เที่ยวซิดนีย์ ออสเตรเลีย 6 วัน 5 คืน แจกพิกัดกิน เที่ยวแบบจัดเต็ม!!
2,976 ครั้ง
2 มิ.ย. 2567
2,976 ครั้ง
2 มิ.ย. 2567
ทริปเก็ทเตอร์พาทุกคนบินลัดฟ้าไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและความสวยงามกันที่เมือง ซิดนีย์ (Sydney) ออสเตรเลีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมและยังเป็นเมืองที่คนไทยอาศัยอยู่เยอะมากเลยทีเดียว โดยแพลนเที่ยวของเราจะพาเดินเล่นชิลล์ๆ มา SYD ที่ NEY แบบคนชิคๆ แล้วไปยังสถานที่ต่างๆ สัมผัสซึมซับความเป็นเมืองซิดนีย์ อุ่นใจเรื่องความปลอดภัยได้เลยกับ เที่ยวซิดนีย์ ออสเตรเลีย 6 วัน 5 คืน แจกพิกัดกิน เที่ยวแบบจัดเต็ม!! แต่ก่อนไปอย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินไว้เดินทางล่วงหน้ากันด้วย บินตรงเวลาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ บินกับ Thai AirAsiaX เลยจ้า (คลิกจองตั๋วแอร์เอเชีย) หลังจากเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันเลย
สำหรับคนไทยที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวออสเตรเลียต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวก่อนนะ
สามารถอ่านขั้นตอนการขอวีซ่าออสเตรเลียด้วยตนเอง (คลิกอ่านที่ลิ้งก์นี้เลย)
เริ่มต้นการเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราบินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่เมืองซิดนีย์ กับ Thai AirasiaX เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ ซิดนีย์ เปิดให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คือทุกวันจันทร์, อังคาร, ศุกร์ และเสาร์ ทุกคนสามารถตามไปกดจองตั๋วกันได้ที่ AirAsia MOVE หรือ จองตั๋วบินกับไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ไฟล์ทที่เราบินคือช่วงดึก จะไปถึงซิดนีย์ช่วงบ่ายๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงกว่าๆ (ซิดนีย์เวลาจะเร็วกว่าไทย 3 ชั่วโมง)
ก่อนเดินทางก็มา Check in ที่เคาน์เตอร์ Thai AirasiaX บริการรวดเร็ว ทันใจ
เตรียมตัวไปลุยซิดนีย์!! ด้วยบริการและความสะดวกสบายกับแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่นั่งบนเครื่องกว้างขวาง สามารถเอนปรับเบาะหลับได้ไม่รู้สึกอึดอัด เหลือพื้นที่ให้ยืดขา บอกเลยว่า 8 ชั่วโมงนี้นอนหลับกันยาวๆ ตื่นมาพร้อมลุยเที่ยวซิดนีย์ นอกจากนี้นะบนเครื่องยังมีบริการอาหารด้วย
คุณแอร์น่ารักมากๆ คอยดูแลตลอดการเดินทาง~ สามารถจองตั๋วเครื่องบินง่ายๆ ได้ที่ Thai AirasiaX
หลับไปหลายตื่น!! ตอนนี้เราก็มาถึง ท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ คิงส์ฟอร์ด สมิธ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากรับกระเป๋าเสร็จเราก็เดินไปยังจุดทำ E-Passport ซึ่งจุดทำ E-Passport มี 2 จุดด้วยกันให้เดินเข้าไปด้านในจุดที่ 2 จะไม่ค่อยมีคน เพราะทุกคนจะออกันอยู่ที่จุดแรกเยอะมาก!! ขั้นตอนการผ่าน ตม.ออสเตรเลียให้เรานำพาสปอร์ตไปสแกนที่ E-Passport และกดตอบคำถามบนหน้าจอ มีภาษาไทยด้วยนะ ตอบเสร็จจะได้ Ticket ออกมา แล้วก็นำไปยื่นตรง ตม. เดินไปช่อง E-Passport เอา Ticket ที่ได้มาใส่เข้าไปในเครื่อง ประตูจะเปิดให้ผ่าน ไปถ่ายรูปและออกไปรอรับกระเป๋าได้เลย ใช้เวลารวมแล้วไม่ถึง 10 นาที สะดวกมาก
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย อย่างแรกเลยก็คือเราจะเรียกรถ Uber เพื่อเดินทางเข้าที่พัก โดยต้องเรียกรถให้ตรงกับจำนวนคนและสัมภาระ (ทริปนี้เราไป 3 คน เรียกรถ Uber XL) ค่ารถอยู่ที่ประมาณ 58 AUD จุดรอรถ Uber ให้ไปรอที่จุดรอเท่านั้น อาคารจอดรถ Uber จะอยู่ตรงข้ามกับ Terminal 2 เดินตรงมาออกฝั่งประตูแมคโดนัล และข้ามถนนไปยังอาคารจอดที่อยู่ตรงข้าม จะเห็นลานที่จอด Uber จะอยู่ทางซ้ายมือ
จากสนามบินการเดินทางเข้าเมืองมีหลายวิธีด้วยกันทั้งรถไฟ รถบัส ค่ารถประมาณคนละ 10 AUD ถ้ามาหลายคนเรียก Uber น่าจะคุ้มและสะดวกกว่า และเราสามารถจ่ายค่าโดยสารรถสาธารณะทุกประเภท รวมไปถึงเรือเฟอรี่ได้ด้วยบัตรเครดิตได้เลย (ป.ล.ไม่รับเงินสด)
Sydney Kingsford Smith, Sydney
ที่พักของเราจองผ่านเว็บ Airbnb เป็นที่พักแบบ Apartments กึ่งโรงแรม ตั้งอยู่บนตึก Mantra ติดกับสถานี China Town ไปไหนก็สะดวก ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และย่านร้านอาหารต่างๆ เรียกได้ว่าทำเลดีมากๆ ห้องพักสำหรับ 3 คนอยู่ที่คืนละ 5,300 บาท มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องสวย สะอาด สะดวกสบายมีอุปกรณ์ต่างๆ ครบเลย
Manta Haymarket
เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ไม่รอช้า เริ่มเที่ยวซิดนีย์ Day 1 กันเลย ~ การเที่ยวสัมผัสบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม ซึ่งสถานที่ต่างๆ สามารถเดินถึงกันได้หมดเลย อย่างเช่น จุดเช็คอินแรก Queen Victoria Building หรือที่เรียกกันว่า QVB เป็นศูนย์การค้าสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ดูจากข้างนอกเก่าแก่และคลาสสิกสุดๆ
ด้านในมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร และร้านขายสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ มีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ทั้งของออสเตรเลียเองและจากต่างประเทศให้ช้อปเยอะมาก บรรยากาศคึกครื้น เต็มไปด้วยผู้คน ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามาก เป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างประวัติศาสตร์กับความทันสมัย โดยทางรัฐบาลได้ขึ้นทะเบียน QVB เป็นมรดกล้ำค่าของรัฐ New South Wales ด้วยนะ สวยจนอยากให้มาดูของจริง
จากที่พักของเราย่าน China Town สามารถเดินมาที่นี่ได้ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ก็มาถึงแล้วล่ะ แต่ก็สามารถนั่ง Tram มาลงที่สถานี QVB ได้เช่นกัน และขอแอบกระซิบว่าห้างปิดเร็วมาก!! 18.00 น. ก็เตรียมปิดแล้ว~
Queen Victoria Building, Sydney
จาก QVB เดินต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะเจอกับ สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย ไฮด์ปาร์ค (Hyde Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่กลางเมือง มีต้นไม้ใหญ่และสวนดอกไม้ และนกที่บินโฉบไปมา บรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อน อ่านหนังสือสไตล์คนติดแกลม!!
ไฮด์ปาร์คถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนที่อยู่ทางเหนือติดถนน Prince Albert และทางใต้ติดถนน Livepool จะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้รับชมฟรีอย่าง “อนุสรณ์สถานสงครามแอนแซก” (Anzac Memorial)
ไฮไลท์เด่นๆ ที่เราสามารมองเห็นได้เป็นที่แรกเลยก็คือ น้ำพุอาร์ชิบัลด์ (Archibald Fountain) เป็นจุดที่สวยมากๆ จนมีคนมาถ่ายรูป Pre Wedding กันอยู่บ่อยๆ เลยทีเดียว บริเวณน้ำพุจะมีรูปปั้นต่างๆ อยู่รอบๆ ตัวน้ำพุ และมีรูปปั้นตรงกลางสุดอลังการ ซึ่งเป็นรูปปั้นเทพอพอลโล (Apollo) ที่ชี้นิ้วไปทางวิหารเซนต์แมรี่ (St Mary’s Cathedral) จุดนี้ลิสต์ไว้เลยว่ามาเที่ยวซิดนีย์แล้วต้องมาถ่ายรูปเช็คอินให้ได้
Hyde Park, Sydney
มหาวิหารเซนต์แมรี่ (St. Mary’s Cathedral) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในซิดนีย์และยังเป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดในออสเตรเลีย เอกลักษณ์ของมหาวิหารคือส่วนยอดตรงทางเข้าของโบสถ์สองมุมที่สูงเสียดขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลสวยงามและยิ่งใหญ่มาก
มหาวิหารเซนต์แมรี่ เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมด้วยศิลปะแบบโกธิกสีปูนเข้ม ด้านหน้าโบสถ์มีการจัดสวนหย่อมเล็กๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น ภายในถูกออกแบบอย่างสวยงาม วิจิตร และประณีตมากๆ น่าเสียดายที่ปัจจุบันห้ามถ่ายภาพด้านในโบสถ์แล้ว หากใครมีแพลนไปซิดนีย์ก็อย่าลืมตามไปดูกันด้วยตาเนื้อตัวเอง ว่าสวยจริง อลังการจริง!!
ความงดงามที่เราเห็นอยู่ตรงหน้านี้ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 132 ปีเลยทีเดียว
ประติมากรรมรูปปั้นนักบุญและกระจกสี ที่ทำให้มหาวิหารแห่งนี้ดูขลังน่าศรัทธา รู้สึกได้ถึงความสงบ
St. Mary’s Cathedral, Sydney
อนุสรณ์สถานสงครามแอนแซก (ANZAC Memorial) ตั้งอยู่ปลายสุดของ Hyde Park ซึ่งความสวยงามเริ่มขึ้นตั้งแต่ทางเดินระหว่างไป อนุสรณ์แอนแซก (ANZAC Memorial) ที่มีต้นไม้ใหญ่มากตั้งเรียงรายให้ร่มเงาเป็นแนวตามทางเดิน จากนั้นเราจะเจอสระน้ำตั้งอยู่ด้านหน้าอนุสรณ์เลย ซึ่งถ้ามาช่วงกลางวันจะเห็นเงาอนุสรณ์สถานสะท้อนลงในสระน้ำ
ANZAC Memorial, Sydney
หลังจากเราเดินเล่น Hyde Park เก็บ 3 จุดไฮไลท์เสร็จเรียบร้อย ก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับ Hydeaway Cafe เป็นคาเฟ่เล็กๆ ตกแต่งร้านทางสีดำสไตล์โมเดิร์น ที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ กับ Anzac Memorial บรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบมาก สามารถมองเห็นวิว Anzac Memorial ได้ด้วย ปักหมุดเพิ่มไว้ในแพลน เที่ยวซิดนีย์ 6 วัน
Hydeaway Cafe, Sydney
จากคาเฟ่เราเดินไป Central station เพื่อนั่ง Tram ไปลงที่สถานี Circular Quay เก็บอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญสัญลักษณ์ของซิดนีย์ ถ้าไม่มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง… นั่นคือ Sydney Opera House ตั้งอยู่บน Bennelong Point บริเวณปากอ่าวซิดนีย์ ด้านหนึ่งหันหน้าเข้าหา Harbour Bridge อีกด้านติดกับ Royal Botanic Gardens เรียกได้ว่าเป็นจุดที่มีสภาพภูมิทัศน์ที่โดดเด่นสวยงามมาก เมื่อมาถึงที่ Circular Quay จะมีป้ายทางเดิน ที่เราสามารถเดินเลียบถนนไปยัง Sydney Opera House
Opera House เป็นสถานที่สำหรับจัดการแสดง คอนเสิร์ตต่างๆ โดย Opera House ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติทั้งรูปทรงและสีสันทั้งจากลักษณะของปีกของนก, รูปทรงของก้อนเมฆ, เปลือกหอย, ผลวอลนัท และต้นปาล์ม เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2007
สามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายนอก Sydney Opera House ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ภายในโรงละครจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 09.00 น. ไปจนถึง 17.00 น. สำหรับงานแสดงไฟกลางคืนที่ Opera House ก็ไม่ได้มีทุกวัน จะแล้วแต่จะมีการจัดงานเทศกาลของช่วงนั้นๆ
Sydney Opera House, Sydney
เรากินมื้อเย็นกันที่ Opera Bar เป็นบาร์ใหญ่ที่สุดตรง Opera House จุดนี้จะสามารถมองเห็นวิวสะพาน ท่าเรือ สวยงามมากในตอนกลางคืน แถมบรรยากาศชิลล์มาก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนซิดนีย์เองก็นิยมออกมานั่งดื่ม (ป.ล.ช่วงที่เราไปคือฤดูใบไม้ร่วง Autumn ประมาณ 5 โมงที่นี่ฟ้าก็จะมืดแล้ว)
เราสั่งเมนูของกินเล่นกรุบกรอบ Sweet potato wedges, Salt & pepper calamari, Casarecce pasta กับพิซซ่ามานั่งกินกันชิลล์ๆ รับลม ชมบรรยากาศ Opera House ยามค่ำคืน บรรยากาศดีมากรู้สึกว่ามาถึงแล้วจริงๆ SYDNEY เมืองหลากสีสัน สุดชิค ที่ให้เราสามรถเป็นตัวเองได้
Opera Bar, Sydney
เริ่มต้นวันที่ 2 เราเดินทางไปยังย่าน เซอร์รี่ ฮิลส์ (Surry Hills) ซึ่งจะเป็นย่านชิลล์ๆ มีร้านอาหาร คาเฟ่สวยๆ บาร์เก๋ๆ ซ่อนอยู่ตามซอกซอยต่างๆ เพียบ! โดยจากที่พักสามารถนั่ง Tram ไปลงที่สถานี Surry Hills ได้เลย สะดวกมากๆ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่ามีวิธีจ่ายค่าเดินทางต่างๆ ตลอด 6 วันนี้ยังไง??
คนที่มาเที่ยวซิดนีย์ส่วนใหญ่จะใช้บัตรโดยสารสาธารณะ Opal Card ในการเดินทางเป็นหลักบัตร ใบเดียวใช้ได้กับขนส่งสาธรณะทุกแบบ ตั้งแต่รถไฟ รถเมล์ ไปจนถึงเรือเฟอร์รี่เลย แต่การใช้ Opal Card ต้องเติมเงินขั้นต่ำ 20 AUD ในครั้งแรก และเมื่อเติมเงินไปแล้วถ้าใช้เงินในบัตรไม่หมด จะไม่สามารถขอเงินคืน (Refund) ได้ มีอีกวิธีหนึ่ง คือ สามารถใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต แตะก่อนและหลังใช้บริการรถสาธารณะ ค่ารถจะถูกคำนวณตัดเงินผ่านบัตรอัตโนมัติเริ่มต้นที่ 3 AUD และสูงสุด 16.80 AUD **ค่าเงินจะคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันนั้นๆ ซึ่งเราใช้วิธีนี้ ก็สะดวกเหมือนกันนะ
เดินเล่นถ่ายรูปกันเพลินๆ ก็ได้มาเจอกับ Single O เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมานานของ Sydney และเป็นร้านกาแฟที่คนเยอะมาก มองเห็นคนต่อแถวตั้งแต่เดินอยู่ไกลๆ เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าร้านนี้อร่อยชัวร์ และเป็นร้านที่เราตั้งใจจะมาฝากท้องมื้อเช้ากันด้วย
Single O ย่อมากจาก Single Origin ใครชอบกาแฟต้องมาร้านนี้เลย เพราะทางร้านมีเมล็ดกาแฟและเมนูกาแฟให้เลือกหลากหลาย มีความเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ อาหารอร่อย กาแฟเลิศ ถือว่าเป็นการเริ่มต้น Day 2 ได้ดีเยี่ยม
Single O, Sydney
ไปกันต่อกับอีกหนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมมากๆ ในย่าน Surry Hill กับร้านที่ชื่อว่า Bourke Street Bakery ร้านขนมปังโฮมเมดชื่อดังของซิดนีย์ที่มีลูกค้าเข้าออกมากมายในตอนเช้า ที่นี่เด็ดเรื่องขนมปังแบบต่างๆ ทั้งครัวซองต์หลากรสชาติไส้ด้านในแน่น อร่อยเข้มข้นสไตล์ยุโรปและก็ยังมี Ginger Tart, Chocolate tart แต่ละเมนูเป็นขนมปังสูตรแฮนด์เมดอบใหม่ทุกวัน กลิ่นหอม ตกแต่งหน้าตาสวยงาม กินคู่กับกาแฟร้อนๆ เช้านี้อิ่มอร่อย ประทับใจ มา SYD ที่ NEY อย่าลืมมากินขนมปังอร่อยๆ ที่ Bourke Street Bakery
Bourke Street Bakery, Sydney
หลังจากเดินเล่นนถ่ายรูป กินอาหารเช้าอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราจะนั่งเรือ Ferry จาก Circular Quay ไปยัง Taronga Zoo Sydney ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 นาที ก็ถึงท่าเรือของสวนสัตว์ โดยการเดินทางต่อไปยัง Taronga Zoo Sydney จะมีรถบัสสวนสัตว์รับส่งฟรี! **สำหรับการนั่งเรือใครที่อยากเห็นวิว Opera House แนะนำเลือกนั่งหลังเรืออได้รูปสวยๆ แน่นอน
Shuttle bus รับส่งจากท่าเรือไปสวนสัตว์ฟรี!!
ค่าเข้าสวนสัตว์จะอยู่ที่ 51 AUD หรือประมาณ 1,100 บาทต่อคน
อย่างแรกที่เข้าก็จะได้เจอกับเจ้าหมีโคอาล่าสุดน่ารักที่กำลังปีนป่ายต้นไม้และกินใบจากต้นยูคาลิปตัสอยู่ น่าเอ็นดูมาก โดยสวนสัตว์ที่นี่จะแบ่งเป็นโซนๆ อย่างเช่น โซนสัตว์เลื้อยคลาน โซนสัตว์ปีก บอกเลยว่าเดินเล่นอยู่ในสวนสัตว์เพลิดเพลินมาก มีความร่มรื่น อากาศสดชื่น
ที่สวนสัตว์ทารองกาเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์กว่า 4,000 ตัวจาก 350 สายพันธุ์เลย
ได้ใกล้ชิดกับเจ้ายีราฟแบบสุดๆ
ในแต่ละวันก็จะมีการแสดงโชว์จากน้องๆ สามารถเช็คตารางเวลาการโชว์ได้เลย
แนะนำว่าถ้าใครอยากดูครบทุกโชว์ให้มากันแต่เช้าๆ เลย ได้เจอกับน้องๆ สัตว์นานาชนิดจนใจฟู แล้วมองดูนาฬิกาก็เป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆ เรานั่งเรือ Ferry กลับมายัง Circular Quay และเดินเลียบอ่าวไปยัง MCA Cafe
Taronga Zoo Sydney, Sydney
จาก Circular Quay เราเดินกันต่อเพื่อไปยัง MCA CAFE ร้านกาแฟแห่งนี้ ตั้งอยู่ด้านบนสุดของ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (Museum of Contemporary Art Australia) ซึ่งค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี ยกเว้นถ้ามีนิทรรศการพิเศษที่อาจจะมีเก็บค่าเข้าชม
และเมื่อมาถึงที่พิพิธภัณฑ์ เราก็พบว่า MCA CAFE นั้นปิดรับออเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาเฟ่ที่ซิดนีย์จะปิดเร็วมาก ส่วนใหญ่จะปิดกันตั้งแต่ 14.00 – 15.00 น. แต่ไม่เป็นไร! ถึงคาเฟ่จะปิดแต่เราก็ยังคงถ่ายรูปเล่นที่ด้านบนนี้ได้ จาก Cafe สามารถเห็น Harbour bridge และ Sydney Opera House ได้ เป็นภาพที่สวยมากอีกมุมหนึ่งเลยล่ะ
มาไม่ทันกินข้าว กินกาแฟ แต่ได้มุมถ่ายรูปอยู่นะ
ในส่วนของ MOCA จะโชว์งานศิลปะร่วมสมัย หรือ Contemporary Art ซึ่งจะเป็นการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับศิลปะในยุคก่อนมาผสมผสาน เติมแต่ง ใส่สี เต็มไปด้วยอารมณ์และความคิดที่ถ่ายทอดและท้อนเหตุการณ์ในอดีต สายอาร์ตห้ามพลาด มา SYD ชิคๆ ดื่มด่ำงานศิลป์ ที่ Museum of Contemporary Art
MCA CAFE, Sydney
หลังจากถ่ายภาพจนพอใจ ได้ภาพสวยๆ กลับไปไว้ลงโซเชียลแล้ว เราก็กลับมาแถวย่าน China Town แหล่งช้อปปิ้งที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนี่งในออสเตรเลีย ยิ่งถ้ามาในวันศุกร์แบบนี้ก็จะได้เจอกับถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยอาหารสตรีทฟู้ดเอเชียมากมายไม่ว่าจะ อินเดีย จีน มาเล อินโดนีเซีย ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น คืออยากกินอะไรที่นี่มีครบ!!
ถนน Dixon Street จะมีตลาดนัดทุกวันศุกร์ ซึ่งฟิลก็จะคล้ายๆ กับถนนคนเดินบ้านเรา
ใกล้บริเวณปากทางเข้าฝั่ง Market City จะมีร้านที่แถวยาวมากต่อรอซื้อขนมอยู่ ซึ่งขนมที่คนต่อคิวกันยาวๆ นี้ เป็นขนมคล้ายๆ กับมินิคัสตาร์ดไส้ครีม
China Town, Sydney
วันแรกเราพาทุกคนชมบรรยากาศ Sydney Opera House ยามค่ำคืนไปแล้ว~ แพลน เที่ยวซิดนีย์ 6 วัน ในเช้าของ Day 3 เริ่มต้นด้วยการนั่ง Tram มาลงสถานี Circular Quay แล้วเดินต่อมาอีกนิด พาทุกคนมาชมบรรยากาศโอเปร่าเฮาส์ยามเช้า ท้องฟ้าสดใสมาก เมื่อมองดูไกลๆ จะยิ่งสวยงามโดยเฉพาะตอนที่มีแดดส่องลงมา และถ้าเดินไปดูใกล้ๆ แล้วจะทึ่งกับความใหญ่โตอลังการ
อีกหนึ่งความตั้งใจของเช้าวันนี้คือ มาเดินเล่นหาอะไรกินที่ The Rock Market ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Circular Quay เป็นย่านตึกเก่า แต่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์ของความคลาสสิก มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ผับ บาร์ รวมถึงร้านค้าเล็กๆ ถือเป็นอีกแหล่งช็อปปิ้งสไตลล์วอล์คกิ้งสตรีท ของซิดนีย์
หากใครที่มา เที่ยวซิดนีย์ ตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์ อยากให้จดลิสต์ไว้เลยว่าต้องมาเดิน The Rocks Market ตลาดนัดที่มีของขายเยอะมากไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า งานผีมือ รูปภาพ งานศิลปะ ข้าวของเครื่องใช้ ของตกแต่งสไตล์วินเทจ แถมมู้ดตลาดมันดีต่อใจมากๆ เพราะตั้งอยู่ใกล้สวนสาธารณะที่สามารถไปนั่งกินอะไรชิลล์ๆ ชมวิว Opera House แบบเพลินๆ
มาซิดนีย์ถ้าอยากลองอะไรใหม่ๆ เราขอแนะนำเนื้อจิงโจ้ เนื้ออีมู เนื้อจระเข้ ที่ถูกนำมารังสรรค์เป็นเมนูแสนอร่อย
บรรยากาศของตลาดวันหยุดสุดสัปดาห์คนเยอะมาก
The Rocks Market, Sydney
เดินจาก The Rock ตามถนน Argyle ประมาณ 10 นาที ก็จะมาถึงโลเคชั่นปิกนิกบนผืนหญ้านุ่มๆ ที่จุดสูงสุดบนสันเขาสามารถมองเห็นอ่าวซิดนีย์อันสวยงามจาก Observatory Hill มุมนี้จะมองเห็นวิว Sydney Harbour Bridge ได้อย่างสวยงามเต็มตา หยิบหนังสือเล่มโปรดมาสักเล่ม นั่งอ่าน นอนอ่านท่ามกลางธรรมชาติ และบรรยากาศของ ซิดนีย์ไวบ์ บอกเลยว่าสุดจะฟิน
Observatory Hill, Sydney
แพลนเที่ยวซิดนีย์วันนี้ บอกเลยว่าถูกใจสายธรรมชาติแน่นอน จาก Observatory Hill เราเดินเล่นกันเพลินๆ ไปที่ สวนพฤกษศาสตร์หลวง ซิดนีย์ (Royal Botanic Gardens) สวนสาธารณะที่กว้างใหญ่ใจกลางเมืองซิดนีย์อายุกว่า 200 ปี บนพื้นที่ขนาด 74 เอเคอร์ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความรื่นรมย์จากธรรมชาติ มีต้นไม้นานาพันธุ์ และยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ท้องถิ่นนานาชนิดของออสเตรเลีย มีจุดชมวิวสวยๆ ที่สามารถมองไปยังอ่าวซิดนีย์ได้ด้วย แต่เดินไกลมากใครที่อยากไปถ่ายรูปให้เผื่อเวลาไว้เยอะๆ
Royal Botanic Gardens ตั้งอยู่ที่ Farm Cove ใกล้กับโอเปร่าเฮ้าส์ ภายใน มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์สวยงาม จัดแสดงพืชพันธุ์ไม้ต่างแดนที่หายากและพืชประจำถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมแห่งสวนไม้ประดับและต้นไม้เลยก็ว่าได้
ต้นไม้บางต้นมีขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา แสดงถึงความเก่าแก่และดูมีมนต์ขลัง ร่มรื่นสดชื่นด้วยไอสระน้ำ สระบัว
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ที่มาเยี่ยมชมที่ก็คือรถไฟสีแดงขบวนเล็กๆ Choo Choo Express ที่จะพาทัวร์ชมรอบๆ รวมถึงมี The Calyx ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางของสวนพฤกษศาสตร์ด้วย
Royal Botanic Garden Sydney
The Calyx เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมการจัดแสดงนิทรรศการมและเวิร์คช็อปที่น่าตื่นเต้นมากมาย และยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าช้อปปิ้งต่างๆ อยู่ด้วย The Calyx โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาคารสมัยใหม่ สร้างจากไม้และกระจก ใช้สำหรับจัดแสดงดอกไม้มากกว่า 20,000 ดอก
The Calyx เป็นเหมือนโลกแห่งดอกไม้นานาชนิดเลยก็ว่าได้
คาเฟ่ภายในสวนดีไซน์มาได้เข้ากับบรรยายกาศสุดๆ มีความกรีนๆ สวยจนอดใจไม่ไหวต้องแวะเข้าไปลิ้มลองรสชาติ เมนูของทางคาเฟ่มีทั้งเครื่องดื่ม ของหวาน Main course ต่างๆ
The Calyx, Sydney
ช่วงเย็นเรานั่ง Tram มาลงที่ Paddy’s market และเดินเล่นกันชิลล์ๆ เพื่อไปยัง ดาร์ลิ่งฮาร์เบอร์ (Darling Harbour) หรือที่เรียกขานกันว่า สวรรค์ริมน้ำ เป็นอีกย่านหนึ่งของซิดนีย์ที่มีความความคึกคักอยู่ตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นแลนด์มาร์กที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก บรรยากาศดี มีร้านอาหารอร่อยๆ แหล่งช้อปปิ้ง และ Massina ร้านไอศกรีมเจลาโตสุดโด่งดังของซิดนีย์
และจุดเช็คอินที่น่าสนใจ น่าไปแวะไปเยี่ยมชมมากๆ อย่างเช่น Australian Maritime Museum, Wild Life Sydney, Harbourside Shopping Centre, Sea Life Sydney Aquarium เป็นต้น ซึ่งการมาเที่ยวที่ Darling Harbour ไม่เสียค่าเข้าชม แต่บริเวณใกล้เคียงอื่นๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ต้องเสียค่าเข้า
Darling Harbour จะมีโชว์พลุ ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 20.30 น. โดยทุกวันเสาร์จะมีคนมาจับจองที่นั่งชมพลุบริเวณรอบๆ เรือต่างๆ ก็จะหยุดวิ่ง มีตำรวจคอยรักษาความปลอดภัย ใครมาเที่ยวซิดนีย์แล้วตรงกับวันเสาร์ไม่ควรพลาด พลุสวยมากๆ ตึกบริเวณรอบก็มีการประดับไฟระยิบระยับ เต็มไปด้วยสีสัน แสงไฟ บรรยากาศรื่นเริงมาก
Darling Harbour, Sydney
บ่อยครั้งที่เราได้เดินทางผ่าน และมองวิวสวยๆ จากที่ไกลๆ ของ สะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) สะพานเหล็กสุดยิ่งใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองซิดนีย์ หนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักและไปถ่ายรูปเช็คอินกับสะพานแห่งนี้แบบใกล้ๆ กัน!
สะพานฮาร์เบอร์ (Harbour Bridge) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1932 มีความยาว 1.15 กิโลเมตร สูง 134 เมตรเหนือจากระดับน้ำ โดยในการก่อสร้างใช้ปริมาณเหล็กถึง 52,800 ตัน สะพานฮาร์เบอร์แห่งนี้เป็นสะพานที่เชื่อมต่อเขตเหนือ (North Sydney) และเขตใต้ (South Sydney) ของเมืองซิดนีย์เข้าด้วยกัน
จากที่พักของราย่าน China Town นั่ง Tram ไปลงยังสถานี Circular Quay ที่ใกล้สะพานมากที่สุด จากนั้นให้เดินต่อไปประมาณ 600 เมตร ก็จะถึงจุดเริ่มต้นการเดินข้ามสะพานฮาร์เบอร์ จากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งของสะพานมีระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร
และนอกจากความยิ่งใหญ่อลังการของสะพานเหล็กและวิวทิวทัศน์ริมน้ำอันงดงามแล้ว สะพานแห่งนี้ยังมีกิจกรรมที่สามารถสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำครั้งหนึ่งของชีวิตให้กับเราเลยก็ว่าได้ กิจกรรมนั้นก็คือ การไต่สะพาน (Bridge Climb) เพื่อชมวิวทิวทัศน์มุมสูงของเมืองซิดนีย์ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศทัศนียภาพอันงดงาม
โดยผู้ที่สนใจเล่นกิจกรรมนี้จะต้องทำการซื้อทัวร์ไต่สะพาน ราคาเริ่มต้นที่ 364 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 8,000 บาท ซึ่งราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับชั้นความสูงของสะพานที่ต้องการจะไต่ และการจะมาทำการไต่สะพานจะต้องผ่านการเทรนด์จากผู้เชี่ยวชาญก่อน
Sydney Harbour Bridge, Sydney
ถ้าหากเดินไปสุดสะพาน Harbour Bridge เดินเลี้ยวไปทางขวา มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นโอเปร่าเฮาส์ เรียกว่า เคอริบิลลี (Kirribilli) ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งของ North Sydney สามารถมาปิกนิกเอนกาย ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศเฟรชๆ ท่ามกลางแม่น้ำผืนกว้างของอ่าวซิดนีย์ Kirribilli ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า และชมพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกและเงียบสงบด้วยนะ
ความแตกต่างของนอร์ทซิดนีย์ (North Sydney) กับใจกลางเมืองซิดนีย์นั้น มีความแตกต่างกันมาก ถ้าใครที่ชื่นชอบเงียบสงบ อยากหนีความวุ่นวายไปยังที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก แนะนำว่าให้มาทางฝั่งของ North Sydney เลย
Kirribilli, Sydney
อีกฝั่งหนึ่งของสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ ถ้าลองมองข้ามไปทางฝั่ง North Sydney จะได้เห็นสวนสนุกขนาดย่อมๆ ที่มีหน้าตัวตลกหันหัวมายิ้มทักทายเชิญชวนให้เราเดินเข้าไปชม Luna park เป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงและยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทุกเพศทุกวัย และยังเป็นหนึ่งในสวนสนุกที่เก่แก่ที่สุดในออสเตรเลีย
สวนสนุกจะขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็บรรยากาศดี วิวสวย แถมเปิดให้เข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปฟรีด้วยนะ แต่ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นต้องเสียเงิน ในส่วนของเครื่องเล่นก็มีมากมายทั้ง ม้าหมุน รถไฟเหาะ ปลาหมึก รถบั๊ม ถ้ามาช่วงก่อนค่ำ แนะนำให้ขึ้นชิงช้าสรรค์ เพราะจะได้บรรยากาศวิวที่สวยแปลกตาไปจากมุมเดิมๆ พร้อมรับลมเย็นๆ
Luna park เป็นอีกจุดเช็คอินที่สายถ่ายรูปต้องมา เพราะได้รูปกับไปเพียบแน่!
Luna park, Sydney
ไปถ่ายรูปกันต่อที่ มิลสันส์พอยต์ (Milson Point) อีกหนึ่งโลเคชั่นที่สวยงามของทางฝั่งนอร์ทซิดนีย์ ที่ตั้งอยู่ติดกับ Lavender Bay ถือว่าเป็นหนึ่งในที่ที่ต้องมาถ่ายรูปให้ได้เลยเช่นกัน เป็นจุดที่ได้เห็นสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์แบบใกล้ๆ แล้วก็ได้เห็น Opera House ด้วย แพลนเที่ยวซิดนีย์ 6 วัน Day 4 วันนี้ เรียกได้ว่าเป็นวันแห่งการดื่มด่ำบรรยากาศซิดนีย์อย่างเต็มเปี่ยม
Milson Point, Sydney
จาก มิลสันส์พอยต์ เรานั่งรถเมล์สาย 230 ไปลงที่ North Sydney Oval, Miller St แวะไปกินข้าวกลางวันกันที่ร้าน Venn Cafe เป็นคาเฟ่ล็กๆ ในนอร์ทซิดนีย์ที่มีเจ้าของร้านเป็นคนไทย แต่ทางร้านจะเสิร์ฟเป็นอาหารสไตล์ยุโรป มีทั้งแพนเค้กบัตเตอร์มิลค์ เบอร์เกอร์ แรป สลัด และ Main Course ขนมหวาน กาแฟที่นี่ก็มีครบ
บรรยากาศร้านสบายๆ ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
อาหารแต่ละเมนูเสิร์ฟมาแบบจุกๆ แถมรสชาติอร่อยถูกปาก~
Venn Cafe, Sydney
ความสวยงามของวันนี้ยังไม่หมดลงแต่เพียงเท่านี้ เราเรียก Uber จากคาเฟ่ไปยังจุดชมวิวเมืองที่สวยอีกมุมหนึ่งของนอร์ทซิดนีย์ หรือจะนั่งรถเมล์ 230 จากหน้าร้านคาเฟ่ไปแล้วเดินต่อไปตามถนน Balls Head ก็ได้ เดินไม่ไกลมากก็จะถึงจุดหมายของเรา หรือจุดชมวิวที่เรียกว่า Berry’s Bay Lookouts
อีกหนึ่งความโชคดีของวันนี้คือเราได้เห็นสายรุ้งที่ทอดยาวเหนือสะพานตัดผ่านน่านน้ำและเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือน เป็นความบังเอิญที่แสนประทับใจ
สายรุ้งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความหลากหลาย เป็นตัวแทนของสิทธิและเสรีภาพ ชวนให้นึกถึงตัวตนและความเป็นซิดนีย์ เมืองที่มากไปด้วยความหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ แต่ทว่าคนที่อยู่ในซิดนีย์ก็ยังอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวปีละเกือบ 5 ล้านคน และที่นี่ยังเป็นเมืองในฝันที่ใครหลายคนอยากเดินทางมาให้ได้สักครั้งในชีวิต
Today is a beautiful day~
Berry’s Bay Lookouts, Sydney
Day 5 พาทุกคนออกเดินทางแต่เช้าไปยังแลนด์มาร์กที่ดังที่สุดในซิดนีย์ รองจากโอเปร่าเฮ้าส์และฮาร์เบอร์บริดจ์เรียกได้ว่าใครไปเที่ยวซิดนีย์แล้วก็ต้องแวะเวียนไปเยือน หาดบอนได (Bondi Beach) อันสวยงามแห่งนี้
โดยการเดินทางไปยังหาดบอนไดจากตัวเมืองซิดนีย์ไปชายหาดบอนไดสามารถนั่งรถประจำทางมาลงที่จุดที่ใกล้หน้าหาดมากที่สุดคือ ป้าย Campbell Pde Near Hall St หรือ นั่งรถไฟลงสถานี Bondi Junction จากนั้นต่อรถประทำทางสาย 333 หรือ 380 (Bondi Rd.) ลงป้าย Cambell Pde โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
หาดบอนได เป็นชายหาดที่มีลักษณะโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว น้ำทะเลเป็นสีฟ้าไล่เฉดกันลงมาอย่างสวยงาม และยังมีหาดทรายขาวทอดยาวเลียบชายฝั่ง หาดแห่งนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของออสเตรเลียและเป็นชายหาดที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของซิดนีย์ และด้วยความที่หาดนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซิดนีย์ คนจึงนิยมมาว่ายน้ำ นอนอาบแดด ปิกนิกกันชิลล์ๆ หรือเล่นเซิร์ฟ เล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด
มีมุมสวยๆ ให้เราได้ถ่ายรูปเก็บไว้เยอะเลย
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว บอนได ไอซ์เบิร์ก บาธส์ (Bondi Icebergs Baths) เป็นสระว่ายน้ำเก่าแก่ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของหาดบอนได ซึ่งเป็นสระน้ำเกลือกลางแจ้งที่สระว่ายน้ำที่ยื่นลงไปในทะเลสีน้ำเงิน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหาด เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ใครที่อยากมาว่ายน้ำที่นี่จะเสียค่าเข้าอยู่ที่ 10 AUD หรือประมาณ 246 บาท
Bondi Beach, Sydney
จากหาดบอนไดสามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ผ่าน Tamarama Beach ไปจนถึง Bronte Beach ชายหาดของที่ออสเตรเลียแต่ละที่จะมี Coastal Walk เป็นทางเดินยาวๆ เลียบชายทะเลไป เหมาะแก่การเดินชิลล์ริมทะเลไปพร้อมกับดูวิวไปด้วย
หาดทามารามา (Tamarama Beach) เป็นหาดใกล้ๆ กับหาดบอนได อยู่ระหว่างทางไป Bronte Beach ถึงแม้หาดจะเป็นหาดเล็กๆ แต่เรื่องความสวยบอกเลยว่าไม่แพ้หาดใหญ่เลยๆ มีโขดหินและพื้นหญ้าให้ได้ปูเสื่อนอนอาบแดด หรือใครชอบโต้คลื่น ตรงนี้ก็เหมาะ เพราะคลื่นแรงใช้ได้เลย ถ่ายรูปสวย แถมคนไม่เยอะมากด้วย
เป็นจุดชมวิวหาดจากมุมสูงที่สวยมาก มองเห็นทะเลที่กว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย
เดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปกันเพลินๆ ก็มาถึง หาดบรอนเต้ (Bronte Beach) หาดนี้เป็นที่นิยมอีกหนึ่งหาด มีความสวยงามตามธรรมชาติน้ำทะเล อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำ Bronte Rock Pool เหมือนกับหาดบอนได แต่ความพิเศษคือสระว่ายน้ำที่หาดบรอนเต้เข้าฟรี!!!
สระว่ายน้ำ Bronte Rock Pool ยื่นลงไปในหาดบรอนเต้
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย บริเวณของหาดบรอนเต้จะมีความเงียบสงบมากกว่าหาดบอนได เหมาะแก่พักผ่อนเป็นที่สุด
เราใช้เวลาถ่ายรูป ชมวิว และเล่นน้ำ ไปกับ 3 หาดสวยแห่งซิดนีย์อยู่นานพอควร ใครแพลนมาเที่ยวที่ชายหาดแนะนำว่าให้ออกเดินทางแต่เช้า และเผื่อเวลาสำหรับทำกิจกรรม ถ่ายรูปเล่นกันไว้เยอะๆ เพราะ แต่ละที่วิวสวยงามเหมือนภาพวาด แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนต้องแวะเก็บภาพความประทับใจไว้แทบทุกจุดเลยล่ะ และจาก Bronte Beach หากเดินต่อไปประมาณ 30-40 นาที จะมีอีกหนึ่งหาดที่สวยมากๆ ที่เราไม่ทันอย่าง Coogee beach ด้วยนะ
Bronte Beach, Sydney
เวลาผ่านไปเร็วมาก พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไทยแล้ว~ ก่อนกลับเราจะพาทุกคนไปช้อปปิ้งซื้อของฝากกันที่ Paddy’s Markets แหล่งช้อปปิ้งของถูก เปรียบเทียบแบบง่ายๆ ก็คือจะคล้ายกับสำเพ็งบ้านเราเลย Paddy’s Markets ตั้งอยู่ติดกับย่าน China Town
ห้าง Market City หรือที่เรียกกันติดปากว่า แพดดี้มาร์เก็ต ซึ่งเป็นห้างที่มีทุกอย่างขาย ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ อาหารทะเล ของใช้ เสื้อผ้าและของที่ระลึก และยังมีส่วนที่ขายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดัง Outlet อีกด้วย
โดยชั้นล่างสุดของ Market City คือ Paddy’s Markets นั้นเอง
พวงกุญแจน้องหมีโคอาล่าคิ้วท์ๆ ของที่ระลึกสุดคลาสสิก
นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งเครื่องเขียน เครื่องประดับ กระเป๋า หมวก แม่เหล็กติดตู้เย็น มีให้เลือกจนตาลายเลยทีเดียว ใครที่กำลังจะเดินทางกลับไทย แล้วต้องการของฝากให้เพื่อนๆ หรือครอบครัว เราแนะนำที่นี่เลย เดินเล่นกันเพลินๆ แถมได้ของน่ารักกุ๊กกิ๊ก ราคาดีติดไม้ติดมือกลับไปอีกด้วย
Paddy’s Markets, Sydney
จาก Paddy’s Markets เราเดินมาไปกันต่อที่ World Square ย่านศูนย์การค้าใจกลางเมือง และก็ได้มาเจอร้านอาหารไทย Satang Thai Restaurant ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านยอดฮิตของทั้งคนไทยเองและต่างชาติด้วย ที่สำคัญคือที่นี่มีดนตรีสดทุกคืนด้วยนะ! ถ้าไปช่วงเสาร์ อาทิตย์ หรือหยุดยาว แนะนำให้จองล่วงหน้าไว้เพราะคนจะค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ
อาหารอร่อยมาก มีเมนูไทยๆ ให้เลือกหลากหลายเมนู ใครที่ไปเที่ยวหรือไปใช้ชีวิตอยู่ที่ซิดนีย์นานๆ แล้วคิดถึงอาหารไทย ร้านสตางค์เป็นอีกหนึ่งร้านที่ทั้งบรรยากาศ และรสชาติทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน อยู่ที่ไทยเลยล่ะ
สำหรับไฮไลท์เด็ดของคนที่อยากได้แฟนเป็นคนซิดนีย์ก็คือ วัวกระทิง ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่แถวๆ บริเวณหน้าร้าน ว่ากันว่า ถ้าใครได้จับได้ลูบวัวกระทิง แล้วขอคู่เป็นคนซิดนีย์ก็จะสมหวัง ใครไปแล้วก็ลองได้เลยนะ~
Satang Thai Restaurant
ในที่สุด Day 6 ก็มาถึง แต่ก่อนกลับเราแวะไปที่ The Ground QVB อยู่แถวๆ ห้าง QVB เป็นคาเฟ่ที่คนซิดนีย์นิยมไปกันเยอะมาก หากใครต้องการมากินอาหารมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น แนะนำให้จองล่วงหน้าไปก่อน **ถือว่าเตือนแล้วนะ เพราะขนาดมื้อเช้าที่เราไปกันคนยังเยอะมาก!! และทางจะจำกัดเวลาในการนั่งรับประทานอาหารโต๊ะละ 1.40 ชั่วโมง
ดีไซน์ร้านสวยหรู มุมหน้าร้านถ่ายรูปออกมาสวยมาก จะมีความคลาสสิกเท่ๆ ด้านในร้านจะเปิดเป็นไฟสลัวๆ บรรยากาศอบอุ่นโรแมนติก อาหารที่สั่งมาแต่ละเมนูรสชาติอร่อย จัดจานมาอย่างน่ากินสุดๆ เลยล่ะ
เมนูอาหารที่นี่คือจึ้งมาก จัดจาน สีสันได้น่ากินสุดๆ และที่สำคัญรสชาติดี!!
The Ground QVB, Sydney
หลังจากกินอาหารเช้า ก็เดินย่อยกลับไปที่พักของเรา เพื่อเตรียมเก็บสัมภาระเดินทางกลับไทย ระหว่างทางกลับจะผ่าน ทาวน์ฮอลล์ (Townhall) ขอแวะถ่ายรูปเช็คอินสักหนึ่ง เป็นอาคารที่สวยทุกมุม แต่เราไม่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ เพราะเป็นที่ตั้งของห้องประชุมของนายกเทศมนตรี สำนักงานสภาและสถานที่สำหรับการประชุม หรืองานพิธีสำคัญต่างๆ
ทาวน์ฮอลล์ เป็นอาคารหินทรายที่ตั้งอยู่ใจกลางซิดนีย์ ตรงข้ามกับตึก QVB งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ตอนช่วงค่ำๆ มีไฟตกแต่งสวยงาม ดูมีเสน่ห์ขวนมอง ได้ภาพชิคๆ อวดโซเชียลก่อนกลับอีกหนึ่ง!
Townhall, Sydney
แพลนเที่ยวซิดนีย์ 6 วัน ได้เวลาเตรียมตัวเดินทางกลับ!! เราเรียก Uber ปักหมุดไปที่ Terminal 1 ท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ คิงส์ฟอร์ด สมิธ (Sydney Kingsford Smith International Airport) แนะนำว่าให้เช็คเรื่องการปักหมุดให้ดีว่าไปสนามบินที่ต้องการถูกต้องหรือไม่ เพราะถ้าไปผิดจะถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มอีกเท่าหนึ่งได้เลยนะ
มาถึงสนามบินแล้ว เดินทางไปกับ Thai Airasia X เหมือนเดิม~ จะบินใกล้หรือไกลก็สะดวกสุดๆ และยังสามารเลือกที่นั่งที่ถูกใจได้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น Hot Seat หรือ Standard Seat มีอาหารอร่อยๆ เสิร์ฟบนเครื่องอีกด้วย เที่ยวซิดนีย์ไม่ได้ยากอย่างที่คิดบินไปกับ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เลย~
และทั้งหมดนี้ก็คือ เที่ยวซิดนีย์ ออสเตรเลีย 6 วัน 5 คืน แจกพิกัดกิน เที่ยวแบบจัดเต็ม!! ที่จะพาทุกๆ คนไปดื่มด่ำความสวยงามและสัมผัสความหลากหลาย ฉบับคนชอบเดินเล่นเน้นบรรยากาศ เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังวางแพลนอยากไปเที่ยวง่ายๆ บินไป SYDNEY กับ ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ บินตรงจากสุวรรณภูมิ ทํากิจกรรมสุดชิค รีบ จองตั๋วแอร์เอเชีย (Air Asia) แล้วบินไปเช็คอินตามแพลนกันได้เลย สำหรับเรื่องงบประมาณที่เราใช้ในซิดนีย์ ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตลอด 6 วัน 5 คืน หมดไป 47,xxx บาท
สรุปค่าใช้จ่ายทริป เที่ยวซิดนีย์ 6 วัน 5 คืน