หิมพานต์ ร้านอาหารกาญจนบุรี แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ครบทั้งบรรยากาศและความอร่อย
9,116 ครั้ง
22 ส.ค. 2566
9,116 ครั้ง
22 ส.ค. 2566
ถ้าให้ทุกคนลองลิสต์จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความสดชื่นของน้ำตกและธรรมชาติเขียวชอุ่ม เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี จ.กาญจนบุรี และภาพที่ชัดเจนของจังหวัดนี้ คือ เมืองที่เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ รวมถึงความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตก วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกคนไปเช็คอินที่แห่งหนึ่งที่จัดเต็มเสน่ห์ของเมืองกาญในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ น้ำตก อาหารแสนอร่อยกว่า 200 เมนู และกาแฟหอมกรุ่นที่คั่วสดใหม่ทุกวัน ว่าแล้วก็ปักหมุดมา หิมพานต์ ร้านอาหารกาญจนบุรี แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ครบทั้งบรรยากาศและความอร่อย และแอบกระซิบว่าเป็นร้านเปิดใหม่ล่าสุดด้วย! ใครอยากรู้ว่าหิมพานต์มีความพิเศษและความน่าประทับใจอะไรรออยู่บ้าง ตามมาดูกันเลย~
หิมพานต์ (Himmapan) ร้านอาหารน้องใหม่ล่าสุดของ จ.กาญจนบุรี ที่เพิ่งเปิดสดๆ ร้อนๆ เพียง 2 เดือนเท่านั้น! การเดินทางก็ง่ายมาก ตั้งอยู่บนถนนเส้นไปไทรโยค (สาย 323 กาญจนบุรี – ไทรโยค) เรียกได้ว่าอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย สำหรับใครที่มาถึงครั้งแรกอาจจะแปลกใจกับบรรยากาศที่เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลก โดยที่นี่ได้เนรมิตป่าหิมพานต์และน้ำตกจำลองขนาดใหญ่มาไว้อยู่กลางร้าน ซึ่งน้ำตกนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปเช็คอิน รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงธรรมชาติของกาญจนบุรีที่เป็นเมืองแห่งน้ำตกได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ภายในร้านยังปลูกต้นไม้นานาพรรณ มองไปทางไหนก็ดูร่มรื่น สบายตา เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์การมานั่งพักผ่อนและเสพธรรมชาติสวยๆ
น้ำตกถูกสร้างมาอย่างยิ่งใหญ่ เป็นภูเขาปูนที่สูงกว่า 12 เมตร บอกเลยว่าของจริงอลังการมาก แถมถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด และสำหรับใครที่มาแล้วอยากได้รูปสวยฟีลเหมือนนางฟ้าแดนสวรรค์ ทางร้านมีพร็อพให้เช่าอย่างปีกและมงกุฎนางฟ้า ราคาเพียง 50 บาทเท่านั้น สามารถใส่เดินถ่ายรูปฉ่ำๆ ได้ทั่วร้านเลย
ไฮไลท์ของทางร้านไม่ได้มีแค่น้ำตกจำลองขนาดใหญ่ แต่ยังมีป่าหิมพานต์สุดร่มรื่นที่ปลูกต้นไม้ไว้หลายชนิด และจากชื่อของป่าหิมพานต์ เชื่อว่าเป็นที่รู้จักกันอย่างดีจากวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ภาพจินตนาการป่าแห่งนี้จะต้องเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ มีความพิเศษและความมหัศจรรย์ต่างๆ รวมถึงเป็นเหมือนดินแดนสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความทุกข์ สำหรับป่าหิมพานต์ของที่นี่ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากภาพในจินตนาการ เพียงแค่เราเดินเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความร่มเย็น ความเงียบสงบของธรรมชาติ ที่สำคัญมีไอหมอกลอยปกคลุมตลอดทางเดิน ยิ่งช่วยเสริมบรรยากาศให้สวยยิ่งขึ้นไปอีก
บริเวณในสวนก็จะมีที่นั่งตามมุมต่างๆ ใครที่มาแล้วอยากนั่งกินข้าวกลางธรรมชาติและเงียบสงบ แนะนำมุมนี้เลย บรรรยากาศดีมากๆ
นอกจากที่นั่งในสวนก็จะมีที่นั่งในร้านซึ่งเป็นแบบอินดอร์ โอเพ่นแอร์ เพดานสูงโปร่งเปิดรับลมธรรมชาติเต็มๆ สำหรับการตกแต่งจะเป็นตามคอนเซ็ปต์ป่าหิมพานต์ เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติ มีการประดับและตกแต่งด้วยถ้ำหินและหินงอก หินย้อยแบบจำลอง เพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้ใหญ่ สอดแทรกด้วยดอกไม้สีสันต่างๆ บรรยากาศคือดีมากจริงๆ ส่วนที่นั่งในร้านก็มีให้เลือกเยอะมาก แบบที่สามารถรองรับกรุ๊ปทัวร์ได้มากถึง 400 คน
หรือใครอยากนั่งเอาท์ดอร์กับวิวน้ำตกสุดอลังการก็ได้เหมือนกัน บอกเลยว่ามุมนี้ได้ดื่มด่ำความสวยงามของน้ำตกและป่าหิมพานต์แบบเต็มๆ
หลังจากเดินสำรวจบรรยากาศรอบๆ ร้านกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของเมนูอาหาร สำหรับทางร้านจะเน้นเสิร์ฟอาหารไทยที่มีให้เลือกมากถึง 200 เมนู เรียกได้ว่ามีครบ ไม่ว่าจะเมนูผัด นึ่ง ยำ ต้ม แกงป่า หรือของทอดต่างๆ เรียกได้ว่าจัดเต็มกันแบบจุกๆ แถมวัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้เป็นของท้องถิ่นและผักออร์แกนิก ในส่วนของรสชาติก็เข้มข้นจัดจ้าน เรียกได้ว่าครบเครื่องทั้งคุณภาพและรสชาติเลย และสำหรับใครเปิดดูเมนูแล้วเลือกไม่ถูกว่าจะสั่งอะไรดี อยากให้ลองสั่งตามทริปเก็ทเตอร์ บอกเลยว่าคัดมาแล้วเด็ดจริง!
เริ่มต้นเมนูแรกด้วย ต้มเล้งแซ่บ (ถ้วยยักษ์) ราคา 420 บาท ความพิเศษของถ้วยนี้คือการใช้เล้งเกือบ 2 กิโลกรัมมาต้มในซุปกระดูกหมู เคี่ยวเล้งให้เปื่อยนุ่มและปรุงรสให้เผ็ดแซ่บด้วยพริกขี้หนู น้ำปลา มะนาว บอกเลยว่าซดน้ำซุปเข้าไปคำแรกได้ความเผ็ดร้อนและเปรี้ยวตาม ส่วนเนื้อหมูก็ต้มเปื่อยดีมาก เลาะออกจากกระดูกได้อย่างง่าย บอกเลยว่าเป็นเมนูไซส์ยักษ์ที่เหมาะกับการไปเป็นกลุ่ม สั่งมากินด้วยกัน ซึ่งปริมาณที่ร้านเสิร์ฟนี้สามารถแชร์ได้ตั้งแต่ 5 – 10 คน
มาถึงหินพานต์ก็ห้ามพลาดเมนูเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปลากะพงลุยหิมพานต์ ราคา 380 บาท ปลากะพงตัวใหญ่ เนื้อแน่นๆ นำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยน้ำยำเยิ้มๆ ตัวน้ำยำมีความฉ่ำและหอมเครื่องเทศ สิ่งที่ชอบก็คือการที่ร้านโรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาให้แบบจุกๆ บอกเลยว่าตักเนื้อปลาคำโตๆ ราดน้ำยำ ออนท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คำนี้คำเดียวอร่อยครบรส ฟินมาก
พูดถึงอาหารไทยพื้นบ้านที่ใครมาก็ต้องสั่ง เซ็ตน้ำพริกกะปิ ปลาทู ผักหวานลวก ราคา 250 บาท เสิร์ฟครบเครื่องเคียงทั้งผักลวก ปลาทู และน้ำพริกกะปิ มาเริ่มที่ตัวน้ำพริกรสชาติกลมกล่อม มีความเข้มข้นจัดจ้าน แนะนำให้กินคู่กับผักลวกและปลาทูหอมๆ สำหรับผักลวกทางร้านก็มีให้ทั้งมะเขือ แครอท ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน และผักหวานที่มีรสชาติกินง่าย ไม่เหม็นเขียว ยิ่งกินกับน้ำพริกกะปิเข้ากันสุดๆ
ขาหมูทอด ราคา 429 บาท กรอบนอกนุ่มใน และที่สำคัญเนื้อร่อนง่ายไม่ติดกระดูก ซึ่งก็มาจากความใส่ใจและความพิถีพิถันในกระบวนการทำ ตัวขาหมูนำไปตุ๋นนานถึง 4 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปทอดให้เหลืองกรอบ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ บอกเลยว่าเป็นเมนูที่อร่อยแบบกินเพลินๆ
เพิ่มความเผ็ดจัดจ้านให้กับมื้อนี้ด้วย แกงส้มปลาคังหน่อไม้ดอง (หม้อไฟ) ราคา 280 บาท เสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อนๆ รสเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อม ซึ่งความเปรี้ยวนี้ได้มาจากตัวหน่อไม้ดอง และสัมผัสของหน่อไม้ดองก็ให้ความกรุบกรอบ ในขณะเดียวกันเมื่อกัดไปแล้วจะได้ความชุ่มฉ่ำของน้ำแกง ส่วนเนื้อปลาคังก็ให้มาเยอะ ชิ้นใหญ่พอดีคำ ปลาเนื้อแน่น สำหรับแกงส้มหม้อนี้กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ คือดีมาก
ทอดมันปลากราย ราคา 220 บาท ทางร้านเสิร์ฟมาเป็นชิ้นๆ อย่างน่ารัก เสียบด้วยก้านคะน้าทำให้หยิบกินได้ง่าย ส่วนรสชาติของทอดมันและคะน้าก็ลงตัวกันจนน่าประหลาดใจ เรียกได้ว่าตอนกัดเข้าไปสัมผัสแรกจะได้ความเนียนนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องพริกแกง และสัมผัสต่อมาคือความกรอบหวานของก้านคะน้า เป็นเมนูที่เหมือนจะธรรมดา แต่ทางร้านก็ทำออกมาพิเศษจนแนะนำว่าต้องสั่งจริงๆ
ตอบโจทย์สายแซ่บรักสุขภาพกับ ยำคะน้ากุ้งสด ราคา 220 บาท ครบรสเปรี้ยว เผ็ด หวาน เพิ่มความกรุบกรอบของผักคะน้าที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำยำ สำหรับใครที่กังวลว่าคะน้าจะกินยากหรือมีกลิ่น บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง ผักคะน้าของทางร้านเป็นแบบออร์แกนิก ไม่เหม็นเขียว บวกกับน้ำยำและกุ้งเนื้อแน่นๆ ตักรวมกันคำใหญ่ๆ แซ่บซี้ดลงตัวสุด
ปิดท้ายกันที่อาหารภาคใต้ที่มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง ผัดสะตอ ราคา 250 บาท รสจัดจ้าน มีความเผ็ดของพริกขี้หนูสด ตัวสะตอกรอบหั่นมาอย่างพอดีคำ ผัดเข้ากับกุ้งเนื้อแน่นๆ อร่อยเต็มคำ สำหรับใครที่ไม่เคยกินสะตอมาก่อน แนะนำให้กินกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อลดกลิ่นเฉพาะของสะตอ
อิ่มอร่อยกับเมนูที่ห้ามพลาดทั้ง 8 เมนูแล้ว ก็ได้เวลาของหวานกันต่อ ทางร้านมีเมนูของหวานและเครื่องดื่มอีกมากมาย เริ่มด้วยเมนูขวัญใจของใครหลายคนอย่าง ฮันนี่โทสต์ ราคา 189 บาท ขนมปังกรอบๆ ชิ้นใหญ่ หอมเนยและน้ำผึ้ง เพิ่มความหวานสดชื่นด้วยไอศกรีมวานิลลาและวิปครีมนัวๆ จบคำด้วยเมล่อนหวานกรอบ บอกเลยว่าเป็นเมนูปิดท้ายของคาวที่ต้องสั่ง!
อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมา หิมพานต์ (Himmapan) ก็คือการสั่งเครื่องดื่มเมนูกาแฟต่างๆ ความพิเศษของที่นี่นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้วยังเป็นโรงคั่วกาแฟ ในร้านมีกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่ส่งตรงมาจากทางเหนือ ทางร้านคัดทุกเมล็ดด้วยมือและใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต อีกทั้งยังคั่วสดใหม่ทุกวัน ส่วนใครชอบดริปกาแฟก็ห้ามพลาด ทางร้านมีเครื่องดริปให้ทุกคนได้มานั่งดื่มด่ำบรรยากาศ เปิดรับกลิ่นหอมๆ ของกาแฟ และที่สำคัญเราสามารถเลือกกาแฟได้เองว่าจะเป็นคั่วอ่อน คั่วเข้ม หรือคั่วกลาง รับรองว่าได้รสชาติถูกใจคอกาแฟแน่นอน
สำหรับเมนูดริปกาแฟของทางร้านจะมี ดริปกาแฟไซฟ่อน ราคา 120 บาท ความพิเศษอยู่ที่การต้มกาแฟด้วยกาต้มแบบสูญญากาศ ทำให้ได้รสชาติกาแฟหอมละมุ่น เข้มข้น อีกทั้งยังได้ปริมาณกาแฟที่มากกว่าการดริปแบบอื่น ดังนั้นถ้ามากันหลายคนแนะนำให้เลือกวิธีการดริปแบบนี้เลย ต่อมาเป็น ดริปขวด ราคา 65 บาท วิธีนี้จะเน้นความเร็ว ใช้เวลาดริปไม่นานก็พร้อมดื่มแล้ว และสุดท้าย ดริปหิมพานต์ ราคา 65 บาท ดริปนี้ใช้ระยะเวลานานกว่าวิธีอื่น โดยเราจะค่อยๆ เทน้ำร้อนใส่กาแฟผ่านตัวกรอง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำค่อยๆ หยด กาแฟที่ได้ก็จะมีรสชาติละมุนเข้มข้นมาก
ได้นั่งดริปกาแฟช้าๆ ท่ามกลางธรรมชาติ และดื่มด่ำกลิ่นหอมอบอวลของกาแฟ นี่และคือสุนทรียภาพที่แท้จริง!
คอกาแฟคนไหนยังไม่จุใจก็สามารถซื้อเมล็ดกาแฟกลับไปชงต่อที่บ้านได้นะ
และทั้งหมดนี้คือ หิมพานต์ (Himmapan) ร้านอาหารกาญจนบุรีน้องใหม่ ที่อยากให้ทุกคนได้มาลองประสบการณ์อันแสนประทับใจ ที่นี่เป็นมากกว่าร้านอาหารที่เข้ามาเช็คอินแล้วจากไป หิมพานต์เป็นเหมือนสถานที่ที่หลุดมากจากโลกในวรรณคดี บรรยากาศถูกโอบล้อมกลางความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทำให้ใครที่ได้มาสัมผัสได้ถึงความพิเศษมากมาย อิ่มเอมไปกับรสชาติอาหารอร่อยๆ ในขณะเดียวกันก็ได้เติมเต็มความสุขจากสิ่งรอบตัว และแอบกระซิบว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของร้านหิมพานต์ เชื่อว่าในอนาคตทางร้านจะต้องยิ่งใหญ่และมีสิ่งที่น่าประทับใจอีกมากมายที่รอต้อนรับทุกคนอย่างแน่นอน
วันหยุดนี้รีบเปิดแมพมา หิมพานต์ ร้านอาหารกาญจนบุรี แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ครบทั้งบรรยากาศและความอร่อย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน หลังจากอิ่มอร่อยกันเต็มที่แล้ว ใครอยากได้ที่พักใกล้ชิดธรรมชาติไว้นอนชาร์จพลังสักคืนก็ลองมาดู 7 ที่พักกาญจนบุรี บรรยากาศริมน้ำและกลางป่า นอนชิลล์ติดธรรมชาติ ตามด้วยเช็คอิน 20 ที่เที่ยวกาญจนบุรี จุดเช็คอินฟีลดีที่ห้ามพลาด! ส่วนการเดินทางไปกาญจนบุรี เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องทางรถไฟห็ห้ามพลาด นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี สายธนบุรี – น้ำตก รีวิวการเดินทางของสายชิลล์ บอกเลยว่ามาเที่ยวกาญครั้งนี้ครบจบทุกสิ่งแน่นอน