10 จุดเช็คอินสุดอันซีนแถบคันไซ จาก 3 เมืองท่องเที่ยว โกเบ – เกียวโต – ชิกะ ที่มาแล้วต้องเก็บให้คุ้ม
7,824 ครั้ง
13 มี.ค. 2562
ถ้าพูดถึง ญี่ปุ่น หลายคนคงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เมืองใหญ่ๆ อย่าง โตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด ซัปโปโร และคงมองข้ามภูมิภาคคันไซที่จริงๆ แล้วมีจุดเช็คอินสุดอันซีนอยู่มากมาย วันนี้ ทริปเก็ทเตอร์ เลยเอา 10 จุดเช็คอินสุดอันซีนในแถบคันไซจาก 3 เมือง โกเบ เกียวโต และชิกะมาฝาก รับรองเลยว่าเพื่อนๆ จะได้เห็นที่เที่ยวในญี่ปุ่นในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน ลองแพลนทริปมาเที่ยวญี่ปุ่นในแถบคันไซกันสักครั้งแล้วจะหลงรักดินแดนแห่งนี้จนหมดใจ
1.Mt.Rokko National Park
(ภูเขาร็อคโค)
ภูเขาร็อคโค ภูเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาร็อคโคและยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เปรียบเสมือนเป็นฉากหลังสีเขียวของเมืองโกเบอีกด้วย ด้วยความสูง 931 เมตรจากระน้ำทะเลทำให้ยอดเขาร็อคโคมีจุดชมวิวความยิ่งใหญ่ของเมืองโกเบแบบ 360 องศา นอกจากจะมีจุดชมวิวสวยๆ แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลอย่าง Rokko Snow Park ลานสกีหิมะเทียมแห่งแรกของญี่ปุ่น Rokko International Musical Box Museum พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโบราณจากทั่วโลก Rokko Shidare Observatory จุดชมวิวพร้อมสถาปัตยกรรมที่งดงามที่ตั้งอย่างโดดเด่น และยังมีภัตตาคารอาหารปิ้งย่างเนื้อโกเบเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Rokkosan Genghis Khan Palace อยู่ที่นี่อีกด้วย ยิ่งช่วงฤดูหนาวบนยอดเขาก็จะมีหิมะสวยๆ ให้เราได้ฟินแบบไม่ต้องไปไกลถึงฮอกไกโดอีกด้วย
Location: ภูเขาร๊อคโค เมืองโกเบ จ.เฮียวโกะ
Price: ค่ากระเช้าขึ้นมายังภูเขาร็อคโคไป – กลับราคา 1,000 เยน/คน ค่าเข้า Rokko Snow Park 1,600 – 2,100 เยน/คน ค่าเข้า Rokko International Musical Box Museum 1,030 เยน/คน ค่าเข้า Rokko Shidare Observatory 300 เยน/คน
How to go: สามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้ามาลงที่สถานี Hankyu Rokko และต่อรถ Kobe City Bus ไปขึ้น Rokko Cable Car และยังสามารถนั่งรถ Rokko Sanjo Bus ขึ้นมาบนเขาร๊อคโคได้เลย
Website: www.rokkosan.com
2.Kobe Harborland
(โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์)
โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ แหล่งช็อปปิ้งสุดยิ่งใหญ่ริมอ่าวโกเบ ที่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Kobe Harborland Umie ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำของเมืองโกเบ นอกจากนี้ยังมีร้านรองเท้าและร้านกระเป๋าแฮนเมดแบบ Made in Japan แท้ๆ อย่าง Kuwa Kuwa Kobe และ EAVA Kobe อีกทั้งยังมีหอคอยชมวิวเมืองโกเบแบบ 360 องศาอย่าง Kobe Port Tower และที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือชิงช้าสวรรค์ Mosaic Ferris Wheel ที่จะพาทุกคนไปชมวิวเมืองโกเบจากมุมสูง หรือจะมานั่งชมวิวรับลมชิลล์ๆ ที่สวนสาธาณะ Meriken Park ก็ได้ฟีลไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายที่รอคุณมาสัมผัส เรียกได้ว่าเป็นคอมมูนิตี้ที่รวบรวมความเจริญที่ตั้งอยู่ริมอ่าวโกเบได้อย่างลงตัว
Location: ริมอ่าวโกเบ, ท่าเรือโกเบ
Price: ค่าเข้า Kobe Port Tower 700 เยน/คน ค่าเข้า Mosaic Ferris Wheel 800 เยน/คน
How to go: สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Minatomotomachi และเดินเท้าอีก 8 นาที หรือนั่งรถ City Loop ลงที่สวนสาธารณะ Meriken Park
Website: www.harborland.co
3.Arima Onsen
(อาริมะออนเซ็น)
อาริมะออนเซ็น หนึ่งในเมืองออนเซ็นเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคคันไซที่มีน้ำพุร้อนสีทองเป็นเอกลักษณ์ และเป็นเมืองตากอากาศที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองโกเบ หมู่บ้านอาริมะออนเซ็นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบและยังคงวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้จนถึงปัจจุบัน เมื่อมาถึงหมู่บ้านอาริมะออนเซ็นแล้ว หนึ่งสิ่งที่จะต้องห้ามพลาดเลยก็คือการไปแช่เท้าที่บ่อน้ำพุร้อนสีทองแบบ คินเซ็น (Kinsen) ที่ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านอาริมะออนเซ็นและยังมีเครื่องดื่มโซดาอาริมะและขนมอาริมะเซมเบ้เป็นของขึ้นชื่ออีกด้วย เมื่อมาถึงอาริมะออนเซ็นแล้วอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องมาให้ได้เลยก็คือสะพาน Nene Bridge สะพานสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของอาริมะออนเซ็น
Location: หมู่บ้านอาริมะออนเซ็น เมืองโกเบ จ.เฮียวโกะ
Open – Close: ร้านค้าในหมู่บ้านอาริมะออนเซ็นส่วนใหญ่เปิดเวลาประมาน 09.30 – 17.30 น.
How to go: สามารถนั่งรถไฟจากสถานี Sanmomiya นั่งสาย Kobe Munical Subway มาลงที่สถานี Arima Onsen จากนั้นเดินเท้าอีก 6 นาที
4.Izushi Castle Town
(เมืองปราสาทอิสุชิ)
อิสุชิ เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งปราสาทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอโดะ และยังเป็นเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สถาปัตยกรรมโบราณที่สำคัญของประเทศอีกด้วย ใครที่อยากเห็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมต้องมาที่นี่เลยรับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวภายในเมืองอย่าง ซากปราสาทอิสุชิ (Izushi Castle Ruins) ซากปราสาทโบราณที่ตั้งอยู่บนเนินเขาพร้อมทางเดินเสาโทริอิสีแดงที่สวยงาม และยังมี หอนาฬิกา Shinkoro หอนาฬิกาโบราณที่ปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอิสุชิ หรือใครที่หลงไหลในศิลปะการแสดงคาบูกิ ก็ต้องไม่พลาดกับโรงละครคาบูกิ Eirakukan Kabuki Theatre และที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดก็คือการกิน ซาระโซบะ โซบะเส้นสดเหนียวนุ่มที่เป็นของดีของเด็ดประจำเมือง อิสุชิ
4
Location: อิสุชิ เมืองโตโยโอกะ จ.เฮียวโกะ
How to go: สามารถนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Toyooka Sta.
Website: https://visitkinosaki.com
5.Kinosaki Onsen
(คิโนซากิออนเซ็น)
มาต่อกันที่ คิโนซากิออนเซ็น อีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวเป็นรูทเดียวกับเมืองอิซุชิ คิโนซากิออนเซ็นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องบ่อออนเซ็นสาธารณะทั้ง 7 บ่อ ที่มีความเชื่อแตกต่างกันออกไปทั้งการขอความรัก การขอลูก หรือแม้แต่การขอให้ร่ำรวยเงินทอง เป็นต้น และยังเชื่อว่าถ้าหากแช่ออนเซ็นครบทุกบ่อก็จะโชคดีและได้รับเรื่องดีๆ ไปตลอดทั้งปี นอกจากจะมีบ่อออนเซ็นที่มีชื่อเสียงแล้ว ภายในหมู่บ้านคิโนซากิออนเซ็นยังเต็มเปี่ยมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นสวยๆ และสะพานข้ามคลองน้ำใสที่เรียงรายไปด้วยต้นหลิวและต้นซากุระตลอดสองฝั่งคลอง และอีกหนึ่งเสน่ห์ก็คือเราจะได้เห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นใส่ชุดยูกะตะเดินเล่นภายในเมืองอีกด้วย
Location: คิโนซากิ เมืองโตโยโอกะ จ.เฮียวโกะ
How to go: สามารถนั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโตมาลงที่สถานี Kinosaki หรือ ลงที่สถานี Toyooka และนั่งรถบัสต่อมาที่คิโนซากิออนเซ็น
Website: https://visitkinosaki.com
6.Amanohashidate
(อามาโนะฮาชิดาเตะ)
อามาโนฮาชิดาเตะ หรือสะพานสู่สรวงสวรรค์ ที่มีลักษณะเป็นสันทรายที่เกิดขึ้นจากการทับถมตามธรรมชาติที่เชื่อมต่อระหว่างสองแผ่นดินไว้ด้วยกันและตามจินตนาการของคนญี่ปุ่นบอกว่ามีลักษณะคล้ายตัวมังกร แล้วยังมีจุดชมวิวจากมุมสูงอย่าง Amanohashidate View Land ที่สามารถมองวิวอามาโนะฮาชิดาเตะจากมุมสูงซึ่งเป็นสถานที่ชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีวัด ชิอนจิ (Chionji) วัดที่ขอพรในเรื่องการเรียน ใครที่อยากสอบผ่านแนะนำให้มาขอพรที่วัดชิออนจิได้เลย และที่ต้องทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจสุดๆ ก็คือ สะพานไคเซ็นเคียว สะพานที่สามารถหมุนได้ 90 องศาเพื่อให้เรือแล่นผ่านได้ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองที่ต้องห้ามพลาด
Location: อามาโนะฮาชิดาเตะ เมืองมิยาซุ จ.เกียวโต
How to go: สามารถนั่งรถไฟไปที่สถานี Fukushiyama ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง 20 นาที และเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ Tango รถไฟเอกชน ไปยังสถานี Amanohashidate
Website: www.amanohashidate.jp
7.The Funaya of Ine
(หมู่บ้านชาวประมงริมทะเล อิเนะ)
หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ติดกับริมทะเลทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโตและมีบ้านสไตล์ฟุนายะเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะ บ้านทุกหลังของหมู่บ้านอิเนะจะมีโรงสำหรับเอาไว้จอดเรือที่ชั้นล่างของตัวบ้าน และยังมีไฮไลท์คือการล่องเรือทัวร์อ่าวอิเนะและกิจกรรมให้อาหารนกบนเรืออีกด้วย นอกจากนี้หมู่บ้านอิเนะยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องมาให้ได้สักครั้ง
Location: อ่าวอิเนะ จ.เกียวโต
Price: ล่องเรือชมอ่าวอิเนะ 680 เยน/คน
How to go: สามารถนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Amanohashidate และนั่งรถบัสต่อมาที่หมู่บ้านอิเนะได้ จาก Amanohashidate ใช้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมง
Website: www.ine-kankou.jp
8.Kurokabe Square
(คุโรคาเบะสแควร์)
คุโรคาเบะสแควร์ ย่านช็อปปิ้งเก่าแก่ที่มีการทำศิลปะเครื่องแก้วเป็นซิกเนเจอร์ และเต็มไปด้วยร้านขายของมากมาย นอกจากนี้คุโรคาเบะสแควร์ยังมีพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ เวิร์คช็อปแก้ว คาเฟ่และร้านอาหารอีกมากมาย ใครที่มาถึงคุโรคาเบะแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปคู่กับป้ายเด็กชายกำลังข้ามถนนซึ่งเป็นป้ายสัญลักษณ์สุดน่ารักที่คอยเตือนว่าถนนตรงนี้มีเด็กข้ามบ่อย ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากย่านคุโรคาเบะสแควร์ และต่อมานำไปใช้ทั่วทั้งจังหวัดชิกะ ลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้งรับรองเลยว่าได้ของกินอร่อยๆ และของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน
Location: คุโรกาเบะสแควร์ เมืองนางาฮามะ จ.ชิกะ
How to go: สามารถนั่งรถไฟ JR มาลงได้ที่สถานีนางาฮามะ (Nagahama) และเดินเท้าอีกประมาน 5 นาที
Website: www.kurokabe.co.jp
9.ล่องเรือ Suigo no Sato ที่ Omihashiman
อีกหนึ่งไฮไลท์เมื่อมาที่ โอมิฮาชิมัง (Omihachiman) แล้วห้ามพลาด ก็คือการล่องเรือชมธรรมชาติ Suigo no Sato ของหมู่บ้านมารุยามะ (Maruyama) ที่จะพาทุกคนเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความสุข ด้วยเรือที่ค่อยๆ ล่องไปอย่างช้าๆ พร้อมเสียงเพลงแบบญี่ปุ่นโบราณและลมหนาวๆ ที่พัดมาปะทะกับร่างกายผ่านทุ่งกกบนทะเลสาบ Lake Nishinoko ซึ่งถ้าใครที่มาเที่ยวช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคมก็จะได้เห็นทุ่งกกสีเขียวขจี แต่สำหรับใครที่มาช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายนก็จะได้เห็นทุ่งกกสีเหลืองทอง ทริปเก็ทเตอร์เลยยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในแถบคันไซที่ต้องห้ามพลาด!!!
Location: หมู่บ้านมารุยามะ เมืองโอมิอาชิมัง จ.ชิกะ
How to go: สามารถนั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโต มาถึงสถานี Omihachiman ได้เลย ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
10.ย่านเมืองเก่า Omihashiman
มาปิดท้ายกันที่ ย่านเมืองเก่าโอมิฮาจิมัง ย่านเมืองเก่าที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนโบราณไว้เป็นอย่างดี เมืองแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และในอดีตเคยเป็นเมืองแห่งการค้าที่มีความเจริญมากกว่า 500 ปี และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ถนนชินมาจิ ย่านที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือโบราณของพ่อค้าตั้งแต่สมัยเอโดะมาจนถึงสมัยเมจิ ยิ่งถ้ามาเที่ยวในช่วงเดือนเมษายนก็ได้เห็นซากุระบานสะพรั่งริมคลองที่ใช้ในการล่องเรือ ฮาจิมัง โบริ หรือใครที่อยากขอพรให้ร่ำรวยหรือทำกิจการรุ่งเรืองละก็ต้องมาขอพรที่ศาลเจ้า ศาลเจ้าฮิมูเระฮาจิมังกู ศาลเจ้าชื่อดังของเมืองโอมิฮาจิมัง
Location: เมืองโอมิฮาจิมัง จ.ชิกะ
How to go: สามารถนั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโต มาถึงสถานี Omihachiman ได้เลย ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
-
-
บทความยอดนิยมเดือนนี้
