เที่ยวสิงคโปร์ตาม ‘PASSION’ ค้นหาที่เที่ยวในสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ
7,773 ครั้ง
9 ต.ค. 2560
7,773 ครั้ง
9 ต.ค. 2560
‘สิงคโปร์’ ประเทศที่แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนแผนที่โลก แต่กลับได้ชื่อว่าเป็นประเทศต้นแบบของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในวันนี้ สิงคโปร์กลายเป็นเมืองแห่งอนาคตที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ และเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้มุมมองจากคนภายนอกอาจมองว่าสิงคโปร์เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างแมนเมดหากประเทศนี้กลับมีเรื่องราวน่าสนใจที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเองมากกว่านั้น
คุณปั้น จิรภัทร พัวพิพัฒน์ แบ็คแพ็คเกอร์หนุ่มเจ้าของเพจ The Walking Backpack ผู้ที่มีโอกาสไปศึกษาและทำงานอยู่ที่สิงคโปร์เป็นเวลานาน เป็นอีกคนที่หลงเสน่ห์ประเทศสิงคโปร์เข้าอย่างจัง มุมมองด้านการเดินทางของคุณปั้น คือการค้นหาแรงบันดาลใจผ่านสถานที่ใหม่ๆ และผู้คนที่เขาพบเจอ บวกความรักในการท่องเที่ยวเป็นทุน ทำให้คุณปั้นมักจะนำประสบการณ์ของตัวเองมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมด้วยอยู่เสมอ และใครก็ตามที่ได้สัมผัสเรื่องราวของเขา ก็แทบจะอดใจตามรอยการเดินทางของคุณปั้นไม่ได้
เที่ยวสิงคโปร์ทั้งที ใครๆ ก็อยากจะไปชมวิวมุมสูงของสิงคโปร์จากตึกระฟ้า ไม่ว่าจะเป็น Sands SkyPark ทบนตึกชื่อดังอย่าง Marina Bay Sands หรือบาร์เก๋ๆ อย่าง 1-Altitude ณ One Raffles Place และ LeVeL33 แต่ The Walking Backpack ได้บอกกับเราว่า ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนดาดฟ้าชั้น 50 จาก ตึก Pinnacle@Duxton ความพิเศษของที่นี่ คือมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของสิงคโปร์แบบสวยสุดๆ ที่น้อยคนนักจะรู้ และด้วยความที่เป็นอาคารที่พักอาศัย (HDB) ทำให้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมาก ดังนั้นหากใครสนใจ ก็ต้องไปหาซื้อตั๋วที่ตึกหลังเซเว่น อีเลฟเว่นเท่านั้น!
Pinnacle@Duxton
ย่านจาลัน เบซาร์ (Jalan Besar) อีกหนึ่งย่านฮิตที่ได้รับความสนใจมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยสตรีทอาร์ตสีสันสดใสเหมาะกับสายฮิปแล้ว คุณปั้นบอกกับเราว่า ย่านนี้ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ แฝงอยู่ตามตรอกซอกซอยมากมาย อาทิChye Seng Huat Hardware สาเหตุที่คาเฟ่แห่งนี้มีชื่อเหมือนร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ก็เพราะว่าร้านนี้ถูกดัดแปลงมาจากร้านขายสินค้าฮาร์ดแวร์ ภายใน Chye Seng Huat Hardware โปร่งโล่ง และตกแต่งในสไตล์อินดัสเตรียล ซึ่งนอกจากกลิ่นกาแฟคั่วสดใหม่ที่อบอวลไปทั่วบริเวณแล้ว ผู้มาเยือนยังสามารถจับจองที่นั่งติดบาร์เปิดโล่ง ที่พวกเขาจะมีโอกาสจิบเครื่องดื่มคู่กับเบเกอรี่แสนอร่อย และชมเหล่าบาริสต้าที่ตั้งใจทำเครื่องดื่มกันอย่างขะมักเขม้นในเวลาเดียวกัน ส่วนใครที่อยากทานอาหารเช้าสไตล์สิงคโปร์ ลองแวะไปที่ร้าน Sin Hoe Huat Café พร้อมจิบกาแฟและทานคายาโทสต์ในบรรยากาศแบบย้อนยุคก็เป็นไอเดียที่เก๋ไม่น้อย
Chye Seng Huat Hardware
Sin Hoe Huat Café ภาพจาก: https://ieatandeat.com/sin-hoe-huat-cafe/
สำหรับนักสำรวจเมืองที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่กับธรรมชาติบ้าง สิงคโปร์คือสวรรค์สำหรับคุณ เพราะจากการศึกษาของ Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ the World Economic Forum (WEF) จัดอันดับให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในโลก ท่ามกลางความเจริญของเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสวยล้ำสมัย ดีไซน์แปลกตา แต่ที่นี่กลับมีพื้นที่สีเขียวสำหรับชีวิตคนเมืองที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายแฝงอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kranji Marshes แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติใหม่ล่าสุด ที่ถึงแม้จะต้องออกไปนอกเมืองสักหน่อย แต่ก็เหมาะกับผู้ที่ชอบส่องนก หรืออีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรคือ เชคจาวา (Chek Jawa) พื้นที่สีเขียวซึ่งถูกค้นพบโดยบังเอิญในฝั่งตะวันออกของเกาะปูเลา อูบิน (Pulau Ubin) เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสิงคโปร์ที่ยังไม่มีถนนเชื่อมต่อไปถึง ที่นี่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์นานาชนิด นอกจากจะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปแล้ว นักท่องเที่ยวต้องอาศัยการปั่นจักรยานและเดินเท้า หรือถ้าใครต้องการชมพันธุ์ไม้และชีวิตสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด การเดินบนไม้กระดานที่ลัดเลาะไปตามชายฝั่งก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ และที่พลาดไม่ได้กับการขึ้นไปชมวิวหอสังเกตการณ์เจจาวี (Jejawi Tower) ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์จากความสูง 21 เมตรได้อย่างชัดเจน
Chek Java
แต่เรื่องราวของสถานที่แห่งนี้กลับน่าสนใจยิ่งกว่านั้น เพราะหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้ไม่ให้ถูกรุกราน นั่นก็คือ Subaraj Rajathurai ชาวสิงคโปร์ที่มีใจรักในธรรมชาติ ผู้เป็นดังกระบอกเสียงที่ให้ทุกฝ่ายช่วยรักษาระบบนิเวศในสิงคโปร์ให้ยังคงอยู่
“ในสิงคโปร์ คุณมีทั้งโรงแรมระดับห้าดาวและป่าดงดิบที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 20 นาที ประเทศสิงคโปร์เป็นเสมือนประตูสู่เอเชีย พอๆ กับการเป็น ‘ประตูสู่ธรรมชาติ’” Subaraj กล่าว
Southern Ridges
นอกจากนั้น เขาผู้นี้ยังเป็นคนตั้งชื่อ เซาเทิร์น ริดจ์ (Southern Ridges) ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีว่าเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ทอดยาวกว่า 10 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ของภูเขาบางส่วน และประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว อาทิ เมาท์เฟเบอร์ พาร์ค ทีล็อค บลังกา ฮิลล์พาร์ค ฮอร์ทพาร์ค เคนท์ริดจ์ พาร์ค และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติลาบราดอร์ นอกจากพื้นที่นี้จะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและสัตว์นานาชนิดแล้ว ยังมี Alexandra Arch สะพานรูปทรงคล้ายใบไม้ ที่เปลี่ยนสียามค่ำคืนมาเป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นมุมถ่ายรูปไม่ซ้ำใครอีกมุมหนึ่งเลยทีเดียว
Subaraj Rajathurai
ซึ่งความรักและทุ่มเทของนักอนุรักษ์ธรรมชาติชาวสิงคโปร์รายนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่ตอนเขาไปเที่ยวชม เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ บูกิต ติมาห์ โดยตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีเท่านั้น ด้วยความหลงใหลในกิจกรรมเดินป่า การดูนก และระบบนิเวศที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ เขาจึงผันตัวเองมาเป็นไกด์ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และเป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่เขาสามารถนำเอาความรู้ และชอบของตัวเองออกมาสร้างแรงบันดาลใจ และนำเสนอสิงคโปร์ในมุมมองใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างน่าสนใจ
สิงคโปร์เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่ที่แห่งนี้ความเป็นเมืองถูกหลอมรวมเข้ากับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร้ที่ติ และเต็มไปด้วยเรื่องราวลึกซึ้งที่สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณและตัวตนของสิงคโปร์อยู่มากมาย ที่รอให้ผู้มีความหลงใหลและชื่นชอบในสิ่งเดียวกันมาสัมผัสด้วยตัวเอง ดังแบรนด์แคมเปญใหม่ของการท่องเที่ยวสิงคโปร์ “Passion Made Possible : ทุกความชอบที่ใช่ เป็นไปได้ที่สิงคโปร์”
มูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stb.gov.sg และ www.visitsingapore.com
หรือติดตามผ่านทวิตเตอร์ได้ที่ @STB_sg (https://twitter.com/stb_sg)