ทริปกาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน นอนหรู สไตล์คุณหนู ของขวัญวันเงินเดือนออก
75,318 ครั้ง
8 ก.ย. 2563
75,318 ครั้ง
8 ก.ย. 2563
กาญจนบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักสวยให้เลือกพักผ่อนได้แบบครบรส เพราะทุกที่ในจังหวัดกาญจนบุรีแห่งนี้มักแอบซ่อนจุดเช็คอินชิคๆ เอาไว้ให้เราเสาะหา พร้อมเที่ยวได้แบบไม่ซ้ำใครไม่ว่าจะเป็นป่าเขา แม่น้ำ น้ำตก สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และคาเฟ่ชิคๆ เมืองกาญจน์จัดให้ครบทุกอรรถรสแถมเที่ยวได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย วันนี้เราจัดทริปเที่ยวหรู นอนหรู กินหรูให้เป็นของขวัญรับเงินเดือนออก ตามมาดูเลยว่าทริปนี้จะจัดเต็มแค่ไหน
เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพ พร้อมใช้บริการรถเช่าของ Budget Thailand สาขาสนามบินดอนเมือง เพราะที่นี่มีรถให้เลือกหลากหลายสไตล์ตามความต้องการ ทั้งยังบริการประทับใจด้วยการดูแลเอาใจใส่อย่างอบอุ่นตั้งแต่วันจองรถจนถึงวันมารับรถ Budget Thailand โทร. 02 203 9222
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้แม้จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว ทาง Budget Thailand ก็ยังห่วงใยและใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ก่อนจะนำรถมาส่งให้ลูกค้า รถทุกคันจะผ่านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทั้งภายในและภายนอกรถอย่างดี และยังมีเจลล้างมือพร้อมน้ำดื่มแจกให้ในวันรับรถอีกด้วย
ทริปนี้เราเลือกใช้รถ SUV ที่มาพร้อมภายในสุดกว้างขวางใส่ของได้แบบจัดเต็มจะพกกระเป๋าเดินทางไปกี่ใบก็มีพื้นที่เพียงพอแน่นอน ถ้าพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางกันได้เลย
จากกรุงเทพใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง Z2 Cafe คาเฟ่แห่งเดียวในกาญจนบุรีที่ยกเอาบีชคลับมาไว้ริมแม่น้ำแม่กลอง ตั้งอยู่ที่ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ไฮไลท์ของที่นี่คงหนีไม่พ้นมุมสระว่ายน้ำสีฟ้าใสที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำ เรียงรายไปด้วยต้นมะพร้าวให้ฟีลเหมือนนั่งชิลล์ๆ อยู่ริมทะเล Z2 Cafe ร้านเปิดบริการ เวลา 09.00-18.00 น. **ปิดรับออร์เดอร์ เวลา 17.00 น. (ร้านหยุดทุกวันจันทร์) โทร. 086 383 6343
เติมความหวานไปกับเมนูเครื่องดื่มและเมนูขนมหวาน ขอแนะนำเป็น Elsa See Through ราคา 125 บาท นมหอมวนิลลาหวานละมุน ตามมาด้วย Butterfly Pea Sea ราคา 125 บาท เมนูเครื่องดื่มเติมความสดชื่นด้วยนมอัญชันหอมหวานท็อปด้วยเยลลี่ และท็อฟฟี่
ปิดท้ายด้วย Z2 Shot Cake ราคา 165 บาท เค้กมะพร้าวอัญชันที่มาพร้อมผลไม้ด้านบนที่จะมาเติมความเปรี้ยวตัดกับรสหวานของเนื้อเค้กได้อย่างลงตัว
โพสต์ท่ากันได้แบบจัดเต็ม!!
มีมุมให้เลือกนั่งได้ทั้งโซนในห้องแอร์บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 ภายในยังแวะถ่ายรูปชิคๆ ได้อีกด้วย
สำหรับมุมริมสระว่ายน้ำก็ดีต่อใจไม่แพ้กัน เพราะมีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา แถมยังได้นั่งชมวิวเคล้าเสียงเพลงเพลินๆ กันอีกด้วย
มุมบาร์สไตล์บาหลีก็ดีต่อใจน้า
อิ่มอร่อยกับของหวานไปแล้ว เราจึงเดินทางไปเติมพลังกันต่อ ขับรถประมาณ 25 นาทีก็มาถึง The Village Farm To Cafe ร้านอาหารและคาเฟ่ชิคๆ ที่ออกแบบเป็นโรงนาสไตล์ญี่ปุ่น The Village Farm To Cafe ร้านเปิดบริการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 21.00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 21.00 น. โทร. 034 540 599
พิกัดฟาร์มชิลล์ของกาญจนบุรีที่มาพร้อมมุมพักผ่อนให้เลือกนั่งได้ทั้งโซนในห้องแอร์ โซนโอเพ่นแอร์ และโซนนั่งชิลล์ในสนามหญ้า เราเลือกเข้ามานั่งในห้องแอร์กันพร้อมทั้งสั่งอาหารมาแบบจัดเต็ม
โดยเมนูแนะนำของที่นี่มีทั้งอาหารคาวและหวาน เริ่มต้นที่ ซี่โครงบาร์บีคิวเท็กซัส (ใหญ่) ราคา 695 บาท ซี่โครงอ่อนคัดพิเศษหมักซอสบาร์บีคิวสูตรพิเศษจนได้เนื้อนุ่มละลายในปาก รับประทานคู่กับซอสสี่ชนิด เสิร์ฟคู่มากับเครื่องเคียงมันฝรั่งทอด ขนมปังกระเทียม และสลัดผักผลไม้สดชุดใหญ่
โฟร์ซีซั่นพิซซ่า ราคา 250 บาท เมนูพิซซ่าโฮมเมดสไตล์อิตาเลียนแท้ Four Season หน้าเห็ด, ผักโขม, ฟักทอง และปารีสแฮม
ซุปฟักทองญี่ปุ่น ราคา 185 บาท รสชาติหวานมัน เสิร์ฟร้อนๆ คู่กับขนมปังกระเทียม
เต่าปังลุยสวน ราคา 185 บาท เมนูสร้างสรรค์ที่ทำให้ขนมหวานมีหน้าตาน่ารักจนไม่กล้ารับประทาน ด้วยขนมปังเมล่อนนุ่มๆ ด้านบนเป็นคุ้กกี้ช็อกโกแลต สอดไส้ซอสเมล่อน เป็นขนมปังโฮมเมดทำสดใหม่ทุกวันเสิร์ฟแบบอุ่นๆ จากเตา วางอยู่บนสปองค์เค้กเมล่อนเสิร์ฟคู่กับเมล่อนสดหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ และไอศกรีมเมล่อนโยเกิร์ตหอมรสชาติหวานกำลังดี
ฮอกไกโดเค้กเสาวรสครีมสดลาวา ราคา 185 บาท บัตเตอร์เค้กเนื้อนุ่มราดครีมสดลาวาหวานละมุน ตัดรสด้วยความเปรี้ยวของเสาวรสดีงามมาก!!
ปิดท้ายด้วย ชาดอกไม้บาน ราคา 150 บาท เป็นใบชาเขียว ชาเขียวมะลิ และดอกไม้ 3 ชนิดคือ ดอกลาเวนเดอร์ ดอกกุหลาบ และดอกมะลิ ที่ต้องใช้เวลาในการแช่ผ่านน้ำร้อน 3 นาที เพื่อให้ได้สัมผัสความหอมของชา โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาพร้อมกับนาฬิกาทราย
นอกจากนี้ยังมี ‘ทุ่งดอกหญ้า’ สีขาวพริ้วไหวไปตามสายลม ถ่ายรูปออกมาสวยงามมาก สามารถปั่นจักรยานผ่าน ‘อุโมงค์ไผ่’ เข้ามาถ่ายรูปได้ (ปั่นจักรยานฟรี!)
มุมถ่ายรูปเยอะมากสาวๆ ไม่ควรพลาด!
สำหรับใครที่อยากมาชิลล์ ฟังดนตรีเบาๆ ก็สามารถแวะมานั่งพักผ่อนกันได้ที่โซนสนามหญ้า ‘ฟาร์มชิลล์’ เปิดให้บริการวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 17.00 – 21.00 น.
ได้เวลาเข้าที่พักกันแล้ว สำหรับคืนนี้เรานอนกันที่ หินตก ริเวอร์แคมป์ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากร้านประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงที่พักเต็นท์หรูติดแอร์กลางป่า สไตล์ซาฟารีแคมป์บรรยากาศสุดร่มรื่น เย็นสบายได้ฟีลเหมือนมาตั้งแคมป์ชิคๆ ในป่าใหญ่ หินตก ริเวอร์แคมป์ โทร. 02 642 5497
บริเวณล็อบบี้มีมุมโซฟาให้นั่งชิลล์ระหว่างรอเช็คอินเข้าห้องพัก
ด้านข้างล็อบบี้ก็มีมุมพักผ่อนชมวิวแม่น้ำและขุนเขาให้นั่งอีกด้วย
เต็นท์ที่เรานอนกันคืนนี้คือ Deluxe Tented Room ภายในเต็นท์กว้างขวางมีอากาศปลอดโปร่งจากช่องลมที่เปิดรับได้จากหลายทิศทางสามารถเปิด-ปิดได้ตามอัธยาศัย จัดวางเฟอร์นิเจอร์ในโทนสีอบอุ่นสไตล์บูติค เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความดวกครบครันทั้ง มินิบาร์ ตู้เย็น WIFI พัดลม เครื่องปรับอากาศ ไดร์เป่าผม ผ้าขนหนู ไม้แขวนเสื้อ รองเท้า โต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง และชั้นวางของ ครบทุกการใช้งาน
ภายในห้องน้ำแบ่งแยกโซนแห้งและโซนเปียกเอาไว้อย่างลงตัวเหมาะสมกับการใช้งาน
บริเวณหน้าเต็นท์ยังมีเปลนอนชิลล์ๆ และชุดโต๊ะเก้าอี้แคมป์ปิ้งสไตล์เท่ๆ ไว้ให้ออกมานั่งพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด แถมได้รูปไปอัพสตอรี่แน่นอน
สำหรับใครที่อยากออกมานั่งพักผ่อน ชมวิวสวยบริเวณด้านนอกห้องพัก ทางรีสอร์ทได้จัดสรรพื้นที่พักผ่อนเอาไว้ให้เพียบ
นอกจากนี้ยังมีสระน้ำธรรมชาติตั้งอยู่ใกล้ห้องอาหารสามารถเดินลงมาตามทางเดินก็จะเจอกับแพลอยน้ำและสระน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากภูเขา โดยน้ำที่ไหลมานั้นได้ผ่านการกรองของชั้นหินมาอย่างดีแล้วรับรองว่าน้ำใสสะอาดแน่นอน สำหรับใครที่มาเล่นน้ำสามารถหยิบผ้าขนหนูบริเวณล็อบบี้มาใช้ได้เลย
สระน้ำธรรมชาติแห่งนี้มาพร้อมวิวโค้งแม่น้ำสวยๆ สำหรับใครที่มานอนแช่ในช่วงเย็นก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า สระน้ำเปิดให้บริการเวลา 07.00 – 19.00 น.
มาชิลล์ตรงแพก็บรรยากาศดีเหมือนกันน้า
หลังจากแวะชิลล์ถ่ายรูปเล่นกันเสร็จแล้วก็ได้เวลามื้อเย็น ซึ่งที่นี่เป็นดินเนอร์สุดโรแมนติกใต้แสงจันทร์ แถมยังได้ฟีลนั่งรับประทานอาหารรอบกองไฟอีกด้วย อาหารเย็นเปิดให้บริการเวลา 18.45 – 20.45 น.
มื้อเย็นเน้นเสิร์ฟเป็นบาร์บีคิวปิ้งแบบสดใหม่ หอมกรุ่นกลิ่นเย้ายวนทั่วทั้งแคมป์ บาร์บีคิวสามารถเลือกรับประทานได้ทั้งหมูและไก่
นอกจากนี้ยังเสิร์ฟอาหารอย่าง ผัดผัก บร็อกโคลีและแครอทหวานกรอบอร่อย
แกงเขียวหวาน เข้มข้นเครื่องแกง เนื้อหมูเต็มคำ
ต้มจืด เครื่องแน่นทั้งผักและหมูสับทรงเครื่อง
ไก่ผัดขิง เนื้อไก่นุ่มไม่เหนียวหอมเครื่องเทศสุดๆ
ปิดท้ายด้วย หมูย่าง และไก่ย่าง ที่สำคัญทุกเมนูสามารถเติมได้แบบไม่อั้น!
บรรยากาศยามเย็นก็จะชิลล์ๆ หน่อย
วันนี้เราไม่ได้รีบออกไปไหนจึงขอใช้เวลาพักผ่อนกันให้เต็มที่ในรีสอร์ท ตื่นแต่เช้าขอแวะไปแช่น้ำปล่อยตัวปล่อยใจให้ธรรมชาติบำบัดกันหน่อย
เช้าๆ บรรยากาศก็จะฟินแบบนี้แหละ
แช่น้ำกันมาพักใหญ่แล้วก็ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว โดยสามารถไปรับประทานได้ที่ห้องอาหาร ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.45 – 09.30 น.
ช่วงที่เรามาเที่ยวยังอยู่ในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว แต่ทางรีสอร์ทยังคงใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าพักและพนักงาน อาหารเช้ายังคงรับประทานได้แบบบุฟเฟ่ต์เพียงแต่สามารถสั่งอาหารให้พนักงานมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
โดยทางรีสอร์ทจะจัดเซ็ตเมนูอาหารเช้ามาให้เป็นแบบ American Breakfast นั่งรับประทานกันเพลินๆ ท่ามกลางธรรมชาติ
เซ็ตขนมปัง และข้าวต้ม ก็มีเสิร์ฟด้วยเช่นกัน
อิ่มท้องกันไปแล้วก็มาชิลล์กันต่อกับการปั่นจักรยานย่อยอาหารยามเช้า
มุมนั่งเล่นก็มีชิลล์มากๆ สำหรับคนอยากนอนพักผ่อนสบายท่ามกลางธรรมชาติที่นี่ก็จัดสรรมุมพักผ่อนให้เป็นเปลญวนใต้ร่มไม้สุดร่มรื่น
พักผ่อนสบายๆ ในรีสอร์ทกันไปแล้วช่วงสายๆ ก็ได้เวลาเช็คเอาท์ออกจากที่พัก แล้วขับรถมุ่งหน้าไปยัง ช่องเขาขาด หรือ อนุสรณ์สถานช่องเขาขาด Hellfire ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงกันแล้ว อนุสรณ์สถานช่องเขาขาด Hellfire เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น. โทร. 034 919 605, 081 733 0328 (ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม)
อนุสรณ์สถานช่องเขาขาด แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเชลยศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ สงครามมหาเอเชียบูรพา ที่ญี่ปุ่นยกกองทัพเข้ามายังประเทศไทย และได้เกณฑ์เชลยศึกมาสร้างทางรถไฟเพื่อส่งกองกำลังทหารญี่ปุ่นเข้าไปยังพม่า
ภายในอนุสรณ์สถานจะบอกเล่าเรื่องราวของเชลยสงครามในช่วงเวลานั้นเอาไว้ ทั้งบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ อุปกรณ์เครื่องมือเก่าที่ใช้สร้างทางรถไฟ
บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย ใช้เวลาอยู่ที่ช่องเขาขาดกันมาพักใหญ่แล้วก็ได้เวลาเข้าไปยังที่พักของเราในคืนนี้ที่ The FloatHouse River Kwai | Floating Resort รีสอร์ทสุดผ่อนคลายที่มาพร้อมความสะดวกสบายเหมาะหนีมานอนท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ The FloatHouse River Kwai | Floating Resort โทร. 02 642 5497
การเดินทางมายังรีสอร์ทแห่งนี้เราต้องนำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดที่ท่าเรือพุตะเคียน จากนั้นก็นั่งเรือจากท่าเรือไปยังรีสอร์ท โดยเรือรอบเวลาเช็คอิน เริ่มออกตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึง 18.00 น. เรือออกทุกๆ 30 นาที เรานั่งเรือมาถึงรีสอร์ทก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
แต่ก่อนจะพาไปทัวร์ห้องพักนั้นขอดื่มด่ำกับมื้ออาหารกลางวันกันก่อน เพราะเราเดินทางเข้ามาถึงในช่วงเที่ยงวันพอดี อาหารกลางวันสามารถมารับประทานได้ที่ห้องอาหาร เป็นแบบโอเพ่นแอร์วิวแม่น้ำบรรยากาศสบายมีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา โดยเมนูที่เราเลือกสั่งเป็น ข้าวอบสับปะรด เสิร์ฟร้อนๆ หอมกรุ่นตั้งแต่คำแรกที่รับประทานก็ฟินแล้ว
ตามมาด้วย ทอดมันกุ้ง กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่มากับน้ำจิ้มบ๊วย
น้ำมะนาวปั่น และน้ำสับปะรดปั่น
แกงส้มกุ้ง รสชาติกลมกล่อมหอมเครื่องแกง
ผัดเปรี้ยวหวานปลากะพง เสิร์ฟปลากะพงตัวใหญ่ราดผัดเปรี้ยวหวาน
และผัดพริกเผาทะเลรวม รสชาติจัดจ้านจัดเต็มทั้งกุ้งและปลาหมึก
ห้องพักของเราในคืนนี้ Floating Villa V4 ภายในห้องพักกว้างขวางจัดสรรพื้นที่อย่างดีทั้งเตียงนอนคิงไซส์และโซฟาเอาไว้ได้อย่างลงตัว สามารถนอนมองวิวแม่น้ำได้แบบชิลล์ๆ เลย
เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมมินิบาร์แบบจัดเต็มทั้งเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ขนมขบเคี้ยว และผลไม้
หน้าห้องจัดสรรเปลนอนพร้อมพื้นที่พักผ่อนบนแพลอยน้ำมีชิงช้าให้ออกมานั่งพักผ่อนดื่มด่ำความเงียบสงบของสายน้ำและทิวทัศน์สวยที่ล้อมรอบที่พัก
สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวในบรรยากาศเงียบสงบก็วาร์ปมาชิลล์บริเวณด้านข้างห้องพักได้
ห้องน้ำจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว แบ่งโซนแห้ง โซนเปียก ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำเอาไว้อย่างชัดเจน
จากนั้นเราจึงพากันลงเล่นน้ำจากบริเวณหน้าห้องพัก โดยน้ำจะพาเราลอยไปจนถึงจุดขึ้นแพซึ่งอยู่ท้ายสุดของรีสอร์ท
ทิ้งตัวเล่นน้ำกันจนเหนื่อยก็ได้เวลาอาหารเย็นกันแล้ว โดยมื้อเย็นของวันนี้มีเมนูหลากหลายทั้ง เนื้อย่างจิ้มแจ่ว เมนูอร่อยเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด
ตามมาด้วย ปลาทับทิมนึ่งมะนาว เปรี้ยวแซ่บไปกับรสชาติเครื่องเทศสูตรเฉพาะ
ไข่ยัดไส้ เมนูอิ่มอร่อยเนื้อไข่นุ่มๆ ไส้แน่นจัดเต็ม
ปิดท้ายด้วย ต้มข่าไก่ เครื่องแกงกะทิเข้มข้นเนื้อไก่เต็มคำ
หลังจากอิ่มอร่อยไปกับมื้อเย็นสุดฟินแล้ว เราก็พากันมาพักผ่อนชิลล์ๆ ชมวิวสวยบริเวณหน้าห้องพัก ซึ่งบรรยากาศเงียบสงบเพลิดเพลินไปกับสายน้ำและสายลมเบาๆ ที่พัดผ่านตลอดวัน
วันนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวถ่ายรูปชิคๆ จึงพากันตื่นแต่เช้ามารับประทานอาหารเช้า ซึ่งทางรีสอร์ทได้จัดบาร์อาหารและเครื่องดื่ม พร้อมโซนรับประทานอาหารไว้ให้ที่ห้องอาหาร
แต่เราเลือกจัดเซ็ตอาหารเช้ามารับประทานที่ห้องพัก เป็นเซ็ตอาหารแบบ American Breakfast จัดเต็มมาก
บรรยากาศหน้าห้องพักก็จะชิลล์แบบนี้ เพราะมีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบเป็นการพักผ่อนที่ดีต่อใจมาก
ก่อนกลับขอแวะไปปั่นจักรยานเล่นกันหน่อย โดยกิจกรรมของที่นี่มีมากมายทั้ง พายเรือคายัค เที่ยวถ้ำละว้า พาเที่ยวตัวเมืองกาญจนบุรี Boat Trip for Swimming สปา & ทำอาหารไทย และอีกหลากหลายกิจกรรมที่บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ (บางกิจกรรมจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กรุณาสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทอีกครั้ง)
แวะให้อาหารปลากันหน่อย
เช็คเอาท์ออกจากที่พักกันไปแล้ว เรานั่งเรือกลับมายังท่าเรือพุตะเคียน โดยเรือรอบเวลาเช็คเอาท์ เริ่มออกตั้งแต่เวลา 08.00 ถึง 12.00 น. เรือออกทุกๆ 30 นาที จากนั้นขอวาร์ปมาเช็คอินถ่ายรูปปังๆ ที่ ต้นจามจุรียักษ์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของกาญจนบุรี
โดยที่นี่ตั้งอยู่ในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการทหารบก ต้นจามจุรียักษ์แห่งนี้มีอายุกว่า 100 ปี ขนาด 10 คนโอบ ที่ปรับสถานที่ด้วยการเพิ่มสะพานวงกลมล้อมรอบต้นจามจุรี เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินเข้าไปเหยียบรากต้นไม้
มุมไหนก็ถ่ายรูปสวย สาวๆ ต้องแต่งตัวเตรียมพร็อพให้พร้อมนะ
ถ่ายรูปกันไปเยอะมาก กลัวเมมจะเต็มซะก่อนจึงต้องรีบไปเช็คอินที่ RAVI RIVA Cafe เพราะที่นี่ก็มุมถ่ายรูปเยอะไม่แพ้กัน RAVI RIVA Cafe เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00 น. โทร. 090 909 8950
RAVI RIVA Cafe คาเฟ่ลอฟท์สไตล์วินเทจ ที่มาพร้อมโซนให้เลือกนั่งได้ทั้งโซนห้องแอร์ โซนเทอเรส โซนการ์เด้น และโซนคอทเทจริมน้ำ แต่ละมุมมาพร้อมจุดถ่ายรูปมากมายตั้งแต่ก้าวเข้ามาถึงหน้าร้านก็ได้รูปสวยๆ แล้ว
มุมรังนกบาหลี รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม
เดินข้ามถนนมานิดหน่อยก็จะเจอกับโซนเทอเรสวิวแม่น้ำ ที่มาพร้อมมุมถ่ายรูปสวยทั้งชิงช้า เปลตาข่าย เปลญวน และเก้าอี้กลางแม่น้ำให้นั่งจุ่มขากันชิลลๆ
เราปิดท้ายทริปด้วยมื้ออร่อยที่ RAVI RIVA Cafe แนะนำมาแล้วว่าพลาดเมนูนี้ไม่ได้เด็ดขาด เริ่มต้นที่ ไก่บอนชอนราวีซอสเผ็ด ราคา 130 บาท และ ไก่บอนชอนรีวาคลุกซอสน้ำผึ้งกระเทียม ราคา 130 บาท ด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้านที่คิดค้นขึ้นมาเอง
สลัดทะเลกรอบ ราคา 160 บาท ราดน้ำสลัดครีมสูตรเด็ดของทางร้าน
ลาบปลากะพง ราคา 380 บาท เสิร์ฟมาแบบบิ๊กไซส์จัดจ้านด้วยเครื่องเทศ
ปิดท้ายด้วย มัทฉะเปรสโซ่ ราคา 90 บาท มัทฉะลาเต้ที่เสิร์ฟมาคู่กับกาแฟรสชาติกลมกล่อมละมุนนม หอมกาแฟและมัทฉะอร่อยลงตัวสุดๆ
เดินถ่ายรูปเก็บภาพก่อนกลับสักหน่อย (:
วันหยุดแบบนี้ได้หนีความวุ่นวายมาใช้เวลาพักผ่อนที่จังหวัดกาญจนบุรี เมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอรรถรสที่หลากหลายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากอารมณ์ทำให้เราได้ชาร์จแบตเติมพลังงานดีๆ แถมมีธรรมชาติบำบัดท่ามกลางโอโซนชั้นดีที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ การเดินทางของเราครั้งนี้ดีต่อใจมากเพราะได้รถยนต์ที่ขับสบาย ภายในกว้างขวางไม่ว่าจะขนพร็อพและเสื้อผ้ามาเยอะแค่ไหนก็มีพื้นที่เพียงพอนั่งสบายแน่นอน ต้องขอบคุณบริการดีๆ จาก Budget Thailand ที่ช่วยให้การเดินทางของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาทริปหนีเที่ยวพักผ่อนปล่อยตัวปล่อยใจใช้เวลาทั้งหมดไปกับการผ่อนคลายก็สามารถชวนเพื่อนมาเที่ยวกาญจนบุรีกันสัก 3 วัน 2 คืนในช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ดูสักครั้ง รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน (:
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป กาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน
ค่าอาหารร้าน Z2 Cafe = 415 บาท
ค่าอาหารร้าน The Village Farm To Cafe = 1,650 บาท
ค่าที่พัก หินตก ริเวอร์แคมป์ Deluxe Tented Room (รวมอาหารเช้า+เย็น) = 2,838 บาท
ค่าที่พัก The FloatHouse River Kwai (ราคารวมอาหารเช้า+กลางวัน+เย็น) = 6,000 บาท
ค่าอาหารร้าน Ravi Riva Cafe = 890 บาท
รวมทั้งหมด 11,793 บาท/ไป 2 คนตกคนละ 5,896.5 บาท
(ราคาไม่รวมค่าเดินทาง ค่ารถ และค่าน้ำมันรถ)