tripgether.com

4 โซนน่าเที่ยวกาญจนบุรี วางแผนก่อนเดินทาง กับ 27 จุดเช็คอินห้ามพลาด!

23,643 ครั้ง
27 ส.ค. 2561

กาญจนบุรี ดินแดนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ น้ำตกที่สวยงาม และยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางง่าย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสาย สายผจญภัย สายชิลล์หรือสายกิน ที่นี่มีที่เที่ยวครบทุกแบบ วันนี้ทริปเก็ทเตอร์เลยรวมสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ที่แบ่งออกเป็น 4 โซน กับ 27 จุดเช็คอินห้ามพลาด มาไว้ให้เพื่อนๆ วางแผนก่อนเดินทางเที่ยว บอกเลยว่าไม่ไปไม่ได้แล้ว 

900


โซนที่ 1 อ.เมืองกาญจนบุรี – อ.ท่าม่วง

1.ต้นจามจุรียักษ์

ต้นจามจุรียักษ์ ต้นไม้ใหญ่อายุมากกว่าร้อยปี ที่ใครๆ มาเห็นก็ต้องตะลึงกับความใหญ่โตของต้นจามจุรียักษ์ต้นนี้ ที่มีลำต้นใหญ่ขนาด 10 คนโอบ และความใหญ่โตของพุ่มที่ใหญ่ประมาน 1 ไร่เศษๆ เลยทีเดียวและที่สำคัญไม่เสียค่าเข้าชม จะมานั่งรับลมชิลล์ๆ หรือจะมาถ่ายรูปอัพลงเฟซบุ๊คคู่กับความยิ่งใหญ่ของต้นจามจุรียักษ์แห่งนี้ที่รับรองว่าใครเห็นเป็นต้องร้องว้าว!

Monbride_9

Open – Close: เปิดให้เข้าชม 06.00 – 18.00 น. 
Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


 2.สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่เที่ยวสุดฮิตทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ใครๆ ก็ต้องมาเช็คอินกันที่นี่ สะพานเหล็กแห่งนี้ถือเป็นสะพานประวัติศาสตร์ที่สำคัญสร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ และไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือการชมขบวนรถไฟที่แล่นผ่านรางรถไฟบนสะพาน ในเวลา 08.00-10.30 / 11.20-14.00 / 15.00-16.00 / 18.00-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.30 / 11.20-14.00 / 18.00-18.30 น.

Riverkwabride_4

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 06.00 – 19.00 น.
Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


3.เมืองเก่าริมน้ำปากแพรก

เมืองเก่าริมน้ำปากแพรก ชุมชนเก่าแก่ที่สุดของเมืองกาญจนบุรีตั้งอยู่ริมกำแพงเมืองกาญจนบุรี ที่นี่ยังคงรักษาสภาพอาคารเก่าแก่ที่รูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกและจีนไว้เป็นอย่างดี และยังมีคาเฟ่บรรยากาศดีๆ ไว้ให้นั่งชิลล์อีกด้วย และที่นี่ยังมีถนนคนเดินที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชุมชนแห่งนี้ เปิดทุกวันเสาร์เวลา 17.00 – 21.00 น. นอกจากนี้ยังมีตึกสวยๆ ที่ให้เอาไว้ถ่ายรูปชิคๆ ไปอวดเพื่อนอีกด้วย 


4.วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ วัดเก่าแก่ของ อ.ท่าม่วง ที่มีพระพุทธรูปปางประธานพรที่ใหญ่ที่สุดใน จ.กาญจนบุรี และยังมีเจดีย์เกศแก้วปราสาทที่สูงสง่าซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำทิพย์ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆ ก็ต้องมาตักเพื่อความเป็นศิริมงคล ด้านบนของวัดมีลมพัดเย็นๆ และมองลงไปเห็นวิวของทุ่งนาสีเขียวที่ล้อมรอบตัววัดอยู่ด้วย 

Watthamsue_5


5.วัดบ้านถ้ำ

วัดบ้านถ้ำ วัดเก่าแก่ที่มีความเชื่อเรื่องตำนานขุนช้าง-ขุนแผน ที่เชื่อว่าใครที่ได้ขึ้นไปกราบไหว้หรือขอพรก็จะสมหวัง วัดนี้มีบันไดทางขึ้น 269 ขั้นที่ทอดยอดเข้าไปในปากมังกรตัวใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของวัด และด้านบนสุดของวัดเป็นยอดเขาสูงสุดที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนับจากพื้นรวม 707 ขั้นบันได จะมีเจดีย์สีทองตั้งอยู่และสามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำแม่กลอง บอกเลยว่ามาถึงวัดบ้านถ้ำแห่งนี้จะต้องเดินขึ้นมาจนถึงยอดสุดของวัดให้ได้

Watbantam_10


โซนที่ 2 อ.ไทรโยค – อ.ศรีสวัสดิ์

1.น้ำตกไทรโยคน้อย

น้ำตกไทรโยคน้อย หรือน้ำตกเขาพัง น้ำตกที่มีชื่อเสียงของ อ.ไทรโยค อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีเพียง 60 ก.ม ต้นกำเนิดของน้ำตกแห่งนี้เกิดจากลำธารเล็กๆ ที่ไหลลงมาสู่ผาหินปูนที่มีความสูงประมาน 15 เมตร บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่ร่มรื่น ด้านหน้าของน้ำตกเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนในวันหยุดสุดๆ 

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 06.00 – 18.00 น.
Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


2.น้ำตกไทรโยคใหญ่

น้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือน้ำตกเขาโจน น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่แปลกกว่าน้ำตกอื่นๆ ตรงที่น้ำตกจะไหลมาจากหน้าผาสูงและไหลลงสู่แม่นำ้แควน้อย สามารถล่องแพชมน้ำตกหรือชมน้ำตกจากสะพานแขวนไทรโยคได้ รอบๆ น้ำตกเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีน้ำตลอดทั้งปี หากต้องการลงเล่นจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเพราะแม่น้ำแควน้อยมีความเย็นและกระแสน้ำที่ไม่คงที่ 

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 06.00 – 18.00 น.
Price: ผู้ใหญ่ ท่านละ 200 บาท เด็ก ท่านละ 100 บาท


3.พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด

พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด หรือ ช่องไฟนรก ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัวแต่ความจริงแล้วที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ชาวต่างชาติและชาวไทยต่างก็เดินทางมาเยือนตลอดทั้งปี เพราะที่นี้ได้บอกเล่าเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งหนึ่งได้เกิดขึ้นที่นี่ ซึ่งเป็นช่องเขาที่ในอดีตเป็นเส้นทางรถไฟสายมรณะ แต่ปัจจุบันมีบรรยากาศที่ร่มรื่นและเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของเมืองกาญจนบุรี

Open – Close: 09.00 – 16.00 น.
Phone : 034 919 605, 081 773 0328


4.อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์

ปราสาทเมืองสิงห์ ปราสาทที่มีความโดดเด่นและสมบูรณ์มากที่สุดในอุทยาน ตัวปราสาทยังคงความสวยงามและสร้างขึ้นจากศิลาแลง โดยมีบรรยากาศโดยรอบเป็นต้นไม้สูงใหญ่ที่ให้ร่มเงาร่มรื่นและเงียบสงบ ด้วยความยิ่งใหญ่ของตัวปราสาทยิ่งชวนน่าหลงไหล ทำให้คิดถึงความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของตัวปราสาทในอดีตแห่งนี้ ที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 09.00 – 16.30 น.
Price: ค่าเข้าชมท่านละ 20 บาท  


5.ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ

ถ้ำกระแซ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ จ.กาญจนบุรี เพราะตั้งติดอยู่กับทางรถไฟสายมรณะที่เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเคยเป็นที่พักของเชลยศึกครั้งเมื่อสร้างทางรถไฟจากไฟไปพม่า เมื่อมองจากปากถ้ำออกมาก็จะเห็นทางรถไฟที่โค้งเลียบกับแนวเขาและวิวของแม่น้ำแควน้อยอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำอีกที่หนึ่ง

 

 

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 18.00 น.
Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


6.น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ สถานที่ยอดฮิตของชาวไทยและชาวต่างชาติที่ใครๆ ก็ต่างอยากมาชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น ที่นี่มีถึง 7 ชั้น คือ ไหลคืนรัง, วังมัจฉา, ผาน้ำตก, อกผีเสื้อ,เบื่อไม่ลง, ดงพฤกษา และชั้นสุดท้ายชื่อว่า ภูผาเอราวัณ  ซึ่งแต่ละชั้นก็มีจุดเด่นและความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้แล้วยังสามารถลงเล่นน้ำได้และมีฝูงปลามาแหวกว่ายให้เราได้ชมแบบใกล้ชิดอีกด้วย

Monbride_20

Open-Close: เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 17.00 น. 
Price: เสียค่าเข้าชมท่านละ 100 บาท 


7.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น น้ำตกที่ยังคงความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาน 108 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นแบ่งออกเป็น 7 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ดงว่าน ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น ชั้นที่ 3 วังหน้าผา ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว ชั้นที่ 5ไหลจนหลง ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า แต่ละชั้นก็สวยงามแตกต่างกันไปและสามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี 

Open – Close: เปิดทำการทุกวัน 08.00 – 17.00 น.
Price: เสียค่าเข้าชมท่านละ 100 บาท 


8.เขื่อนศรีนครินทร์

เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่สามารถมาพักผ่อน ถ่ายรูปเล่น หรือจะมาดูพระอาทิตย์ตกดินก็ฟินสุดๆ ตัวสันเขื่อนที่เป็นจุดเด่นทอดยาวที่สามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำที่ไกลสุดลูกหูลูกตาของเขื่อนแห่งนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ อยู่บนเขื่อนและยังเข้าชมฟรีอีกด้วย ใครที่กำลังมองหาที่พักผ่อน ที่ถ่ายรูปเล่น บรรยากาศดีๆ ลองแวะมาที่นี่กันเลย 

Srinakrarindam_2

Open – Close: 06.00 – 18.00 น.
Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


โซนที่ 3 อ.สังขละบุรี

1.สะพานมอญ 

สะพานมอญ หรือ สะพานอุตมานุสรณ์ สะพานที่ทอดยาวผ่านแม่น้ำซองกาเลีย สะพานที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมไทย – มอญ เข้าด้วยกัน และยังถือว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันสะพานนี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของชาวสังขละบุรี ไม่ว่าจะมาเที่ยวสะพานในตอนเช้าก็จะเห็นวิถีชีวิตของชาวสังขละบุรีหรือจะมาเดินเล่นรับลมตอนเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตกดินก็รับรองว่าฟินสุดๆ 

Monbride_14

Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


2.เจดีย์พุทธคยา

เจดีย์พุทธคยา เจดีย์สีทองที่เห็นเด่นชัดมาแต่ไกลและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการามที่มีรูปแบบการสร้างองค์เจดีย์มาจากประเทศอินเดีย ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหน้าทางเข้าของเจดีย์จะมีสิงห์ตัวใหญ่ ส่วนด้านในก็สามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรที่ว่ากันว่ามาขอพรที่นี่แล้วจะสมหวังทุกประการ

DSC02572

Price: ไม่เสียค่าเข้าชม


3.วัดจมน้ำ เมืองบาดาล

วัดจมน้ำ เมืองบาดาล เดิมที่วัดนี้เคยเป็น วัดวังก์วิเวการาม วัดสำคัญที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองสังขละบุรี ปัจจุบันเหลือเป็นซากวัดเก่าแก่ที่จมอยู่ใต้น้ำที่ยังหลงเหลือผนังโบสถ์และหอระฆังให้ชม หากจะชมวัดจมน้ำจะต้องเหมาเรือล่องแม่น้ำซองกาเรีย นอกจากจะได้ชมวัดจมน้ำที่เป็นวัดเก่าแก่สุดอันซีนแล้ว ยังได้ชมบรรยากาศการล่องเรือชมสองฝั่งของแม่น้ำซองกาเรียด้วย

DSC02643

DSC02612

Price: ค่าเหมาเรือชม วัดจมน้ำและวัดสมเด็จ ราคา 400 บาท (ติดต่อเช่าเหมาเรือได้บริเวณลานจอดรถเจดีย์พุทธคยา)


4.วัดสมเด็จ (เก่า)

วัดสมเด็จ (เก่า) วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามกับวัดจมน้ำ เมืองบาดาล เพียงแค่ล่องเรือมาไม่ถึง 5 นาที เมื่อถึงฝั่งจะเจอกับร้านขายดอกไม้และต้องเดินเท้าขึ้นไปอีก 200 เมตร ก็จะพบกับโบสถ์เก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างแต่ยังสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้ บรรยากาศรอบๆ เป็นต้นไทรสูงใหญ่ที่ขึ้นอยู่ข้างๆ โบสถ์ และเป็นสถานที่เงียบสงบแต่บรรยากาศดีมากๆ   

DSC02667

Price: ค่าเหมาเรือชม วัดจมน้ำและวัดสมเด็จ ราคา 400 บาท (ติดต่อเช่าเหมาเรือได้บริเวณลานจอดรถเจดีย์พุทธคยา)


5.ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนและกางเต็นท์ บรรยากาศกรีนๆ ริมเขื่อนวชิราลงกรณ์ ที่ใครๆ มาเยือนแล้วก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบรรยากาศดีสุดๆ และบางคนยังบอกอีกว่ายกให้ที่นี่เป็นปางอุ๋งแห่งเมืองกาญจนบุรี บรรยากาศดีที่สุดของที่นี่คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแสงสีส้มอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ที่ส่องกระทบกับผิวน้ำทำให้หลายๆ คนยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในความทรงจำ

15406

Open – Close: เปิดเวลา 08.30 – 18.00 น.
Price: เสียค่าเข้า คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท /ค่าเช่าเต็นท์หลังละ 225 บาท-3คน


6.น้ำตกเกริงกระเวีย

น้ำตกเกริงกระเวีย  น้ำตกแห่งนี้ตั้งที่อยู่ริมถนนสายหลักระหว่างทางไปตัวอำเภอสังขละบุรีและมีน้ำไหลตลอดทั้งปีและที่สำคัญสามารถมองเห็นน้ำตกได้จากบนถนนกันเลย บรรยากาศที่ร่มรื่นของธรรมชาติโดยรอบของน้ำตกที่เป็นชั้นหินลดหลั่นกันเป็นระดับที่รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวยอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีร้านอาหารอยู่ทางฝั่งตรงข้ามของน้ำตกด้วย บอกเลยว่าอย่ามองข้ามที่สวยๆ ริมทางแบบน้ำตกเกริงกระเวียแบบนี้เด็ดขาด

DSC02851

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 09.00 – 18.00 น.
Price: เสียค่าเข้าท่านละ 40 บาท


โซนที่4 อ.ทองผาภูมิ

1.หมู่บ้านอีต่อง-ปิล๊อก

หมู่บ้านอีต่อง-ปิล๊อก หมู่บ้านสุดอันซีนท่ามกลางสายหมอกและกำลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตแถมอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี ทำให้ใครหลายๆ คนเลือกที่จะมาสัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ที่มีทั้งเหมืองเก่าปิล๊อกและบ่อน้ำธรรมชาติที่มีปลาแหวกว่ายให้เราได้ชม นอกจากนี้ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ยังมีถนนคนเดินอีกด้วย รับรองว่าฟินสุดๆ 

Baanetong_68


2.เหมืองแร่สมศักดิ์ บ้านป้าเกล็น

เหมืองแร่สมศักดิ์ บ้านป้าเกล็น หนึ่งในตำนานความรักของคุณยาย เกล็นนิส เจอร์เมน ไวท์ ที่ยังคงอยู่คู่กับเหมืองแห่งนี้ เดิมที่ที่แห่งนี้เคยเปิดเป็นเหมืองแร่แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นโฮมสเตย์กลางป่าที่มีบรรยากาศของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และพลาดไม่ได้ที่จะกินเค้กฝีมือป้าเกล็นที่ยังคงทำมาตั้งแต่ครั้งที่ที่ยังเป็นเหมืองจนถึงปัจจุบัน ใครที่อยากรู้เรื่องราวความรักและบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติกของที่แห่งนี้ ต้องไปให้ได้สักครั้ง 

Jaenee_4

Price: ค่าบริการเหมารถราคา 1,500 บาท สามารถติดต่อได้ที่อีต่องโฮมสเตย์หรือติดต่อ คุณนิพนธ์ 087 156 1264


3.ช่องมิตรภาพ

ช่องมิตรภาพ แห่งนี้เป็นช่องมิตรภาพระหว่าง ไทย – เมียนมาร์ ที่เป็นช่องเล็กๆ ที่ตัดช่องเขาเข้าไปสามารถมาถ่ายรูปหรือมาชมบรรยากาศของที่นี่ได้และสามารถมองเห็นธรรมชาติของประเทศเพื่อนบ้านเราได้อย่างเต็มตา แต่ไม่สามารถเดินข้ามไปได้นะ ถ้าวันไหนที่ฟ้าเปิดก็จะสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันของฝั่งประเทศเมียนมาร์ได้อีกด้วย

Noensaothong_3


4.เนินช้างศึก 

เนินช้างศึก เป็นฐานปฏิบัติการของ ตชด. และเป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวของฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเราได้ และบรรยากาศของที่นี่มีเป็นภูเขาที่ยิ่งใหญ่สลับซับซ้อนกัน ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ถ้าหากวันไหนฟ้าเปิดเราก็จะสามารถมองเห็นทะเลอันดามันของฝั่งประเทศเมียนมาร์ได้อย่างชัดเจน

Noenchangsuk_10


5.จุดชมวิวช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

จุดชมวิวช้างเผือก เป็นจุดชมวิวที่อยู่ภายใน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่มีระเบียงยื่นออกไปชมทะเลหมอกได้แบบ 180 องศา วิวด้านหน้าเป็นภูเขาที่สลับซับซ้อนกันและสามารถเห็นวิวของเขื่อนวชิราลงกรณ์ นอกจากนี้ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิยังมีบ้านพักและลานสำหรับกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย 

Thongphaphumcenter_50

Open – Close: จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 16.00 น.  เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 07.00 – 19.00 น. 
Price: เสียค่าเข้า ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท 
Phone: 098 252 0359 


6.น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

น้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาน 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สายน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงประมาน 30 เมตร ไหลลงสู่พื้นด้านล่างทำให้เกิดเป็นไอน้ำที่กระจายล่องลอยอยู่รอบๆ บริเวณน้ำตก บอกเลยว่าได้รูปคู่กับน้ำตกสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ เพียบ

Jokkadin_34

Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 18.00 น.
Price: ค่าเข้าท่านละ 40 บาท


7.บ่อน้ำพุร้อนหินดาด

บ่อน้ำพุร้อนหินดาด เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่ถูกค้นพบโดยทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังเป็นบ่อน้ำแร่บริสุทธิ์มีสามารถรักษาได้หลายโรค ที่นี่มีทั้งหมดสามบ่อให้เลือก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างก็นิยมมาแช่น้ำร้อนกันที่นี่ จะไปนั่งเอาเท้าจุ่มชิลล์ๆ หรือจะลงไปแช่ทั้งตัวก็รับรองเลยว่าผ่อยคลายจากความเมื้อยล้าอย่างแน่นอน

Hindadhotspring_17

Open – Close:  เปิดทุกวันเวลา 06.00 – 22.00 น.
Price: เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท 


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ