ทริปกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน หนีเที่ยวแป๊ป เดี๋ยวกลับมา
54,434 ครั้ง
1 มิ.ย. 2561
54,434 ครั้ง
1 มิ.ย. 2561
เย้!!!ในที่สุดวันศุกร์หรรษาก็มาถึงแล้ววว จะไปแฮงค์เอ้าท์ยามค่ำคืนก็เบื่อซะแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจะชวนมาหนีเที่ยวกับเราไปที่กาญจนบุรี ใกล้กรุงเทพใช้เวลาเดินทางนิดเดียวด้วยโดยทริปนี้เราออกเดินทางกันวันเสาร์ กลับวันอาทิตย์เย็นๆ ถึงกรุงเทพ วันจันทร์ก็เริ่มต้นทำงานเริ่มต้นเรียนด้วยความสดใสกัน
วันแรกเราออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่ 09.00 จากกรุงเทพไปถึงกาญจนบุรีใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ แต่เราไม่รีบก็เลยขับไปเรื่อยๆ อยากแวะตรงไหนเราก็จัดการแวะ มาถึงกาญจนบุรีทั้งทีจะไม่แวะจุดแลนด์มาร์คเลยก็ยังไงอยู่นะ
ถึงแล้วจ้าสะพานข้ามแม่น้ำแคว
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควเสร็จ เราก็เดินทางกันต่อนะคะ
เมื่อขับรถมาสักพักท้องเริ่มร้องประท้วง เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเวลาเที่ยงนิดๆ เลยแวะหาอะไรทานซะหน่อย ตามมาเลยจ้า
ถึงแล้ว!!หู้ยยยแกมันดีมากเลยอ่า หลังจากเลี้ยวเข้ามาด้านในที่จอดรถ ที่นี่มีคาเฟ่และร้านอาหารรวมไว้ให้หมดแล้ว หลังจากจอดรถสนิทเราก็ตรงดิ่งไปยัง ร้าน “The Village Farm to Cafe” ทันทีภายในร้านตกแต่งน่ารักมากเลย
มีกลิ่นอายความเป็นฟาร์ม ผสมความคลาสิกของดอกไม้แห้งน่ารักๆ เดี๋ยวขอสั่งอาหารก่อนนะคะ ระหว่างรออาหารเราก็เดินสำรวจร้านซะหน่อยซิ
มุมถ่ายรูปเยอะแยะไปหมดเลยจ้า
โซนด้านหลังร้านเหมาะกับการทานอาหารตอนเย็นมาก
หรือใครที่ชอบความวินเทจนิดๆ ก็ต้องโซนในห้องกระจกเลยจ้า
รอเพียงไม่นานอาหารก็มาเสริฟ ด้วยความเป็นผู้หญิงตัวเล็กหุ่นดี เลยสั่งอาหารเพียงนิดเดียว แต่คือแบบจานมันใหญ่มากนะบอกเลยว่าไม่คลีนนะจ๊ะ
หลังจากทานอาหารคาวหมด ลำไส้ใหญ่ก็เริ่มประท้วงหาของหวานอีกแล้วจ้า ด้วยความที่ร้านอยู่ใกล้กับ “เจียไต๋ฟาร์ม” ฟาร์มเมล่อน ที่นี่จึงมีของหวานที่ทำจากเมล่อนมากมาย หลังจากรอสักพัก ขนมหวานก็มาถึง หลังจากทานไปคำแรก ก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที พอท้องอิ่มเราก็ไปที่สถานีต่อไปกันค่ะ โกทูน้ำตกกันดีกว่าโดยใช้เวลาเดินทางประมา 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่ที่เราจะไปวันนี้พาไปน้ำตกห้วยขมิ้น
น้ำตกที่นี้มี 7 ชั้นเหมือนน้ำตกเอราวัณเลยนะจ๊ะ ใครจะเดินไหวถึงชั้นไหนก็ตามกำลังขาเลย แต่ด้วยสภาพบวกกับขาสั้นแล้วถึงแค่ชั้นนี้จริงๆ แต่หากใครสนใจจะมาให้มาช่วงเดือน ( มีนาคม – พฤษภาคม ) ดีกว่านะเพราะน้ำจะเยอะและสวย ถ้าหากมาช่วงหน้าร้อนน้ำอาจจะน้อยไปนิดนะจ๊ะ หลังจากอิ่มอกอิ่มใจกับน้ำตกแล้ว ก็เริ่มง่วงแล้วเราไปเข้าที่พักกันดีกว่าโดยที่พักคืนนี้ของเรานั่นมุ่งหน้าสู่ “บ้านกกกอด”
เราถึงที่พักเป็นเวลาเย็นๆ พระอาทิตย์เกือบตกดินที่นี่ค่อนข้างเงียบเป็นส่วนตัว เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นธรรมชาติ และรู้สึกอยากพักผ่อนจริงๆ หลังจากนอนพักผ่อนให้หายเหนื่อย ท้องก็เริ่มรู้สึกหิวอีกแล้วถึงเวลากินข้าวเย็นแล้ว จะให้ออกไปข้างนอกอีกก็รู้สึกขี้เกียจ ดังนั้นเลยขอสั่งขันโตกของทางที่บ้านพักเลยแล้วกัน
ขอบอกว่าบรรยากาศดีมากเลยนั่งกินชิลล์ๆ พร้อมมองวิวเพลินๆ หลังจากหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มย่อนแล้วจ้า ….zZZ สำหรับคืนนี้ฝันดีนะคะ
มอนิ่งจ้าต้อนรับเช้าวันที่สองด้วยความสดใส หลังจากหลับเต็มอิ่มเราก็พร้อมไปเที่ยวกันต่อ แต่ขอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ออกไปสูดอากาศสดชื่นตอนเช้าก่อนนะคะ
เดินชมบรรยากาศรอบๆ ถึงห้องอาหารเฉยเลยงั้นเราก็จัดการเติมพลังยามเช้าก่อนนะคะ
อาหารเช้าก็จะมีชุดอเมริกันเบรคฟาสกับข้าวต้มหมูสับนะคะ ทานเสร็จเราไปพายเรือคายัคช่วยย่อยซะหน่อย ชมวิวเขื่อนมองต้นกกบอกเลยว่าฟินมาก
หลังจาก Check Out เรียบร้อยเราก็เก็บเสื้อยัดใส่กระเป๋า โบกมือบายๆ “บ้านกกกอด” สถานีต่อเราก็มุ่งหน้าไปเมืองมัลลิกากันต่อเลยจ้า โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาทีเท่านั้นเองก็ถึงที่หมาย
พอมาถึงก็อย่ารีรอจ้าเดินเข้าไปสำรวจด้านในกันเลย ด้านในถูกจัดไว้ให้เหมือนย้อนไปในสมัย ร.5 คือมันดีมากเลย
เราก็เดินเล่นเดินชิมไปเรื่อยๆ ในเมืองมัลลิกาแวะเข้าร้านั่นออกร้านนี้ คือมันเพลินมากจนเวลาบ่าย 3โมงครึ่ง บ้าบอจะเพลินอะไรขนาดนั้น ก็ร้านที่นี่มันเยอะแยะละลานตาไปหมดเลย เราก็ต้องไปทุกร้านซิจริงมั้ยแต่เห็นสมควรที่เราควรมูฟได้แล้ว ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายในทริปนี้
“ครัวต้นแม่กลอง” โดยที่ร้านมีความพิเศษตรงสามารถห้อยขาลงให้แม่น้ำตอนกินข้าวได้ ถ้าใครขายาวหน่อยก็จะจุ่มน้ำได้พอดี แต่ถ้าใครขาสั้นก็มีแค่ส่วนนิ้วโป้งที่จุ่มน้ำนะคะ เราใช้เวลาเดินทางจากเมืองมัลลิกาประมาณ 35 นาที ก็มาถึงที่ร้าน
ขอบอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก นั่งกินข้าวชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น แล้วยังได้เอาเท้าจุ่มน้ำคือสบายมาก อยากหยุดเวลาตอนนี้ไว้เลย ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยจริงๆ
แต่งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกลาอยู่แล้ว เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก มีพรากต้องมีเจอ จบไปแล้วสำหรับด้วยทริป 2 วัน 1 คืน ครั้งหน้ามีทริปดีๆ ที่ใช้เวลาเพียงน้อยนิดจะมาบอกต่อนะคะ ขอเตรียมตัวสำหรับการทำงานที่เรารักกันในวันจันทร์นะคะบายๆ