tripgether.com

เดินกินลมชมวิว… ย่าติง ที่เมืองจีน

18,536 ครั้ง
9 ธ.ค. 2559


จนถึงตอนนี้ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าได้ไปมาแล้วจริง ๆ ขอบคุณความตั้งใจของตัวเอง และอย่าหลงเชื่อชื่อกระทู้เพราะมันไม่ได้เดินกันเล่น ๆ เลย มันเป็นการเดินที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตแล้ว หอบหนักมาก รูทการเดินทางของเรา คุนหมิง จงเตี้ยน เต้าเฉิง ย่าติง ขากลับวกกลับทางเดิม เต้าเฉิง จงเตี้ยน ลี่เจี่ยง คุนหมิง ใช้เวลาเดินทาง 13 วัน ( ไปเมื่อ 17-29 ตุลาคมที่ผ่านมา ) ครั้งนี้ขอบอกเล่าแค่ที่ย่าติงเพราะเป็นจุดที่เราอยากจะไปให้ถึงที่สุด ตั้งใจมากที่สุด ก่อนไปก็อ่านรีวิวเยอะมาก ออกกำลังกายเยอะที่สุดที่เคยออกมา กลัวเดินไม่ถึงจุดหมาย ขอเริ่มการเดินทางจาก แชงกรีล่าเท่าที่อ่านข้อมูลมา บอกว่าจะจองตั๋วรถไปเต้าเฉิงล่วงหน้าได้แค่ 1 วัน แต่แพลนเราจะเดินทางไปเต้าเฉิงอีก 2 วันข้างหน้า  เอาไงดี ทั้ง ๆ ที่รู้ข้อมูลแต่ก็อยากเสี่ยงดูเผื่อจะจองกันได้ ก็เดินไปสอบถามพนักงาน  รอบแรกสื่อสารกันไม่เข้าใจ  ก็เดินออกมาตั้งหลักกันใหม่แล้วเตรียมคำศัพท์ภาษาจีน คำว่า มะรืนนี้  แต่จริง ๆ เราก็มีกระดาษที่เขียนข้อความเอาไว้จิ้มชี้ให้เค้าดูด้วยเหมือนกัน รอบที่ 2 เปลี่ยนช่องเข้าค่ะ รอบนี้โอเคผ่าน เราได้ตั๋วมาอยู่ที่ตัวให้อุ่นใจ สรุป ถ้าเพื่อนคนไหนอยากจองตั๋วล่วงหน้าไปเต้าเฉิงก็ลองเสี่ยงจองกันก่อนได้ค่ะ เพราะใน 1 วันจะมีรถแค่ รอบเดียวคือเวลา 08.00 (คำศัพท์ภาษาจีนง่าย ๆ ควรมีติดตัวไปด้วยก็ดีนะคะ  และถ้ามีเอกสารแพลนการเที่ยวที่ ระบุวันเดินทางภาษาจีนกำกับชื่อเมือง จะง่ายในการซื้อตั๋วในทุก ๆ ที่ เพราะเราจะจิ้มให้พนักงานดูได้ โดยที่เค้าไม่งง และเราก็ไม่งง) หน้าตาแพลนคร่าว  ๆ แบบที่เข้าใจง่าย ๆ

ตัดฉากในวันที่เราจะเดินทางไปเต้าเฉิงกัน  มาตั้งหลักที่สถานีรถบัสแชงกรีล่ากันตั้งแต่เช้าเพราะที่จีนรถค่อนข้างตรงต่อเวลามาก ๆ  ตรงใกล้ ๆ ประตู้ทางออกจะมีหน้าจอเล็ก ๆ บอก เวลาก็เดินรถว่ามีไปที่ไหนบ้าง จะบอกเลขทะเบียนรถที่เราจะนั่งในวันนั้น ๆ ไว้ด้วยซึ่งง่ายต่อการเดินตามหารถมาก ๆ  (ขอโทษทีเราไม่ได้ถ่ายรูปหน้าจอที่ว่านั่นมาให้ดู) แต่ทุกคนจะสังเกตเห็นได้ง่ายมาก ๆ เราใช้เวลาเดินทางจากแชงกรีล่า – เต้าเฉิง 11 ชั่วโมง มีแวะกินข้าว 1 จุด ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง เราไม่ได้เข้าหรอกฟังจากเพื่อนบอก เราเดินไปทำธุระหลังพุ่มไม้เอา  เราไปถึงเต้าเฉิงก็ 1 ทุ่มกว่า ๆ พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้ว เราเลยยังไม่ได้จองตั๋วรถขากลับแชงกรีล่า เราพักที่  Daocheng Drolma s Guest House  ตามที่อ่านจากเพื่อน ๆ เลย แต่จริง ๆ  แล้วตอนนี้ที่เต้าเฉิงมีที่พักมีเยอะขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ  ลองมาเดินหาดูก็ได้ค่ะ  และเราให้ทางที่พักจองตั๋วรถกลับจงเตี้ยนในอีก 4 วันข้างหน้า ให้เราด้วย เค้าคิดเพิ่มคนหล่ะ 3 หยวน  (ราคาหน้าตั๋วคือ 109 หยวน) ก็ไม่เป็นไร เพื่อความสบายใจ เพราะในวันพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางไปย่าติงกันตั้งแต่ 07.00 ไม่มีเวลาไปจองตั๋วกันเอง

ทางเข้าสถานีรถบัสที่เต้าเฉิง


เคาเตอร์ซื้อตั๋วถ่ายตอนวันจะกลับแล้ว วันกลับจากเต้าเฉิง ไป จงเตี้ยน จะเช้ามากคือ 06.00

จากนั้นก็คุยก็ให้ทางที่พักติดต่อรถที่เราจะไปย่าติงในวันพรุ่งนี้  จริงจะมีรถมินิแวนมาสอบถามนักท่องเที่ยวอยู่เยอะเลยค่ะ แต่เราไม่อยากโดนรุม แล้วราคาที่ให้ที่พักเรียกรถให้ก็เท่ากันคือ 50 หยวน เท่ากันกับหารถเอง รถจะส่งเราถึงแค่ แชงกรีล่า เจิ้น (香格里拉镇) หรือ yading center  แล้วเราก็ต้องลงไปซื้อตั๋วเข้า และตั๋วรถเวียนกันต่อ และจาก yading center ไปถึงหมู่บ้านย่าติงซุน  (亚丁村) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง Yading Village ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Aden Village สิ่งแรกที่ไปถึงหมู่บ้านคือการหาที่พัก เราไม่สามารถจองมาก่อนได้เพราะไม่ข้อมูลอะไรเท่าไร หรือเราอ่านไม่เจอ เลยทำใจเรื่องที่พักมาตั้งแต่ต้นของให้ได้ที่นอนเป็นพอ เพราะนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะที่พักอาจจะไม่มีด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เราอ่านข้อมูลเยอะมาก ถึงขั้นจำวิวที่พักที่เพื่อน ๆ ที่เคยไปมา มาพัก พอรถจากรถได้เห็นวิวข้างหน้า ไม่สอบถามเพื่อนเลย สะพายเป้ได้เดินไปข้างหน้าเข้าสอบถามที่พัก ได้ราคาที่พักห้องนอน 3 คน มีห้องน้ำในตัว ตกคนละ 100 ต่อ 1 คืน ก็ห้องละ 300 หยวนนั้นแหละ (3 เตียง) ถึอว่าเป็นราคาห้องน้ำในตัวที่เฉลี่ยต่อคนแล้วไม่แพงเลย  มีครัวไว้สั่งอาหารได้ด้วยค่ะ ตกหัวละ 40 หยวน  แต่ส่วนใหญ่เราจะกินอาหารที่เตรียมมาเอง กับ อาหารกล่องอุ่นสำเร็จ

หน้าตาที่พัก วิวด้านนอกสวยมาก ๆ

ชื่อที่พัก

จุดสังเกตเวลาเราลงจากรถบัสวนแล้ว ให้เดินตรงมาข้างหน้า ที่พักจะอยู่ตรงจุดโค้งเลยค่ะ  เอาล่ะเราหาที่พักได้เร็วกว่าที่คิดไว้ จัดแจงอะไรเสร็จไม่รออะไรแล้ว ออกไปนั่งรถบัสวนไปเที่ยวกันเถอะ Let go Let go  พลังใจ พลังกายเต็มเปี่ยมกันมาก ฉันดั่นด้นมาเพื่อเธอ จากที่พักเดินมาจุดจอดรถบัสวนไม่ไกล ๆ ไม่กินพลัง

จากรูปรถบัสวนจะจอดอยู่ด้านซ้ายมือ เราไต่เขาลงมาจากบนนู้นเลยจากรูป

รูปนี้คือจุดจอดรถบัสวน ขากลับไป แชงกรีล่า เจิ้น (香格里拉镇) หรือ yading center  

อีกสักรูปหนึ่งจุดรอรถขากลับ

นั่งรถบัสวนลงมาก็เพลินกับวิวมาก ๆ สวยจริง ๆ รถบัสจอดปุ๊บเราก็ต้องเดินไปอีก 500 เมตร เป็น 500 เมตรที่เหนื่อยหน่อย เดินขึ้นเนิน เพื่อไปยังจุดเริ่มเดินเที่ยว กว่าจะถึงจุดเริ่มเดินกันก็ถ่ายไปเยอะมาก

ตามแพลนการเที่ยววันแรก ก็ตามเพื่อน ๆ มากันเลย คือจะไปทะเลสาปไข่มุก แต่ต้องมนต์เสน่ห์ธรรมชาติไปหน่อย นู่นเลย เดินเลยทางแยก ที่จะต้องไปทะเลสาปไข่มุก  ป้ายเค้าก็จัดไว้ชัดเจนนะ แต่ก็ยังหลงกันได้ เชื่อเถอะเพื่อนๆ ไม่หลงหรอก แต่เราหลงก็เดินหน้ากันไปเลย

นี่ก็เริ่มหลงมาได้แป๊บหนึ่งแล้ว

สรุปเส้นทางที่เดินหลงไปวันนี้คือ  เส้นทางไปทุ่งหญ้าลั่วหรง(洛绒牛场)สำหรับเส้นทางเดินไป ทุ่งหญ้าลั่วหรง ตอนแรกไม่มีแพลนอยู่ในใจจริง ๆ นะ เพราะที่อ่านมาไม่เคยมีใครพูดถึงเส้นทางนี้ หรืออาจจะเคยมีเพื่อน ๆ รีวิวไว้แต่อ่านไม่เจอ ส่วนใหญ่ก็จะบอกเล่าว่านั่งรถกอลฟ์ไปลงจุด ทุ่งหญ้าลั่วหรงกันแทบทั้งนั้น

เดินช้า ๆ เหนื่อยก็มีจุดนั่งพัก

ยังไม่รู้ตัวว่าพาเพื่อนหลงมา ถ่ายรูปกันไป เมาท์กันไป ยังไม่รู้ชะตากรรม


นั่งกินข้าวกันเสร็จเดินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ระยะที่เหนื่อยแล้วนะ ทำไมไม่ถึงสักที แต่ไม่หันหลังกลับนางยังเดินต่อ วิวข้างหน้ามันยั่วยวน โทษวิวซะอย่างนั้น 


เดินไม่กี่ก้าวก็อยู่ถ่ายรูปกันอีกแล้ว ช่วงที่ไปโชคดีมากใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็นเยอะมาก

จริง ๆ มันควรจะเอะใจได้แล้ว เพราะตามที่อ่านมาทางไปทะเลสาปไข่มุก มันต้องขึ้นอย่างเดียว มันเป็นเส้นทางชันนะ แต่ที่เดินอยู่มันเป็นทางราบ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจยังเดินกันต่อไป

และคงยังถ่ายรูปกันต่อเนื่อง วันนั้นฟ้าเป็นใจมากฟ้าเปิด อากาศหนาวเลขตัวเดียว กำลังสบาย ๆ ผู้ร่วมชะตากรรม

เพื่อน ๆ คงอยากรู้ว่าเดินหลงไปกี่กิโล มารู้ตัวก็เฮ้ยเราเดินกันมามานานแล้วนะ ถามคนที่เดินสวนทางมาหน่อย ทุกคนบอกว่าอีก 2 ชั่วโมงถึง ไม่ ต้องไม่ใช่ซิ ที่ฉันอ่านมาใช้เวลาเดินไม่เกิน 1 ชั่วโมงนะ  แล้วที่เราเดินมันเดินไปไหน ป้ายอ่ะป้ายอยู่ไหน พึ่งจะมาคิดดูป้าย ไหวพริบอ่ะมีไหม ตอบได้เลยตอนนั้นไม่มีจริง ๆ ค่ะ


รู้ตัวว่าหลงก็กิโลเมตรที่ 5 แล้ว ปวดกบาลกับตัวเอง หันหลังเดินกลับไปบอกเพื่อน เดินผิดเส้นว่ะ ขอโทษที่ นี่คือคำสารภาพบาป (เพื่อน ๆ เดินตามได้ไง คือเราเป็นคนดูข้อมูลจะรู้รายละเอียดกว่าคนอื่น เพื่อน ๆ ก็บอกว่าคิดอยู่เห็นบอกว่าแค่ 1 กิโลกว่า ๆ)

จุดนั่งพักทำใจ

เมื่อรู้ว่าหลงก็ชิลๆ กัน เพราะว่าเวลาก็ล่วงเลยมาแล้ว เดินมันต่อไป สรุปเส้นทางที่เดินหลงไปวันนี้คือ เส้นทางไปทุ่งหญ้าลั่วหรง (洛绒牛场)

 
แต่เส้นทางที่เดินหลงเข้าไปมันช่างสวยจริง ๆ คือ หลงความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี เหนื่อยไหม เหนื่อยนะ แต่ก็แวะถ่ายรูปกันไปมา เป็นการหลงที่สวยงาม  สรุปวันนั้นเราเดินผิดทางไปกลับรวม 10 กิโลแต่ก็คุ้มกับการเดินผิดเส้นทางมาก ๆ ไม่เสียใจเลย แต่กินพลังงานเพื่อน ๆ สำหรับเดินในวันพรุ่งนี้มาก ๆ เลย


จุดสุดท้ายที่เดินไปในวันนั้นถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก

อยากจะเรียกรถกอล์ฟกลับแต่ก็เสียดายเงิน (ช่วงเราเดินเราจะเห็นจุดขึ้นรถกอล์ฟเป็นระยะ ๆ) บังคับเพื่อนๆ เดินกลับ กลับเส้นทางเดิมที่เดินกันมานั้นแหละ เดินไปก็สงสัยไปเราเดินเลยทางแยกมาได้อย่างไร จนถึงบางอ้อ จุดที่เริ่มหลงกันคือตรงนี้เอง จากรูปด้านขวามือคือทางแยกไปทะเลสาบไข่มุกค่ะ  ขำกันมาก ๆ หลงกันเป็นหมู่คณะ เพื่อนบางคนก็เดินไปถ่ายป้ายทางแยกไว้นะก่อนที่จะเดินตรงกันไป สรุปวันนี้ใช้พลังงานไปเยอะมาก  


วันที่ 2 ในย่าติง วันนี้ไม่หลงแน่ๆ ชัวร์ มั่นใจมาก ออกเดินไปขึ้นรถบัสวนตั้งแต่ 07.00 นี้คือเช้าของเรามากนะ แต่มีเช้ากว่านั้นคือมีรถออกไปแล้ว 2 คัน คือมีคนออกเช้ากว่าเราอีก เริ่มไม่แน่ใจว่ารถบัสวนเริ่มออกเวลากี่โมง (เดือนตุลาเป็นเดือนที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะมาก) ถ้าไม่ใช่หน้าเทศกาลคงตามที่เพื่อนๆ รีวิวกันมา ตามสเต็ปนั่งรถบัสวนไปลงจุดจอดรถ เดินขึ้นเนินไปจุดเดิมเหมือนเมื่อวานแต่วันนี้เดินไปขึ้นรถกอล์ฟ ต่อคิวซื้อตั๋วกันไป ข้อดีของการออกเช้ามาก คือ คนจะไม่เยอะมากเกินไป เพราะเราต้องไปผจญไปกับคนจีนเยอะมาก และจากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวจีนมาครั้งหนึ่งแล้ว ช่วงแขนเราต้องแข็งแรง ใจต้องสู้ ห้ามพี่จีนแซงเด็ดขาด นางมารร้ายมากๆ

รถกอล์ฟจะมาส่งจุด ทุ่งหญ้าลั่วหรง (洛绒牛场)ที่เมื่อวานเกือบจะเดินมาถึง อากาศไม่ต้องพูดถึงหนาวมาก แดดยังไม่ออก


เส้นทางวันนี้เราเดินไป ทะเลสาบน้ำนม (牛奶海 หนิวหน่ายไฮ่ )และ ทะเลสาบห้าสี (五色海 อู่เซ่อไห่ )ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่คาดหวังกับตัวเองว่าจะเดินถึงไหน


แต่มีแอบลุ้นในใจลึก ๆ ว่าจะเดินถึง ฉันต้องเดินถึง มั่นมาก  ถ้าเป็นที่เมืองไทยพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเดินถึงแน่ ๆ แต่ที่นี้ไม่คาดหวังอะไร อ้าวกลับคำ มีม้าให้บริการ รู้สึกว่าจะ 300 หยวน

ช่วงเวลาที่เดินบางจุดแดดยังส่องไม่ถึง มันทำให้รู้สึกหนาวมาก ๆ เลย ช่วงแรก ๆ เส้นทางเดินจะเป็นทางราบ จะมีเนินเล็ก ๆ บ้างสลับกัน แต่เนินเล็ก ๆ นี้หล่ะ เดินไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยมาก


พี่ร่วมทางในระยะแรกก็จะเดินเกาะกลุ่มกันอยู่ ก่อนเดินในกลุ่มคุยตกลงกันแล้วว่าให้เดินตามสเต็ปของตัวเอง ไม่ต้องเร่งเพื่อให้ทันกันใคร นัดแนะเวลาถ้าเลยเวลา บ่าย 2 โมง แล้วตัวใครยังขึ้นไม่ถึงก็ให้รออยู่ด้านล่าง เอาตามกำลังตัวเอง


เห็นแดดแทบจะวิ่งเข้าใส่ มันอุ่นจริง ๆ แต่หารู้ไม่ว่าพลังแสงแดดมันรุนแรงแค่ไหน


เส้นทางยังอีกยาวไกล เดินกันต่อ สู้ สู้

วิวระหว่างทางสวยมาก ๆ ได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้วชื่นใจ

เดินไปถ่ายรูปกันไปเป็นการพักเหนื่อย ไม่กล้าลงรูปเพื่อนร่วมทริปคนอื่นมาก จังหวะดี ๆ น้องม้าก็เดินผ่านมาติดในกล้อง นี้คือมีคนนั่งม้าขึ้นไปถึงแล้วนะ ม้าลงกลับมาเผื่อนักท่องเที่ยวคนอื่นอยากใช้บริการ

เนื้อหาสาระ ข้อมูลค่าใช้จ่ายมีนะคะ แต่ขอส่งให้หลังไมค์ดีกว่าเพราะมันเยอะมาก แล้วเป็นคนอธิบายอะไรยาว ๆ ไม่ค่อยจะได้ สมองน้อย อิอิ เดี๋ยวหาจุดแลนดิ่งลงไม่เจอ มาดูวิวระหว่างทางกันต่อ

เดินกันมาสักพักใหญ่ ๆ ผ่านพ้นช่วงเส้นทางราบกับเนินเล็ก ๆ กันมาจนมาถึงทางที่ชัน หยุดให้กำลังใจตัวเองนิดหนึ่ง


เลยจากรูปนี้ไปแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย เพราะด้วยความกดอากาศในที่สูง ลมแรงมาก ไม่คิดจะมาเจอลมแรง และต้องคอยหลบหลีกม้าที่เดินสวนทางลงมาอีก ไหนจะคอยยืนหอบอยู่เรื่อย ๆ มันเหนื่อยมาก ๆ นะ กับการไปเดินในที่สูง ๆ เส้นทางชัน เดินไม่กี่ก้าวก็เหนื่อย ข้าง ๆ ก็เหวตอนนั้นคิดอย่างเดียว ต้องมีสติ ออกซิเจนกระป๋องเตรียมพร้อมมาก ๆ


เข้าใจแล้วคำว่าเดิน 3 ก้าวหยุดเป็นแบบไหน กว่าจะลากสังขารมาถึงจุดนี้ได้แทบท้อใจ จะไหวไหมเรา

ลมมาจากไหนไม่รู้ พัดแรงมากตาแทบเปิดไม่ได้สังเกตได้จากธงมนต์

ถ้าเพื่อน ๆ เดินถึงจุดธงมนต์เยอะ ๆ นี้ดีใจไว้ได้เลยเพราะเราใกล้ถึงจุดหมายกันแล้ว เย้ เดินตามทางราบไปอีกนิดเดียวแค่นั้นเอง เดี๋ยวนะตรงจุดธงมนต์เยอะ ๆ มันจะมีเส้นทางให้เดิน 2 ทางคือทางชันเพื่อไปทะเลสาบ 5 สี และเส้นทางราบเพื่อไปยังทะเลสาปน้ำนม เราเลือกทางราบก่อนอยู่แล้ว ไปทางนี้กันเลย เริ่มยิ้มออกเพราะมันใกล้ถึงเข้ามาแล้วจริง ๆ


เดิน ๆ จนเห็นสีน้ำทะเลสาบ ตื้นเต้นมาก เฮ้ยเราทำได้แล้ว ขอบคุณตัวเองที่ไม่ท้อใจไปซะก่อน แล้วฉันก็เดินถึง ระหว่างทางเหนื่อยมากจริง ๆ แต่ก็คุ้มสุด ๆ เหมือนกัน ฉันจะโอบกอดเธอไว้ เริ่มแสดงมิวสิคแล้ว


น้ำสีฟ้า สีนี้จริง ๆ ไม่มีการแต่งรูป

หันไปมุมไหนวิวทิวทัศน์สวยจริง ๆ งานสร้างภาพก็มาเหมือนกัน เห็นเค้าฮิป ๆ กันเราก็ขอบ้าง

ลืมบอกเวลาที่เดินมาถึง น่าจะประมาณ เที่ยง ๆ ถึงบ่ายโมง จำไม่ได้จริง ๆ ผ่านมา 1 เดือน บอกแล้วไงสมองน้อย เราชื่นชมวิวกันพอสมควรถึงเวลาตายของเองอีกแล้ว มันต้องเดินขึ้น อีก 500 เมตรเพื่อไปชมทะเลสาบ 5 สี เป็น 500 เมตรที่ไม่ต้องพูดถึง เพราะพูดไม่ออก เหนื่อย หันกลับไปถ่ายรูปด้านหลังต่อ

ทะเลสาบน้ำนมมองมุมสูงยิ่งสวยมาก ๆ

และทางเดินไปทะเลสาบ 5 สีก็ยังคงไม่ถึง

เหนื่อยโฮก ๆ หยุดพักอีกรอบ

และแล้วก็มาถึง เกือบจะแย่เอา ถึงจุดนี้เรารื้อเสบียงออกมากิน ตั้งแต่เดินมาก็พึ่งจะได้จะกินอะไรก็ตอนนี้แหละ ข้างบนอย่าหวังจะมีที่ให้ร่มเงานะ มาอยู่ที่สูงมาก ๆ ก็นั่งหน้าท้าแดดกันไป

เมื่อเทียบกับธรรมชาติ เราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เล็กนิดเดียว

เมื่อได้เวลาอันสมควรก็ตั้งแถวเดินลงกัน คราวนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมไม่เห็นเส้นทางเดินชัด ๆ จากที่อ่านรีวิวมา  เพราะโดนกับตัวเอง เวลาขึ้นทางชันมันเหนื่อยมาก ๆ ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปจริง ๆ ไหนจะลมแรง ไหนจะหลบหลีกม้าที่สวนทางมา ไหนจะต้องยืนเหนื่อยหอบ เส้นทางก็ไม่กว้างอะไรนะ แค่อีกด้านเป็นเหว ยิ่งทางลงดิ่งลงกันมาที่เดียว

เส้นทางเดินลงยิ่งทางดิ่ง ไม่สู้จริง ๆ เป็นสิงห์ทางขึ้นอย่างเดียว คราวนี้สติต้องมากกว่าตอนเดินขึ้น พลาดไม่ได้ พลาดแล้วกลิ้งแน่ ๆ

ได้เวลามาต่อกันแล้ว กำลังจะเดินลงจากทะเลสาบห้าสีกัน ช่วงที่เดินลง ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย ทางลงจะเป็นแนวดิ่งมาก ชัน พื้นดินจะเป็นผสมก้อนหิน และมีหินก้อนซึ่งเวลาลงเท้าก็ชัวร์ว่ามันไม่กลิ้ง แล้วเผอิญว่าวันที่ขึ้นไปนั้นลมแรงมาก ๆ ทรงตัวไม่อยู่จริง ๆ ค่ะ แล้วฝุ่นตลบเข้าตามาก ๆ กล้องก็เลยไม่ได้หยิบขึ้นมาเลย ต้องเอาตัวให้รอดก่อน ตัดภาพตอนลงมาถึงแล้วหันหลังไปถ่าย

ลงมาถึงเราจะเจอกับธงมนต์ปลิวสะบัด ( ที่เดินขึ้นมาแล้วเจอ คือจุดเดียวกันนะ )

เราก็เดินไต่ลงมาเรื่อย ๆ ช่วงขาลงเราต้องทำเวลาเหมือนกันค่ะ เพราะรถกอลฟ์จะหมดเวลา 18.30 ซึ่งตอนเราลงมาก็เกือบบ่าย 3 แล้ว เดินไปก็สังเกตผู้คนว่าเฮ้ย เราก็เดินผ่านมาอยู่หลายกลุ่มนะ ยังงัยฉันก็ไม่ได้อยู่ข้างหลังคนเดียว เป็นการให้กำลังใจตัวเอง เดินมาสักระยะถึงเส้นทางราบถึงจะได้งัดกล้องออกมาอีกครั้ง

น่ารักมาก ๆ เลย

มากันเป็นกลุ่มก็มี

เดินไปก็บ่นไปมีความรู้สึกว่าเราเดินกันมานานแล้วนะ ทำไมไม่ถึงสักที ฉันเห็นจุดจอดรถกอล์ฟอยู่ตรงนั้น ทำไมมันยังไม่ถึง ตอนนี้ขาเมื่อยล้ามาก เดินขึ้นเนิน ลงเนิน เล็ก ๆ ไปก็หลายรอบแล้วนะ ตอนนั้นเพื่อนส่วนหนึ่งล่วงหน้าไปแล้ว เราเดินอยู่คนเดียว แล้วมีเพื่อนเดินตามด้านหลังทิ้งช่วงห่างกัน เป็นเหตุผลที่ต้องบ่นคนเดียว

วิวสวยมาก ๆ เลยนะ แต่ขาก็จะลากแล้ว

อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้บอกที เดินไปบ่นไป จนถึงอ่ะ อยากจะนั่งมาก ๆ นะจุดนั้น ต้องเดินผ่านเส้นทางนี้ไปฝั่งโน้นเลย

น้องม้ามาเล็มหญ้ากันใหญ่ เวลานะตอนนั้นจะ 6 โมงอยู่แล้วนะ แต่คนยังอยู่กันเยอะเลยยังสามารถลากขาไปเรื่อย ๆ ได้

มาถึงจุดขึ้นรถกอล์ฟก็นั่งรอเพื่อน ๆ จนครบ ตรงจุดนี้เราเห็นอาการของหลาย ๆ คนที่ อาเจียน ปวดหัว หลากหลายสารพัด การศึกษาข้อมูลการป้องกันโรคที่จะเกิดในที่สูงจำเป็นจริง ๆ นะคะ อย่างเราจะกินยาไดอะม็อก ก่อนเดินทางมาถึงแชงกรีล่าล่วงหน้า 1 วัน และกินมาเรื่อย ๆ จนถึงย่าติง โชคดีมากที่กลุ่มเราไม่มีใครเกิดอาการแพ้ที่สูงกันเลยทำให้เที่ยวกันอย่างสนุกมาก ๆ และการออกกำลังกายก่อนมาเดินก็เป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ ช่วยระบบหายใจเราได้เป็นอย่างดี ครบทีมก็นั่งรถกอล์ฟไปขึ้นรถบัส ตรงจุดขึ้นรถบัสเค้าจะจัดจุดบอกอย่างชัดเจนนะคะว่าจะไปลงตรงไหน ถ้าลงในหมู่บ้านก็เข้าคิว ย่าติงซุน  และถ้าเพื่อน ๆ จะกลับลงไปถึง แชงกรีล่า เจิ้น (香格里拉镇) หรือ yading center จาก yading center  ก็ต้องเข้าคิวรออีกช่องถัดไป สังเกตให้ดี ๆ นะคะไม่งั้นนั่งยาวแน่ ๆ สำหรับคนที่จะลงในหมู่บ้านก่อน จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกเป็นระยะ ๆ ถ้าไม่มั่นใจถามเลยค่ะ ย่าติงซุน ย่าติงซุน ในหมู่บ้านจะมีร้านโชว์ห่วยอยู่หลาย ๆ ร้าน ร้านค้าก็สูงกว่าที่เต้าเฉิงเล็กน้อย แต่ร้านอาหารค่อนข้างหายากมาก ๆ ถ้ามีก็จะออกแนวเลี่ยน ๆ เป็นหม้อไฟ เราเลยพกพาอาหารจากไทยไปบ้างแล้วกินพวกอาหารกล่องอุ่นสำเร็จ ( แต่อาหารกล่องกินหลายมื้อก็จะมีอาการเบื่อเหมือนกัน) หรือไม่ก็ลองสั่งจากที่พักเนอะ เหมือนที่พักที่เราพักอยู่ก็มีครัวสำหรับสั่งอาหารตกหัวคนหล่ะ 40 หยวน วันนี้เราได้นอนพักผ่อนกันเร็วเพราะเมื่อยล้ากันมาทั้งวัน พรุ่งนี้เราจะไปแก้ตัวที่ทะเลสาบไข่มุกกัน เช้าวันสุดท้ายที่ย่าติง เรามีเวลาอีกครึ่งวัน ทำการฝากกระเป๋ากับทางที่พักเสร็จเรียบร้อย เพราะจะได้ไม่ต้องแบกไปฝากตรงจุดลงรถบัสซึ่งกว่าจะเปิดก็  08.00  ซึ่งเราไม่อยากจะรอ ออกมารวมตัวกันเวลา 07.30 ตามสเต็ปเดิมไปขึ้นรถบัสวนไปลงจุดจอดรถบัส ไม่ได้อธิบายตั้งแต่วันแรกว่าตรงจุดจอดรถบัสวนจะมีทางเดินอยู่ 2 จุด คือจุดที่เราเดินไปก่อนหน้านั้น 2 วันที่ผ่านจะเป็นทางเดินขึ้นเนินเล็ก ๆ ไป 500 เมตร และอีกจุดที่เราจะเดินในวันนี้คือ จุดทางเดินเลียบลำธาร

ทะเลสาบไข่มุก (珍珠海 เจินจูไห่ )(Zhuoma La Lake) เส้นทางประมาณ 1 กิโลกว่า ๆ แต่เช้าวันที่เราเดินขึ้นไป อากาศหนาวถึงขึ้นติดลบ แล้วเรายังไปเดินเส้นทางเรียบลำธาร และแสงแดดยังไม่ส่องให้ความอบอุ่นร่างกาย พวกเราก็เดินไปพร้อมความหนาว ทางขึ้นเป็นชันขึ้นตลอดเส้นทาง แต่เป็นเส้นทางบันไดที่อุทยานทำขึ้นนะ ก้าวไปที่ละสเต็ป เรามองหาแสงแดดแต่ก็หาไม่เจอ

แสงแดดมันยังส่องถึงยอดเขาด้านหน้าโน้น การเดินวันนี้ก็เหนื่อยนะเพราะมันเป็นทางชันแล้วไหนจะหนาวอีก หนาวจนมีความรู้สึกปวดนิ้วมือ นิ้วเท้า เล่นงานซะจนรู้ซึ้งถึงความรู้สึก เฮ้ยคนมันจะหนาวตายมันก็คงเริ่มจากความรู้สึกนี้ก่อนหรือปล่าว หนาวจนรุ่นพี่ในทีมร้องขอกลับที่พัก แต่ไม่ยอมค่ะ เดินหน้าหาแสงกันต่อไป

เราเดินฝ่าความหนาวไปเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดทางแยกไปด้านขวาเรามองเห็นแสงแดดตรงนั้นแทบจะวิ่งเข้าหากันเลย ฉันรอดแล้ว แล้วไปเจอกับวิวที่เห็น เฮ้ย มันสวยมาก แสง สี ธรรมชาติมันลงตัวมาก ๆ ที่นี้มันควรจะมาช่วงเช้า ไม่ใช่ช่วงบ่าย ข้อแนะนำ จากที่อ่านรีวิวส่วนใหญ่จะมาเดินที่นี้กันตอนช่วงบ่ายหลังจากเดินทางจากเต้าเฉิงมาถึงย่าติง แล้วจะพบว่าเส้นทางย้อนแสงตลอด จนถึงทะเลสาบถ่ายรูปมาก็จะย้อนแสง ซึ่งถ้าให้แนะนำทุกคน ควรมาที่นี้ช่วงเช้า แสงจะได้เต็ม ๆ พร้อมความหนาวเหน็บ

เห็นเงาในน้ำไหม สะท้อนเป็นกระจกเลยทีเดียว

ถ่ายรุ่นพี่สักหน่อย จริง ๆ พื้นที่ที่กำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่ เพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวอยู่กันเยอะ แต่ก็หาจังหวะถ่ายรูปกันค่ะ ถ้อยที่ถ้อยอาศัยกัน แม้เค้าจะถ่ายหลายแอ็คมาก ๆ ก็เถอะ

หันกลับไปถ่ายวิวตรงหน้าอีกรอบ

เราคิดในใจ ถ้าเราหันหลังกลับตั้งแต่ต้นเราจะไม่เจอภาพวิวที่สวยเหมือนภาพวาด สวยจริง ๆ สวยจนรู้สึกว่าเฮ้ย วันแรกที่หลงไปว่าสวยแล้วนะ ที่นี้ยังสวยกว่า ถ่ายไปเยอะมาก

ระหว่างเดินวนรอบสระทุก ๆ มุมสวยมากเลย จะว่าคนเยอะก็เยอะนะคะแต่ไม่ได้พลุกพล่านซะจนรู้สึกอึดอัก สวนทางกันมาให้พอได้บรรยากาศ

เดินกันต่อค่ะ ยังไม่ครบรอบทะเลสาบสักทีเพราะว่าเดินไปก็หยุดถ่าย เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ

แสงสวยมาก ต้นไม้อะไรก็เป็นใจไปซะหมด ถือว่าเราโชคดี

หันหลังกลับไปถ่าย

เดินหน้าก็ถ่ายกันต่อเราใช้เวลากันคุ้มมาก ๆ บนนี้

หลุดออกมาจากทะเลสาบแล้วค่ะ กลัวเพื่อน ๆ จะเบื่อกันก่อน จะเป็นลานไม่ใหญ่มาก แต่สามารถเห็นวิวแบบ 180 องศากันเลย

มัวแต่ยืดยาดอยู่ข้างบนได้เวลาเดินกลับลงไปกันแล้วค่ะ ขาลงแสงแดดกระทบใบไม้สวยมาก ช่วงขาขึ้นไม่ค่อยได้ถ่ายเพราะถ่ายออกมาจะมืด ๆ ไปหน่อยเลยเดินยิงยาวขึ้นด้านบนกันเลย

 

เอาหล่ะ … พอเราเดินไปถึงจุดขึ้นรถบัสก็รีบไปช่องคิวไปย่าติงซุน ถึงหมู่บ้านจัดแจงกินอะไรรองท้องให้เสร็จเรียบร้อย จากลาที่พัก ขอบอกว่าลูกสาวเจ้าของที่พักสวย น่ารักมาก ๆ สู้ดาราไทยบ้านเราได้เลย ( รูปอยู่กล้องคนอื่นอ่ะ แอบเสียดายไม่งั้นจะอวด) เราก็ลงไปต่อคิวรอรถบัสวนเพื่อจะลงไป ย่าติงเซ็นเตอร์ แล้วไปหารถมินิแวนกลับเต้าเฉิงกัน เป็นการจบทริปย่าติงอย่างสมบูรณ์ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสเดินทางไปเชียร์มาก ๆ เลยค่ะ สักครั้งในชีวิต โชคดีทุกคนนะคะ

 

ขอบคุณรีวิวจากสมาชิกพันทิปกับทริปการเดินทางสนุกๆ


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ