ทริปเที่ยวอยุธยา 2 วัน 9 วัด 5 ที่กินสุดฟิน อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งพุง เก็บครบทุกบรรยากาศ
129,968 ครั้ง
4 เม.ย. 2562
129,968 ครั้ง
4 เม.ย. 2562
พอถึงวันศุกร์หลังเลิกงานทีไรเหมือนสมองสั่งการว่าให้หาที่เที่ยวเองโดยอัตโนมัติ ยิ่งมีวันหยุดแค่เสาร์ – อาทิตย์ยิ่งต้องเที่ยวให้คุ้มแล้วยิ่งเข้าใกล้ช่วงสงกรานต์เข้ามาทุกที ชีวิตก็ต้องได้รับสิ่งดีๆ เข้ามาเสริมโชคลาภเผื่อจะถูกหวยรางวัลที่ 1 กันบ้าง แต่จะมีที่ไหนที่ได้ไหว้พระครบ 9 วัดและมีทั้งที่พักที่กินอยู่ใกล้ๆ กัน และที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ วันนี้ ทริปเก็ทเตอร์เลยจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา กับทริป เที่ยวอยุธยา 2 วัน 9 วัด 5 ที่กินสุดฟิน อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งพุง เก็บครบทุกบรรยากาศ
เช้าวันเสาร์อันแสนสดชื่นก็มาถึง วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะมุ่งหน้าไป จ.พระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆ ว่า อยุธยา จังหวัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่อประเทศไทย และคิดว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักจังหวัดนี้อย่างแน่นอน ทริปน้ีเราตั้งใจจะไปไหว้พระ 9 วัด และหาร้านอร่อยนั่งกินให้อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งพุง และจุดหมายแรกที่เราปักหมุดไปก็คือ วัดไชยวัฒนาราม
เมื่อเรามาถึงวัดไชยวัฒนารมก็ได้เห็นถงความยิ่งใหญ่และความงดงาม งดงามจนอดคิดไม่ได้ว่าในอดีตจะงดงามก็นี้แค่ไหน วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยพระสรรเพชญ์ที่ 5 โปรดสร้างขึ้น ปัจจุบันมีอายุประมาน 389 ปี และมีสถาปัตยกรรมในรูปแบบศิลปะขอม โดดเด่นด้วย พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ ปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่บริเวณตรงกลาง
ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือ ระเบียงคต ที่มีรูปปั้นพระพุทธรูปปูนตั้งอยู่เรียงรายรอบๆ กว่าร้อยองค์ และวัดไชยวัฒนาราม เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 07.30 – 16.00 น. ค่าธรรมเนียมสำหรับคนไทย 10 บาท
นอกจากนี้ยังมีชุดไทยสไตล์อยุธยาให้เช่าอยู่ทางด้านหน้าตัววัดอีกด้วยนะ ใครที่ยังฟินยังอินกับกระแสออเจ้าก็ต้องจัดชุดสวยๆ สักชุดไปถ่ายรูปกับวัดไชยวัฒนาราม
เดินทางมาอีกไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึง วัดภูเขาทอง วัดที่มีเจดีย์สีขาวองค์ใหญ่และวัดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานที่มีการสันนิษฐานว่าพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองได้สถาปนาพระเจดีย์องค์ใหญ่เป็นอนุสรณ์เรื่องในการชนะกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ยังมีข้อสันนิษฐานว่าเจดีย์นี้สร้างขึ้นเนื่องจากกรุงศรีอยุธยาได้รับชัยชนะเหนือหงสาวดี
ด้วยความที่องค์เจดีย์เป็นสีขาวตัดกับสีของอิฐแดงทางด้านหน้าขององค์เจดีย์ทำให้วัดภูเขาทองดูสวยงามและมีเสน่ห์สุดๆ
และยังมีจุดสำหรับไหว้พระขอพรอีกด้วย
ก่อนกลับก็ไม่พลาดไปโพสต์รูปกับรถตุ๊กตุ๊กอยุธยาที่เป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ที่มาถึงอยุธยาแล้วจะต้องได้เห็น สำหรับวัดภูเขาทองเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น.
และไปต่อกันที่ วัดมหาธาตุ วัดที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของอยุธยาที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติและในอดีตยังถือว่าวัดนี้เป็นวัดที่มีควาสำคัญมากที่สุดในอาณาจักรอยุธยา นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายทั้ง พระปรางค์องค์ใหญ่ เจดีย์แปดเหลี่ยม วิหารฐานชุกชี วิหารเล็กและตำหนักพระสังฆราช
และที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือเศียรพระพุทธรูปที่มีอายุมากกว่าร้อยปีที่อยู่ในรากโพธิ์ด้านข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปน่าจะหล่นลงมาตั้งแต่สมัยเสียกรุงศรีอยุธยาด้วยความยาวนานตามกาลเวลาทำให้มีรากของต้นโพธิ์ขึ้นมาปกคลุมจึงทำให้เกิดเป็นสิ่งที่งดงาม และแปลกตาราวกับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
รอบๆ บริเวณวัดเต็มไปด้วยความร่มรื่นและคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มารอต่อแถวถ่ายรูปคู่กับเศียรพระที่อยู่ในรากโพธิ์
ผ่านไปแล้วสามวัดก็ถึงเวลาที่จะต้องไปหาของอร่อยๆ กันกันในมื้อเที่ยง มาถึงอยุธยาแล้ว นอกจากกินกุ้งแม่น้ำก็ต้องมากินก๋วยเตี๋ยวเรือห้อยขาริมแม่น้ำ วันนี้เราเลยปักหมุดมาที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวเรือห้อยขา (บลูริเวอร์) ตัวร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุและที่สำคัญเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย
ที่นั่งภายในร้านก็มีทั้งโซนนั่งห้อยขาและโซนแบบนั่งโต๊ะปกติ วันนี้เราเลยเลือกนั่งแบบห้อยขาชิลล์ๆ มองออกไปด้านนอกยังได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและยังได้เห็นวัดพุทธไธศวรรย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะ สำหรับเมนูที่เราสั่งวันนี้คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือไข่ยางมะตูม ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ยางมะตูม ส้มตำทอด และกากหมูทอด
และยังมีเปลตาข่ายให้นั้งโพสต์รูปเก๋ๆ ชิคๆ อีกด้วย
กินอิ่มพุงไปแล้วก็ไปตะลุยอิ่มบุญกันต่อที่ วัดมเหยงคณ์ ถึงแม้ว่าเป็นวัดที่จะต้องเดินทางออกมาไกลสักหน่อยแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีถึงอยุธยาแล้วจะต้องเดินทางไปสัมผัสให้เห็นด้วยตาของตัวเอง เพราะเป็นวัดที่มีทั้งความงดงามและความเงียบสงบ
เมื่อมาถึงจุดแรกที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เลยก็คือทางเดินเข้าวัดที่มีกำแพงทอดยาวจนไปถึงตัวพระอุโบสถยิ่งในฤดูฝนจะมีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุมกำแพงทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามและดูฉุ่มช่ำสุดๆ
วัดมเหยงคณ์ เป็นวัดเก่าแก่ที่รสร้างโดยพระบรมราชาธิราชที่ 2 และได้รับการปฎิสังขรณ์มาหลายครั้งจนมาถึงสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาวัดนี้จึงกลายเป็นวัดร้างทำให้มีส่วนที่เป็นซากปรักหักพังเป็นจำนวนมากแต่ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน
ด้านในพระอุโบสถของวัดมเหยงคณ์มีขนาดใหญ่และมีซากพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน ด้วยความเงียบสงบและร่มรื่นทำให้ผู้คนนิยมมานั่งสมาธิวิปัสนากันภายในพระอุโบสถ สำหรับวัดมเหยงคณ์ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม 10 บาท/คน
ตะเวนไหว้พระผ่านไปแล้ว 4 วัด สำหรับวันนี้ก็ถึงเวลาเข้าที่พัก วันนี้เราไปพักกันที่ บุษบา อยุธยา ที่พักโฮสเทลรูปแบบใหม่ที่นำเสนอผ่านบ้านเรือนไทยอายุกว่า 50 ปี และถูกรีโนเวทใหม่ให้มีความโมเดิร์นในสไตล์แบบไทยๆ ได้อย่างลงตัวและมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น และยังโดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กลายฝาปะกนสีขาว ไหนๆ ก็มาเที่ยวไหว้พระสไตล์อยุธยาแล้วก็ต้องมานอนเรือนไทยให้อินกับบรรยากาศกันสักหน่อย
สำหรับตัวห้องพักของที่นี่มีทั้งห้องพักแบบไพรเวท Deluxe Room และห้องพักแบบ Dormitory Room ห้องสไตล์โฮสเทลแบบนอนรวม วันนี้เราเลยเลือกนอนห้องพักแบบ Dormitory Room ที่ถึงแม้จะเป็นห้องนอนรมแต่ก็ยังคงมีความเป็นส่วนตัวสุดๆ
สำหรับมื้อเย็นก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลเพราะ บุษบา อยุธยามีคาเฟ่ๆ สุดเก๋ชิคสไตล์มินิมอลที่ใช้ชื่อว่า บุษบา คาเฟ่ & มีล (Busaba Cafe & Meel) ตั้งอยู่ทางด้านหน้าทางเข้าตัวที่พัก
ภายในตัวคาเฟ่ยังคงใช้สีขาวแลละตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามสไตล์มินิมอลได้อย่างลงตัว และประดับไปด้วยต้นไม้เพื่อความความมีชีวิตชีวา และมีที่นั่งให้เลือกมากมายแถมยังมีของฝากน่ารักๆ จาก บุษบา อยุธยา อีกด้วย
ตะเวนไหว้พระมาทั้งวัน วันนี้เราเลยจัดหนักจัดเต็มกับมื้อเย็นที่ บุษบา คาเฟ่ & มีล ที่มีทั้งเมนูคาวและเมนูของหวาน อย่าง สปาเก็ตตี้ผัดไทกุ้งสด โฮมเมดแฮมเบิร์กเนื้อซอสมัสมั่น เส้นใหญ่กรอบอยุธยา บุษบาลาเต้เย็น ชาดำครีมชีส วาฟเฟิลผลไม้รวม และกรานิต้าชาไทยทรงเครื่อง สำหรับตัวร้าน บุษบา คาเฟ่ & มีล เปิดบริการทุกวัน วันธรรมดา 9.00 – 20.00 น. / สุดสัปดาห์ 9.00 – 21.00 น.
กินอิ่มแล้วก็ได้เวลานอนพักผ่อนเก็บแรงไปตะเวนไหว้พระต่อกันในวันพรุงนี้
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยมื้อเช้าจาก บุษบา อยุธยา ที่มีทั้งสลัดผักและข้ามต้มไก่เนื้อแน่นโรยเกี๊ยวกรอบสูตรเด็ดของที่นี่
วันนี้เราเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักในตอนเช้าและปักหมุดไปที่ วัดนิเวศธรรมประวัติ วัดที่มีศิลปะแบบตะวีนตกและศิลปะแบบไทยๆ สร้างไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม และตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน
เมื่อมาถึงก็จะต้องนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำเพื่อไปยังตัววัด เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของวัดนิเวศธรรมประวัติ กระเช้าจะออกทุก 5 – 10 นาทีหรือรอบไหนคนเต็มไวกระเช้าก็จะออกเร็วขึ้น
สำหรับตัววัดจะมีอาคารต่างๆ อยู่มากมาย ทั้งหอพระคันธารราษฎร์ หอพระพุทธศิลา พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สุสานสวนหินดิศกุลอนุศรณ์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
และที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือ พระอุโบสถ ที่สร้างตามแบบโบสถ์คริสต์สถาปัตยกรรมโกธิค แต่ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปเอาไว้และภายในยังตกแต่งอย่างสวยงาม สำหรับวัดธรรมนิเวศประวัติ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 06.00 – 19.00 น.
และไปต่อกันที่ วัดพนัญเชิง วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปไตรรัตนายก (หลวงพ่อโต) และยังเป็นวัดที่ชาวอยุธยาให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เพื่อนๆ คนไหนที่อยากมาที่วัดพนัญเชิง ที่นี่เปิดตั้งแต่เวลา 07.00 – 17.00 น.
ตัววัดติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังเป็นที่นิยมมาชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาหรือให้อาหารปลา
พอสายๆ แล้วเราก็เริ่มหิว เขาว่ากันว่ามาถึงอยุธยาแล้วมีหนึ่งคาเฟ่ที่ห้ามพลาดนั่นก็คือ บ้านข้าวหนม คาเฟ่ขนมไทยสไตล์วินเทจที่มีขนมไทยโบราณหาทานยากมากกว่า 50 ชนิด เพียงแค่เปิดประตูร้านเข้ามาก็จะได้เจอกับชั้นวางขนมไทยหลากชนิด
ที่นั่งในตัวร้านก็มีหลายที่นั่งหลายมุมให้เลือกนั่งทั้งโซนหน้าร้านและโซนหลังร้าน
วันนี้เราเลยจัด ชุดข้าวหนมมงคลที่มีทั้งขนม ทองเอก เสน่ห์จันทร์ จ่ามงกุฎ อยู่ในเซ็ต ขนมช่อม่วงสุดเหนียวนุ่ม และ ไอติมหลงยุค ไอศกรีมรสชาไทยที่มีขนมทองม้วนกรอบๆ ให้กินคู่กัน
กินอิ่มแล้วเราเลยไปต่อกันต่อที่ วัดพระงามคลองสระบัว สำหรับวัดพระงามคลองสระบัวเป็นวัดร้างที่มีจุดเด่นคือซุ้มประตูที่อยุ่ทางเข้าวัด และถูกโอบล้อมด้วยลากโพธิ์เปรียบเสมือนประตูแห่งการเวลา ยิ่งในช่วงตอนเย็นที่มีแสงพระอาทิตย์มากระทบยังสวยงามสุดๆ
เมื่อเดินผ่านเข้าประตูมาแล้ว ด้านในจะเป็นพื้นที่ของวัดซึ่งจะมีเจดีย์แปดเหลี่ยมเป็นประธานของวัด มีกำแพงแก้ว และคูน้ำที่มีดอกบัวล้อมรอบ วัดนี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.30 – 19.00 น. สำหรับช่วงเวลา 17.00 – 18.30 จะเป็นช่วงที่มีแสงพระอาทิตย์สอดส่องผ่านซุ้มประตูวัด
ผ่านไปแล้วเจ็ดวัดเหลืออีกสองวัด ก็จะครบตามที่เราแพลนทริปไหว้พระ 9 วัดเอาไว้ และไม่รอช้าเราไปต่อกันที่ วัดใหญ่ไชยมงคล วัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งและยังเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากที่สุด ด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดในอยุธยาและยังมีทางขึ้นไปชมความงามด้านบนตัวเจดีย์อีกด้วย
เมื่อมองลงมาจากมุมบนจะได้เห็นบริเวณรอบๆ ตัววัดและวิวของอยุธยา
ทางด้านหลังวัดยังมีตำหนักของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้เข้าไปกราบไว้อีกด้วย สำหรับวัดใหญ่ชัยมงคลเปิดตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.
และมาปิดท้ายกันที่ วัดราชบูรณะ วัดที่มีฐานะเป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยาซึ่งมีองค์ปรางค์ประธานล้อมรอบด้วยระเบียงคตและมีพระอุโบสถตั้งอยู่ทางด้านหลังของวัด และเมื่อไม่กี่ปuที่ผ่านมายังโด่งดังเรื่องการขุดพบเครื่องทองมากมาย
วัดราชบูรณะแห่งนี้โดดเด่นด้วยพระปรางค์ที่มีกรุสี่เหลี่ยมอยู่ด้านบนและยังมีภาพจิตกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น นอกจากนี้ยังมีกรุลึก 2.20 เมตรที่เคยเป็นที่เก็บสมบัติและของมีค่าไว้มากมาย
ทางด้านหน้ายังมีวิหารขนาดใหญ่ที่มองรอดออกไปแล้วจะเห็นพระปรางค์ผ่านประตูของวิหาร เป็นภาพที่สวยแปลกตาสุดๆ ที่เปิดให้เข้าชมเวลา 08.30 -16.30 น.
และแล้วเราก็ไหว้พระครบทั้ง 9 วัด เราเลยไปต่อกันที่คาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกลจากวัดราชบูรณะ นั่นก็คือ ปรางค์วิว คาเฟ่สุดชิคที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของวัดราชบูรณะ สำหรับใครที่อยากกินของอร่อยๆ พร้อมชมพระปรางค์วัดราชบูรณะไปด้วยต้องมาที่ร้านนี้เลย ที่นั่งภายในตัวร้านก็มีทั้งโซนด้านหน้าและโซนด้านหลัง
และยังมีโซนเอ้าท์ดอร์ที่อยู่ตรงกลางร้านด้วยนะ
สำหรับเมนูคลายร้อนที่เราสั่งมาให้ร่างกายได้รับความสดชื่นก็คือ เมนูเครื่องดื่มสุดเก๋อย่างปรางค์วิวโบเค และของหวานอย่างบิงซูชาไทยไข่เค็ม ที่เป็นบิงซูชาไทย พร้อมครีมไข่เค็มรสชาตินุ่มนวลและบัวลอยเหนียวหนึบที่รับรองว่าอร่อยสุดๆ
นั่งอยู่ที่ ปรางค์วิว สักพักจนหายเหนื่อย เนื่องจากทริปนี้เรามาตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์อีกหนึ่งไฮไลท์ที่มาอยุธยาแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ ไนท์มาร์เก็ตอยุธยา ที่เปิดเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ 16.00 – 22.00 น. สายกินแบบเราก็เลยไม่พลาดไปหาของอร่อยกินก่อนกลับกรุงเทพสักหน่อย
บรรยากาศในตลาดคึกคลื่นไปด้วยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่มาเที่ยวกันในวัดหยุด มีทั้งอาหารไทยโบราณและขนมไทยโบราณที่หากินได้ยาก และพ่อค้าแม่ค้ายังแต่งตัวแบบชาวอยุธยาโบราณเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศอีกด้วย
ขนมและอาหารราคาเบาๆ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 10 บาท งานนี้บอกเลยว่าจัดหนักจัดเต็มไปกับของกินอร่อยๆ เยอะมาก
พอท้องฟ้าเริ่มมืดก็มีแสงไฟจากโคมไฟสุ่มไก่ที่เป็นซิกเนเตอร์ของไนท์มาร์เก็ตอยุธยา
ก่อนเดินทางกลับเราเลยพายเรือชมบรรยกาศที่ไนท์มาร์เก็ตอยุธยา ที่มีเรือพานไว้ให้เช่าเพียงคนละ 40 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริปเที่ยวอยุธยา 2 วัด ไหว้พระ 9 วัดพร้อมฟินไปกับที่กินอร่อยๆ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีวันหยุดว่างๆ ยังมีรู้จะไปเที่ยวที่ไหนลองวางแพลนมาเที่ยวที่อยุธยา จะมาแบบวันเดย์ทริปก็ได้หรือจะมาเที่ยวพักผ่อนตามทริปตัวอย่างที่ทริปเก็ทเตอร์เอามาฝากเพื่อนๆ ก็ได้ รับรองเลยว่าอิ่มทั้งพุง อิ่มทั้งบุญ ประทับใจทุกบรรยากาศอย่างแน่นอน