รวมร้านเด็ดในตลาดชุมแสง ตามหาของกินที่การันตีความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น

สัมผัสวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เดินเล่นตรอกเรณู ในตลาดชุมแสง ตลาดเก่าแก่กว่าร้อยปี ซึ่งมีบ้านเรือนตึกแถวเก่าๆ เรียงรายกันตามตรอกซอกซอย พ่อค้าแม่ขายยังคงทำมาหากินด้วยฝีมือการปรุงอาหารที่ได้มาจากบรรพบุรุษ ผู้คนยังคงใช้ชีวิตกันตามวิถีดั้งเดิม ถือว่าเป็นเสน่ห์อันล้นเหลือของชาวตลาดชุมแสง และได้ยินเสียงร่ำลือกันมาว่าหากได้ลิ้มรสอาหารที่แต่ละร้านได้ฝึกปรือฝีมือกันมาอย่างช่ำชองแล้วจะได้รับความประทับใจกลับไป เราได้มีโอกาสเข้ามาตระเวนหาร้านเด็ดในตลาดชุมแสง จึงไม่พลาดที่จะบันทึกไว้ว่าเคยได้ลิ้มลองแล้วติดใจมากขนาดไหน หวังว่าครั้งหน้าจะมีเวลามากพอสำหรับแวะชิมแวะเก็บให้ครบทุกร้าน ใครที่กำลังจะไปตามรอยละครกรงกรรมอย่าลืมตรงเข้าไปชิมแต่ละร้านในลำดับของเราด้วย เพราะถ้าพลาดแล้วจะเสียใจนะจ๊ะ

---

 1.มุมแดงเย็นตาโฟ

มาถึงก็ตรงไปที่ร้านเย็นตาโฟที่ขึ้นชื่อที่สุดในตลาดชุมแสงก่อนเลย มุมแดงเย็นตาโฟ เปิดมานานจากรุ่นสู่รุ่น เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านแรกของตลาดชุมแสงในยุคบุกเบิกเลยก็ว่าได้ แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร สั่งเย็นตาโฟมาหนึ่งชาม ป้าใจดีเพิ่มเครื่องให้แบบพูนๆ เลย ความไม่เหมือนใครของร้าน มุมแดงเย็นตาโฟ ก็คือ มีการเพิ่มไก่กรอบและเห็ดทอด ลงไปในเย็นตาโฟ แถมยังใส่กากหมูให้ทุกชามแบบไม่มีกั๊ก เย็นตาโฟมุมแดงจึงหอมเครื่องกว่าที่ไหนๆ นอกจากนี้ภายในร้านยังมีของสะสมวินเทจ ที่เจ้าของร้านตั้งใจจะโชว์ให้กับลูกค้าได้เข้าไปเห็นถึงความเก่าแก่ของร้านอีกด้วย พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าใครที่มาตลาดชุมแสงแล้วไม่ได้กินเย็นตาโฟมุมแดง ถือว่ามาไม่ถึง!

---

2.ขนมจีนแม่บุญเลิศ

เดินข้ามถนนออกมาตรงหน้าตลาดชุมแสง จะต้องหยุดมองร้านริมถนนเล็กๆ เป็นร้านขนมจีนแม่บุญเลิศ ที่มีชาวบ้านแวะเวียนมาจอดซื้อกันอย่างไม่ขาดสาย แม่บุญเลิศบอกว่าเปิดมากว่า 40 ปีแล้ว เป็นน้ำยากะทิที่สามารถเติมน้ำพริกเพิ่มความจัดจ้านได้ไม่อั้น แบบนี้ต้องจัดซักชามสองชาม แถมมีผักสดทานคู่กับขนมจีนให้เลือกเต็มกระจาด รสชาติกลมกล่อมสมคำร่ำลือ เส้นเหนียวนุ่ม สัมผัสได้จากคำแรกที่เข้าปากเลยทีเดียว ถ้าบอกราคาหลายคนจะต้องตะลึง เพราะแค่ชามละ 15 – 20 บาทเท่านั้น แม่บุญเลิศบอกว่าคนกันเองก็ขายถูกๆ หมดหม้อก็กลับบ้าน เรารับรู้ได้ถึงการมาขายขนมจีนของแม่บุญเลิศว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข ทุกครั้งที่ได้มอบความอร่อยให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

---

3.บำรุงเย็นตาโฟ

เมื่อออกมาจากตรอกเรณูแล้วเลี้ยวขวา จะเจอกับร้านเย็นตาโฟตั้งเด่นอยู่ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเย็นตาโฟอยู่แล้วจึงอยากเข้าไปลองแทบทุกร้าน เจอร้านนี้ก็ไม่รอช้าต้องจัดซักหน่อย ภายในร้านให้บรรยากาศเก่าๆ ผนังเดิมๆ ทาสีชมพูคล้ายกับสีของน้ำเย็นตาโฟ พอเข้ามาที่ร้านก็สั่งเมนูแนะนำอย่าง เย็นตาโฟต้มยำ ซึ่งต้องอดใจไม่ไหวกับความเยอะของเครื่องเย็นตาโฟ ที่เพิ่มหมูแดงเข้าไปเป็นส่วนประกอบด้วย น้ำซุปก็รสชาติดีไม่หวานมากจนเกินไป แถมราคาชามธรรมดาแค่ 30 บาทเท่านั้น เป็นร้านเย็นตาโฟอีกร้านที่ได้รับความประทับใจจากเรากลับไปไม่น้อย

---

4.หมูสะเต๊ะสี่พี่น้อง

เมื่อเดินออกมาหน้าที่ทำการนายตรวจทางชุมแสง เหลือบไปเห็นหมูสะเต๊ะที่กำลังปิ้งกลับไปกลับมาอยู่ กลิ่นหอมฟุ้งชวนให้เดินเข้าไปหา เป็นร้าน หมูสะเต๊ะสี่พี่น้อง เปิดมานานกว่า 50 ปีแล้ว สังเกตุได้จากความเก๋าของเจ้าของร้าน นอกจากจะมีหมูสะเต๊ะแล้ว ยังมีขนมปังหน้าหมูอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เราไปตอนของหมดแล้ว(ขายดีจริงๆ) จึงได้ชิมแต่หมูสะเต๊ะ เลือกสั่งเป็นชุดละ 15 ไม้ ราคา 50 บาท เนื้อหมูนุ่มมาก ยิ่งจิ้มลงไปในน้ำจิ้มสูตรเด็ด ยิ่งละมุนขนาดที่หยุดกินไม่ได้แล้ว พ่อค้าเล่าว่าร้าน หมูสะเต๊ะสี่พี่น้อง เคยได้รับรางวัลประกวดเกี่ยวกับอาหาร จนได้เกียรติบัตรมาตั้งโชว์ที่ร้านด้วย หลังจากที่ได้ชิมหมูสะเต๊ะสี่พี่น้องแล้ว รับรองได้เลยว่าสมกับที่ได้รับรางวัลมาจริงๆ

---

5.ผัดไทป้าเหลียว

ร้านผัดไทหน้าตลาดสดชุมแสงตรงข้ามอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ผัดไทป้าเหลียว ร้านเดียวที่มีเส้นให้เลือกแบบเหนียวนุ่ม ได้ยินเสียงบอกต่อๆ กันมาว่า ผัดไทผ้าเหลียว มีเส้นมาม่าผัดไทด้วยนะ เราจึงลองสั่งเป็นเมนูแรก ตามด้วยเส้นเล็กสุดคลาสสิค ป้าเหลียวก็ผัดกันตรงนั้นแบบสดๆ เลย ยิ่งทำให้กลิ่นคละคลุ้งชวนน้ำลายสอ แถมเครื่องเคียงมาให้เต็มจาน เมื่อได้พันเส้นขึ้นมาก็รู้เลยว่าเส้นเหนียวนุ่มมากๆ ได้รสชาติกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุง ซึ่งแตกต่างจากร้านผัดไทอื่นๆ เส้นมาม่าผัดไทถือว่าเป็น texture ใหม่ที่ได้ลองในรูปแบบผัดไท แต่ไม่รู้สึกแปลกเลยเพราะป้าเหลียวผัดออกมาได้อย่างเข้ากันสุดๆ แบบนี้ไม่ลองไม่ได้แล้ว

 

---

6.ถวัลย์ซาลาเปา

ซาลาเปาแป้งนุ่ม ไส้แน่น แห่งตลาดชุมแสง หากถามถึงขนมจีบซาลาเปาในตลาดแห่งนี้ ใครๆ ก็ต้องชี้มาทาง ถวัลย์ซาลาเปา ที่เปิดมายาวนานหลายสิบปี ด้วยกลิ่นหอมกรุ่นจากหม้อนึ่ง ที่ทำสดใหม่วันต่อวัน ทำเอาอดใจไม่ไหวจนต้องสั่งแล้วยืนลิ้มรสชาติกันตรงนั้นเลย นอกจากซาลาเปาลูกอวบๆ แล้ว ขนมจีบก็เนื้อแน่นไม่แพ้กัน สีเหลืองนวลของแผ่นเกี๊ยวชวนยั่วน้ำลายมากเหลือเกิน รับรองได้เลยว่า ถวัลย์ซาลาเปา หน้าสถานีรถไฟชุมแสงที่เป็นรถเข็นเล็กๆ ตรงนี้ จะทำให้คุณติดใจรสชาติของไส้ที่ล้นทะลัก ความหอมนุ่มของแป้งซาลาเปาจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

 

---

7.ร้านขนมหวานแบบไทยๆ

นอกจากร้านกับข้าวแล้ว การหาขนมหวานติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นอีกสเต็ปที่ต้องทำให้ครบ! เนื่องจากตลาดชุมแสงเป็นตลาดเก่าแก่ฝีมือของพ่อค้าแม่ขายก็ต้องดีเยี่ยม โดยเฉพาะการทำขนมไทย ที่พิถีพิถัน ทุกขั้นตอน ร้านแรกที่เราตามหาคือ ขนมข้าวโปง ชื่อและหน้าตาอาจจะดูแปลกๆ แต่ขนมข้าวโปงเรียกได้ว่าเป็นขนมเด่นชื่อดังของชุมเแสงเลยนะ ต่อจากขนมข้าวโปง ก็มี ข้าวเหนียว 6 สีที่มีทั้งหน้าสังขยาและหน้าอื่นๆ ให้เลือกเพียบ และขนมไทยอื่นๆ อีกมากมายก่ายกองให้ได้จอดทุกร้าน เพื่อซื้อกลับบ้านสำหรับเป็นของฝากก็ดี หรือจะกินเองก็ได้ ของดีในตลาดชุมแสงใครๆ ก็อยากเก็บไปลิ้มรสนานๆ  

 

---