เที่ยวน่าน 4 วัน 3 คืน ลางานแบบพอดี หนีไปใช้ชีวิตแบบโลว์ไลฟ์ ริมนา ป่า เขา ณ น่าน
154,292 ครั้ง
29 ต.ค. 2561
154,292 ครั้ง
29 ต.ค. 2561
น่าน เมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ ที่มาพร้อมกับธรรมชาติสวยๆ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่น่าหลงใหล่ นอกจากนี้น่านยังมีสถานที่ท่องเที่ยว แลนด์มาร์คสำคัญๆ อย่างมากมาย ที่ควรหาเวลาสักสามสี่วัน วาร์ปมาท่องเที่ยว พักผ่อนกันให้เต็มที่ และสำหรับรีวิวนี้ ทริปเก็ทเตอร์ จะพาเพื่อนๆ ออกไปเก็บประสบการณ์การท่องเที่ยวกันแบบเต็มอิ่มกับทริปน่าน 4 วัน 3 คืน ที่พาเที่ยวทั่วเมืองน่านกันเลย
ทริปนี้เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวังน่านกันแบบชิลล์ๆ ด้วยบริการรถเช่าของ Haupcar.com ซึ่งเป็นรถเช่ารูปแบบใหม่ สามารถทำรายการผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีอิสระในการใช้งาน ไม่ต้องเสียเงินมัดจำรถ แถมยังมีแพ็คเก็จสุดคุ้มให้เลือกอีกด้วย
สำหรับการเช่ารถผ่าน Haupcar.com ก็ง่ายๆ เพียงแค่โหลด แอพพลิเคชั่นลงบนมือถือ ซึ่งรองรับทั้งระบบ IOS และ ANDROID เมื่อติดตั้งและสมัครการใช้งานเรียบร้อยแล้ว หน้าแอพพลิเคชั่นจะโชว์ตำแหน่งจุดจอดรถ รุ่น และยี่ห้อของรถ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ในแอพพลิเคชั่นยังสามารถระบุเวลา วันที่รับรถ และคืนรถ เพื่อคำนวนค่าใช้จ่าย และยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะใช้บริการแบบเหมาจ่ายเป็นรายวัน หรือเลือกจ่ายเป็นกิโลเมตร ให้เราได้คุมงบค่าเดินทางแบบไม่มีบานปลาย
หลังจากเลือกและจองรถกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาไปรับรถและออกเดินทาง ซึ่งจากเชียงใหม่ไปน่านจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางเราได้แวะพัก หาร้านกาแฟจิบแก้ง่วงกันที่ นาอินคาเฟ่ จ.แพร่ เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ สไตล์บ้านสวนร่มรื่น มีเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ให้บริการหลายรายการเลยทีเดียว
และพลาดไม่ได้มาถึงแล้วก็ต้องเช็คอินมุมฮิปๆ อัพลงโซเซียลกันสักหน่อย
จากนาอินคาเฟ่ เราเดินทางกันต่อเพื่อไปยังจุดเช็คอินแรกของทริปนี้กันที่ วัดบ่อแก้ว วัดสีขาวสุดงดงาม โดดเด่นด้วยศิลปะล้านนา ตกแต่งด้วยลวดลายที่อ่อนช้อย บริเวณรอบๆ วัดล้อมรอบด้วยทุ่งนาสีเขียว
บรรยากาศภายในวัด
หลังจากขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตกันเรียบร้อย ก็เดินทางกันต่อไปยังที่พักของเราในคืนนี้ที่ ดอยเสมอดาว อ้อ! ลืมบอกไปว่ารถเช่าของ Haupcar.com จะใช้มือถือเป็นเสมือนกุญแจรถ เชื่อมผ่านสัญญาณ Bluetooth อีกทั้งในแอพพลิเคชั่นยังสามารถเช็คได้อีกด้วยว่าคุณล็อกรถเรียบร้อยหรือยัง
จากวัดบ่อแก้วเราเดินทางกันต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงจุดกางเต็นท์สุดชิลล์ในคืนนี้ของเราที่ดอยเสมอดาว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติศรีน่านนั้นเอง
สำหรับใครที่อยากมากางเต็นท์นอนที่นี่ในช่วงหน้าหนาว แนะนำให้มาถึงก่อน 16.00 น. เพราะคนค่อนข้างเยอะ และยิ่งเป็นวันหยุดก็ยิ่งเยอะขึ้นไปอีกเท่าเลย นักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มากางเองจะเสียค่าบำรุงรักษาพื้นที่คนละ 30 และค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 20 บาท
หากเช่าเต็นท์อุทยานฯ หลังละ 375 บาท/พักได้ 2 คน
ผาหัวสิงห์ตั้งอยู่ติดกับดอยเสมอดาว
อีกหนึ่งมุมถ่ายรูปห้ามพลาด!! ต้นไม้คู่บนเนินดอยเสมอดาว
อาหารการกินที่นี่ สามารถนำอุปกรณ์มาปิ้งย่างมาทำอาหารรับประทานที่บริเวณเต็นท์ได้ แต่ต้องเก็บให้เรียบร้อยก่อน 22.00 น.
หรือถ้าใครไม่ได้เตรียมมาจากบ้านก็สามารถหาเช่าได้จากร้านค้าก่อนเข้าอุทยานฯ หรือจะออกมากินที่ร้านก็สะดวกไปอีกแบบ
ไฮไลท์มาถึงดอยเสมอดาวก็ต้องออกมานั่งชมดาวยามค่ำคืนกันสักหน่อยให้ได้ฟีลลิ่งพักผ่อน ใครมากับแฟน.. พูดเลยว่าที่นี่โรแมนติกสุดๆ
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่บริเวณจุดชมวิว หากโชคดีอาจได้เจอหมอกหนาๆ แน่นๆ ที่บริเวณนี้ด้วย ส่วนเช้านี้หมอกบางเบาเหลือเกิน แต่ก็มาให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้เห็นพอชื่นใจ
หลังจากอิ่มเอมกับบรรยากาศช่วงเช้า เราก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อเพื่อไปยังตัวเมืองน่าน ซึ่งระหว่างทางเราได้แวะมาเช็คอินกันที่ เสาดินนาน้อย – คอกเสือ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอนาน้อย หากใครมาเที่ยวที่ดอยเสมอดาว อย่าลืมแวะมาชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่นี่กันดู
เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่รับรองว่ามาแล้วได้รูปเท่ๆ กลับไปแน่นอน
ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองและเที่ยวชมแลนด์มาร์คสำคัญๆ ในตัวเมืองกันแบบเต็มอิ่ม ขอแวะเข้าปั๊มเติมน้ำมันกันให้เต็มถัง!! ซึ่งบริการรถเช่าของ Haupcar.com จะรวมน้ำมันรถด้วยในรถจะมีบัตรเติมน้ำมันของปั๊มปตท. ไว้ให้คุณได้รูดกันแบบสบายๆ เลย นอกจากนี้ยังมีประกันชั้น 1 ที่คอยดูแลและซัพพอร์ตให้คุณหมดกังวลเรื่องอุบัติเหตุอีกด้วยนะ
น้ำมันเต็มถังแล้ว!! ก็ลุยกันต่อ เพื่อไปเที่ยวชมความสวยงามกันที่ วัดพระธาตุเขาน้อย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเจ้าปู่แข็ง ตั้งอยู่บนเขาน้อย อีกทั้งภายในวัดยังมีไฮไลท์เป็นจุดชมวิวเมืองน่านได้แบบ 180 องศาอีกด้วย
ลานชมทิวทัศน์และที่ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัว
จากวัดพระธาตุเขาน้อย เราเดินทางกันต่ออีกไม่ไกลเพื่อไปยัง วัดภูมินทร์ อีกหนึ่งวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวน่าน ซึ่งมีรูปแบบการสร้างให้โบสถ์และวิหารเป็นอาคารหลังเดียวกัน ตกแต่งและแกะสลักลวดลายโดยช่างฝีมือล้านนา อีกทั้งภายในโบสถ์ยังมีไฮไลท์ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เลื่องชื่อ ปู่ม่าน ย่าม่าน
บริเวณตรงกลางประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศ
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ปู่ม่าน ย่าม่าน หรือที่รู้จักกันดีในนามภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” ที่นักท่องเที่ยวต้องมาแวะชม
เดินเที่ยวกันจนเหนื่อย เลยขอแวะเติมพลังกันก่อนที่ร้านอาหารบรรยากาศบ้านๆ เฮือนฮอม ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดภูมินทร์ สามารถเดินมาได้เพียงไม่กี่นาที
บรรยากาศภายในร้านเป็นบ้านเก่าที่รีโนเวทให้กลายเป็นร้านอาหาร แบ่งออกเป็นโซนนั่งโต๊ะ และโซนนั่งพื้นกินขันโตกสไตล์ชาวเมืองล้านนา
เมนูแนะนำที่ร้านจะเป็นอาหารพื้นเมืองน่าน อย่างข้าวซอยไก่ หมู พิเศษใส่ไข่ ออร์เดิร์ฟเมืองเสิร์ฟพร้อมชุดผักสด แคบหมู น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม และไส้อั่ว และยังมีเมนูอื่นๆ อีกหลายเมนูให้เลือกอร่อยกัน
หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารกลางวันกันจนแน่นพุง เราก็เดินย่อยเที่ยวชมเมืองน่านกันต่อ โดยจุดหมายต่อไปของเราก็อยู่ไม่ไกล เดินแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้วนั่นคือ วัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน
วัดมิ่งเมือง เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน ด้านนอกพระอุโบสถ ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นที่สวยงามและวิจิตรบรรจงมาก ซึ่งเป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน
จากวัดมิ่งเมือง เราเดินย้อนกลับมาทางวัดภูมินทร์ เพื่อไปยังที่จอดรถของเรา เลยได้แวะเที่ยวชมอีกหนึ่งวัดสำคัญของน่านอย่าง วัดพระธาตุช้างคำ้วรวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน บริเวณรอบๆ เจดีย์มีรูปปั้นช้างปูนอยู่บริเวณฐาน
บรรยากาศวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
จากวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารเราเดินข้ามถนนไปยังจุดแลนด์มาร์คที่เห็นผ่านตาบ่อยๆ ใน Instragram นั้นคืออุโมงค์ลีลาวดี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
ส่วนบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี โดยภายในได้จัดเก็บโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไว้อย่างมากมาย มาจัดแสดงให้ชมเพื่อได้ทราบถึงความเป็นมาของเมืองน่านกันแบบแท้จริง
มองจากด้านบนชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์จะมองเห็นอุโมงค์ลีลาวดีและวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารอยู่ไกลออกไป
เผลอแพร้บเดียว!! เดินเที่ยวตัวเมืองน่านยังไม่ครบทุกซอกทุกมุม ก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เราเลยขอแวะเข้าที่พัก ศรีนวล ลอดจ์ เอนหลังนอนพักผ่อนกันสักหน่อย ก่อนจะเตรียมลุยเที่ยวเมืองน่านกันในช่วงค่ำคืนนี้อีกครั้ง
สำหรับที่พักคืนนี้เป็นที่พักสไตล์วินเทจ บรรยากาศน่ารัก ภายในห้องพักตกแต่งได้อย่างน่านอนทีเดียว แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปเล่น พักผ่อนกันได้หลายจุดอีกด้วย
ช่วงดึกเราวาร์ปออกมาหาของกินแถวๆ ถนนคนเมือง มิ่งเมืองดีเบส ตั้งอยู่ระหว่างวัดภูมินทร์และวัดมิ่งเมือง ซึ่งจะจัดเป็นลานขันโตกแบบประยุกต์ มีร้านอาหารหลายร้านให้เราได้เลือก กินของอร่อยในราคาสบายกระเป๋า
เมนูอาหารที่นี่ก็มีทั้งอาหารพื้นเมืองน่าน และอาหารภาคกลางให้เลือกอร่อยกัน
และพลาดไม่ได้มาถึงน่านก็ต้องแวะไปอร่อยกับ บัวลอยป้านิ่ม ที่ร้าน ของหวานป้านิ่ม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของเมืองน่านเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันร้านของหวานป้านิ่มได้ย้ายมาขายที่บ้าน ซึ่งจะเปิดตั้งแต่ 11.30 – 22.30 น. (ปิดทุกวันพุธ) ใครที่อยากมาชิมบัวลอยระดับตำนานห้ามพลาดเด็ดขาด!!
คนต่อคิวเยอะมาก
บัวลอยป้านิ่มถ้วยละ 30 บาท
เช้านี้เราออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อเดินทางไปยังบ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ แต่ได้แวะเที่ยวปัวกันก่อน ซึ่งจากตัวเมืองน่านไปยังอำเภอปัวจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จุดแรกที่เราแวะมาเช็คอินกันที่ วัดศรีมงคล(ก๋ง) หรือวัดก๋ง เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของอ.ปัว ที่นักท่องเที่ยว และชาวบ้านนิยมเข้ามากราบไหว้ขอพร
บริเวณพื้นที่รอบๆ วัดยังมีจุดชมวิวสวยกลางนาให้ได้เช็คอินถ่ายรูปกันอีกด้วย สำหรับใครที่อยากมาช่วงนาเขียวๆ แนะนำให้มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน ต้นข้าวกำลังเขียวขจีสวยงามแน่นอน
จากนั้นแราเดินทางไปหาอะไรกินกันต่อที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์โฮมเมดให้บริการความอร่อยเมนูเห็ดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าเห็ด ยำเห็ดสามอย่าง ไข่เจียวเห็ด และอีกหลายเมนูที่ทำมาจากเห็ด
นอกจากเมนูอร่อยๆ ที่นี่ยังมีฟาร์มเห็ดให้เราได้เที่ยวชมเพลินๆ ระหว่างรอคิว รออาหารกันด้วย เพราะร้านนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะและอาหารออกช้า หรือถ้าใครอยากได้รูปเก๋ๆ ที่นี่ก็มีชิงช้าให้เราได้โพสต์ท่ากันเท่ๆ กันอีกด้วยนะ
จากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำไปไม่ไกล เราแวะมาเช็คอินกันต่อที่ร้าน กาแฟไทลื้อ ลำดวนผ้าทอ อีกจุดเช็คอิน Instagramspot ที่ห้ามพลาดเลย
กาแฟสักแก้วกลางทุ่งนาแบบนี้ก็ฟินดีนะ
มุมถ่ายรูปในร้านกาแฟไทลื้อ ลำดวนผ้าทอ
หรือถ้าใครอยากซื้อของฝากที่นี่ก็งานแฮนด์เมด ผ้าทอฝีมือชาวบ้านให้เลือกซื้อเลือกหา ในราคาหลักร้อยกันอีกด้วย
เราใช้เวลาอยู่ที่ปัวกันถึงประมาณบ่ายๆ ก็เตรียมมุ่งหน้าเดินทางไปยังบ่อเกลือ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางเราจะผ่านเส้นถนนลอยฟ้าดอยภูคา เพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติกัน
ก่อนถึงบ่อเกลือยังผ่านจุดชมวิวสูงสุดของดอยภูคา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปกันด้วย
ขับรถกันมาประมาณชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงยังบ้านสะปัน บ่อเกลือกันแล้ว จึงเตรียมเข้าที่พักเช็คอิน กินบรรยากาศกันแบบยาวๆ กันที่ มองว้า ยายทาตาสม โฮมสเตย์ ซึ่งเป็นโฮมสเตย์วิวดีมองเห็นลำน้ำวา และภูเขาผีปั้นน้ำ ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่กั้นแบ่งดินแดนระหว่างไทยและ สปป.ลาวนั้นเอง
โฮมสเตย์แห่งนี้มีบ้านพักเพียง 2 หลังเท่านั้น จึงทำให้ที่นี่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ สำหรับราคาที่พักอยู่ 800 บาทต่อคน รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น ใครที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์นี้ 065 417 0606
ห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำรวม มีเครื่องทำน้ำอุ่น และฟินสุดๆ กับหน้าต่างแบบโอเพ่นให้คุณอาบน้ำพร้อมชมวิวสวยแบบฟิน
ช่วงค่ำก็ฟินกับมื้อเย็นแบบบ้านๆ กันต่อ
วันนี้ก่อนจะเดินทางกลับเราแวะมานั่งจิบกาแฟกันที่ อุ่นไอมาง แบบเพลินๆ ซึ่งภายในพื้นที่ของคาเฟ่ จะแบ่งออกเป็นโซนอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 6.00 – 17.00 น.
บรรยากาศภายในร้าน
มุมชิลล์ๆ บนเทอเรสกว้างริมน้ำมาง
ต่อด้วย สะพานแขวนสะปัน มุมถ่ายรูปสุดชิคที่คุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์แนะนำให้เราแวะมาเที่ยวกันดู ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ มาที่นี่ได้รูปเท่ๆ กลับไปเปลี่ยนโปร์ไฟล์กันได้เพลินเลย
สะพานนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะเป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้านระหว่างหมู่บ้านสะปันและบ้านเด่น และสามารถผ่านได้เฉพาะมอเตอร์ไซค์เท่านั้น
จากสะพานแขวนสะปัน เราขับรถเลยขึ้นมาอีกนิดเพื่อไปเที่ยวชมน้ำตกสะปัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากไปถึงบริเวณชั้นบนสุดของน้ำตกแนะนำให้เผื่อเวลาไปสักนิด เพราะเส้นทางค่อนข้างชันและเหนื่อยมาก แต่รับรองว่าไปถึงแล้วความสวยงามคุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน
น้ำตกสะปันชั้นที่ 1
น้ำตกสะปันบริเวณชั้นที่ 2
หลังจากเที่ยวชมน้ำตกกันอยู่พักใหญ่ เราก็เตรียมตัวเดินทางกลับและถึงเวลาที่ต้องบอกลาบ้านสะปัน บ่อเกลือกันจริงๆ แล้ว ซึ่งขากลับเราเลือกใช้ทางหลวงหมายเลข 1081 ซึ่งถนนสายนี้จะผ่านจุดถ่ายรูปเท่ๆ อย่างถนนเลข 3 ด้วย (สังเกตุถนนจะเป็นตัวเลข 3)
ระหว่างทางใครหิวแนะนำร้าน ก๋วยเตี๋ยวขาลอย ดอยกว่าง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวราคาหลักสิบ วิวสวย ที่นอกจากจะได้อิ่มท้องแล้ว ยังได้อิ่มตา อิ่มใจกับวิวภูเขาสวยกันอีกด้วย
เมนูที่ร้านก็มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำมะนาวหมู 40 บาท และต้มยำมะนาวทะเลราคา 50 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริปน่านแบบสโลว์ไลฟ์ กิน เที่ยว แบบครบๆ ทั้ง 3 เมืองยอดฮิตอย่างตัวเมืองน่าน ปัว และบ่อเกลือ หากใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวน่านหวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเป็นไกด์นำเที่ยวให้คุณได้วางแผนตามกัน อีกทั้งเมืองน่านเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวครบรสที่รับรองว่าใครได้มาเที่ยวก็ต้องตกหลุมรักกันอย่างแน่นอน และสุดท้ายหากคุณกำลังมองหารถเช่าที่ช่วยให้ทริปเที่ยวของคุณลงตัวมากยิ่งขึ้นเห็นทีต้องไม่พลาดโหลดแอพพลิเคชั่น Haupcar.com ลงไว้ในมือถือของคุณแล้วล่ะ
หาที่พักน่านน่านอน บรรยากาศสุดชิลล์ คลิ๊กที่นี่