สาวสาวสาว โบกรถตะลุย เขาค้อ-ภูทับเบิก ตามล่าทะเลหมอกหน้าฝน ด้วยงบ 1,300 บาท
97,999 ครั้ง
27 มี.ค. 2560
97,999 ครั้ง
27 มี.ค. 2560
เสียงฝนตกที่บางแค ช่างเย้ายวนให้ชีพจรเท้าคึกครื้นมากซะเหลือเกิน หลายคนบอก เสียงฝนตกบ้านคุณมุงแอ๊ดว๊านมากจ้า แหมเอาจริงๆพอได้เห็นบรรยากาศของน้องฝนตอนนี้แล้วนั้นมันทำให้เราเกิดความรู้สึก อยากไปนอนโง่ๆ มองดูภูเขากรีนๆ ซูดโอโซนดีๆ หน้าปะทะหมอก ที่ไหนสักแห่ง (หลายคนบอก แค่นี้โง่ไม่พออีกหรอ ขอตอบ กรุโง่ได้กั่วนี้อีกจ้า ฮ่าๆ ด่าตัวเองก็เป็น) ในขณะที่คิด เราก็เลื่อนเฟสบุคไปเจอพี่ในเฟสคนนึงอัพรูป ภูทับเบิก – เขาค้อ (ละคือบับมีโลเคชั่นใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นอีกด้วย) มันเลยกระตุ้นต่อมอยากไปนอนโง่ๆของเราไปอีก พอสอบถามข้อมูลจากพี่เขาเล็กน้อย พี่เขาบอก น้องเอ้ย ถ้าไม่มีรถส่วนตัวไปเที่ยว มันก็ลำบากอยู่นะ แต่คือ…. อย่าว่าแต่รถส่วนตัวไปเลยค่าพี่ ตอนนี้สมาชิกยังไม่มีเลยจ้า คือเอาง่ายๆ มีตรู (ชี้ตัวเอง) คนเดียว หลังจากที่ตัดสินใจละว่า จะไป เขาค้อกับภูทับเบิก เราก็เริ่มปฏิบัติการชวนหาเพื่อนแพบ
คือเราชวนไปเยอะมาก หลายคนติดนู้นนี่นั้น บางคนบอก เดี๋ยวบอกเดี๋ยวบอก (และพอไปเสร็จชอบบอก รู้งี้ไปด้วยดีกว่า ตัลหลอดจ้า) ยังไม่มีใครตอบตกลงเลย ทำไงละค้ะ ชวนวนไปค่ะ จะชวนจนกว่าจะมีไปก่าตรู สักคนก็ยังดีชวนไปชวนมามีสองสมาชิก มาติดกับดักเราพร้อมกับคำสัญญาของเราว่า “ไปกับตรู ฝนตกบับนี้ เจอหมอกแน่นวลจ้า” ถ้าไม่เจอ ให้เอาทีนลูบตูดตรูเลย เอ้าา!!! ฮา เราแอบคิดในใจ นังวาวค่ะ มุงไปเอาความมั่นใจในธรรมชาติมาจากไหนน??? เอาจริงๆเราก็กลัวพาเพื่อนไปเฟลเหมือนกันนะ แต่คือ ถ้าเราไม่ลองเราก็ไม่รั ไม่ดูก็ไม่เจอ (ข้ามิได้กล่าวแต่พี่แหลมได้กล่าวไว้ คิคิ) สรุปทริปนี้มีสมาชิกกันทั้งหมด สามคน สามคน อ้ายมากันสามคน เป็นเพื่อนสนิทสนิมเกาะตั้งแต่สมัยผมสั้นเท่าติ่งหูสวมคอซอง เล่นวิ่งไล่จับกัน ที่มีนามแก๊งว่า “อัฟนาว พ่องงงทุกสถาบัน” ฮาๆๆ แค่ชื่อแก๊งก็โหดล๊าว ละงี้ท่านผู้ชมจะกล้าอ่านไหมเนี่ยแงง แต่อ่านเถอะ เราตั้งใจทำกระทู้จริมจริมป๊ะๆๆๆ รออัลไล ไป โบกรถ ตามล่าทะเลหมอก กับแก๊งอัฟนาว พ่องทุกสถาบัน กันเถอะ
หากใครอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย
https://www.facebook.com/wawow.afnow
https://www.instagram.com/wawowwy/
Special No : 1
แพลนทริปก่อนเดินทาง สองสามวัน
เราเห็นแพลนหลายๆกระทู้ ถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัว ส่วนใหญ่จะ โบกรถไปภูทับเบิกอย่างเดียว แต่เราคิดไปคิดมา ไปทั้งที เอาให้คุ้มสิแกร จะไปแค่ทับเบิกก็คุ้มไม่สุดปะ นั่งรถตูดชาตั้งนานเราเลยวางแพลนว่า ทริปนี้ เราจะไปควบคู่ เขาค้อ – ภูทับเบิก แต่เอ๊ะ คือ เราจะไปกันยังไง??? สามหนอไม่มีใครขับรถเป็น!!! ไม่ต้องกลัวจ้า สวยๆบับพวกเราสามคน (มั่นมาก) แถมรอยยิ้มพิมพ์ใจ ต้องไปกับ “อา” จ้าาา ไม่ใช่อาเพื่อนหรืออาเรานะ แต่คือ “อาศัย” ชาวบ้าน โบกรถวนไปค่ะ สรุปทริปคร่าวๆ ( 2 วัน 1 คืน ) | เขาค้อ – ไปรษณีย์ย์เขาค้อ – กังหันลมเขาค้อ(กำลังจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว) – โล้ชิงช้า – วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว – Pino Latte – ภูทับเบิก
ส่วนการเดินทาง | รถทัวร์แอนด์โบก และ รถทัวร์แอนด์โบก
Special No : 2
ฮัลโหล ท่าอากาศยานนานาชาติ หมอชิต (มายวิลเลจหลังที่ 2)
คือมาบ่อยมากจนยกให้เป็นบ้านหลังที่สอง
เราสามคนเดินทางด้วยรถทัวร์ของ พิษณุโลกยานยนต์ สาย กรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เขาค้อ แน่นอนเลยค่ะ วันแรกเราจะไปตะลุยเขาค้อกันก่อน เราขึ้นรอบดึกสุด คือ 22.00 น. ถ้าอยากดึกกว่านี้ก็ตกรถแล้วจ้า ฮ่าๆ เราว็อคอินซื้อตั๋ววันนั้นเลยค่ะ แต่หากเพื่อนๆกลัวเต็ม และไม่อยากเสียเวลาไปซื้อตั๋วด้วยตัวเอง ตอนนี้ พิษณุโลกยานยนต์ มีจองออนไลน์ ผ่านเว็บจองตั๋วรถทัวร์แล้ว เวลาเราไปเที่ยวไหน เราใช้เว็บนี้ละ ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมนิดหน่อย ดีกว่าฝ่าฝันรถไปหมอชิต
พอขึ้นรถปุ๊บ จะมีพนักงานมาถามว่า เราจะลงที่ไหน ให้บอกพี่เค้าไปว่า ลง “ทุ่งสมอ” ค่ะ (ความจริงก็คือสุดทางของรถสายนั้นละ) พอถึงเวลาเดินทาง ตัวขึ้นรถปุ๊บ เราสามคนก็งีบเอาแรงกันปั๊บ ยาวปาย ยาวปาย คร๊อกฟี้ Zzzzz
Special No : 3
สวัสดรี เช้านี้ ที่ทุ่งสมอ
เราใช้เวลาประมาณ 6 ชม. พี่พนักงานก็มาปลุกพวกเราสามคน “น้องๆ ถึงทุ่งสมอแล้วน้อง” รถทัวร์จะจอดหน้าเซเว่น พวกเรา แอบงงๆกันพักนึง คือพึ่งตื่นด้วย และ ตอนนั้นมองนาฬิกา คือ ตี 4 จ้า แถวนั้นเงียบมาก รถวิ่งสักคันก็ไม่มี และพอดีตรงข้ามเซเว่น มีที่นั่งร้านก๋วยเตี๋ยว (ที่ปิดอยู่) เราสามคนเลยขออาศัยในการจัดเตรียมตัวเองนิดนึงและแน่นวล ลงกลางทางแบบนี้ ไม่มีที่อาบน้ำแน่นวลจ้า เลยล้างหน้าแปรงฟัน (ด้วยนำกินกันตรงนั้น) ทาแป้ง ฉีดโคโรนนแต่งหน้านิดหน่อยย (คิ้วห้ามหายเด็ดขาด) หูย โอเคร เฟรชเลยแก เหมือนพึ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ฮาๆ เสมือนอาบน้ำแล้ว และฟ้าเริ่มสว่างแล้วด้วย
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ เกิดอาการหิวโซ เริ่มหาข้าวกินก่อนออกเดินทาง ก็เลยแวะไปกินร้านนึง มีเมนูหลากหลายมาก ข้าวแกง ข้าวมันไก่ ต้มเลือดหมู เราเลยตกลงกันกินร้านนี้สะเลย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกมาตั้งสติเล็กน้อย ถามข้อมูลคุณป้าร้านข้าวว่ามีวิธีเดินทางไปข้างบนยังไงบ้าง ป้าแกก็แนะนำว่า เหมารถไปเหอะ ไม่มีรถไปหรอก แต่ตอนนั้นเช้ามาก บวกกับไม่มีรถเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาพวกเราเลยตัดสินใจเดินกันไปเรื่อยๆ
เดินกันไปสักพัก พวกเราเจอ “เจ้าถิ่น” อีกแล้ว ไม่ใช่นักเลงชื่อดังเขาค้อ หรือลูกสาวกำนันอะไรหรอกนะ แต่ที่พวกเราเจอคือ น้องหมาสี่ขาคับ พร้อมเขี้ยวฟันอันคมเปี๊ยว เหมือนพวกเราสะพายของพะรุงพะรังบวกกับคงไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน มันตามเห่าไล่ เห่าไล่ เห่าไล่ คือเอาจริงๆตอนนั้น กลัวมาก กลัวยิ่งกว่าโจรอีก นี่แอบคิดในใจ มันจะแอบกัดกรุไหมเนี่ย น่องกรุยิ่งใหญ่ชวนหิวอยู่ด้วยTT พอเดินแบบเกร็งตัวได้ไม่นาน มีรถกระบะคันนึงผ่านมา ไม่รอช้าเรารีบโบกเลยจ้า คนในรถไปไหนไม่รู้ แต่คือขอไปจากตรงนี้ก่อน พวกหนูกลัวน้องหมา !!!!!
ไอ้เจ้านี่ละที่วิ่งไล่พวกเรา ขนาดขึ้นรถมาแล้ว ไม่วายจาเห่าไล่อีกเหวย ทำแก๊งอัฟนาวจ๋ออเลยจ้า แต่มะกลัวหรอกเฟ้ย แน่จริงโดดขึ้นมาบนรถเสะ (ตอนนั้นพวกเราปากดีแบบนั้นจริงๆ และคิดกันว่า ถ้ามันโดดขึ้นมากนจริงๆนะเมริงเอ้ย) สรุปคุณลุงคนขับเค้าจะไปทำธุระที่ โรงพยาบาลเขาค้อ และ เค้าต้องผ่านไปรษณีย์เขาค้อ พวกเราก็เลยขอลงที่ไปรษณีย์เขาค้อแทน เพื่อนเราคิดในใจฉันรอดจากหมาแล้วโว๊ย
นี่แค่เริ่มการเดินทางยังตื่นเต้นขนาดนี้ และต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย ฮาๆ แค่คิดก็สนุกแล้ว
ใช้เวลาไม่นาน คุณลุงก็มาส่งพวกเราที่ปากทางเข้า ไปรษณีย์เขาค้อ แน่นอนสิ่งที่พวกเราไม่ลืมคือ กล่าวขอบคุณงามๆ พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจไปสามฉีก
Special No : 4
เช็คอินแบบชิคชิคกันที่ ไปรษณีย์เขาค้อ
คุณลุงส่งพวกเราที่ปากทางเข้าพอดีเดินเข้าไปไม่ไกลก็จะมีชุดชมวิวค่ะ
และนี่คือจุดชมวิว วันนี้มีหมอกเล็กน้อย ลอยอ่อนๆ
ตรงนี้จะมีบันไดทางขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายแลนด์มาร์ค ไปรษณีย์เขาค้อเพื่อนข้ามีฟามเป็นตุ๊กแกรสูง
ขอบรรยายด้วยรูปยาวๆนะ
เราคิดในใจ หมอกน้อยจุง นี่ตรูจะโดนเพื่อนเอาทีนลูบตูดไหมเนี่ย เมื่อคืนก็ฝนตกนิหว่า ??? เอาวะ สงสัยอากาศคงแปรปรวนนน (เข้าข้างตัวเองไปอีก)
ที่นี่มีลูกสน เพิ่มความฮิปไปอีก ชอบ
หลังจากเพลิดเพลินกับวิวกรีนๆที่ ไปรษณีย์ย์เขาค้อเสร็จ เราก็นึกขึ้นได้ว่า ลืมแบตกล้องไว้ที่ร้านข้าวของคุณป้าที่เรากินกันที่ทุ่งสมอ !!!! เราอยากร้อง here หนักมาก คือนี่ก็ขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้ว ดันลืมของไว้ข้างล่างอีก คือเพื่อนเราไม่ได้โกรธ หรือ นอยอะไรนะ แต่มันบอกว่า กรุต้องไปเจอ อั้ยหมานั้นอีกแล้วหรอ ดับบิวทีเอฟเอ๊ย คือตอนพูด ก็กลัวไปขำไป น่าอายของแก๊งอัฟนาว โจรไม่กลัว แต่พวกกรุกลัวหมาจ้าแงง พวกเราเลยตัดสินใจเอาวะกลับไปใหม่ และค่อยหารถโบกกลับมาใหม่ ถ้าทุกอย่างมันราบรื่นก็ไม่มีอะไรน่าตืนเต้นสิ เอาเว้ย สู้!!!! พวกเราก็เริ่มมหกรรม โบกโบกโบก สองมือโบกโบก อีกครั้ง
รถกระบะคันนี้จอด แต่เค้าไปไม่ถึงทุ่งสมอ เลยอดไป
แต่ความโชคร้ายของพวกเรามักมีความโชคดีซ่อนอยู่เสมอมีกระบะคันนึงกำลังวิ่งมา เราเลยโบกๆๆๆ และถามพี่เค้าว่า ไปทุ่งสมอไหมค่ะ ??? สรุปคือ พี่เค้ากำลังจะไปแถวนั้นพอดี และคือพวกเรากำลังจะขึ้นด้านหลังกระบะ พี่เค้าบอก มานั่งข้างหน้าด้วยกันเลยน้อง (พี่เค้ามาคนเดียว) เราก็โอเค เผื่อจะถามที่เที่ยวหรือถามทางไปที่อื่นๆกับพี่เค้าด้วย ไม่นานพวกเราสาวสาวสาว ก็เข้ามาอยู่ในรถพี่เค้าแล้วจ้า ฮ่าๆ
คนที่รับเราขึ้นรถคือ “พี่พง” ค่ะ พี่เค้าเกิดเชียงใหม่ โตกรุงเทพฯ และตอนนี้พี่เขาก็มาอยู่เขาค้อ กำลังเริ่มทำรีสอร์ท พี่พงแกเหมือนเขาเป็นคนชนเผาเล็กน้อยค่ะ เค้าจะพูดภาษาท้องถิ่น ที่เราฟังไม่ออกด้วย แต่พี่เขาพูดไทยได้พอประมาณนึง พี่เค้าก็ถามพวกเราว่าจะไปไหนกัน มีแพลนเที่ยวไหนไม่รอช้าจ้า เปิดรูปพร้อมแพลนให้เขาดูเลย และถามว่า อันนี้ที่เป็นกังหันลมอยู่ไหนหรอค่ะ ??? พี่เค้า อ่อออออ เนี่ยเดี๋ยวเราต้องผ่านก่อนไปทุ่งสมอ ไปไหมละเดียวพี่พาไป วี๊ดๆ กรี๊สๆๆๆๆๆ ดิ้นแรง ในใจอยากไปจะขาด แต่ก็บอกพี่เค้าว่า “พี่ค่ะ ถ้าพี่มีธุระก็ไม่เป็นไรนะค่ะ ไปทุ่งสมอก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพวกหนูลองหาวิธีไปเองอีกทีนึง” พี่พงใจดีมาก แกบอกว่า โอ๊ยไม่เป็นไรหรอก พี่จะไปรับเพื่อนที่เป็นคนเวียดนามตั้งตอนเที่ยงแหนะเดี๋ยวพาพวกเราไปเที่ยวกันก่อน เรานี่ยืดอกพร้อมพูดกะเพื่อนว่า ต้องขอบคุณกรุนะค่า ที่กรุลืมที่ชาตแบต เพื่อนๆเราก็ จ้า มุงมาน ตัวนำโชค ตัวเงิน ตัวทอง เอ๊ะ!!! มุงต้องขอบคุณกรุสิ ไม่ใช่ด่ากรุแบบนี้ ไอ้พวกเพื่อน #$#%$^#%$ ใช้เวลาไม่นาน เราก็เริ่มเห็นกังหันลมเขาค้อไกลไกลโพ้น
จากตรงไปรษณีย์เขาค้อใช้เวลาไม่นานค่ะก็มาถึงกังหันลมเขาค้อกังหันลมเขาค้อ จะอยู่ทางที่ไปหมู่บ้านเพชรดำค่ะ คือถามคนเดียวนั้นได้รู้จักกันหมดคะ ระหว่างขับพี่พงแกก็เล่าเรื่องวิธีชีวิต ของคนแต่ละหมู่บ้าน ให้ฟังเยอะมาก แต่เราชอบฟังนะ สนุกดี ฟังเพลินๆ เป็นความรู้ด้วย สักพักพีพงก็จอดรถที่ลานจอดรถที่มีต้นสน
พอถามพี่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคนเข้าออก เค้าบอกเราว่าตอนนี้กังหันลมเขาค้อ ยังไม่ให้เข้าจ้า สามารถถ่ายรูปได้จากด้านหน้าเท่านั้น แต่ไม่เปนไร ไม่มีอะไรมาต้านทานความต้องการอยากถ่ายรูปของเราได้หรอก ถ่ายแต่ข้างนอกก็ได้ฟะ
Special No : 5
กังหันลมเขาค้อ สวิซเซอร์ไทยแลนด์
อย่างที่บอกตอนนี้กังหันลมเขาค้อกำลังสร้างอยู่ ซึ่งยังไม่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว พวกเราเลย ถ่ายรูปเล่นกันด้านหน้า คือแค่ด้านหน้ายังสวยขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าสร้างเสร็จและเข้าไปจะสวยขนาดไหน ขอมโนว่าอยู่สวิซเซอร์แลนด์แพ๊บนะ ฮาๆ
มีความอยากใส่ขนเฟอร์
บรรยากาศดีงามจริมจริม
นอกจากวิวดีดีที่มีกังหันลมแล้ว ภูเขาตรงนี้ก็มีความสดชื่นนนไปอีก แถมบรรยากาศดีจนอยากนั่งแช่กันนานๆ
พรอบเพื่อนเราก็มีความสลิดได้อีก กรุว่าที่หมาไล่ก็ไล่ไอ้ปอกคอมินเนี่ยนมันนั้นละ 555
ขอแช่อยู่ที่นี่สักพักนะ อากาศดีจนเพลินจริม (เพื่อนนั่งเล่นเพลิน ส่วนเราก็ถ่ายรูปจนเพลิน)
Special No : 6
ย้อนวัยกลับไปอนุบาล 3/3 อีกครั้ง
หลังจากเพลิดเพลินถ่ายรูปเล่นแถวกังหันไม่นาน พวกเรามองไปทางขวามือก็เห็นอะไรขาวๆๆ เหมือนเป็นชิงช้า พวกเราดูตื่นเต้น จนพี่พงบอกขึ้นไปไหม ฮ่า และเราก็ได้พบกับบบของเล่นใหม่ อารมณ์บับเหมือนได้กลับอยู่ อนุบาล 3/3 อีกครั้ง นั้นก็คือ โล้ชิงช้า นั้นเอง
ถึงพวกเราจะสวยไม่มาก แต่ท่ายากนาจา ฮ่าๆ
สนุกมาก ขอบรรยายด้วยรูปยาวยาว
คือถ้าเกลียดใคร ต้องแนะนำให้มันเล่น และก็แกว่งแรงๆ มานจะเสียวและกรี๊สดังมาก 555 สะใจฝุดๆ
เราว่าตรงโล้ชิงช้า เป็นจุดชมวิวที่ดีเลยนะ ได้เห็นภูเขาสลับซับซ้อนและมองเห็นทางขึ้นก่อนที่จะมากังหันลม
บริเวณรอบๆ
มีฟามกรีน อยากยกวิวนี้ไปไว้ที่บางแคจริมจริมมม ตรงโล้ชิงช้ามีของเล่นอีกอย่างนึงให้เล่น
แถมมีดอกไม้ฟรุ้งฟริ้งงงให้ถ่ายรูปกันเพลินเพลินน
FYI ข้อมูลเพิ่มเติม หากใครไม่มีรถส่วนตัว และต้องการมาเที่ยว กังหันลม และโล้ชิงช้า มีอยู่ 2 วิธีคือ ไม่โบกรถ ก็ต้องเหมารถเข้ามา เพราะทางเข้าแอบลึกอยู่เหมือนกันค่ะ (แต่เราเห็นมีรถกระบะวิ่งเข้ามาเรื่อยๆเลยนะ)
Special No : 7
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
หลังจากนั้น พี่พง ก็บอกว่าจะไปเที่ยวไหนอีกไหม พี่ขอไปรับเพื่อนสาวสองคนที่เป็นคนเวียดนามก่อน และจะพาไปเที่ยวด้วย ตอนนั้นพวกเราก็เกรงใจมากจริงๆ ก็บอกพี่เขาว่า “ไม่เป็นไรค่ะพี่ พี่พาเพื่อนเทียวก็ได้ เดี๋ยวพวกหนูลงทุ่งสมอที่เดิมก็ได้ค่ะ” พีพงแกบอก ไม่ได้ จะทิ้งพวกเราได้ยังไง จะทิ้งพวกเราไม่ได้ (ตอนนั้นปลิ้มปริ่มมมม TT) (ความจริงพี่แกคงคิดในใจว่า ความเกรงใจของพวกเอ็งหมดตั้งแต่ กรี๊สกระตู้วู๋ ที่โล้ชิงช้าละหละ ฮาๆๆ) เส้นทางที่พี่พงไปรับเพื่อนสาวเวียดนาม จะผ่านทุ่งสมอ เราเลยแวะเอาแบตที่เราลืมไว้ และหลังจากนั้นพี่พงก็พาพวกเรามาที่ วัดพระธาตุซ่อนแก้ว
แต่เพื่อนสาวเวียดนามสองคนเค้าต้องไปโอนตังที่ธนาคาร พี่พงเลยบอกถ้าถ่ายรูป เที่ยวเสร็จแล้วให้โทรหาพี่เค้า เพราะพีเค้าไปทำธุระก่อน และเดี๋ยวจะขึ้นมาเที่ยวบนนี้ที่หลัง พวกเรากับพี่เขาก็แลกเบอร์กันไป และมาสงบจิตสงบใจกันที่วัดต่อ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่เราได้มาวัดพระธาตุซ่อนแก้ว แต่เพื่อนของเราพึ่งมากันครั้งแรก แต่ครั้งแรกที่เรามา ยังสร้างไม่เสร็จ แต่พอสร้างเสร็จแล้ว มาเห็นคนของจริงนี่ก็แอบทึ่งนะ คือสวยมากจริงๆ พวกเราเริ่มกันที่ เจดีย์พระธาตุผาแก้ว ก่อนเลย
ที่นี่จะตกแต่งด้วย กระเบื้อง หินสีต่างๆ และสถาปัตที่นี่สวยงามมากๆ
จากตรงนี้มองเห็น อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แต่เสียดายท้องฟ้าตอนนั้นเน่าไปหน่อย TT
รูปนี้ดูดีๆเหมือนแขนเพื่อนเราหาย 5555555
และหลังจากนั้นเราก็ไปอีกฝั่งนึง ซึ่งเป็น อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
สวยมากๆๆ สบายตา สบายใจ
ถ่ายรูปเล่นอยู่ดีๆ หันไปอีกที เพื่อนมันไปเล่นกับเด็กเฉย
บรรยากาศรอบๆดีงามจริงจริง
มีหลักคำสอน ตามผนังด้วย
หลังจากเราสักการะ และชื่นชมความงามเสร็จแล้ว เราก็ออกมาหาไรกินเล่นกันข้างนอก คือข้างนอกยังบรรยากาศดีขนาดนี้
หลังจากที่พวกเราออกมาข้างนอก ตอนนั้นพี่พงและเพื่อนสาวเวียดนาม นั่งกินข้าวกันอยู่ และความโชคดีเป็นโชคชั้นที่สอง ของเราก็มาเยือนอีกแล้ว พี่พงบอกว่า จะพาเพื่อนสาววียดนามเขาไปเที่ยวภูทับเบิกพอดี แต่ถ้าจะไปอาจต้องไปเลยนะ เพราะเดียวเค้าจะต้องกลับมาเขาค้ออีก แต่ก่อนไป พี่พงพาเราแวะที่ พินโน้ ลาเต้
ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่วิวดีจริงๆค่ะ แต่คือพวกเราต้องรีบไปทับเบิกต่อ เลยไม่ได้ภาพมามาก พวกเราซื้อน้ำขอบคุณพี่เขา พี่เค้าบอก เค้าเต็มใจจริงๆ แถมบอกอีกนะว่า ไว้โอกาสหน้ามาใหม่ พี่จะพาพวกเราเที่ยวให้ครบๆ น้ำตาจะไหล ซึ่งใจน้ำใจพี่พงมาก
FYI (ข้อมูลเพิ่มเติม) หากเพื่อนๆไม่มีรถส่วนตัว สามารถหารถประจำทาง (สองแถว) ที่ไปตำบลแคมป์สน และ ให้ลงรถที่หน้า อบต. แคมป์สน หรือหน้าตลาดห้วยไผ เดินเข้ามาประมาณ 10 นาทีจะเห็นสะพานทางเข้าวัดด้านขวามือ เราเห็นรถสองแถวที่ทุ่งสมอ ไปแคมป์สน อยู่ค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีตลอดหรือเปล่า พอดีตอนเราเดินรอกับเพื่อนไม่ค่อยเจอเลย ยังไงลองสอบถามชาวบ้านแถวนั้นเพิ่มเติมได้ค่ะ
Special No : 8
ออกตามล่าทะเลหมอก ภูทับเบิกกันเถอะ จะเจอไม่เจอ มาลุ้นกัน
ถึงเวลาเตรียมตัวมุ่งหน้าไปภูทับเบิกแล้ว ตอนนั้นอากาศนี่แปรปรวนระดับสามสิบแปดจุดห้าอารมณ์เลยค่ะ เดี๋ยวฟ้าหม่น เดี๋ยวฟ้าเปิด เดี๋ยวลมแรง คือเดาใจไม่ถูกจริงๆ
และที่สำคัญอันยอดยิ่งคือ ช่วงระหว่างทางขึ้นมาภูทับเบิก ทางโค้งมากมายหลายศอก แต่ความโชคดีที่เราเป็นคนไม่เมารถ เจอโค้ง ตีลังกา ถอยหลัง ก็ไม่เมา (แต่เมาเหล้า กะ เมารัก แงง เดี๋ยววว มะเกี่ยวจ้าาา เที่ยวอยู่ห้ามดึงดาวค่ะลูก) แต่ทางกลับกัน เพื่อนเราสอนคน พะอืดพะอมสุดฤทธิ์ เราคิดในใจ มุงไม่พะอืดพะอมได้ไง ระหว่างนั่งรถคุณมุงสองคนหลับ หัวหมุนวนเวียนไปมายิ่งกว่าทางโค้งที่ภูทับเบิกอีกจ้า ข้าก็ดูทางไปสิ พวกเอ็งหลับปุ๋ยสบายเลย ใช้เวลาสักพักจากวัดพระธาตุซ่อนแก้ว พี่พงพาเพื่อนสาวเวียดนาม และพวกเรา แวะจุดชมวิวก่อนถึงภูทับเบิก ซึ่งอยู่ระหว่างทางจะไปภูหินร่องกล้าและทับเบิก
วันนี้อากาศเย็นสบายๆ ไม่ได้หนาวจัด และก็ไม่ได้ร้อนด้วย แถมวิวตรงนี้ก็ดีงามรามแปดจริงจริง
อย่างที่บอก อากาศตอนนั้นแปรปรวนมากจริงๆ รูปภาพเลยมีหลากหลายอารมณ์นิดนึง เดี๋ยวฟ้าหม่น เดี๋ยวฟ้าเปิด เดายากยิ่งกว่าใจคนอีก แงง (ดึงดาวอีกแล้วจ้าฮ่าๆ)
นอกจากนั้น ตรงนี้มีชาวบ้านมาขายของด้วยค่ะ ของฝากเอ่ย ของที่ระลึกเอ่ย รวมไปถึงบรรดาผักสุดชิค ที่มีความเป็นทับเบิกสูง แครรอท ป้าคนขายบอกกินได้ยันใบเลยนะ
อยู่เกาหลีหรอกเรอะ นึกว่าเพชรบูรณ์ฮา มันเผาเกาหลีก็มาจาา
ยอดมะระหวานหว๊านนนก็มานะเจ้า
หลังจากเพลินเพลิดกับจุดชมวิวสักพัก รถพี่พงก็พาพวกเราเข้าสู่ดินแดนแห่งภูทับเบิกจริงๆ อยากบอกว่า ที่นี่มีความเจริญสูงมาก
ที่พักเยอะแยะไปหมด แต่พวกเราได้จองที่พักไว้ (คือจองวันนั้นตอนเที่ยงเลย) คืนนี้เราจะเช็คอิน และอ้างแรมกันที่ “ไร่ริมผา” เราขอยกให้ที่พักแห่งนี้เป็น ที่พักหลักร้อย แต่วิวดีงามหลักล้านยกกำลังสองคูณสามเบิ้ลให้อีกเจ็ดเลยจริมจริม เราไม่ได้โม้นะ รอชมภาพปลากรอบกันเลยค่า เมือมาถึงที่พัก ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า ทุกการเดินทาง เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก และพวกสามคนไม่พลาดที่จะ เซลฟี่กับพี่พงไว้เป็นที่ระลึกแน่นวลคอมเม้นนี้ขอโชว์เบ้าหน่อย หลังจากโชว์หลัง โชว์ข้าง ฮ่าๆๆๆ พวกเรา สาว สาว สาว แห่งแก๊งอัฟนาว พ่องทุกสถาบันเอง
หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ลืมทีจะขอบคุณพี่พง และ สองสาวเวียดนาม ทีใจดีมาส่งพวกเราถึงขนาดนี้ แค่วันนี้วันเดียว จะเจอหมอกไม่เจอหมอกไม่รู้ แต่ตอนนี้พวกเราอิ่มใจกับน้ำใจคนที่นี่มากมายจริงๆ ช่วงเวลาที่พวกเรามาถึงภูทับเบิกประมาณ บ่ายสามโมงได้ พวกเราเก็บของไว้ที่ห้องพัก และขออาบน้ำ จัดการตัวเองกันสะหน่อย (เพราะเน่าบูด อมเปรี้ยวกันมาแต่เช้าแล้วจ้า) แต่คือวันนั้นช่วงเย็นที่ภูทับเบิก ฝนตกหนักมาก ฝนตกตลอด บวกกับลมแรงง เลยทำให้วันนั้นเราไม่ได้ชมวิวอะไรเลย แต่มีเจ้าหนูประจำไร่ริมผา มาป่วนให้พวกเราครึกครื้นท่ามกลางอากาศเหงาๆ เป็นไง มีความเล่นกล้องไหมหละะ ฮ่าๆๆ
และคืนนี้เราขอฝากท้องไว้ที่ครัวไร่ริมผาละกันนะค่ะ ในเมือฝนตกขนาดนี้ไปไหนไม่ได้ ส่วนราคาเหมาะสมไม่โอเวอร์เกินไป
เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน พวกเราเม้ามอยกันเล็กน้อย พร้อมกับเก็บแรงไว้ไปสูดโอโซนกรีนกรีน วันพรุ่งนี้ดีกว่า ตื่นเต้นนจุงงงง พรุ่งนี้จะเจอหมอกไหมนะ จะเจอหมอกไหมนะ ขอให้เจอ ขอให้เจอ ขอให้ได้ ขอให้โดนด้วยเถิดค่า คร๊อกฟี้
ติ๊ดฉึ่ง ตี๊ดตี๊ด ตะริดติดฉึ่ง นาฬิกาปลุกดัง บอกว่า หกโมงเช้าแล้ว และเป็นที่แน่นอนว่า นาฬิกาดังปุ๊ปป เราสปิงตัวตื่นปั๊บ (คือกับการงานทุ่มเทตื่นเช้าแบบนี้ไหมค่ะลูก ขอตอบเลยอย่างมั่นใจเลยว่า ม่ายจ้า ฮ่าๆๆ และพอเราเปิดประตูห้องพักเท่านั้นละ ถึงกับร้อง โอ้วว์โหวว์ แม่จ๊าวแม่จ๊าวว แม่จ๊าวเว๊ย ใครมาโปรยนุ่นไว้ที่นี่อ๊ะโอ๊ย ไมละมุนเบอร์นี้ค่าาาาาาาา ไม่รอช้า เรารีบปลุกเพื่อนๆ หน้าไม่ล้าง ฟันไม่แปรง อดใจไม่ไหวจริงๆ เราขอไปแฉะภาพรัวๆๆก่อน และนี่คือ วิวหน้าทีพักของเราในเช้านี้
เพื่อนๆเห็น ภูเขาที่เป็นเรียบๆไหมค่ะ อันนั้นพี่ที่ที่พักบอกว่าคือ ภูกระดึง ส่วนด้านขวา ที่มีแหลมๆนิดๆอันนั้นคือ ภูป่าเปาะ หึย ต้องรีบไปปักหมุดบ้างสะแล้ว
เราเข้าใจกระทู้นึงแล้วที่พูดว่า พาแฟนไปขึ้นสวรรค์ที่ภูทับเบิก คือพอมาเห็นกับตานี่คือ มันสวรรค์ชัดๆ เมฆหมอกที่ลอยสูงยิ่งกว่าตัวเรา เห็นแล้ว ข้าขอสปริงบอร์ด ไม่ก็สไลด์เดอร์ 7 สี แบบสวนสยามหน่อยจ้าาาา พวกข้าอยากลงเล่นสะเหลือเกินนนนน
ใครโสดอยู่คงไม่อินกับรูปนี้ (เจ้าของกระทู้ก็เช่นกันนนนนน)
คือขอบรรยายด้วยรูปแรงแรงเลยนะ ให้คนในนี้รู้สึกกกละมุนหมอกไปกับเราไปอีก
ที่มองเห็นไกลๆก็คือ วัดภูทับเบิก
หลังจากที่เราเพลิดเพลินถ่ายรูปได้ไม่นาน เพื่อนอีกสองคนก็ตามออก พร้อมกับอารมณ์กาดี๊กาด๊าา และชุดสุดทอแหลของมัน (คือสาบานก่าข้าที ว่านี่มันชุดกันหนาว 555)
หมอกนี่ เหนือหัวไปอีก โอ๊ยยยยฟินไรเบอร์นี้
พอดีเราถ่ายรูปให้สองคนคู่รักนั้น เค้าก็เลยให้พวกเรายืมร่มมาเล่นนนนฮ่าๆ
หมอกทีนี่มีความฟินมากจริงๆ
แต่เราอยากฝากบอกเพื่อนๆว่า หากเจอหมอกในฤดูฝนที่ภูทับเบิกแล้ว ให้รีบถ่ายรูปรัวรัว อย่ารอช้านะค่ะ เพราะอากาศแปรปรวนมาก และบวกกับลมแรง อยู่ดีๆ ฟ้าก็ปิดเฉย อากาศก็เลยเปนแบบนี้
ในเมื่อฟ้าปิดแล้ว แต่คือเราก็แฉะภาพได้มาเยอะมากพอควร งั้นขอไปลองท้องมื้อเช้าที่ไร่ริมผา อีกสักมื้อ ไข่กระทะ กับ ต้มเลือดหมูร๊อนร้อน อาหารดีงาม และราคาก็ไม่โอเวอร์เกินไปด้วย
ในขณะที่สำเริงสำราญกับอาหารมื้อเช้านั้น พี่เจ้าของที่พักบอกว่า จะกลับกันยังไง ??? พวกเราก็ นั้นสิ นั้นดิ๊ นั้นไง กลับกันไงดีละทีนี้ และเราสามคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังงงงงไม่รู้เลยค่า พี่เขาก็หัวเราะ พร้อมบอกว่า เนี่ยคุณลุงและคุณป้า(คนที่ที่พักค่ะ) จะลงไปซื้อน้ำแข็งที่หล่มสักอยู่พอดี ออดอ้อนคุณลุงคุณป้าหน่อยยสิ เดี๋ยวแกก็ไปส่ง แหมะพวกเราสามคนนี่ออดอ้อนคุณลุง และ คุณป้ากันเป็นลูกแมวเหมียวกันเลย สรุป คุณลุงก็บอกว่า อีก 40 นาที เจอกัน ไปถ่ายรูปเล่นกันก่อนเลยพวกหนู *คุณลุงคุณป้า เป็นคนท้องถิ่นที่นั้นค่ะ แต่พอพูดภาษาไทยได้ ท่านสองคนมีความน่ารักมากๆๆ >< หลังจากตกลงเวลากับคุณลุงคุณป้าเสร็จ พวกเราก็ขอแวะไปถ่ายรูปที่ไร่กระหล่ำปลีสักยกก่อนกลับ เราไปบุกไร่กระหล่ำปลีกกัน เย้
หลังจากกินข้าวเสร็จ พลังงานก็ล้นหลาม เรากับเพื่อนเลยใช้เวลา 40 นาที เพื่อออกมาถ่ายรูปเล่นกันที่ไร่กระหล่ำปลี ซึ่งอยู่ ข้างที่พักเลย ถึงฟ้าจะปิดยังไง ก็ไม่เกินความอยากถ่ายรูปของเราได้หรอกก นางแบบกลางไร่กระหล่ำก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล สมาชิกแก๊งอัฟนาวนี่ละค่า สลิดไหมถามใจเทอดู มันเข้าไปเปลี่ยนชุดอีกชุดนึงกันเลยจ๊ะ ฮ่าา
ยอมใจจ้า
เราบอกให้มันทำตัวเบี้ยนๆๆๆหน่อย จะได้ฟินๆๆ มันสองคนก็ทำเหวย 55555
ไร่กระหล่ำปลีที่นี่มีความคูลมาก ถ่ายยังไงก็ไม่เบื่อ
อากาศแบบนี้ อยากจะบอกความรู้สึกของวันนี้ว่า “เหงาเท่าอวกาศ” เลยเฟ้ย
ถ่ายไปสักพักฟ้าก็เปิดดด (บอกแล้ว อารมณ์ฟ้าที่นี่แปรปรวนจริมจริม) โอ๊ย สวยอะดีงาม ดีงาม ดีงาม
อยากยกโอโซนดีดี วิวดีดี ไปไว้ที่ประเทศบางแคบ้างจุง
Special No : 9
หมดเวลาสนุกแล้วสิ
เทเลทับบี้ก็มาอีกแล้ววว พร้อมพระอาทิตย์น่าเด็กน้อยและพูดกับพวกเราว่าา “หมดเวลาสนุกแล้วสิ” T___T ฮือออ (มุงดูการ์ตูนมากไปใช่ไหมฮ่าๆ) เราก็มาเจอคุณลุงและคุณป้าเพื่อนเตรียมตัวเดินทางไปขึ้นรถทัวร์กลับกทม.
FYI ข้อมูลเพิ่มเติม พี่เจ้าของที่พักบอกเราว่า ลูกค้าที่ไร่ริมผา โบกรถขึ้นมาเที่ยวเยอะมากๆๆๆๆ เคยถึงขนาด มีครั้งนึงแค่วันเดียว มีคนโบกรถขึ้นมาถึง 8 กรุ๊ป คือถ้าใครโบกรถขึ้นมา ไม่ต้องกลัวที่จะไม่มีทางกลับนะค่ะ เพราะพี่เค้าจะคอยหาคนพาลงให้เรา บางทีอาจจะฝากไปกับลูกค้า หรือหาชาวบ้านแถวนั้นที่ต้องลงไปทำธุระด้านล่าง ดังนั้น ไม่ต้องกลัวเลย อุ่นใจได้ ก่อนกลับคุณลุงได้แวะตรงจุดชมวิวอีกรอบ ทางแยกไปภูหินร่องกล้าอีกรอบ
และระหว่างนั่งรถไปที่ บขส หล่มเก่า ภาพตรงหน้าทำให้เราอึ่งทึ่งมากกกก คือภูเขาที่นี่ มีความอลัง รีบแฉะภาพให้ไวเลย
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง บขส หล่มเก่า พวกเราชวยค่าน้ำมันคุณลุง เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุณลุงมาส่งพวกหนูอีกด้วย ซึ่งขากลับเรานั่งรถทัวร์ของ เพชรประเสริฐ รถทัวร์ที่นี่มีทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
บะบ๊ายนะ เขาค้อ ภูทับเบิก ใช้เวลาแค่สองวันหนึ่งคืน แต่ความประทับใจกับอยู่ในใจเราตลอดไปป