เที่ยวญี่ปุ่นแบบชิคๆ ในวันหิมะโปรยปรายที่ YUFUIN
10,113 ครั้ง
5 ธ.ค. 2559
10,113 ครั้ง
5 ธ.ค. 2559
ทริปนี้เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้หญิงสองคนที่ไม่สู้อากาศหนาว ตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากโตเกียวมาเป็น “คิวชู” เพราะคิดว่าช่วงนั้นคิวชูน่าจะเป็นที่ที่อุ่นที่สุดของญี่ปุ่น แล้วสุดท้ายกลับเจอสถาพอากาศที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาซะงั้น แต่ในสภาวะอากาศที่เกินความคาดหมาย ก็ทำให้เราได้พบความสวยงามที่ลืมไม่ลงเลยเช่นกัน
เราเดินทางถึงยุฟุอิน วันที่ 23 มกราคม โดย JR Kyudai Line จากโออิตะ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง สองข้างทางผ่านธรรมชาติ วิวภูเขาสลับกับบ้านในชนบท อากาศตอนนั้นช่วงสายๆประมาณ 6องศา กำลังสดชื่นเลย
ใกล้ถึงยุฟุอินแล้ว อีกสถานีเดียว
ถึงแล่วค่า “ยูฟุอิน”
สถานียุฟุอิน เป็นสถานีเล็กๆ ภายในชานชลาเป็นไม้สีดำ รู้สึกคลาสสิกมีเสน่ห์มากๆ ทางออกไปหน้าสถานีอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเราต้องขึ้นสะพานเพื่อข้ามรางรถไฟ (ที่เห็นด้านหลังค่ะ) ใครลากกระเป๋าใบใหญ่และหนักนี่ค่อนข้างทุกลักทุเลพอสมควร
ออกมาด้านหน้าสถานีก็จะเป็นถนนเส้นนี้ สองฝั่งเต็มไปด้วยร้านขนม ร้านกาแฟ และไอศครีม
ฝนเริ่มโปรยปรายเบาๆ
จากสายฝนโปรย ก็กลายเป็น “หิมะ”
ระหว่างทาง เจอร้านโคโรเกะ เลยลองซะหน่อย ไส้หนวดปลาหมึกละกัน (140เยน) อากาศหนาวๆแบบนี้ กินโคโรเกะร้อนๆนี่มันดีจริงๆ
หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และท้องก็เริ่มร้อง(อีกแล้ว) เลยตัดสินใจหาร้านอาหารเพื่อหลบพายุหิมะ เจอร้านอุด้ง Koharu Udon ไม่รอช้า จัดมา 1 เซต ของเราเป็นอุด้งซุปใสใส่สาหร่ายร้อนๆ มาพร้อมคัตสึด้ง อุด้งซุปหวานหอม เส้นนุ่มเด้งดึ๋งๆ ข้าวก็อร่อยมาก เซตนี้เลยหายวับลงพุงในเวลาอันรวดเร็ว
วิวนอกหน้าต่างร้าน หิมะเริ่มตกหนักขึ้นและลมค่อนข้างแรง
ตรงข้ามกับร้านอุด้ง เป็นคาเฟ่สีขาวน่ารัก เราสองคนตัดสินใจไปต่อกันที่ร้านนั้นทันที เพื่อรอเวลาหิมะหยุด ร้าน “Café Duo”
ดูจากเมนู ร้านนี้น่าจะเด่นในเรื่องและ Souffle Cheesecake และ latte art เลยสั่งมาลองซักหน่อยดีกว่า ***ซูเฟล่ รอประมาณ 25 นาทีค่ะ รออุด้งย่อยพอดี
แล้วก็ไม่ผิดหวัง เค้กเนื้อนุ่มมาก อบมาอุ่นๆ วิปครีมหวานมันกำลังดี ทานกับโกโก้ร้อนที่มาเป็นคิตตี้ น่ารักจนไม่อยากกินเลย
เรานั่งกันอยู่ในร้าน Cafe Duo ร่วมชั่วโมงได้ ลมและหิมะยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง มองออกไปนอกร้าน เป็นร้านอุด้งที่เราทานเมื่อกี้
“ความสุขของเด็ก ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก แค่มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ยิ้มและหัวเราะไปกับสิ่งรอบตัว …คิดๆแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเนอะ” ตอนนี้ประมาณ 4โมงเย็น เราสองคนตัดสินใจเดินกลับไปตามเส้นทางเดิมที่เรามา เพื่อกลับโรงแรมค่ะ ขอเก็บแรงไว้ค่อยลุยต่อพรุ่งนี้ละกัน
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ กับความตื่นเต้นเมื่อเปิดหน้าต่างดูนอกห้อง
เช้านี้ทุกสิ่งกลายเป็นสีขาว ออกจากซอยโรงแรม มองย้อนกลับไปหน้าสถานี เห็นคนยืนอยู่มากมาย นึกว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่พึ่งมาถึง ตอนนั้นไม่ได้เอะใจ ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น …เหตุการณ์อะไรนะหรอ เดี๋ยวได้รู้กันค่ะ
ตอนนี้ไปเดินกันต่อ
เราเริ่มต้น “เดิน” อีกครั้ง ไปตามถนนสายเดิม แต่วันนี้แม้หิมะจะตกแค่ไหน จะเดินยากแค่ไหนเราจะไม่หยุดจนกว่าจะจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ “ทะเลสาปคินริน” ระหว่างทาง ผ่านร้านที่มีไข่ออนเซนพร้อมทานอยู่หน้าร้าน ฟองละ 100เยน ใครอยากลองก็ช้อนตักได้เองเลย
อุ๊ยย..ใครปิดตา!!
ลานจอดรถที่กลายเป็นลานหิมะย่อมๆ
เบาะนี้ดูนุ่มจัง
ดูอากาศกันหน่อยซิ -6องศา ไหวน่า สู้ๆ
ตอนนี้เราเดินมาถึงทางแยก เป็นสะพานข้ามลำธารสายเล็กๆ ตึกที่เห็นตรงหน้าเป็นที่ตั้งของร้าน cake roll ชื่อดัง B-Speak ที่ใครได้มาก็ต้องลองชิม
เดินมาถึงช่วงกลางสะพาน วิวที่เห็นตรงหน้าทำให้เราต้องถึงกับตะลึง
ลำธารตลอดสายขาวโพลนไปด้วยหิมะ ไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้าเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ทุกอย่างเป็นสีเขียวก็คงจะสวยไม่น้อย
“หิมะ” สวยงาม แต่บางครั้งก็หนาวเหน็บจนเกินต้านทาน ความรักก็เช่นกัน
ตอนนี้เราเข้าสู่ถนนสาย walking street วันนี้ดูไม่ค่อยครึกครื้นเท่าเมื่อวาน เจอร้านนี้ร้านแรก “Totoro”
“ร้านแมว” รวมทุกแมวมาไว้ในร้าน ***ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายในร้านมานะคะ
อุ๊ยย ผ่านร้านโคโรเกะอีกแล้ว ขออีกซักอันนะ วันนี้ลองไส้หมู (160เยน ) หร่อยจัง
สวนเล็กๆข้างทาง
เจอคุมะ คุมะบอกให้ไปทางนั้น
อ่าว…คุมะปิด!! ตะเตือนไต
และแล้วก็ถึงทางเข้าสู่ทะเลสาปคินริน
สิ่งที่เราเห็นตรงหน้านั้น มันคุ้มค่าเหลือเกินกับการเดินฝ่าหิมะมาถึงนี่
“Lake Kinrin”
เจ้าถิ่นที่นี่ ตอนแรกสงสัยว่าหนาวขนาดนี้ แล้วน้องปลาน้องเป็ดทนอยู่ในน้ำได้ยังไง พี่อีกคนเลยลองเอามือแตะๆน้ำดู ปรากฏว่าเป็นน้ำอุ่น แหม่…แช่น้ำอุ่นกันสบายเลยน๊า
พายุหิมะเริ่มมาเป็นระรอก เราเลยหลบเข้ามาในร้าน “Cafe la Ruche” ข้างๆทะเลสาป ในร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย สบาย ดูอบอุ่น
“Hot Green tea Cappuccino” เป็นชาเขียวที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา
นั่งได้ซักพักก็ได้เวลากลับซะแล้ว เรามีนัดกับ Yufuin no mori รถไฟสายคลาสสิก ที่เราจองไว้เที่ยวบ่าย 3โมง เพื่อกลับเข้าฟุกุโอกะ ขากลับ ถนนที่เคยครึกครื้นยังคงเงียบสงบ เพราะร้านส่วนใหญ่ปิดเนื่องจากพายุหิมะนั่นเอง
ถึงด้านหน้าสถานี …นี่ไงสาเหตุที่มีคนอยู่หน้าสถานีเมื่อเช้านี้เต็มไปหมด “รถไฟหยุดวิ่ง”
นิ่งสนิท!!
ทำไงดีหละทีนี้?? คิวรถแทกซี่ด้านห้นาสถานียาวมาก นายสถานีบอกว่าอาจจะต้องรอถึง 6ชั่วโมงเลย เราสองคนเลยตัดสินใจรีบหาโรงแรมเพื่อนอนที่นี่อีกคืน …ว๊า แผนเปลี่ยนเลยเรา แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีสิ่งสวยงามให้เราได้พบเจอเสมอ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราสองคนรีบมารอที่สถานีเพื่อขึ้นรถไฟเที่ยวเช้าตรู่ เพราะกลัวว่าสายๆรถไฟจะหยุดวิ่งอีก
….และนี่คือสิ่งที่เราได้พบในวันถัดมา “ยุฟุอิน” เธอสวยมากจริงๆ
แล้วเราคงพบกันใหม่นะ “ยูฟุอิน”
มาถึงช่วงท้ายของรีวิวแล้ว ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามชมนะคะ หวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินไปกับรูปที่เราเลือกมา นี่เป็นรีวิวแรก ทำให้รู้เลยว่ากว่าจะมาเป็นรีวิวนึงนี่ใช้เวลานานมาก
กว่าจะเลือกรูป แต่งรูปนี่กินเวลาไปหลายสัปดาห์เลยทีเดียว บางอย่างไม่ได้ถ่ายรายละเอียดในร้านหลายๆร้านมา ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ เพราะอย่างที่บอกไว้ว่าไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ไปรับมือกับสภาพอากาศเลย ทุกอย่างเลยรู้สึกเก้ๆกังๆ (จริงๆตอนแรกไม่กล้าเอากล้องขึ้นมาสู้หิมะเลยด้วยซ้ำ กลัวเจ๊ง แหะๆๆ) ไว้จะขอแก้มือในครั้งต่อไปละกันนะคะ
ขอบคุณรีวิวจากสมาชิกพันทิปกับเรื่องเล่าการเดินทางสนุกๆ และภาพสวย