ทริปเมืองกาญจน์ 2 วัน 1 คืน กินดี หลับสบาย เน้นเที่ยวโซนตัวเมืองได้ทั้งสายบุญ สายชิลล์
24,244 ครั้ง
4 ก.ย. 2561
24,244 ครั้ง
4 ก.ย. 2561
ทริปนี้เรามาแบบชิลล์ๆ ลุยกันที่จังหวัดกาญจนบุรีโซนตัวเมือง เอาใจกับคนมีเวลาจำกัด จะรอช่วงวันหยุดแล้วลางานเพิ่มอีกสักหนึ่งวัน หรือเที่ยวช่วงเสาร์อาทิตย์ก็สบายๆ แถมไม่เหนื่อยพร้อมลุยงานต่อได้แบบไม่ติดขัด ที่พูดแบบนี้ได้ก็เพราะว่า ตัวเมืองกาญจน์อยู่ห่างจากกรุงเทพเพียงร้อยกว่ากิโลเท่านั้น เดินทางกันชิลล์เพียง 2 ชั่วโมง ก็ได้เจอกับบรรยากาศใหม่ๆ กันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดน่าเที่ยว สำหรับการเริ่มต้นเที่ยวที่ดีในวันหยุดแบบเบาๆ
สำหรับทริปนี้เราเดินทางในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ พอดีมีเพื่อนเหงาอยากเที่ยว แล้วมีวันหยุดตรงกันพอดี ก็เลยชวนกันมาแบบยกใหญ่ วันสุดสัปดาห์ถึงคนจะเยอะหน่อยแต่ก็คึกคัก ได้เจออะไรใหม่ๆ ที่เราคาดไม่ถึงมากมาย เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องเที่ยวมีสีสันก็กว่าได้
ออกเดินทางจากกรุงเทพช่วงสายๆ เกือบเที่ยง เพื่อหลีกกับรถติดตอนเช้า เดินทางกันมาแบบชิลล์ๆ ไม่เร่งรีบถึงตัวเมืองกาญจน์ประมาณบ่ายสองโมงพอดิบพอดี เลยเช็คอินเข้าที่พักกันก่อนเลย จะได้เก็บแรงไปเที่ยวในช่วงเย็น สำหรับทริปนี้เราพักกันที่ โรงแรม นที เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ที่ตั้งอยู่ย่านตัวเมือง ติดริมแม่น้ำแควที่เดินทางสะดวกสบายสุดๆ
เช็คอินกันก่อน สำหรับหรับคืนนี้เราพักกันที่ห้อง Jacuzzi Riverfront Pool Access บนชั้น 1 ริมสระว่ายน้ำ
ด้านในโรงแรมตกแต่งในสไตล์ Thai Contemporary เรียกง่ายๆ ก็คือการผสมผสานความโมเดิร์นกับความเป็นไทยนั่นเอง ดีไซน์ได้ดีสุดๆ ใส่ความเป็นไทยได้อย่างพอดี และดูไม่น่าเบื่อ
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะพบกับเตียงขนาดใหญ่ มาพร้อมทีวีจอยักษ์ ภายในห้องตกแต่งได้อย่างสวยงามน่าพักผ่อน
ถัดเข้ามาฝั่งซ้ายจะเป็นตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ และมุมไฮไลท์ห้องอาบน้ำอ่างจากุชซี่ พร้อมชมวิวสระว่ายน้ำ หรือห้องโซนชั้นบน ชมวิวแม่น้ำก็ชิลล์สุดๆ
ว่าแล้วก็ขอเปิดทริปโดยการเล่นน้ำคลายร้อนกันสักหน่อยเลยละกัน บรรยากาศดีสุดๆ
ช่วงห้าโมงเย็นแดดร่มลมตก เรามาชมวิวกันที่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว โดยปั่นจักรยานของโรงแรมมาแบบชิลล์ๆ ระยะทางจากโรมแรมมาสะพานนี้ ประมาณ 2 กิโลมเมตร ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว ประหยัดค่าน้ำมันแถมยังได้ออกกำลังกายอีกด้วย
สะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานแห่งนี้หลายคนคนทราบประวัติคร่าวๆ กันบ้างแล้ว ตัวสะพานทำจากโครงสร้างเหล็กครึ่งวงกลม วางไว้บนตอม่อคอนกรีต มีความยาว 322.90 เมตร ที่สำคัญยังได้รับการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ อีกด้วย เดินหาอะไรกินรองท้อง ถ่ายรูปกับสะพานทุกซอกทุกมุม ก็ถึงเวลาไฮไลท์ นั่นก็คือ เวลาที่รถไฟจะเคลื่อนผ่านสะพานแห่งนี้
รถไฟจะเคลื่อนผ่านสะพานแห่งนี้ ในช่วงประมาณเวลา ขาไป 6.15 / 11.00 / 16.30 น. และขากลับ 7.15 / 15.40 / 17.40 หากใครต้องการชมรถไฟแบบใกล้ๆ แบบอันซีนก็ต้องคำนวนเวลากันให้ดีๆ
ท้องเริ่มร้องคราญครางกันแล้ว มือเย็นเรากลับมาหาอะไรทานที่โรงแรม ที่นี่มีห้องอาหาร The Railway ให้บริการ จะเน้นไปทางอาหารสไตล์ยุโรป เมนูเก๋ๆ ที่สำคัญยังหน้าตาดี รสชาติเยี่ยมทุกเมนู ส่วนที่เด็ดๆ ต้องขอยกให้ ข้าวผัดหมูกรอบไข่เค็ม และเมนอินเตอร์อย่าง Baked Chorizo & Farm Egg อิ่มแปล้พร้อมนอนเอาแรงลุยต่อในวันพรุ่งนี้
ในส่วนของอาหารเช้า มาในแบบบุฟเฟ่ต์ให้ได้กินไม่อั้น มีทั้งเนนูไทยและอินเตอร์ ที่สำคัญคัดวัตถุดิบกันดีมาก มีอาหารให้เลือกเยอะ กินกันแบบไม่หวาดไม่ไหว เปิดกันตั้งแต่ 7.00 – 10.00 น กินเสร็จก็เช็คเอาท์พร้อมลุยกันต่อก่อนกลับ
ทริปนี้มาแบบสายบุญ ขอไปแวะไหว้พระ ชมวัดสวยวัดดังกันสัก 2 ที่ จากโรงแรมเราขับลงมาตามเส้นทางอำเภอท่าม่วงราวๆ 20 นาที จะเจอกับวัดสวยๆ ริมน้ำมากมาย ส่วนวัดแรกที่เรามานั้น ชื่อว่า วัดบ้านถ้ำ
วัดบ้านถ้ำเป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา จะทางขึ้นเป็นบันใดสูงขึ้นไป โดยมีอุโมงค์รูปมังกรให้ลอดเข้าไป ภายในเป็นจิตรกรรมเล่าประวัติของวัด
จนมาถึงชั้น 2 จะมีถ้ำขนาดใหญ่ ด้านในประดิษฐานหลวงพ่อใหญ่ชินราช
ถัดขึ้นมาจะเป็นบันใดเหล็กเกรียวพามายังจุดชมวิวด้านบน และมีเส้นทางต่อไปอีกบนยอดเขา มีพระพรหมเจ้าแม่กวนอิม และพระธาตุเกตุแก้วจุฬามณีศรีเมืองการให้สักการะ ถือว่าเป็นวัดที่เรียกเหงื่อได้พอสมควร แต่ก็ถือว่าคุ้มวิวสวยใช้ได้
จากวัดบ้านถ้ำ ห่างมาเพียง 4.6 กิโล เราลุยกันต่อที่ วัดถ้ำเสือ อีกหนึ่งจุดเช็คอินสวยประจำจังหวัดกาญจนบุรี ที่ใครได้มาเยือนรับรองว่าร้องว้าว เนื่องจากตัววัดตั้งอยู่บนเขาหันหน้าเข้าแม่น้ำ ด้านหลังเป็นท้องนาขนาดใหญ่ ให้รับลมชมวิวได้แบบ 180 องศา
เดินขึ้นมาจะพบกับบ่อน้ำทิพย์ ที่เชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า มีชาวบ้านมากมายมาตักล้างหน้าและเก็บไปบูชากันด้วย
ถัดเข้ามาจะเป็นเจดีย์ สีอิฐสวยงาม และหลวงพ่อชินประทานพร ด้านในเป็นช่องเข้าไป สามารถเดินชมบรรยากาศกันได้
แม้จะอยู่ในช่วงฤดูฝนแต่ขอบอกว่าอากาศที่นี่ก็ยังคงร้อนสุดๆ เลยขอแวะคาเฟ่ หาของอร่อยๆ เครื่องดื่มเย็นๆ ซดกันให้ชื่นใจสักหน่อยที่ มีนาคาเฟ่
สำหรับหลายคนคงได้ยินชื่อเสียงเรียงนามกันมาบ้าง ที่นี่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ตัวร้านเป็นตึกสองชั้นตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น ลอฟท์ บริเวณด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์สำหรับสั่งเมนู ส่วนด้านบนเป็นดาดฟ้า เปิดโล่งให้ชมวิวกันแบบเต็มอิ่ม และยังมีเปลตาข่ายให้นั่งชมวิวทุ่งนา โดยมีฉากหลังเป็นวัดถ้ำเสืออีกด้วย
จะเลือกนั่งโต๊ะด้านในแอร์เย็น หรือมุมเอาท์ดอร์ที่มาพร้อมแปลตาข่าย ก็ชิลล์ไม่แพ้กัน และอีกมุมที่พลาดไม่ได้ ก็คือมุมสะพานไม้ ที่ทอดยาวไปกลางทุ่งสีเขียว ปลิวสไวรับลม กับฉากหลังวัดถ้ำเสือ สวยงามสุดๆ
ในส่วนของเมนูที่ร้านก็มีครบ ทั้งเมนูของหวานและเครื่อง เรียกว่าเป็นการทริปที่สุดประทับใจ ช่วยรีชาร์ตพลังได้อย่างมาก พร้อมลุยงานต่อแบบชิลล์ๆ กันเลย
คงจะเต็มอิ่มกันไม่น้อยสำหรับทริปกาญจนบุรีครั้งนี้ เที่ยวแถบตัวเมืองโซนอำเภอเมือง-อำเภอท่าม่วง ยิงตรงจากรุงเทพแป๊ปๆ ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้พักผ่อน สูดอากาศกินบรรยากาศแบบดีดีกันแล้ว นับว่าเป็นอีกหนึ่งทริปที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่กำลังเริ่มเที่ยว จะมาโดยรถส่วนตัว หรือนั่งรถโดยสารประจำทางหรือนั่งรถไฟฟมาชิลล์ๆ ก็ลองวางแผนเพิ่มเติมกันดู ขอบอกว่าแทบนี้ยังมีที่เที่ยว ที่กินให้เช็คอินกันอีกมากมาย มากี่ครั้งก็ได้ความสุขแบบไม่ซ้ำอย่างแน่นอน สมเป็นจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของไทยเลยจริงๆ