ เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ด้วยอีกด้วย มาแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปเช็คอินกันนะ

• Location: หมู่บ้านป๊อก ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
• Phone: 086 776 2946
• Open-Close: เปิดบริการเวลา 08.30 – 17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ยกเว้นวันจันทร์ที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือติดตามทาง Facebook Fanpage)
• Facebook: The Giant Chiangmai Thailand

หลังจากที่เราใช้เวลากินลงชมวิวถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่เราก็ออกเดินทางไปจุดหมายต่อไปคือหมู่บ้านแม่กำปองเพื่อกินข้าวกลางวันกันที่ The Tharntong Green Coffee ใช้เวลาเดินทางเพียง 18 นาทีเท่านั้นเอง The Tharntong Green Coffee เป็นคาเฟ่ที่อยู่ติดกับลำธาร บรรยากาศบอกเลยว่าชิลล์สุดๆ เพราะตัวร้านล้อมรอบไปด้วยต้นไม้แสนร่มรื่น

เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับสะพานข้ามลำธาร ก่อนจะไปสั่งอาหารก็เดินไปถ่ายรูปอัปโซเชียลสวยๆ กันก่อนเลย

เดินเล่น ถ่ายรูปกันแล้วก็นั่งพักกินอาหารกลางวันกันได้เลย เมนูที่นี่หลากหลานมากไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และอาหาร ส่วนเมนูที่เราสั่งจะเมนูอาหาร เริ่มที่เมนูแรกเลยคือข้าวเหนียวไก่ทอด ราคา 180 บาท ไก่ทอดร้อนๆ ที่เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวนุ่มๆ ในกระทงใบตอง ต่อด้วยเมนูถุงทอง ราคา 120 บาท ข้างในเป็นไส้กุ้งอร่อยมาก ส่วนตำผลไม้รสชาติจัดจ้านตัดเลี่ยนได้ดี ราคา 120 บาท กะเพราแซลม่อนราดข้าวถึงเครื่องกะเพราสุดๆ ราคา 150 บาท และปิดท้ายที่ข้าวผัดกุ้งอร่อยฟินอิ่มท้อง ราคา 120 บาท

• Location: 98/14 ม.8 ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
• Phone: 086 895 7241
• Open-Close: เปิดให้บริการทุกวันเวลา 08.30 – 17.30 น.
• Facebook: The tharntong green coffee

อิ่มท้องแล้วก็เดินทางกันต่อได้เลย บอกแล้วว่าทริปนี้เป็นทริปสายมู เราก็จะไปมูกันต่อที่ ม่อนกุเวร เสริมความปังกันให้สุด ม่อนกุเวร อุทยานมหาราชท้าวเวสสุวรรณ จันทมงคลสถาน ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่สายมูไม่ควรพลาดมาแรงสุดๆ ในช่วงที่ผ่านมา ใครที่มาเชียงใหม่ก็ต้องมาไหว้ขอพรกันที่นี่

สิ่งแรกที่จะเจอคือซุ้มชำระล้างที่เป็นความเชื่อของญี่ปุ่น เป็นการชำระล้างและขจัดสิ่งชั่วร้ายที่มากับเราก่อนที่จะเข้าไปด้านในด้วยการนำเหรียญวางไว้บนก้อนหิน ตักน้ำด้วยกระบวยไม้ไผ่ล้างเหรียญ ล้างมือทั้งสองข้าง พร้อมคำนับแล้วตบมือหนึ่งครั้ง

เริ่มต้นความปังกันที่ทำบุญชุดไหว้ขอพรสำเร็จทันใจ ชุดละ 150 บาท เมื่อได้ชุดไหว้มาแล้วก็นำมาเขียนชื่อใส่กระดาษ จากนั้นก็จุดธูปไหว้อธิษฐานขอพรในสิ่งที่เราต้องการ ตามด้วยเติมน้ำมันตะเกียง พร้อมกับจุดเทียน และใช้กระดาษปัดสะเดาะเคราะห์ออกจากตัวเรา 13 ครั้ง จากนั้นก็นำกระดาษวางไว้ที่จุดวางไม่ต้องนำไปเผาเพราะจะมีเจ้าหน้าที่นำไปเผาให้

 

เขียนชื่อลงบนกระดาษแล้วก็มาอธิษฐานขอพร โชคลาภ งานมา เงินปัง

สุดท้ายคือการนำเอาทองคำเปลวไปติดที่องค์ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งองค์ท้าวเวสสุวรรณจะมีทั้งหมด 4 องค์ สามารถปิดทองได้ทุกองค์เลย

ในม่อนกุเวรมีจุดกราบไหว้ขอพรหลายจุดมาก บอกได้เลยว่าศักดิ์สิทธิ์สุดๆ ใครที่ได้มามูแล้วกลับไปปังทุกคน ดูได้จากคนที่มาไหว้ที่นี่คือเยอะมาก นอกจากนี้ม่อนกุเวรยังมีบรรยากาศที่ร่มรื่น สามารถนั่งเล่นพักผ่อนหลังไหว้เสร็จได้เลย

• Location: ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
• Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.
• Facebook: ม่อนกุเวร ท้าวเวสสุวรรณ เชียงใหม่

หลังจากไปมูเสริมดวงกันแบบปังๆ มาทั้งทริป เราเลยมาปิดท้ายกันที่ Think park Chiangmai จุดเช็คอินสุดปังที่เหมือนยกชิบูย่ามาไว้นิมมานเลย ตัวโครงการ Think park จะอยู่ใกล้ๆ กับห้างเมญ่า ซึ่งในพื้นที่นี้จะมีทั้งร้านค้า และร้านอาหารมากมาย แต่สิ่งที่เราไม่พลาดในการถ่ายรูปเช็คอินกันที่นี่คือรูปปั้นหมาฮาจิโกะ สุนัขสายพันธ์ุอาคิตะ อินุ เจ้าของตํานานความซื่อสัตย์ ที่รอคอยเจ้านายนานับสิบปี

บรรยากาศรอบๆ ได้ฟีลญี่ปุ่นมาก ไม่ว่าจะเป็นทางเชื่อมทางเท้าที่ทำเหมือนทางขึ้นลงสถานีรถไฟของญี่ปุ่น ร้านค้า ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ที่เปิดให้บริการ ยิ่งในช่วงที่เราไปเชียงใหม่อากาศเย็นลงได้ฟีลขึ้นไปอีก

• Location: 165 ถ.ห้วยแก้ว โครงการ Think Park ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
• Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 – 24.00 น.
• Facebook: Think park chiang mai

จบทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน นอนชิลล์หมู่บ้านกลางป่า เดินสายมูเสริมดวงแบบปังๆ กันแล้วเต็มอิ่มกันสุดๆ ตลอด 2 วัน 1 คืน ทั้งเดินสายไหว้พระขอพร นอนพักชิลล์ๆ กลางหุบเขา รวมไปถึงอาหารอร่อยๆ ที่ได้ลองกินตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงเชียงใหม่ บอกเลยว่าทริปนี้เต็มอิ่มมากๆ ถ้าอยากมาเที่ยวสนุกๆ แบบเราปักหมุดแล้ววางแพลนตามมากันได้เลยน้า

---

รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน นอนชิลล์หมู่บ้านกลางป่า เดินสายมูเสริมดวงแบบปังๆ
– ค่าอาหารร้านหมูทอดนายเพทาย 160 บาท (หาร 3 ตกคนละ 53 บาท)
– ค่าเครื่องสักการะวัดอุปคุต คนละ 99 บาท
– ค่าที่พัก Evergreen2 2,800 บาท เสริมที่นอน 500 บาท (หาร 3 ตกคนละ 1,100 บาท)
– ค่าอาหารที่ Evergreen2 675 บาท (หาร 3 ตกคนละ 225 บาท)
– ค่าเครื่องดื่มและเบเกอรี่ 215 บาท (หาร 3 ตกคนละ 72 บาท)
– ค่าเซ็ตหมูกระทะ 399 บาท (หาร 3 ตกคนละ 133 บาท)
– ค่าเครื่องดื่มและเบเกอรี่ The Giant Chiangmai Thailand 365 บาท (หาร 3 ตกคนละ 122 บาท)
– ค่าอาหารที่ The Tharntong Green Coffee 690 บาท (หาร 3 ตกคนละ 230 บาท)
– ค่าชุดไหว้ขอพรสำเร็จทันใจที่ม่อนกุเวร คนละ 150 บาท

รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป 2,184 บาท/คน
**ราคาไม่รวมค่ารถทัวร์ ค่าน้ำมันรถไป–กลับ และค่าของฝากต่างๆ**

---

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน นอนชิลล์หมู่บ้านกลางป่า เดินสายมูเสริมดวงแบบปังๆ ใครที่มีแพลนจะไปเที่ยว ไปมูเสริมดวงที่เชียงใหม่ สามารถไปเที่ยวตามเราได้เลย นอกจากทริปนี้แล้ว ทุกคนยังสามารถไปตามกันต่อได้ที่12 จุดเช็คอินเชียงใหม่ ในเมืองตัวเมือง ถ่ายรูป เดินเล่น เช็คอินแล้วไม่เอาท์! และ 20 ที่พักเชียงใหม่บนดอย นอนกอดไอหมอกจาก 4 ดอยยอดฮิต! หรือ 12 ร้านต้องกินเชียงใหม่ อร่อยระดับมิชลินติดดาว กันได้เลย

---